20.2 พระสูตรหลักถัดไป คือจูฬราหุโลวาทสูตร [พระสูตรที่ 11] การสนทนาธรรมนี้ต่อเนื่องมาจาก 20.1 พระสูตรหลักถัดไป คือจูฬราหุโลวาทสูตร [พระสูตรที่ 11] ความคิดเห็นที่ 5-12 ความคิดเห็นที่ 5-13 ฐานาฐานะ, 28 กรกฎาคม เวลา 13:34 น. คำถามชุดที่ 2 ในจูฬราหุโลวาทสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2383&Z=2540 1. ขอให้อธิบายอุปมานี้ ให้ชัดเจนมากขึ้น ชื่อว่าหนามย่อมแหลมตั้งแต่เกิด. แม้ท่านพระราหุลนี้ก็เหมือนอย่างนั้น เจริญปวิเวกอยู่ ณ ที่นั้น ครั้งเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษา. //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=125 2. ในการชำระกรรมทั้ง 3 อย่างในพระสูตรนี้ และจากการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาต่างๆ มีเรื่องราวของผู้ใดในพระสูตรใดที่คุณ GravityOfLove เลื่อมใสหรือประทับการชำระกรรมของผู้นั้นบ้าง. (ขอให้ยกมาแสดงอย่างน้อย 1 พระสูตรหรือชาดก) ความคิดเห็นที่ 5-14 GravityOfLove, 28 กรกฎาคม เวลา 18:13 น. ตอบคำถามชุดที่ 2 ในจูฬราหุโลวาทสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2383&Z=2540 1. ขอให้อธิบายอุปมานี้ ให้ชัดเจนมากขึ้น ชื่อว่าหนามย่อมแหลมตั้งแต่เกิด. แม้ท่านพระราหุลนี้ก็เหมือนอย่างนั้น เจริญปวิเวกอยู่ ณ ที่นั้น ครั้งเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษา. //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=125 หนามย่อมแหลมตั้งแต่เกิด น่าจะหมายความว่า มีความเพียร ฉลาดตั้งแต่เด็ก ท่านพระราหุลบวชเป็นสามเณรตั้งแต่อายุ ๗ พรรษา คือบวชตั้งแต่เด็ก เมื่อบวชก็เป็นผู้ว่านอนสอนง่ายอย่างมาก และเป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษาอย่างมาก อุปนิสัยนี้เป็นปัจจัยต่อการบรรลุมรรคผล ได้รับยกย่องเป็นผู้ใคร่การศึกษา พระราหุล เป็นผู้มีอัธยาศัยใคร่ต่อการศึกษาพระธรรมวินัย ทุกวันที่ท่านตื่นขึ้นมาเวลาเช้า ท่านจะกำทรายให้เต็มฝ่าพระหัตถ์ แล้วตั้งความปรารถนาว่า วันนี้ ข้าพเจ้าพึงได้รับคำสั่งสอนจากสำนักพระบรมศาสดา สำนักพระอุปัชฌาย์และสำนักพระอาจารย์ทั้งหลายให้ได้ประมาณเท่าเม็ดทราย ในกำมือของข้าพเจ้านี้ ด้วยเหตุนี้ ท่านจึงได้รับการยกย่องจากพระบรมศาสดา ให้ดำรงตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย ในทาง ผู้ใคร่ในการศึกษา เป็นต้นบัญญัติ ห้ามภิกษุนอนร่วมกับอนุปสัมบัน ในขณะเมื่อท่านยังเป็นสามเณรเล็ก ๆ อยู่นั้น ท่านเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย จนเป็นที่เลื่องลือในหมู่ภิกษุทั้งหลาย ด้วยว่า ครั้งนั้นพุทธบริษัททั้งหลาย ฟังธรรมกันยามค่ำคืน โดยมีพระเถระ ผลัดเปลี่ยนกันแสดงธรรม เมื่อสิ้นสุดการแสดงธรรมแล้ว