นิทานชวนคิด
















































นิทานชวนคิดเรื่องที่ 1

อีกาตัวหนึ่งเกาะนิ่ง อยู่บนกิ่งไม้สูงตลอดทั้งวันโดยไม่ทำอะไร

กระต่ายตัวหนึ่ง เดินผ่านมาเห็นเข้าจึงถามว่า "ฉัน
อยากจะอยู่นิ่งเฉย และไม่ทำอะไรทั้งวันเหมือนท่านบ้างได้ไหม?"


อีกาส่งเสียงร้องตอบลงมาว่า "อ๋อ!
ได้แน่นอนไม่มีใครห้ามแต่อย่างใด"


ดังนั้นกระต่ายจึงนอนหมอบนิ่งอยู่บนพื้นหญ้าใต้ต้นไม้ที่อีกาเกาะอยู่
แล้วพักผ่อนไปเรื่อยๆ ไม่นานนัก ก็มีหมาจิ้งจอกตัวหนึ่ง เดินผ่านมาพบเข้า
มันจึงกระโดดเข้าขย้ำ และกินกระต่ายตัวนั้น เป็นอาหาร

ข้อคิดจากเรื่องนี้ ถ้าอยากจะอยู่นิ่งเฉย โดยไม่ทำอะไรเลย
จะต้องอยู่ในที่สูงสุด

(สังเกตว่า หัวหน้า คือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งสูง
แล้วมักจะไม่ทำอะไร ก็อยู่รอดได้)











นิทานชวนคิดเรื่องที่ 2

พ่อไก่งวงตัวหนึ่ง ปรารภกับพ่อวัว
"ฉันอยากจะขึ้นไปอยู่บนยอดต้นไม้ต้นนั้น" พูดพลางถอนใจพลาง "แต่
ฉันไม่มีกำลัง เพียงพอจะบินถึง"


"ถ้าอย่างนั้น ทำไมไม่ลองกิน อุจจาระของฉันดูบ้างล่ะ" พ่อวัวกล่าวแนะ


"อุจจาระวัว อุดมด้วยสารอาหารมากมายนะ" พ่อไก่งวงลองจิกกิน อุจจาระวัว
ที่กองอยู่บนพื้นแล้วพบว่า ทำให้มันมี
พละกำลังมากขึ้นพอบินถึงกิ่งแรกของต้นไม้

วันต่อมามันจึง จิกกินอุจจาระวัวมากขึ้นอีก แล้วสามารถบิน
ถึงกิ่งที่สองของต้นไม้พ่อไก่งวงทำอย่างนั้น อยู่สองสัปดาห์

จนกระทั่งในที่สุด บินขึ้นไปเกาะอยู่ บนกิ่งไม้สูงสุดอย่างภาคภูมิใจ
ต่อมาไม่นาน ชาวนาผู้หนึ่งแลเห็น พ่อไก่งวงเป็นเป้าเด่นชัด จากที่ไกล
จึงยิงมันร่วง ตกจากยอดไม้ด้วยปืนยาว

จงรู้ไว้ว่า แม้การใช้วิธีสกปรก
จะส่งให้ขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ก็ตาม แต่จะไม่คุ้มครอง
ให้อยู่ที่นั่นได้ตลอดไป











นิทานชวนคิดเรื่องที่ 3

เมื่อครั้งอวัยวะต่างๆ รวมตัวกันเป็นร่างกายมนุษย์ในครั้งแรก
อวัยวะแต่ละส่วน ของร่างกายต่างต้องการ จะเป็นเจ้านายใหญ่

สมองพูดขึ้นว่า "ฉันควรจะเป็นนายใหญ่
เนื่องจากฉันควบคุม การทำงานทุกส่วน ของร่างกาย"


เท้าสองข้างแย้งว่า "เราสิควรจะเป็นนายใหญ่ เพราะเราพาสมอง
ไปไหนมาไหน และนำร่างกาย ไปสู่จุดหมายได้"

มือสองข้าง จึงพูดบ้างว่า"เราต่างหาก ที่ควรเป็นนายใหญ่
เพราะเราทำงานทุก อย่าง และหาเงินมาเลี้ยงร่างกาย"

อวัยวะทั้งหลายต่างแสดงความเห็น และอ้างเหตุผลกันไปเรื่อย
จนกระทั่งทวารหนัก พูดบ้างว่าตัวเองควรเป็นนายใหญ่

ซึ่งทำให้อวัยวะอื่นๆ พากันหัวเราะเยาะ ดังนั้นทวารหนัก
จึงเริ่มประท้วงด้วยการหยุดนิ่งไม่ทำงานถ่ายอุจจาระ ภายในเวลาไม่นาน
ตาเริ่มเหร่ มือเริ่มบิดเกร็ง เท้าเริ่มกระตุก หัวใจและปอดเริ่มหวาดผวา
สมองเริ่มมีไข้

ในที่สุดอวัยวะทุกส่วน จึงตัดสินใจมอบให้ทวารหนัก
เป็นนายใหญ่ของร่างกายกระบวนการต่างๆ ในร่างกายจึงดำเนินต่อ ได้ตามปกติ

