19 วิธีป้องกันบ้านร้อน
หากจะมีบ้านสักหลังที่ยืนหยัดต่อสู้กับแดด ลม ฝนมาเป็นระยะเวลากว่า 19 ปี เชื่อว่าบ้านหลังนั้น คงต้องได้รับการออกแบบจากสถาปนิกอย่างพิถีพิถัน ก่อสร้างด้วยวิศวกรที่เอาใจใส่ มีการดูแลรักษาโดยเจ้าของบ้านด้วยหัวใจ เช่นเดียวกับบ้านของ H&D ที่รับใช้คุณผู้อ่าน Home Feature ฉบับนี้จึงได้สรรหาสารพัดวิธี ที่จะช่วยป้องกันบ้านจากความร้อนมาฝากกัน จะเป็นอย่างไรนั้นขอเชิญติดตามกันโดยพลัน
วางตำแหน่งบ้านและห้อง ต้องดูทิศ
1.บ้านหรืออาคารควรออกแบบให้วางตัวขวางทางทิศเหนือใต้ เพราะหลังคาและผนังจะโดนแดดน้อย และสามารถรับลมได้มากกว่าวางตัวอาคารหันไปทางทิศอื่น
2.ออกแบบแปลนบ้านแบบเปิดโล่ง(Open Plan) โดยการลดผนังที่ใช้กั้นห้องต่างๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องโถง ห้องรับประทานอาหาร เพื่อช่วยให้บ้านมีการระบายอากาศที่ดี ลมที่ผ่านเข้ามาภายในบ้านจะไหลเวียนดีขึ้น บ้านก็จะร้อนน้อยลง
3.ห้องที่มีการใช้งานน้อย เช่น ห้องเก็บของหรือโรงรถ ควรออกแบบให้ตั้งอยู่ในทิศตะวันตก เนื่องจากเป็นทิศที่ร้อนมากที่สุดของวัน เพื่อใช้เป็นแนวกันความร้อนให้กับบ้าน
4.ที่จอดรถ ลานซักล้างหรือพื้นผิวที่เป็นคอนกรีตไม่ควรอยู่เหนือลม เพราะลมจะพัดเอาความร้อนที่สะสมอยู่ในพื้นคอนกรีตเข้าสู่บ้าน
ป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าบ้าน
5.หลังคาเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่และได้รับแสงตลอดทั้งวัน ไม่ควรมีสีเข้มเพราะสะสมความร้อน และควรมีความลาดชันประมาณ 50-60 องศาเพื่อช่วยบังแดดให้กับหลังคาอีกด้าน
6.ผนังด้านใดของบ้านที่ได้รับแสงมาก ให้เลือกใช้วัสดุที่ไม่สะสมความร้อนอย่างอิฐมวลเบา หรือก่อผนังสองชั้นร่วมกับการใช้ฉนวนกันความร้อนที่ผนัง ก็จะช่วยป้องกันความร้อนได้มากขึ้น
7.ผนังชนิดอื่นๆ เช่น ผนังกระจกหรือหน้าต่างที่เป็นกระจก ควรเลือกใช้กระจกชนิดฉนวนป้องกันความร้อน เช่น กระจกสีเขียวตัดแสงหรือกระจกสองชั้น ซึ่งจะช่วยลดความร้อนที่เข้ามาในบ้านได้
8.บ้านที่ออกแบบให้มีช่องแสงเพื่อประหยัดไฟ อย่าลืมว่าสิ่งที่มาพร้อมแสงแดดคือความร้อน ดังนั้นถ้าจำเป็นต้องมีช่องแสง ควรเจาะช่องแสงเพื่อรับแสงจากทางด้านทิศเหนือดีที่สุด จะได้แสงที่ไม่ร้อน
9.ออกแบบผนังด้านที่ได้รับความร้อนมากให้มีแผงกันแดดหรือระแนงไม้ เพื่อให้กันความร้อนจากแสงกระทบกับผนังบ้านโดยตรง
ระบายอากาศร้อนจากภายในออกสู่ภายนอก
10.อากาศร้อนที่ผ่านเข้ามาในบ้านส่วนหนึ่งจะสะสมอยู่ใต้หลังคา และระบายออกที่ชายคารอบบ้าน การเจาะช่องระบายอากาศที่ชายคาควรอยู่ตรงข้ามกันในทิศเหนือและใต้ เพราะมีลมพัดผ่านประจำ ไม่ควรเจาะทุกด้าน เพราะความร้อนจะระบายออกในช่องที่ใกล้สุด จึงไม่เกิดการไหลเวียนของอากาศใต้หลังคา
