Group Blog
มกราคม 2555

1
3
4
7
10
14
15
16
18
21
23
24
25
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
ปรัชญา
เรื่องที่ 1 ข้อคิดจากหญิงชรา

ในตอนกลางดึก มีหญิงชราคนหนึ่งกำลังคลำหาอะไรอยู่สักอย่างรอบๆเสาไฟฟ้าข้างถนน สักครู่หนึ่งมีหนุ่มสาวกลุ่มหนึ่งเดินผ่านมา เห็นหญิงชราผู้นั้นกำลังคลำหาอะไรอยู่ เลยถามขึ้นว่า

"ยาย..ยาย ยายกำลังหาอะไรอยู่?" หญิงชราผู้นั้นตอบว่า

"ยายกำลังหาเข็มเย็บผ้าอยู่ ยายทำตกหายไป ช่วยยายหาหน่อยซิ" พวกหนุ่มสาวกลุ่มนั้นจึงช่วยกันหาทั่วไปหมด แต่ก็หาไม่เจอ ในที่สุดพวกเขาก็สงสัยจึงถามยาย

"ยาย..ยาย..ยายทำเข็มเย็บผ้าหล่นหายไปที่ไหน" ยายตอบว่า

"ยายกำลังเย็บผ้าอยู่ในห้องยาย แล้วก็ทำเข็มเย็บผ้าหล่นหายไป แต่ห้องยายมันมืด ยายมองไม่ค่อยเห็น ยายก็เลยออกมาที่ถนนเพราะมีแสงสว่างจากไฟฟ้า " ...พอพวกหนุ่มสาวกลุ่มนั้นได้ยินเช่นนั้นก็เลยหัวเราะ แล้วเดินหนีไป

ข้อคิด

ของหายที่ตรงไหนก็ควรไปหาตรงที่ทำหาย ไปหาที่อื่นจะหาของที่หายเจอมั๊ยล่ะนั่น ก็เปรียบเหมือนชีวิตคนเราที่ต้องการความสุข เราก็ควรหาให้ได้ว่าเราสูญเสียความสุขไปเมื่อใดและเพราะอะไรเราถึงสูญเสีย และการหาสิ่งอื่นทดแทนความสุขด้วยการไปหาความสุขตามสถานเริงรมย์ บาร์ ไนท์คลับ หรือท่องเที่ยวไปโน่นไปนี่ หรือใช้เงินซื้อความสุข จะได้ความสุขที่แท้จริงมั๊ย คำตอบทั้งหมดอยู่ที่ใจเราตัวเราเองต่างหาก เราได้ทำความสุขหายไปจากใจของเรา จากตัวของเรา ดังนั้น เราควรแสวงหาความสุขที่ใจเราและตัวเราเองต่างหาก เคยได้ยินมั๊ย "ทุกข์สุขอยู่ที่ใจ"





Create Date : 06 มกราคม 2555
Last Update : 6 มกราคม 2555 9:07:11 น.
Counter : 282 Pageviews.

5 comments
  
เรื่องที่ 2 ข้อคิดจากหญิงสาวกับสิ่งที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไป

หญิงสาวคนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กตั้งแต่เด็ก หน้าบ้านจะมีต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขา จนทำให้บริเวณนั้นดูร่มรื่นเป็นพิเศษ กาลเวลาผ่านไปกิ่งก้านที่เคยร่มเย็นกลับก่อให้เกิดปัญหา เพราะชอบหักและหล่นใส่บ้านข้างเคียงบ่อยๆ เธอจึงคิดจะโค่นต้นไม้ใหญ่นั้นทิ้ง แต่เธอก็ยังกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากโค่นต้นไม้ว่า...จะเอาร่มเงาจากไม้ใหญ่ที่ไหนคอยกำบังแดดฝน และต่อไปก็จะไม่ได้เห็นต้นไม้ใหญ่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งรู้สึกเสียดายต้นไม้ใหญ่นั้น จนถึงวันที่ต้องตัดต้นไม้เธอได้ยินเพื่อนบ้านพูดว่า "อย่าเสียดายกับสิ่งที่เสียไป แต่จงตื่นเต้นและยินดีกับสิ่งที่กำลังจะตามมาหลังจากนี้"

ในที่สุดต้นไม้ใหญ่ถูกตัดทิ้งไป เวลาผ่านไปหลายสัปดาห์ เธอเริ่มรับรู้สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากตัดต้นไม้ใหญ่ไปแล้ว คือ ทุกๆ เช้าที่ตื่นขึ้นมาเธอจะเห็นแสงแดดที่ส่องเข้ามาถึงบริเวณห้องของเธอ และแสงแดดก็ทำให้เธอเกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ที่สำคัญบริเวณบ้านกว้างขวางมากขึ้น มีที่สำหรับปลูกไม้ดอกอย่างที่เธออยากปลูกมานาน ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกดีกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรแย่อย่างที่เธอเคยกังวลและคิดไปล่วงหน้า และวันนี้เธอยังได้เห็นภาพเด็กๆ วิ่งขึ้นลงรถรับส่งโรงเรียนอย่างร่าเริง

ข้อคิด

คนเรามักกลัวการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นและคิดคาดการณ์ไปล่วงหน้าแล้วทั้งที่ยังไม่ได้เกิดขึ้นและไม่รู้ด้วยว่าจะเกิดขึ้นอย่างที่คิดหรือไม่ จนบางคนยอมที่จะทนกับสิ่งที่ทำให้ชีวิตคุณแย่ลงไปยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลง ลองมองและคิดอะไรแบบบวกๆ และกล้าที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลงด้วยความยินดีเพราะอาจเป็นสิ่้งที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้



โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:08:02 น.
  
เรื่องที่ 3 บันทึกก้อนกรวด

มีชนเผ่าหนึ่งเที่ยวเร่ร่อนไปในที่ต่างๆ ค่ำไหนนอนนั่น โดยจะปลูกกระโจมอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม ทุกคืนก่อนนอน พวกเขาจะสวดมนต์อ้อนวอน ขอโชคลาภจากเทพเจ้าอยู่เสมอ คืนหนึ่ง! ขณะที่พวกเขากำลังบูชาเทพเจ้าอยู่นั้น ได้เกิดลมพัดอื้ออึง ฟ้าแลบแปลบปลาบ พวกเขาต่างคิดว่า เหตุอัศจรรย์กำลังจะบังเกิดขึ้น ทันใดนั้นเอง! พวกเขาก็ได้ยินเสียงดังก้องมาจากท้องฟ้าเบื้องบนว่า...

"พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังข้า ในวันพรุ่งนี้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะเดินทางไปยังที่ใดก็ตาม จงเก็บก้อนกรวดที่เจ้าได้พบในระหว่างทาง ใส่ย่ามของเจ้าเอาไว้ ตกกลางคืนเมื่อใด พวกเจ้าจะทั้งดีใจและเสียใจ" สิ้นเสียงนั้น ทุกคนต่างมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง ไยเทพเจ้าจึงบอกให้เก็บก้อนกรวดที่ไร้ค่าเช่นนั้น แทนที่จะประทานทรัพย์สมบัติ หรือบอกขุมทรัพย์อันล้ำค่าให้ พวกเขารู้สึกไม่พอใจ ต่างเข้านอนด้วยความผิดหวัง

รุ่งขึ้น พวกเขาพากันออกเดินทางไปเหมือนเช่นเคย ทุกคนได้พบเห็นก้อนกรวดมากมาย เกลื่อนกลาดทุกหนแห่งที่ย่างเท้าไป พวกเขาจึงหยิบติดมือมาอย่างเสียมิได้ เพียงคนละสองสามก้อนเท่านั้น ทั้งยังเก็บไปก็บ่นไป ครั้นถึงยามพระอาทิตย์ตกดิน พวกเขาพากันหยุดพักแรม ปลดย่ามที่สะพายออก ตรวจดูของในย่ามก็พบว่าก้อนกรวดที่เก็บมานั้นได้กลายเป็นเพชร ล้วนแล้วแต่งดงามเป็นประกาย ทุกคนต่างดีอกดีใจ พากันชื่นชมโชคลาภของตนกันยกใหญ่ แต่แล้ว! เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่า ต่างเก็บก้อนกรวดมาน้อยเหลือเกิน พวกเขาก็พากันรำพึงรำพัน ด้วยความเสียดาย...เสียใจ

ข้อคิด

คนเรามักชอบมองข้ามสิ่งที่ดีๆที่เห็นเป็นของธรรมดา คิดว่าไม่มีค่า เหมือนความสุขที่ทุกคนอยากมี คนเรามักมองข้ามซึ่งความจริงแล้วความสุขหาได้จากรอบๆ ตัวเรา เริ่มที่ตัวเราด้วยการยิ้มแย้มแจ่มใส คิดดีทำดี มีใจที่ดีกับคนรอบๆ ข้าง เป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่นและสังคม ดูเหมือนยาก แต่เป็นสิ่งง่ายๆ ที่เริ่มต้นกันได้ไม่ยาก เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูเหมือนทำไปก็ไม่ได้อะไร แต่สิ่งที่ได้เป็นทรัพย์ที่ล้ำค่าที่เรียกว่า "ความสุข" ที่เกิดจากการคิดดีทำดี และทุกครั้งที่เราทำความดี แม้สิ่งที่ทำจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่ก็เป็นประวัติชีวิตอันดีงาม ที่ควรจดจำและบันทึกไว้ ด้วยภาพ... ด้วยถ้อยคำ... ด้วยความรู้สึก... และนึกถึงบ่อย ๆ นึกถึงครั้งใด... ก็ปลาบปลื้มเป็นสุขใจ กำลังใจจะเบ่งบาน เกิดแรงบันดาลใจที่จะทำความดี อย่างต่อเนื่องไป... ไม่สิ้นสุด



โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:08:28 น.
  
เรื่องที่ 4 ดินสอ กับ ยางลบ

มีดินสอที่เขียนอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่แท่งหนึ่ง และมียางลบที่ลบอย่างไรก็ไม่มีวันหมดอยู่ก้อนหนึ่ง ดินสอกับยางลบเป็นเพื่อนกันทั้งคู่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำอะไรด้วยกัน

หน้าที่ของดินสอก็คือ เขียนทุกที่ทุกอย่างเสมอ ตลอดเวลาที่อยู่กับยางลบ

หน้าที่ของยางลบก็คือ ลบทุกอย่างที่ดินสอเขียน ทุกที่ ทุกเวลา

เวลาผ่านไปนานหลายสิบปีทุกอย่างก็ยังดำเนินเหมือนเดิมเรื่อยมาจนกระทั่งดินสอเอ่ยกับยางลบว่า

"เรากับนายคงอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว" ยางลบจึงเอ่ยถามว่า

"ทำไมล่ะ"ดินสอจึงตอบกลับไปว่า

"ก็เราเขียน นายลบ แล้วมันก็ไม่เหลืออะไรเลย"ยางลบจึงเถียงว่า

"เราทำตามหน้าที่ของเรา เราไม่ผิด"ทั้งคู่จึงแยกทางกัน ดินสอพอแยกทางกับยางลบก็ดีใจที่สามารถเขียนอะไรได้ตามใจ แต่พอเวลาผ่านไปดินสอเริ่มเขียนผิด ข้อความสวย ๆ ที่เคยเขียนได้ก็สกปรกมีแต่รอยขีดทิ้งเต็มไปหมด ดินสอคิดถึงยางลบจับใจ

ส่วนยางลบพอแยกทางกับดินสอ ก็ดีใจที่ไม่ต้องเปื้อนเปรอะอีกต่อไป พอเวลาผ่านไป ยางลบก็ใช้ชีวิตอย่างไร้ค่าเพราะไม่มีอะไรทำ ยางลบจึงคิดถึงดินสอมาก ทั้งคู่จึงกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่
คราวนี้ดินสอเขียนน้อยลง เขียนแต่สิ่งดี ๆ ส่วนยางลบ ก็ลบเฉพาะที่ดินสอเขียนผิด..เท่านั้น

ข้อคิด

ถ้าเปรียบเทียบการเขียนเป็นการจดจำ ดินสอในตอนแรกก็จำทุกเรื่อง ทั้งดี และไม่ดีแต่พอเปลี่ยนไปดินสอก็หัดเลือกจำแต่สิ่งดี ๆ เท่านั้น ส่วนยางลบ เปรียบเหมือนการลืมยางลบในตอนแรก ก็ลืมทุกอย่างทั้งดี และไม่ดี ทุกครั้งที่ลืมเรื่องไม่ดีตัวยางลบก็จะสกปรก แต่ตอนหลังยางลบเลือกลืมแต่เรื่องไม่ดี ซึ่งคือ การให้อภัยนั่นเองสิ่งที่เกิดระหว่างดินสอ กับยางลบ คือ คำว่า "มิตรภาพ" ที่ควรจำแต่สิ่งดีๆ ในมิตรภาพที่มีอาจมีสิ่งที่ผิดพลาดบ้าง แต่ความผิดพลาดก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ควรให้อภัยซึ่งกันและกันเพื่อมิตรภาพที่ดีและถาวร


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:08:50 น.
  
