เพื่อสะท้อนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ผ่านอาหารการกินของชาววังในอดีตสู่ยุคปัจจุบัน ที่เผยให้เห็นวิวัฒนาการของอาหารสตรีทฟู้ดของไทย ที่มีรากเหง้าแต่ดั้งเดิมมาจากห้องเครื่องต้นในรั้วในวัง มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ ภายใต้การกำกับดูแลของสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) จึงจะจัดงาน Night at the Museum ครั้งที่ 4 ตอน มิวเซียมกินได้ ภายใต้คอนเซปต์ กินข้างทาง...นั่งข้างวัง ระหว่างวันที่ 20-22 ธ.ค. เวลา 18.00-22.00 น. ซึ่งจะมีสาธิตวิธีการปรุงอาหารสูตรสำรับห้องเครื่องต้น รัชกาลที่ 5 พร้อมมีวางจำหน่ายให้ชิมเฉพาะในงาน อาทิ ไก่นมวัว, ข้าวในกะหล่ำปลี, ข้าวกรอบ เป็นต้น พร้อมชิมอาหารจากร้านดังกว่า 30 ร้าน ณ บริเวณมิวเซียมสยาม ถนนสนามไชย
งานนี้ ราเมศ พรหมเย็น ผอ.สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวว่า การจัดงานนี้ต้องการสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย ผ่านอาหารการกินจากอดีตสู่ปัจจุบัน โดยนำเสนอภูมิปัญญาอาหารไทยผ่านสำรับอาหารห้องเครื่องต้น รัชกาลที่ 5 ในพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระยาสุทธาสินีนาฎ ปิยมหาราชปดิวรัดา พระอัครชายาในรัชกาลที่ 5 ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น เอตทัคคะในด้านการทำกับข้าว ที่ปัจจุบันอาหารไทยที่เราคุ้นเคยและรับประทานกันในบางรายการ มีที่มาจากห้องเครื่องต้นนี้ ซึ่งได้พัฒนาประยุกต์จนกลายเป็นอาหารทั่วไปของเราในทุกชนชั้น และได้สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศว่า อาหารไทยเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในอันดับต้นๆของโลก
รศ.วีณา เอี่ยมประไพ และ ผศ.ดร.ศันสนีย์ จะสุวรรณ์ ร่วมกันถ่ายทอดสูตรสำรับอาหารของพระวิมาดาเธอฯ.
ด้าน รศ.วีณา เอี่ยมประไพ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กล่าวว่า พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ฯ ทรงเป็นผู้กำกับดูแลห้องเครื่องต้นในการปรุงพระกระยาหารถวายพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยพระองค์โปรดอาหารคาว อาทิ ไก่นมวัว, แกงเทโพและน้ำพริกกะปิ ที่ได้นำมาจัดแสดงในงานฯด้วย พระวิมาดาเธอฯ ไม่เพียงมีพระปรีชาสามารถด้านการปรุงอาหาร ยังทรงคิดสร้างสรรค์การปรุงรสชาติ คิดค้น ดัดแปลง ชนิดของพระกระยา-หารให้มีความหลากหลาย โดยมีสูตรน้ำพริกมากกว่า 50 ชนิด รวมถึงความมัธยัสถ์ของพระองค์ ที่ทรงนำเครื่องปรุงที่มีอยู่เดิม มาดัดแปลงเป็นอาหารชนิดใหม่ ส่วน ผศ.ดร.ศันสนีย์ จะสุวรรณ์ จากสถาบันเดียวกัน กล่าวว่า อาหารชาววังมีความคล้ายคลึงกับอาหารชาวบ้าน เพียงแต่ขั้นตอนการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีมีกระบวนการ และความพิถีพิถันในการปรุงการตกแต่งมีมากกว่า รวมถึงรสชาติผสมผสานกลมกล่อมแล้วแต่ชนิดอาหารว่า จะมีรสอะไรนำ รสอะไรตาม อย่างน้ำพริกตะไคร้ จะมีรสเผ็ดเล็กน้อย เค็มนำ เปรี้ยวและหวานตาม ส่วนน้ำพริกกะปิ จะต้องมี 3 รส เปรี้ยว เค็ม เท่ากันและหวานตาม เป็นต้น.