พระเถระผู้ใหญ่ต่างก็กลับที่พักของ ตน ส่วนพระภิกษุผู้บวชใหม่ และสามเณรรวมทั้งอุบาสก ที่ไม่สามารถจะกลับที่พักได้เพราะค่ำ มือจึงอาศัยนอนกันในโรงธรรมนั้น เนื่องจากเป็นพระบวชใหม่ จึงไม่สำรวมในการนอน ทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าดู รุ่งเช้า อุบาสกทั้งหลายพากันติเตียนและความทราบไปถึงพระผู้มีพระภาค พระพุทธองค์จึงรับสั่งประชุมสงฆ์แล้วทรงบัญญัติสิกขาบท ห้ามภิกษุนอนร่วมในที่มุงที่บังเดียวกันกับอนุปสัมบัน (อนุปสัมบัน คือ ผู้มิใช่พระภิกษุ) ถ้านอนร่วมต้องอาบัติปาจิตตีย์ //84000.org/one/1/index.shtml พระอนุบัญญัติ //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=2&A=7196&Z=7249&pagebreak=0 ------------------------------- 2. ในการชำระกรรมทั้ง 3 อย่างในพระสูตรนี้ และจากการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาต่างๆ มีเรื่องราวของผู้ใดในพระสูตรใดที่คุณ GravityOfLove เลื่อมใสหรือประทับการชำระกรรมของผู้นั้นบ้าง. (ขอให้ยกมาแสดงอย่างน้อย 1 พระสูตรหรือชาดก) ประทับใจการชำระกรรมของพระโพธิสัตว์ในสังกัปปราคชาดก พระโพธิสัตว์เป็นพระดาบสสำเร็จอภิญญาและสมาบัติในป่าหิมพานต์ วันหนึ่งออกจากป่าจาริกเข้าไปในเมือง พระราชาเกิดเห็นเข้าก็เลื่อมใส จึงนิมนต์ให้พักอยู่ในพระราชอุทยาน ไม่ให้พระดาบสลำบากด้วยปัจจัย ๔ พระโพธิสัตว์อยู่ในพระราชอุทยานนั้นเป็นเวลา ๑๒ ปี อยู่มาวันหนึ่ง ... ฝ่ายพระโพธิสัตว์กำหนดว่าได้เวลาแล้ว ก็ถือภิกขาภาชนะเหาะมาจนถึงช่องพระแกลใหญ่. พระเทวีได้ทรงสดับเสียงผ้าเปลือกไม้กรองของพระโพธิสัตว์ก็เสด็จลุกขึ้นโดยพลัน พระภูษาเนื้อเกลี้ยงที่ทรงนุ่งนั้นก็หลุดลุ่ยลงทันที พระโพธิสัตว์ได้เห็นวิสภาคารมณ์มิได้สำรวมอินทรีย์ ตะลึงแลดูด้วยสามารถแห่งความงาม. ลำดับนั้น กิเลสของพระโพธิสัตว์ซึ่งสงบนิ่งด้วยกำลังฌานก็กำเริบขึ้น เหมือนอสรพิษที่ถูกขังอยู่ในข้อง พอออกจากข้องได้ก็แผ่พังพานขึ้นฉะนั้น. พระโพธิสัตว์ได้เป็นผู้มีอาการเหมือนเวลาที่ต้นยางถูกกรีดด้วยมีดฉะนั้น. องค์ฌานทั้งหลายเสื่อมไปพร้อมกับระยะที่กิเลสเกิดขึ้น. อินทรีย์ทั้งหลายก็มิได้บริบูรณ์ ตนเองได้มีสภาพเหมือนกาปีกขาดฉะนั้น. พระโพธิสัตว์นั้นมิอาจที่จะนั่งกระทำภัตตกิจเหมือนแต่ก่อนได้ แม้พระเทวีจะตรัสบอกให้นั่งก็ไม่นั่ง. ปกติเมื่อทำภัตตกิจแล้ว พระดาบสจะเหาะออกไปทางหน้าต่าง แต่ว่าคราวนี้เนื่องจากฌานเสื่อม จึงเดินลงทางบันไดใหญ่กลับไปยังพระราชอุทยาน เมื่อกลับมาก็ไม่บริโภคภัตตาหารเลย ได้แต่เพ้อ รำพึงรำพันถึงความงาม ของพระเทวีอยู่ ๗ วัน พระราชาเห็นผิดปกติ จึงเสด็จไปหาแล้วตรัสถามพระดาบสว่า ไม่สบายหรือ พระดาบสทูลตอบว่า อาตมภาพถูกแทงที่หัวใจด้วยลูกศรคือกิเลสนั้น อันสามารถทำให้อวัยวะทั้งปวงเร่าร้อน