เรื่องที่ 5 โคมไฟกับอากง

อากง อยากจะสอนอะไรบางอย่างแก่หลาน ๆ เค้าจึงเรียกหลาน ๆ ทั้งสี่มานั่งล้อมโต๊ะแล้วพูดกับหลานทั้งสี่ว่า

"ทุกคนจงหลับตา" หลานทุกคนจึงหลับตา อากงจุดไฟในโคมไฟเก่า ๆ พร้อมถามหลานทั้งสี่คนว่า

"ลืมตากันได้แล้วและช่วยดูหน่อยสิว่าโคมไฟสีอะไร" เด็ก ๆ ลืมตาขึ้น และแย่งกันตอบว่า..สีแดง สีเขียว สีเหลือง และสีน้ำเงิน หลานคนหนึ่งถามอากงว่า

"อากงครับทำไมโคมไฟอันเดียวกัน...ถึงมีหลายสีล่ะครับ" อากงจึงบอกหลานๆ ว่า

"เดี๋ยวนะอากงจะทำอะไรให้ดู" พร้อมหมุนฝาครอบให้ดู ทำให้เห็นสีแดง เหลือง เขียว น้ำเงิน อากงจึงถามหลานว่า

" โคมไฟสีอะไร " หลาน ๆ ตอบเหมือนกันว่า สีเปลวไฟ .....

อากงจึงพูดว่า "เจ้าทั้งสี่นั่งอยู่ในที่เดียวกันมองของอย่างเดียวกัน ในเวลาเดียวกันยังเห็นไม่เหมือนกันเลย รู้มั๊ยเพราะอะไรก็เพราะคนทุกคนมองจากมุมมองของตัวเอง เห็นในสี่งที่ตัวเองเห็นแต่ถ้าเจ้าอยากเข้าใจว่าทำไมคนอื่นเห็นอย่างที่เขาเห็น เจ้าก็เดินไปมองที่มุมของเขาแล้วเราก็จะเห็นอย่างที่เขาเห็น

ข้อคิด

คนเราในสังคมเดียวกันอาจมองอะไรแตกต่างกัน การคิดของคนแต่ละคนก็มองต่างมุม ความคิดจึงแตกต่างกันหรือเหมือนกันได้ ไม่มีใครคิดผิด หรือคิดถูกเพราะมองกันคนละมุม ถ้าหากมีใครคิดไม่เหมือนเราๆ ก็ไม่ควรไปโกรธ หรือไปคิดว่าคนที่คิดไม่เหมือนเราผิด เพราะคนย่อมคิดแตกต่างกันด้วยสภาพแวดล้อม ประสบการณ์และสิ่งที่ได้รับ วัฒนธรรม ประเพณี การเล่าต่อ การฟังเค้ามา...ถ้าอยากจะรู้ว่าทำไมเค้าคิดแบบนั้นก็ต้องเดินไปมุมของเขาและมองในมุมของเขาด้วยใจที่เที่ยงธรรมก็อาจจะเข้าใจในสิ่งที่เค้าทำและคิด อย่ามองสิ่งต่าง ๆ เพียงแค่ที่เห็น แต่งเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างที่เป็น...


โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:09:11 น.
  
เรื่องที่ 6 แม่ผัว กับ ลูกสะใภ้
เป็นเรื่องระหว่างแม่ผัวลูกสะใภ้เหมื่อนอย่างที่เธอกำลังประสบอยู่ การที่แม่สามีและลูกสะใภ้ต้องทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่เสมอทำให้ ผ่ายชายซึ่งเป็นสามีและเป็นลูกได้แต่เอามือกุมขมับพูดไม่ออกบอกไม่ถูก เพราะนั่นก็แม่นี่ก็เมียเลยมักที่จะหลบหน้าออกไปทำงานให้ไกลๆจะได้ไม่ต้องมารับรู้ปัญหาระหว่างแม่และเมีย แล้ววันหนึ่งก็เกิดปัญหาทะเลาะกันอย่างที่เคย