11.เช่นเดียวกับการระบายความร้อนบนหลังคา ความร้อนที่เข้ามาในบ้านในระดับหน้าต่างก็ต้องมีการไหลเวียน ภายในห้องควรมีหน้าต่างอย่างน้อยสองด้าน เพื่อให้ลมที่ผ่านเข้ามามีทางออก อย่าวางเฟอร์นิเจอร์หรือข้าวของบังทางลมอากาศในห้อง จะมีการไหลเวียนเพิ่มขึ้นและช่วยลดความร้อนลงได้
12.เพื่อควบคุมการระบายอากาศให้ดียิ่งขึ้น จะติดตั้งพัดลมดูดอากาศที่ฝ้าเพดานเพื่อช่วยระบายอากาศใต้ฝ้าก็ได้ ตำแหน่งการติดตั้งพัดลมควรอยู่ตรงกันข้ามกับจุดที่มีลมพัดเข้าบ้าน
เตรียมพื้นที่ในบ้านให้เหมาะสม
13.เลือกใช้เครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับขนาดของห้อง ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป เพื่อไม่ให้เครื่องปรับอากาศทำงานหนัก และเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย
14.การเลือกเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านก็มีผลต่อการสะสมความร้อน ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เบาโปร่ง มีสีอ่อน เฟอร์นิเจอร์ที่หนาหนัก นอกจากจะเก็บความร้อนแล้วยังสะสมฝุ่นละอองอีกด้วย
15.ใช้เฟอร์นิเจอร์บิลท์อินป้องกันความร้อน เช่น ตู้เก็บหนังสือ ชั้นวางโทรทัศน์ ตู้โชว์ โดยออกแบบให้เป็นส่วนหนึ่งของผนัง เพื่อป้องกันความร้อนจากภายนอกที่ผ่านเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง
16.เลือกใช้ผนังเบาทำผนังภายในห้องปรับอากาศ จะช่วยลดความร้อนที่สะสมได้ดีกว่าผนังก่ออิฐฉาบปูน แต่กันเสียงได้ไม่ดีเท่าผนังก่ออิฐฉาบปูน
ปรับสภาพแวดล้อมรอบบ้าน เพื่อป้องกันความร้อน
17.ปลูกต้นไม้ที่มีทรงพุ่มสูง เพื่อช่วยลดอุณหภูมิจากลมร้อนภายนอกที่พัดเข้ามาในบ้าน และยังได้ร่มเงาในการป้องกันแดดให้กับบ้านได้อีกด้วย
18.ปลูกพืชคลุมดินแทนการเทคอนกรีตในบริเวณบ้าน เช่น ที่จอดรถอาจจะเปลี่ยนมาใช้บล็อกตัวหนอนที่สามารถปลูกหญ้าสลับได้
19.เปลี่ยนจากรั้วทึบเป็นรั้วโปร่ง เพื่อช่วยให้ลมสามารถพัดเข้าบ้านได้สะดวก แถมยังช่วยในเรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วย บางส่วนของรั้วที่เป็นคอนกรีตให้ปลูกไม้เลื้อย เพื่อช่วยลดความร้อนที่รั้วบ้าน
ที่มา : Home&Decor Vol.19 No.228 ภาพจาก : //www.fanpop.com
สารบัญ ตกแต่งบ้าน และ จัดสวน
Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 28 เมษายน 2553 23:47:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1490 Pageviews. |
|
|
|
|
|