ตั้งแต่เวลาที่อาตมภาพถูกลูกศรนั้นแทงแล้ว อวัยวะทุกส่วนของอาตมภาพเร่าร้อน เหมือนไฟติดไปทั่วฉะนั้น แล้วทำกสิณบริกรรมทำฌานที่เสื่อมให้เกิดขึ้น ออกจากบรรณศาลา เหาะขึ้นไปนั่งอยู่กลางอากาศ โอวาทพระราชาเสร็จแล้วทูลว่า จะกลับไปอยู่ป่าหิมพานต์ตามเดิม สังกัปปราคชาดก ว่าด้วย ลูกศรคือกิเลส //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=352 พระโพธิสัตว์ได้ทำมโนกรรมแล้ว หลังจากนั้นพิจารณาว่า มโนกรรมนั้นเป็นอกุศล จึงเลิกทำและข่มราคะได้สำเร็จ (เพราะได้ฌานกลับมาเหมือนเดิม) แล้วสำรวมโดยการกลับไปป่าตามเดิม ความคิดเห็นที่ 5-15 GravityOfLove, 28 กรกฎาคม เวลา 18:17 น. เรียนถามคุณฐานาฐานะด้วยค่ะ ข้อ ๒ (เป็นพระสูตรหรือชาดกที่ยังไม่เคยสอนก็ได้) ขอบพระคุณค่ะ ความคิดเห็นที่ 5-16 ฐานาฐานะ, 28 กรกฎาคม เวลา 20:32 น. GravityOfLove, 19 นาทีที่แล้ว ตอบคำถามชุดที่ 2 ในจูฬราหุโลวาทสูตร //84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2383&Z=2540 1. ขอให้อธิบายอุปมานี้ ให้ชัดเจนมากขึ้น ... ตอบคำถามได้ดีครับ แต่คำว่า เป็นต้นบัญญัตินั้น ขอให้เปลี่ยนเป็นต้นอนุบัญญัติ. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๒ มหาวิภังค์ ภาค ๒ ๑. มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๕ เรื่องพระนวกะ เรื่องสามเณรราหุล //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=2&A=7166&Z=7249 2. ในการชำระกรรมทั้ง 3 อย่างในพระสูตรนี้ และจากการศึกษาพระไตรปิฎกและอรรถกถาต่างๆ มีเรื่องราวของผู้ใดในพระสูตรใดที่คุณ GravityOfLove เลื่อมใสหรือประทับการชำระกรรมของผู้นั้นบ้าง. (ขอให้ยกมาแสดงอย่างน้อย 1 พระสูตรหรือชาดก) ประทับใจการชำระกรรมของพระโพธิสัตว์ในสังกัปปราคชาดก //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=352 ตอบคำถามได้ดีครับ. ความคิดเห็นที่ 5-17 ฐานาฐานะ, 28 กรกฎาคม เวลา 20:38 น. GravityOfLove, 15 นาทีที่แล้ว เรียนถามคุณฐานาฐานะด้วยค่ะ ข้อ ๒ (เป็นพระสูตรหรือชาดกที่ยังไม่เคยสอนก็ได้) ขอบพระคุณค่ะ 6:17 PM 7/28/2013 ตอบว่า ผมตอบไปแล้วเมื่อ 1:26 27/7/2556 เหตุที่เลื่อมใส เพราะเหตุว่า เป็นชำระกายกรรมอันเป็นปกติ ในชีวิตประจำวัน ทำให้เห็นว่า เมื่อทำการชำระกรรมทั้ง 3 โดยความเป็นกิจวัตรต่อเนื่อง ย่อมเป็นการขจัดอกุศลกรรมทั้ง 3 ได้ในชีวิตประจำวัน แม้จะเป็นคฤหัสถ์ก็ตาม. หมายเหตุ :- ผมเลื่อมใสการชำระกายกรรมของพระปัจเจกโพธิสัตว์ ที่ว่า ได้ขโมยน้ำในกระติกของเพื่อนในเวลากลางวัน พอตกค่ำ ก็พิจารณากรรมต่างๆ ที่ตนได้กำลังมาทั้งวัน ได้เห็นกรรมนี้แล้ว เกิดความสังเวช แล้วบำเพ็ญสมณธรรม เจริญวิปัสสนา บรรลุพระปัจเจกโพธิญาณ. ผมเลื่อมใสตรงที่ว่า มีการพิจารณากรรมของตนเองที่กระทำมา