นับแต่นั้นมา อวัยวะทั้งหลาย ช่วยกันทำงานสำคัญ
ของร่างกายอย่างเต็มที่ ในขณะที่ทวารหนัก ซึ่งเป็นนายใหญ่ เพียงแต่อยู่เฉยๆ
คอยระบายของเสียออกจากร่างกายเท่านั้น

ข้อคิดจากเรื่องนี้ (ต้องคิดหลายชั้นหน่อยนะครับ) การ
เป็นเจ้านายที่ดี ไม่จำเป็นต้องอาศัย ความฉลาดปราดเปรื่องมากนักหรอก
เพียงสนับสนุนลูกน้อง ให้ทำงานเต็มความสามารถ อย่างมีความสุขก็เพียงพอแล้ว








Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:13:42 น.
Counter : 355 Pageviews.  

ข้อควรระวัง ถ้าไม่อยากโดน รถถูกขโมย


























































































หากท่านมีรถใหม่ ควรติดตั้งอุปกรณ์
กันขโมยเพิ่มเติม เช่น


เปลี่ยนกุญแจใหม่

ติดตั้ง ชุดล็อคเกียร์

ล็อคครัช

ล็อคพวงมาลัย

และสัญญาณกันขโมย


คนร้ายชอบขโมยรถใหม่ๆ เนื่องจากขายต่อได้ง่าย มีราคาสูง โดนเฉพาะ บรรดารถ
ยอดนิยมต่างๆ


อาทิ รถปิคอัพ รถขับเคลื่อน 4 ล้อ และรถเก๋งรุ่นใหม่ๆ
เมื่อเจ้าของรถได้รถมาใหม่ มักยัง ไม่ติดตั้งอุปกรณ์กันขโมย


เมื่อจอดไว้ในที่ไม่ปลอดภัย คนร้ายฉวยโอกาส โจรกรรมรถ ไปได้โดยง่ายๆ





























ซื้อรถมือสอง


เมื่อท่านจะ ตกลงซื้อรถเก่า จากเจ้าของ หรือจากผู้ขาย ตามเต็นท์ขายรถต้องขอ
หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวถัง และสำเนาทะเบียนรถ มาตรวจสอบ
กับทะเบียนรถในท้องถิ่นที่ รถนั้นจดทะเบียน ไว้เสียก่อน

เพราะอาจเป็นรถ ที่ไม่ถูกต้อง หรือขโมย


มาสวมทะเบียนเมื่อซื้อรถมาแล้ว ควรต้องเปลี่ยนกุญแจ และติดตั้งอุปกรณ์
กันขโมยเช่นเดียวกับ รถใหม่พึงระมัดระวัง ระลึกอยู่เสมอว่า
คนร้ายจ้องรอโอกาส ขโมยรถของ ท่านอยู่





























จอดรถต้องระวัง


การจอดรถไม่ว่ าจะจอดในที่ ส่วนบุคคล ที่สาธารณะ แม้จอดทิ้งไว้
ระยะสั้นหรือ นานเพียงใด เพื่อไป ทำธุระ หรือทำงาน ก็ตาม ไม่ควร
จอดไว้ห่างไกล ควรมีคนเฝ้าดูแลหรือยาม รปภ.

ก่อนทิ้งรถ ควรไปตรวจสอบ


การล็อคกุญแจประตู และใช้ อุปกรณ์ กันขโมย ให้ครบถ้วน อย่าทิ้งทรัพย์สิน
สิ่งของมีค่า ไว้ในรถ ล่อตาคนร้าย บางครั้งรถ ไม่หายแต่ ของหาย





























จอดรถในบ้าน-นอกบ้าน


- จอดรถในบ้านต้องเอาท้ายรถออกนอกบ้าน ล็อครถและใฃ้อุปกรณ์กันขโมย


-
ติดตั้งโคมไฟให้ส่องสว่างให้มองเห็นทั้งในและนอกรั้วบ้านหากจำเป็นต้องจอดรถ
นอกบ้าน ควรจอดชิดขอบทางหน้าบ้าน ให้มองเห็นได้ ล็อคกุญแจและอุปกรณ์กันขโมย



- ควรร่วมมือกับเพื่อนบ้านใกล้เคียงช่วยกันจ้างยามรักษาความปลอดภัยดูแล
และให้ทุกคนในบ้านช่วยกันดูแล ซึ่งกันและกันด้วย





























หากมีความจำเป็นต้องจอดรถยนต์ไว้บนถนนหน้าบ้าน


ควรมียาม รักษาความ ปลอดภัย เผ้าดูแลรถ ตลอดเวลา โดยประสาน ความร่วมมือ
กับเพื่อนบ้าน ใกล้เคียง ที่ใช้รถ และจอดรถไว้ ในลักษณะเดียวกัน
เพื่อช่วยเหลือกัน ในเรื่องค่าจ้าง ของยามรักษา ความปลอดภัย





























