เปิดใจรับ "ความสุข"






















































เปิดใจรับความสุข

ช่างเขียนรูปผู้หนึ่งซึ่งไม่ปรารถนาจะเรียกตนว่า
"ศิลปิน"
เล่าให้ฟังว่า ครั้งหนึ่งชีวิตเคยมืดมนที่สุด
ถึงขนาดลงมือฆ่าตัวตายมาแล้ว

วันนั้น เขาขึ้นไปถึงบนดาดฟ้าชั้นที่ 36 เตรียม
จะโดดลงมาขาข้างหนึ่งยื่นออกไปนอกระเบียงแล้วแต่เมื่อชะเง้อมองลงไปข้างล่าง
ก็เห็นคนสองคนกำลังคุยอยู่ตรงจุดที่เขาจะกระโดดลงมาพอดี


ตอนนั้นเอง ที่คำสอนของแม่ผุดขึ้นมาในใจว่า
จะทำอะไรก็ตามอย่าให้คนอื่นเดือดร้อน
เขาจึงชะงักเพราะกลัวว่าถ้าโดดลงไปสองคนนั้นคงตายไปกับเขาด้วยอย่างไม่รู้อิ
โหน่อิเหน่

ช่วงที่เขาชะงักและเปลี่ยนจุดกระโดดนั้นเอง
ก็เหลือบไปเห็นท้องฟ้าเบื้องหน้าใสสว่างกระจ่างตา
ความคิดหนึ่งวูบขึ้นมาทันทีว่า
ชีวิตก็มีด้านที่สดใสเหมือนกันไม่ใช่มืดมนไปเสียหมด
ฉับพลันความรู้สึกของเขาก็โปร่งเบา ความกลัดกลุ้มจางไป

ใช่แล้วชีวิตยังมีหวัง ชีวิตไม่ใช่มีแต่เรื่องทุกข์รุมใจ
แม้ในยามระทมชวนสิ้นหวัง ก็ยังมีประกายแห่งความสุขให้เราชื่นชมได้ทุกเวลา
เป็นแต่ว่าเราจะลืมตาหรือเปิดใจรับความสุขเหน้านั้นหรือไม่































พิธีกรหญิงผู้หนึ่งเล่าว่า

เธอเลิกฆ่าตัวตายเพราะ
ขณะเดินไปที่ระเบียงได้เห็นลำแสงแรกของดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าเป็นสัญญาณ
บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของวันใหม่

ใช่ชินะ โลกมิอาจมืดมิดไปตลอด ไม่นานก็ต้องสว่างไสวใหม่
ชีวิตก็เช่นกัน สามารถเริ่มใหม่ได้เสมอ ไม่มีวันอับจนหนทาง

จะว่าไปแล้ว
ความทุกข์และความสุขของชีวิตหาได้อยู่ถัด กันดังกลางคืนและกลางวันไม่
แท้ที่จริงความ ทุกข์และความสุขอยู่เคียงคู่กัน
ในยามทุกข์
ความสุขก็อยู่รอบตัวเราแล้ว ใช่ว่าจะตามมาภายหลังก็หาไม่เป็นแต่ว่าเราไปฉวย
เอาเรื่องร้ายมาครองใจ

ความสุขจึงแทรกเข้ามาไม่ได้
แต่หากเราวางเรื่องร้ายนั้นเสียหรือน้อมเอาสิ่งดีงามมาใส่ใจ ความสุขก็
อยู่ไม่ไกลหากรู้จักหา หญิงผู้หนึ่งอยู่ใกล้ความตายทุกขณะ
แต่ในยามนั้นเธอหาได้ทุรนทุรายไม่ สิ่งเดียวที่ให้ความหวังและกำลัง
ใจแก่เธอก็คือต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีดอกตูมอยู่ 2 ดอกใกล้หน้าต่าง
เธอชอบคุยกับไม้ต้นนั้น และต้นไม้ก็บอกเธอวา "ฉันอยู่
นี่ ฉันอ ยู่นี่ ฉันคือชีวิตนิรันดร์"
































ถึงที่สุดแล้ว สุขทุกข์นั้นอยู่ที่ใจ

เราจะสุขหรือทุกข์อยู่ที่ว่าใจไปจดจ่อกับอะไร จะเปรียบไป
ใจเราก็ไม่ต่างจากโทรทัศน์ร้อยช่อง บางช่องมีแต่เรื่องสยดสยอง
บางช่องชวนให้หม่นหมองเคียดแค้น ชิงชัง
แต่ก็มีบางช่องที่ดูแล้วเพลินใจมีความหวังกับชีวิต
ปัญหาอยู่ตรงที่เราจะเลือกดูช่องอะไร

คนเป็นอันมากดูแต่ช่องที่ชวนให้หม่นหมอง ยับคั้นใจแต่ทั้ง ๆ
ที่รู้สึกแย่ ก็ไม่ยอมเปลี่ยนไปดูเรื่องที่เจริญตาเจริญใจ
ไม่ต้องถึงขั้นมีพระมาเทศน์หน้าจอหรอก
แค่เรื่องสัตว์โลกผู้น่ารักหรือท่องธรรมชาติก็ช่วยได้มากแล้ว

เราจดจ่อกับเรื่องทุกข์รันทดมานานแล้ว ไยไม่หันเห
จิตใจไปรับรู้กับเรื่องงดงามชุบชูใจบ้าง
ไม่ต้องไปไกลถึงหมู่เกาะอ่างทองหรทอดอยอินทนนท์ก็ได้ เสียงนกร้องยามเช่า
ดอกหญ้าที่ชูช่อจากรอ ยหินแตก
ทารกที่แย้มยิ้มไร้เดียงสาควาทมสุขเหล่านี้มีให้เห็นมากมายตามรายทางมิใช่
หรือ


ลองเปิดใจรับความสุขเหล่านี้ให้เต็ม
หัวใจเถิด ชีวิตเราจะเบาขึ้นมากเลย









Free TextEditor





















































Create Date : 11 เมษายน 2553
Last Update : 11 เมษายน 2553 22:17:55 น. 0 comments
Counter : 298 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.