ตัวภรรยาเองรู้สึกแค้นแม่ของสามีมากจึงตัดสินใจวางแผนที่จะฆ่าแม่สามีให้ตาย เธอจึงเดินทางไปหาเพื่อนพ่อของเธอที่เป็นพ่อค้าขายสมุนไพร และเอ่ยปากขอให้เจ้าของร้านจัดยาพิษให้เพื่อเธอจะได้วางยาฆ่าแม่สามีให้ตายสมใจปรารถนา เจ้าของร้านได้นำเอาผงสมุนไพรมาให้เธอถุงหนึ่งและบอกเธอว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาให้กับเธอได้อย่างแน่นอน แต่ผงสมุนไพรนี้จะต้องถูกนำไปผสมกับอาหารที่แม่สามีชอบ และต้องให้ทุกมื้ออย่างสม่ำเสมอไม่ให้ขาด ที่สำคัญคือเธอต้องเป็นผู้วางยานี้ด้วยตนเอง เขาขอให้เธอทำดีกับแม่สามีเพื่อให้เธอตายใจ อย่าไปชวนทะเลาะ หรือขัดใจ เพื่อให้แม่สามียอมรับประทานอาหารที่เธอจัดให้จนหมดโดยพงสมุนไพรนี้จะออกฤทธิ์ที่ละน้อยๆ ให้แม่สามีค่อยๆ ตายอย่างช้าๆ และไร้ร่องรอย

ลูกสะใภ้ดีใจและรีบนำยาพิษนั้นกลับไปผสมอาหารให้แม่สามีทานทุกมื้อ เธอพยายามปรุงอาหารคาวหวานที่ล้วนเป็นของชอบเป็นอาหารโปรดของแม่สามี ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามเอาใจ ด้วยการขยันทำงานบ้านไม่เถียงไม่ทะเลาะกับแม่สามีอีก เธอพยายามทำดีกับแม่สามีเพื่อที่จะไม่ให้มีใครสงสัย โดยคิดอยู่เสมอว่าอย่างไรเสียแม่ของสามีจะต้องตายอย่างแน่นอน แต่พอทำดีกับแม่สามีไปนานวันเข้า เธอเริ่มมองเห็นความดีของแม่สามีซึ่งนอกจากจะไม่ด่าไม่ว่าเธออีกต่อไปแล้ว หลายๆ ครั้งนางยังช่วยเธอทำงานบ้าน แถมยังแอบไปชมเธอให้บรรดาเพื่อนบ้านฟังอยู่เรื่อยๆ ตัวสามีเองเมื่อเห็นว่าบ้านมีความสงบก็ไม่ออกไปไหนไกลๆ กลับบ้านทุกเย็นได้อยู่พูดคุยกันด้วยความสนุกสนานทั้งสามคน ครั้นแล้วตัวลูกสะใภ้เองเริ่มรู้สึกว่าบ้านมีความสุข เธอก็รู้สึกผิดไม่สบายใจและรีบไปที่ร้านสมุนไพรอีกครั้งหนึ่งเพื่อขอยาแก้พิษก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นกับแม่สามีและสามีจะรู้ ที่ร้านขายยาเจ้าของร้านบอกกับเธอว่า ไม่มียาแก้พิษหรอก...... เมื่อเธอได้ยิน ถึงกับหน้าซีด เธอดูผิดหวังและเสียใจอย่างมาก แต่เจ้าของร้านก็พูดต่อว่า ความจริงแล้วผงสมุนไพรที่ให้ไปมันเป็นยาบำรุงไม่ใช่ยาพิษตามที่เข้าใจ เพราะจริงๆ แล้วยาพิษนั้นมันอยู่ในใจของเธอ อันได้แก่ความพยาบาท ความเกลียดชัง ทิฐิ และการเห็นแก่ตัว ซึ่งเธอได้ถอนออกจากใจของเธอจนหมดแล้ว การตอบแทนความเกลียดชังด้วยความเกลียด นอกจากไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังทำให้เกิดความทุกข์ขึ้นในจิตใจของคนเราอีกด้วย…….

ข้อคิด

หากต้องการความรักความเข้าใจจากใครสักคน เราต้องให้ความรักและความเข้าใจคนอื่นก่อน ด้วยการแสดงออกด้วยความรักและความเข้าใจหากเราต้องพบความขัดแย้ง ความเกียจชังหรือความไม่ดีไม่งามในชีวิต การตอบโต้กับความขัดแย้ง ความเกียจชัง และความไม่ดีไม่งาม ด้วยความอาฆาตพยาบาทนอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วยังทำให้เกิดปัญหาที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นอีก จงจำไว้ว่า หากเราต้องการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่างๆ ให้ดีขึ้นเราต้องพยายามที่จะคิดว่าเราจะสร้างความดีและมอบความรักให้กันให้มากขึ้นได้อย่างไร....




โดย: ใบไม้เบาหวิว วันที่: 6 มกราคม 2555 เวลา:9:09:30 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ใบไม้เบาหวิว
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



Friends Blog
[Add ใบไม้เบาหวิว's blog to your weblog]