.
เว็บไซต์ Caring ตีพิมพ์เรื่อง '10 signs Death is Near'
= "10 สัญญาณ(บอก)ใกล้ตาย", ผุ้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ซึ่งเราอาจนำมาประยุกต์ใช้ดูแลญาติสนิทมิตรสหาย หรือคนไข้ที่ใกล้ตายได้ครับ
(1). สูญเสียความอยากอาหาร
.
คนใกล้ตายจะเสียความอยากกินอาหาร... การไปกดดันให้คนไข้กินอาหารดูจะเป็นเรื่องทรมานมากกว่าความพึงพอใจ
.
แนะนำให้หาอาหารอ่อนที่ช่วยทำให้ช่องปากชุ่มชื้น ซึ่งจะทำให้คนใกล้ตายสบายแทน เช่น ให้จิบน้ำ เครื่องดื่ม ไอศกรีม ฯลฯ
.
.
(2). นอนมากขึ้นเรื่อยๆ
.
คนใกล้ตายจะนอนมากขึ้น ทั้งกลางวันและกลางคืน... แนะนำให้ไม่ไปรบกวนการนอน เพราะการรบกวนการนอน เช่น พุดเสียงดัง ปลุกให้ตื่น ฯลฯ จะทำให้อ่อนเพลียมากขึ้น
.
คนใกล้ตายจะมีช่วงหลับ-ใกล้หลับ-ตื่นสลับกันทั้งวัน และบ่อยครั้งจะตื่น "แต่ไม่ลืมตา" จึงควรงดเว้นการพูดอะไรที่ไม่ดี
.
เช่น ไม่ควรพูดว่า "รอดยาก", "ตายแน่", ลูกหลานไม่ควรพูดคุยเรื่องการแบ่งมรดกกันใกล้ๆ ฯลฯ เพราะจะเป็นการทำร้ายจิตใจอย่างมาก ทว่า... ควรสร้างบรรยากาศให้ "ไปดี (ไปสู่สุคติ)" เช่น เปิดเสียงสวดมนต์เบาๆ ทั้งวัน ฯลฯ
.
.
(3). หมดแรง
.
คนใกล้ตายจะหมดแรง แต่ยังรับรู้ความรู้สึกได้ จึงควรระวังอะไรที่จะไปรบกวน เช่น มดไรไต่ตอม ฯลฯ และช่วยพลิกตัวทุกๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อลดความเจ็บปวดจากเนื้อเยื่อที่ถูกกดทับนาน
.
.
(4). สับสน
.
คนใกล้ตายมักจะเพ้อไปเรื่อย และรับรู้วัน-เวลา-สถานที่ได้น้อยลง... วิธีพูดกับคนใกล้ตาย คือ ให้แนะนำตัวเองก่อนเบาๆ ใกล้ๆ ว่า เป็นใคร (เช่น บอกว่า ลูกน้ำฝน ฯลฯ) และค่อยๆ พูดช้าๆ
.
คำพูดที่น่าพูดกับคนไข้ในช่วงที่รู้สึกตัว คือ คำ "ขอบคุณ-ขอบใจ-ขอโทษ" หรือคำสุภาพอื่นๆ พร้อมกับสัมผัสเบาๆ
.
.
(5). หายใจลำบาก
.
แรงทางกายจะค่อยๆ หมดลงไปเรื่อยๆ จนแรงในการหายใจน้อยลง ซึ่งควรรบกวนให้น้อยที่สุด
.
ญาติไม่จำเป็นต้องเฝ้าตลอดเวลา ถ้าเป็นไปได้, ควรผลัดกันเฝ้า เพราะญาติส่วนใหญ่จะ "ทำใจ" ไม่ได้ บ่นหรือหงุดหงิด และไปรบกวนคนใกล้ตาย
.
ถ้าทำใจไม่ได้จริงๆ... เรียนเสนอให้จ้างผู้ช่วยพยาบาลมาช่วยดูแล เพราะมืออาชีพมักจะดูแล และให้คำแนะนำได้ดีกว่าคนทั่วไปมาก
.
.
(6). ไม่สนใจคนรอบข้าง
.
ช่วงนี้แม้แต่คนใกล้ชิดก็แทบจะสื่อสารอะไรกันไม่ได้อีกแล้ว สิ่งที่ไม่ควรอย่างมาก คือ ไม่ควรไปเขย่า หรือเรียกร้องให้คนใกล้ตายจำคนโน้นคนนี้ได้ ควรจัดสิ่งแวดล้อมให้เงียบ มีเสียงสวดมนต์คลอเบาๆ
.
คนใกล้ตายอาจมีช่วงที่รู้ตัวดี สลับกับช่วงที่สับสน เพ้อ เบลอไปเรื่อยๆ
.
.
(7). สีปัสสาวะ(ฉี่)เปลี่ยน
.
ช่วงนี้ความดันเลือดจะต่ำลงไปเรื่อยๆ ทำให้เลือดไปเลี้ยงไตน้อยลง ปัสสาวะจะมีน้อย และอาจฉี่ราด สีปัสสาวะจะคล้ำลง เป็นสีน้ำตาล สีชา หรือสีแดงคล้ายเลือด
.
สิ่งที่จะช่วยคนใกล้ตายได้ คือ การใช้แผ่นซับ หรือใช้ผ้าอ้อมผู้ใหญ่รองหลวมๆ และเปลี่ยนให้เมื่อแฉะมาก
.
.
(8). เท้าและข้อเท้าบวม
.
.
(9). มือเท้าเย็น
.
ช่วงนี้มือ-เท้าจะเริ่มเย็น ส่วนใหญ่จะเริ่มจากปลายนิ้วไปหามือหรือเท้า และอาจมีสีเปลี่ยนไป เช่น ดูคล้ำลง สีเปลีย่นไปคล้ายน้ำเงินอมเขียว ฯลฯ เนื่องจากหัวใจทำงานได้น้อยลง
.
จากช่วงนี้ไป... เวลาจะเหลืออยู่ไม่กี่นาที จนถึงไม่กี่ชั่วโมง
.
.
(10). ผิวหนังเปลี่ยนสี
.
ช่วงนี้ผิวหนังจะมีสีคล้ำ-เขียวอมฟ้าไปทั่วตัว... ช่วงนี้เป็นช่วงสุดท้าย ซึ่งญาติที่ทำใจไม่ได้ ไม่ควรมานั่งร้องไห้ร้องห่มใกล้ๆ เพราะจะทำให้คนใกล้ตายที่ยังรู้ตัวได้ยิน และหนักใจ
.
วิธีที่ดีกว่า คือ เปิดเสียงสวดมนต์เบาๆ คลอ... ให้คนใกล้ตายไปดี ไปสู่สุคติเท่าที่จะทำได้
.
.
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
.
> 
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [
