ภูมิแพ้ บ้านไม่แพ้
สภาพแวดล้อมเป็นตัวกระตุ้นสำคัญ ที่ส่งผลให้อาการของโรคภูมิแพ้แสดงตัวออกมา และเป็นที่มาของความเสี่ยงข้างต้น ฉะนั้น แม้ภูมิแพ้จะเป็นโรคที่ ไม่มีทางรักษาหาย แต่การจัดการกับสภาพแวดล้อม เพื่อลดตัวกระตุ้นของโรคที่อยู่รอบๆตัวเรา ก็เป็นหนทางที่ จะช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นและมีชีวิตได้อย่างปกติสุข
ตัวกระตุ้นหรือสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ ที่พบได้ภายในบ้าน ได้แก่
* ตัวไรฝุ่น สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่กินเศษซากผิวหนังของคนเป็นอาหาร ไม่ใช่ขี้ฝุ่น แต่ก็อาจอาศัยอยู่ในขี้ฝุ่นด้วย เป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ในคนไทย (ร้อยละ 70) * เชื้อรา ส่วนที่เราแพ้คือ สปอร์ของรา ซึ่งมักเกิดในที่อับชื้น
* แมลงสาบ หรือถ้าจะให้ถูกคือ ซากของแมลงสาบต่างหากที่เราแพ้ ไม่ใช่ตัวเป็นๆ เป็นสิ่งมีชีวิตที่มักจะมาคู่กับไรฝุ่น โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ แต่กำจัดได้ง่ายกว่า เพราะตัวโตสังเกตเห็นง่าย
* สัตว์เลี้ยง หมาและแมวเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยม แต่ขนของมันก็เป็นอันตรายกับคนเป็นโรคภูมิแพ้ * ละอองเกสรต้นไม้ สำหรับในเมืองไทย ละอองของต้นไม้ที่มีผู้แพ้มาก ได้แก่ หญ้าจอห์นสัน หญ้าเบอร์มิวดา ธูปฤๅษี คุณหมอลินน่าแนะว่า เราควรเริ่มจากจัดการสิ่งแวดล้อมในที่ที่เราใช้เวลาอยู่มากที่สุดก่อน นั่นก็คือ บ้าน โดยเริ่มที่ห้องนอน ซึ่งเราใช้ไม่ต่ำกว่าวันละ 8 ชั่วโมง แล้วค่อยๆขยายไปครอบคลุมถึงบริเวณบ้านชั้นบน ชั้นล่าง และนอกบ้านในที่สุด สำหรับในที่ทำงาน ซึ่งเราอาจใช้เวลาอยู่ไม่น้อยไปกว่าที่บ้าน ก็ให้ทำเท่าที่ทำได้ โดยใช้หลักการเดียวกับที่บ้าน ดังต่อไปนี้
ห้องนอน
* ที่นอน คุณหมอแนะนำให้ใช้ผ้าปูที่นอนและปลอก หมอนที่ทอแน่นเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันไรฝุ่นโดยเฉพาะ (หาซื้อได้ตามโรงพยาบาลและศูนย์รักษาโรคภูมิแพ้) ทำให้ไรฝุ่นไม่สามารถแทรกตัวขึ้นมาจากฟูก มันจะอดอาหารและตายในที่สุด ที่สำคัญ ต้องหมั่นซักชุดเครื่องนอนทุก 1-2 สัปดาห์ * พื้น ห้ามใช้พรมเด็ดขาด
* ม่าน ไม่ควรใช้ผ้า เพราะเก็บฝุ่น เปลี่ยนมาใช้มู่ลี่ ซึ่งเช็ดทำความสะอาดได้บ่อยและสะดวกกว่าแทน * ผนังเหนือหัวเตียง ไม่ควรมีหน้าต่าง เพราะการเปิดม่านหน้าต่างแต่ละครั้ง จะทำให้ฝุ่นในม่านตกลงบนเตียง * โต๊ะหัวเตียง ควรวางของให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น เพื่อไม่ให้เป็นที่อยู่อาศัยของฝุ่นและไรฝุ่น * เครื่องปรับอากาศ จะช่วยลดความชื้นภายในห้องนอนได้ จึงเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ * ตู้เสื้อผ้า ควรมีบานประตูปิดมิดชิด หรือจะให้ดีอาจแยกทำเป็นห้องแต่งตัว ที่มีประตูปิดกั้นออกจากส่วนนอน
ห้องน้ำ
* ประตูห้องน้ำ ควรปิดไว้เสมอระหว่างนอนตอนกลางคืน เพื่อไม่ให้ความชื้นจากห้องน้ำเข้าสู่ห้องนอน * หน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่อับชื้น และให้แสงสว่างส่องถึง เพื่อลดการเสี่ยงในการเกิดเชื้อรา ในจุดต่างๆ * ม่านห้องน้ำ หมั่นซักด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา * ยาแนวกระเบื้อง คือจุดที่เกิดเชื้อราได้ง่าย จึงต้องหมั่นสังเกต ทำความสะอาดและซ่อมแซมหากเกิดราดำ
ห้องนั่งเล่น
* โซฟาตัวโปรด ควรเลือกที่หุ้มด้วยหนังหรือหนังเทียม เพื่อให้เช็ดทำความสะอาดได้ง่าย * ชั้นหนังสือ ควรมีบานตู้ปิดมิดชิดแทนชั้นแบบเปิดโล่ง เพื่อลดอัตราการสะสมฝุ่น * วอลล์เปเปอร์ ที่ผ่านร้อนผ่านฝนมาหลายปี อาจเกิดเชื้อราได้ หากต้องการติดจริงๆ ควรหลีกเลี่ยงผนังที่เสี่ยงต่อการอับชื้น (ผนังเดียวกับห้องน้ำหรือผนังที่มีประตูหน้าต่าง)
* สัตว์เลี้ยงในบ้าน ถ้าชอบเลี้ยงสัตว์ ขนแมวจะเป็นตัวกระตุ้นโรคภูมิแพ้ได้มากกว่าขนสุนัข อย่างไรก็ตาม ไม่ควรนำเข้าห้องนอน และไม่ควรให้นั่งบนโซฟาหรือเก้าอี้ตัวโปรด * เครื่องฟอกอากาศ จะฟอกเฉพาะสิ่งที่อยู่ในอากาศ เหมาะสำหรับคนที่แพ้ขนสัตว์หรือละอองเกสร ที่มักจะปลิวว่อนในอากาศ แต่ไรฝุ่นซึ่งมีน้ำหนักมากและไม่บิน จะไม่ได้ถูกฟอกไปด้วย
ห้องครัว
* อ่างล้างจาน ไม่ควรให้มีเศษอาหาร รวมถึงจานชามที่สกปรกค้างไว้นานๆ เนื่องจากจะเป็น แหล่งอาหารของแมลงสาบ * ท่อน้ำ ระวังอย่าให้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของแมลงสาบ และหากรั่วก็ควรซ่อมแซม เพื่อไม่ให้เกิดจุดอับชื้น
* พื้นกระเบื้อง หากพบว่ามีการกะเทาะหรือบิ่นแตก ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นประตูเข้าสู่บ้านของแมลงสาบ
เรื่องโดย แพทย์หญิงลินน่า งามตระกูลพานิช ข้อมูลจาก นิตยสารบ้านและสวน ฉบับที่ 374
สารบัญค้น เรื่อง แต่งบ้าน จัดสวน ที่มีในบล็อกค่ะ คลิกที่นี่ค่ะ
Create Date : 02 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 2 กรกฎาคม 2552 13:32:52 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1361 Pageviews. |
|
|
|
|
|