ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
การที่เราจะ ทราบว่ายาชนิดไหนไม่ถูกกับอาหารประเภทใดนั้น ถ้าอ่านหรือจำเพียงชื่อยาคงไม่ถูกต้องนัก ที่ถูกคือควรทราบว่ายาที่คุณกินนั้นมาจากตัวยาอะไร มีชื่อสามัญทางยาว่าอะไร โดยดูได้จากฉลากยา หรือที่ข้างกล่องยา หากได้รับยาจากคลินิก หรือโรงพยาบาลแล้วเขาไม่ได้ระบุชื่อสามัญทางยามาให้คุณก็มีสิทธิ์ที่จะขอและ ถามได้ ไม่มียาหรืออาหารชนิดใดที่มีแนวโน้มต่อการเกิดปฏิกิริยาต่อกันมากกว่าชนิด อื่น ซึ่งไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอนที่จะแบ่งว่ายากลุ่มไหนมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาต่อ อาหารได้มากกว่า ในความเป็นจริงแล้ว ยาบางตัวในกลุ่มสามารถเกิดปฏิกิริยากับอาหารได้ แต่ยาตัวอื่นในกลุ่มที่ใช้รักษาโรคเดียวกันอาจจะไม่เกิดปฏิกิริยาต่ออาหาร เลยก็ได้ นอกจากนี้ยาชนิดเดียวกันแต่รูปแบบยาต่างกัน พบว่าจะมีปฏิกิริยาต่ออาหารได้แตกต่างกันด้วย ตัวอย่างปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับอาหารที่พบได้บ่อย
ผู้ ที่กินยายับยั้งการสร้างเอนไซม์ Monoamine oxidase (MAO) จะมีข้อจำกัดด้านอาหารหลายอย่าง ซึ่งการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดจะช่วยลดอันตรายที่เกิดจาก ปฏิกิริยาต่ออาหารได้ โดยความดันโลหิตอาจเพิ่มขึ้นสูงอย่างรวดเร็วอันนำไปสู่การเสียชีวิตได้ ถ้ามีการกินอาหารที่มีไธรามีน (tyramine) สูง ได้แก่ เนย โคล่า เนื้อรมควัน มิโซ (ถั่วเหลืองหมัก ที่ใช้ทำซุปในอาหารญี่ปุ่น) และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ร่วมกับยายับยั้งการสร้างเอนไซม์ MAO ยารักษาโรคหอบหืด theophylline ไม่ควรกินร่วมกับอาหารที่ย่างด้วยถ่าน เนื่องจากจะไปเพิ่ม เมตาบอริซึ่มของยา ทำให้ระดับของยาในเลือดลดลง ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการรักษาและควบคุมอาการหอบหืดลดลงด้วย
ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือด warfarin ไม่ควรกินร่วมกับอาหารที่มีวิตามินเคสูง
เช่น ผักใบเขียว ตัวอย่างเช่น ผักขม บร็อกโคลี่ ชาเขียว หรือกะหล่ำปลี เป็นต้น ตับหมู และตับวัว เนื่องจากวิตามินเคจะเพิ่มการแข็งตัวของเลือด ซึ่งจะต้านฤทธิ์กัน ทำให้ประสิทธิภาพของยาลดลง เช่นเดียวกันที่ไม่ควรกินยาแก้อักเสบกับนม ที่จะต้านฤทธิ์กัน หรือที่อันตรายคือ ห้ามกินยานอนหลับกับแอลกอฮอล์ เพราะตัวยาจะตีกันเป็นอันตรายได้
เวลาในการกินยา
