
อีกหนึ่งวันเหงาๆ
มองดูเมฆใหญ่ดำครึ้ม
หลับตา..
ฉันจะหลับตาสัมผัสละอองฝน
ให้เย็นฉ่ำลึกลงไปในใจ
ที่ซึ่งความทรงจำสถิตย์อยู่
สายลมโชย...
ฉันจะจินตนาการว่าเป็นมือของเธอ
ลูบไล้แผ่วโผย
อ่อนโยนเหมือนสายตาคู่นั้น
เสียงใบไม้โบก
คือเสียงหัวเราะของวันวาน
ลมพัดแรงจนสั่นไหว
เสียงหัวเราะของมันดังสนั่น
ฝนกระหน่ำแล้ว
ฉันยังนั่งหลับตา
ท่ามกลางใบไม้ที่ปลิดปลิว
อีกไม่นานเสียงหัวเราะของใบไม้จะเงียบลง
แทนที่ด้วยเสียงฝนครืนครั่น
ลมกรรโชกแรง
กระชากใบไม้ให้ออกเดินทาง
ถึงเวลาต้องไป
ไปเพียงลำพัง
ไปถึงแห่งหนไหน
ไปยังที่ใด
สุดรู้..
จนกว่าลมจะหยุดพัด
และใบไม้จะร่วงสู่พื้นดิน
แห้งกรอบหรือเปียกปอน
แล้วเสียงหัวเราะของเมื่อวานเล่า
จะยังสะท้อนก้องอยู่ไหม
หรือเงียบเพียงหยาดน้ำฝนที่ค้างบนหลังคา
ฉันหลับตา..
ไอเย็นยังคงค้างในอากาศ
เสียงหยดน้ำยังหยดดัง
ติ๋ง.. ติ๋ง..
เมื่อแดดเปรี้ยง
ใบไม้จะแห้งสนิท
และปลิวลับหาย
ใครเล่าจะสนใจ
เสียงหัวเราะที่จางหายไป
..ตั้งนานแล้ว..
เสี้ยวตะวัน พระจันทร์ข้างฝา
สิงคโปร์ 15.ก.ย.55, ภาพ ณ เมืองโพธาราม 21.ส.ค.54