แล้วทำการชำระกรรมในบริสุทธิ์. ผลการค้นหาคำว่า ขโมยน้ำ :- พบในอรรถกถาเพื่ออธิบายเนื้อความในพระไตรปิฎก ดังนี้ :- พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๗ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ อรรถกถา ปานียชาดก ว่าด้วย การทำบาปแล้วรังเกียจบาปที่ทำ //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=1542&p=1 เห็นการที่ขโมยน้ำของเพื่อนกันดื่ม เราจักข่มกิเลสอันนี้เสียให้ได้ กระทำการขโมยน้ำของเพื่อนกันดื่มนั้นให้เป็นอารมณ์ ความคิดเห็นที่ 5-18 GravityOfLove, 28 กรกฎาคม เวลา 20:46 น. ขอบพระคุณค่ะ เรื่องพระราหุลกำทรายขึ้นมา ไม่ทราบมีลิงค์ไหมคะ ความคิดเห็นที่ 5-19 ฐานาฐานะ, 28 กรกฎาคม เวลา 21:01 น. GravityOfLove, 13 นาทีที่แล้ว ขอบพระคุณค่ะ เรื่องพระราหุลกำทรายขึ้นมา ไม่ทราบมีลิงค์ไหมคะ 8:46 PM 7/28/2013 มีครับ. อรรถกถามหาราหุโลวาทสูตร [บางส่วน] จริงอยู่ ท่านพระราหุลนี้เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา เกลี่ยทรายประมาณบาตรหนึ่ง ในบริเวณพระคันธกุฎีแต่เช้าตรู่ด้วยคิดว่า วันนี้เราจะได้รับโอวาทประมาณเท่านี้ ได้การตักเตือนประมาณเท่านี้จากสำนักของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากสำนัก ของพระอุปัชฌาย์. แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อจะทรงตั้งพระราหุลไว้ในเอตทัคคะ จึงทรงตั้งให้ เป็นผู้เลิศในการศึกษาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุสาวกของเราผู้ใคร่ต่อการศึกษา ราหุลเป็นผู้เลิศของภิกษุเหล่านั้น. //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=133&p=1 ประวัติพระราหุลเถระ //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&&i=148&p=1 ความคิดเห็นที่ 5-20 GravityOfLove, 28 กรกฎาคม เวลา 21:05 น. ขอบพระคุณค่ะ อยู่ในอรรถกถาพระสูตรหลักถัดไปนี่เอง ความคิดเห็นที่ 5-21 ฐานาฐานะ, 28 กรกฎาคม เวลา 21:17 น. เป็นอันว่า พระสูตรชื่อว่า จูฬราหุโลวาทสูตร จบบริบูรณ์. //84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2383&Z=2540 พระสูตรหลักถัดไป คือมหาราหุโลวาทสูตร [พระสูตรที่ 12]. พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ มหาราหุโลวาทสูตร //84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2541&Z=2681 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=133 จูฬมาลุงโกยวาทสูตร //84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2682&Z=2813 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=147 มหามาลุงโกฺยวาทสูตร //84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2814&Z=2961 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=153 