ยาที่กินควรกินตามเวลาที่ แพทย์ หรือเภสัชกรแนะนำ และอย่าลืมอ่านรายละเอียดที่ฉลาก หรือข้างกล่องยาด้วย เนื่องจากอาหารแม้ในปริมาณน้อย ก็สามารถมีผลกระทบต่อฤทธิ์ของยาบางชนิดได้ โดยอาจจะเพิ่ม ลด หรือทำให้ออกฤทธิ์ช้าลง ตัวอย่างเช่น การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของยารักษาวัณโรค isoniazid (INH) และ rifampicin จะช้าลงหรือลดลง ถ้ามีอาหารอยู่ด้วย ดังนั้นจึงควรกินตอนท้องว่าง นั่นคือ กินก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง ในทางกลับกัน การดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของยายับยั้งเชื้อรา griseofulvin และยายับยั้งเชื้อแบคทีเรีย nitrofurantoin จะเพิ่มขึ้นถ้ามีอาหารอยู่ด้วย
ตาม ปกติยาก่อนอาหารควรกินล่วงหน้าก่อนถึงมื้ออาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และยาหลังอาหารควรกินหลังอาหาร 1 ชั่วโมง แต่ก็ยังมียาอีกหลายชนิดที่ระบุว่าต้องกินหลังอาหารทันที หรือระหว่างอาหาร คุณควรใส่ใจในการกินยาให้มากขึ้นด้วย ถ้ารู้สึกผิดปกติหลังกินยา
ควรไปหาหมอทันที ถ้ามีอาการผิดปกติเกิดขึ้นหลังจากรับประทานยา เพราะอาจมีหลายสาเหตุที่เกิดขึ้นได้ เช่น คุณเองแพ้ยา ยาที่กินลงไปตีกันเอง หรือเกิดจากปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับอาหาร โดยอาการที่เกิดอาจเป็นน้อยๆ ตั้งแต่ มีผื่น คัน ปวดศีรษะ มึนงง รู้สึกร้อนวูบวาบ ซึ่งสามารถหายไปได้เองหรือจากการกินยารักษา บาง ครั้งปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับอาหาร อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงเช่นอาเจียน ความดันโลหิตลดต่ำลง หรือจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ จึงไม่ควรชะล่าใจถ้ารู้สึกมีความผิดปกติเกิดขึ้น
เปลี่ยนยา
การหลีกเลี่ยง ปฏิกิริยาต่อกันระหว่างยากับอาหาร อาจทำได้โดยการเปลี่ยนยา ทำตามข้อแนะนำอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ไม่ควรเปลี่ยนยาที่กินเอง แต่เป็นหน้าที่ของหมอที่คุณไปปรึกษา เป็นคนตัดสินใจในการปรับเปลี่ยนขนาดยาหรือเปลี่ยนยาให้เหมาะสม ที่ยังมีฤทธิ์ในการรักษาเหมือนเดิม แต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนกับบางอย่าง เช่น ยาที่เปลี่ยนให้ใหม่อาจมีประสิทธิภาพน้อยลง ราคาแพงขึ้น หรือมีอาการข้างเคียงอย่างอื่นแทน ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณเองร่วมด้วย โดยควรถามหมอของคุณให้ละเอียด
กินยาอย่างปลอดภัย
- อ่านฉลากยาก่อนใช้ทุกครั้ง ถ้าสงสัยควรถามแพทย์หรือเภสัชกร - อ่านวิธีการใช้ คำเตือน ปฏิกิริยาที่มีต่ออาหารหรือยาตัวอื่น ข้อระวัง ในเอกสารยาที่แนบมา - กินยาพร้อมน้ำเปล่า 1 แก้วเต็ม เพื่อเพิ่มการดูดซึม ยกเว้นมีระบุไว้เป็นอย่างอื่น - ไม่ควรผสมยาลงในอาหารที่กิน เนื่องจากอาจไปเปลี่ยนแปลงการออกฤทธิ์ของยาได้ - ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนที่จะกินวิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพราะอาจมีผลต่อยาที่กินได้ - ไม่ควรผสมยากับเครื่องดื่มร้อน เพราะจะทำลายประสิทธิภาพของยา - ห้ามกินยากับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
|