ภัททาลิสูตร //84000.org/tipitaka/read/v.php?B=13&A=2962&Z=3252 ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- //84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=13&i=160 ความคิดเห็นที่ 5-22 GravityOfLove, 27 กรกฎาคม เวลา 11:55 น. คำถามนอกพระสูตรหลัก นิโรธสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=4466&Z=4543 กรุณาอธิบายค่ะ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ไฉนพวกเธอจักวางเฉย (ดูดาย) ภิกษุผู้เถระซึ่งถูก เบียดเบียนอยู่ เพราะว่า แม้ความการุณจักไม่มีในภิกษุผู้ฉลาดซึ่งถูกเบียดเบียนอยู่ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ... ข้อนั้นเป็นฐานะที่จะมีได้ พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นตรัสดังนี้แล้ว จึงเสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปยัง พระวิหาร ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จไปแล้วไม่นาน ท่านพระอานนท์ได้เข้าไป หาท่านพระอุปวาณะ แล้วกล่าวว่า ดูกรท่านอุปวาณะ ภิกษุเหล่าอื่นในพระศาสนานี้ ย่อมเบียดเบียนภิกษุ ทั้งหลายผู้เถระ พวกเราจะไม่ถามหาภิกษุเหล่านั้น การที่พระผู้มีพระภาคเสด็จออก จากที่พักผ่อนในเวลาเย็น จักทรงปรารภเหตุนั้นยกขึ้นแสดง เหมือนดังที่จะพึงตรัสกะ ท่านอุปวาณะโดยเฉพาะในเหตุนั้น ข้อนั้นไม่เป็นของอัศจรรย์ บัดนี้ ความน้อยใจได้เกิดขึ้นแก่พวกเรา ความคิดเห็นที่ 5-23 ฐานาฐานะ, 27 กรกฎาคม เวลา 15:22 น. GravityOfLove, 2 ชั่วโมงที่แล้ว นิโรธสูตร //84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=4466&Z=4543 กรุณาอธิบายค่ะ ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ ไฉนพวกเธอจักวางเฉย (ดูดาย) ภิกษุผู้เถระซึ่งถูก เบียดเบียนอยู่ เพราะว่า แม้ความการุณจักไม่มีในภิกษุผู้ฉลาดซึ่งถูกเบียดเบียนอยู่ น่าจะหมายถึงว่า การดูดายในเมื่อภิกษุผู้เถระถูกเบียดเบียนอยู่ เป็นเพราะว่า ไม่มีความกรุณาต่อภิกษุผู้เถระที่ถูกเบียดเบียนอยู่. - - - - - - - - - - - - - - - - ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคได้ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ผู้ถึงพร้อมด้วยศีล ... ข้อนั้นเป็นฐานะที่จะมีได้ น่าจะแสดงว่า พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมย้ำว่า ที่ท่านพระสารีบุตรแสดงไว้ เป็นจริง. - - - - - - - - - - - - - - - - พระผู้มีพระภาคผู้สุคต ครั้นตรัสดังนี้แล้ว จึงเสด็จลุกจากอาสนะเข้าไปยัง พระวิหาร ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จไปแล้วไม่นาน ท่านพระอานนท์ได้เข้าไป หาท่านพระอุปวาณะ แล้วกล่าวว่า ดูกรท่านอุปวาณะ ภิกษุเหล่าอื่นในพระศาสนานี้ ย่อมเบียดเบียนภิกษุ ทั้งหลายผู้เถระ พวกเราจะไม่ถามหาภิกษุเหล่านั้น การที่พระผู้มีพระภาคเสด็จออก จากที่พักผ่อนในเวลาเย็น จักทรงปรารภเหตุนั้นยกขึ้นแสดง เหมือนดังที่จะพึงตรัสกะ ท่านอุปวาณะโดยเฉพาะในเหตุนั้น ข้อนั้นไม่เป็นของอัศจรรย์ บัดนี้ ความน้อยใจได้เกิดขึ้นแก่พวกเรา 11:54 AM 7/27/2013 สันนิษฐานว่า เมื่อภิกษุที่เบียดเบียนพระเถระ แล้วพวกเราไม่เข้าไปห้ามปราม เป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาคทรงยกเหตุนั้นขึ้นแสดง เหมือนที่จะตรัสท่านอุปวาณะ ข้อนั้นไม่แปลก (คาดหมายได้) แต่ความเสียใจเกิดขึ้นแก่พวกเรา. ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- ฉบับมหาจุฬาฯ (เพื่อเทียบสำนวน) ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งเรียกท่านพระอานนท์มาตรัสว่า อานนท์ เป็นไปได้หรือที่เธอทั้งหลายเพิกเฉยต่อภิกษุเถระผู้กำลังถูกเบียดเบียนอยู่ เธอทั้งหลายคงจะไม่มีความกรุณาในภิกษุเถระผู้ฉลาดซึ่งกำลังถูกเบียดเบียนอยู่๑ ๑ เหตุที่พระผู้มีพระภาคตรัสในเชิงตำหนิท่านพระอานนท์อย่างนี้ ก็เพราะท่านพระอานนท์ เป็นสหายรักของท่านพระสารีบุตรเถระและท่านเป็นธัมมภัณฑาคาริก (ขุนคลังพระธรรม) การห้ามปรามภิกษุผู้รุกรานภิกษุเถระอย่างนี้ เป็นหน้าที่ของภิกษุผู้เป็นธัมมภัณฑาคาริก (ตามนัย องฺ.ปญฺจก.อ. ๓/๑๖๖/๖๔) ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปไม่นาน ท่านพระอานนท์ ได้เข้าไปหาท่าน พระอุปวานะถึงที่อยู่แล้วกล่าวดังนี้ว่า ท่านอุปวานะ ภิกษุเหล่าอื่นในศาสนานี้ เบียดเบียนพระเถระ พวกเราจะไม่ถามหาภิกษุเหล่านั้น การที่พระผู้มีพระภาคเสด็จ ออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น จะปรารภเหตุนั้นนั่นแลแล้วยกขึ้นแสดงเหมือนที่จะ พึงตรัสกับท่านอุปวานะโดยเฉพาะในเหตุนั้น นั้นไม่น่าอัศจรรย์ บัดนี้ ความน้อยใจ ได้เกิดขึ้นแก่พวกเรา ความคิดเห็นที่ 5-24 GravityOfLove, 27 กรกฎาคม เวลา 18:05 น. ขอบพระคุณค่ะ ตรงนี้ยังไม่เข้าใจค่ะ และทำไมถึงเป็นท่านอุปาวานะค่ะ มีนัยพิเศษอะไรคะ - - - - ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จหลีกไปไม่นาน ท่านพระอานนท์ ได้เข้าไปหาท่าน พระอุปวานะถึงที่อยู่แล้วกล่าวดังนี้ว่า ท่านอุปวานะ ภิกษุเหล่าอื่นในศาสนานี้ เบียดเบียนพระเถระ พวกเราจะไม่ถามหาภิกษุเหล่านั้น การที่พระผู้มีพระภาคเสด็จ ออกจากที่หลีกเร้นในเวลาเย็น จะปรารภเหตุนั้นนั่นแลแล้วยกขึ้นแสดงเหมือนที่จะ พึงตรัสกับท่านอุปวานะโดยเฉพาะในเหตุนั้น นั้นไม่น่าอัศจรรย์ บัดนี้ ความน้อยใจ ได้เกิดขึ้นแก่พวกเรา ย้ายไปที่ |
แก้วมณีโชติรส
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?] Group Blog
All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
รับทราบครับ.