ข้อควรระวังในการจอด


- อย่าจอดรถทิ้งไว้ค้างคืนบนถนน
ไม่ว่าจะมีเครื่องป้องกันการโจรกรรมรถชนิดใดก็ตาม


- อย่าทิ้งกุญแจรถไว้ที่รถ เมื่อจอดรถลงไปทำธุระไม่ว่ากรณีใดก็ตาม





























ระวังการนำรถไปซ่อม-รับบริการ


-
แก็งค์คนร้ายอาจจะเป็นช่างซ่อมรถหรือผู้ให้บริการตามอู่ซ่อมรถหรือสถาน
บริการบำรุงรักษารถ มีความชำนาญระบบกลไก ของรถ


อาจลักลอบทำกุญแจผี หรือทำลายระบบกันขโมย
แล้วติดตามไปโจรกรรมรถของท่านในภายหลัง จึงควรระมัดระวัง


- ควรอยู่ดูแลการซ่อมหรือการบริการอื่นๆ อย่างใกล้ชิด


- หากจำเป็นต้องทิ้งรถไว้ให้ซ่อม หรือบำรุงรักษา จะต้องเป็นผู้คุ้นเคยหรือ
ไว้ใจได้เท่านั้น





























กุญแจรถ เรื่องสำคัญ


มีรถบางชนิด ใช้กุญแจ รถดอกเดียวกัน สำหรับเปิด ประตู ติดเครื่องยนต์
เปิดลิ้นชัก และฝาน้ำมัน ดังนั้นเมื่อ ฝาน้ำมันหาย


อาจเป็นไป ได้ว่าคนร้าย ได้นำไปเพื่อ ทำแบบสร้างกุญแจปลอม

สำหรับ นำมาใช้ในการโจรกรรม


ฉะนั้น หากฝาถังน้ำมันหาย ควรรีบเปลี่ยนกุญแจ ที่ใช้กับรถเสียใหม่ โดยใช้
กุญแจที่ใช้ เฉพาะแห่งเท่านั้น และเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ





























ระวัง การใช้อุปกรณ์กันขโมย


เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ กันขโมยแล้ว การใช้ อุปกรณ์ ต้องเก็บเป็นความลับเฉพาะ
ผู้ที่ไว้ใจได้ เพราะอุปกรณ์บางอย่าง ใช้รหัสเฉพาะ หรือ สัญญาณรีโมท


การไปจอดรถในที่ต่างๆ จึงควรระวัง คนร้ายอาจคอย สังเกตวิธีการ ใช้อุปกรณ์
กันขโมยของท่านและ ติดตามไปหาโอกาส โจรกรรมรถ ของท่าน ในภายหลัง





























รถคุณถูกติดตามจะทำอย่างไร


กรณีสังเกตรู้ว่า มีผู้ขับรถ ติดตาม
รถท่านให้สันนิษฐานว่าเป็นคนร้ายไว้ก่อน

เพราะอาจ ตามไป ฉวยโอกาส ขโมยรถ เมื่อท่านจอดรถ ทิ้งไว้ ในที่ไม่ปลอดภัย

หรือ อาจประทุษร้ายต่อ ชีวิต ร่างกาย และทรัพย์สินของท่าน

ดังนั้น เมื่อรู้ว่า ถูกติดตาม


จึงควรป้องกัน โดยพยายาม ขับรถ เข้าไปใน เขตชุมชน ขอความช่วยเหลือ
และแจ้งเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ที่ใกล้ที่สุด โดยด่วน





























จดจำตำหนิรูปพรรณ


ท่านควรจดจำ ข้อมูล รายละเอียด เกี่ยวกับรถของท่าน ไว้ให้มากที่สุด
โดยเฉพาะ ตำหนิ รูปพรรณ พิเศษอื่นๆ โดยถ่าย เอกสาร ทะเบียนรถ เก็บไว้
รวมทั้ง ถ่ายรูปรถของท่าน ให้ปรากฏรอยตำหนิพิเศษ เก็บรักษา ไว้เป็น หลักฐาน


กรณีรถหาย จะได้นำมาแจ้งให้ตำรวจตรวจสอบ


สกัดจับ ได้อย่างรวดเร็ว ทันการณ์ หากรถ ของท่าน ยังไม่มีตำหนิ
ควรทำขึ้นไว้ในจุดที่ผู้อื่น ไม่สามารถ สังเกตเห็นและจดจำ ไว้ให้แม่นยำ





























รถจักรยานยนต์ต้องล็อคล้อล่ามโซ่


เนื่องจากมีสถิติ รถจักรยานยนต์ หายมากที่สุด เพราะคนร้ายขโมยไปได้ง่าย
หรือยกขึ้นรถอื่น ได้สะดวก การจอด รถจักรยานยนต์

นอกจากจะ ล็อคกุญแจคอ


กุญแจล้อแล้ว ควรล่ามโซ่ ไว้ให้แข็งแรงด้วย และอย่า จอดทิ้งไว้
ในที่เปลี่ยว หรือที่ลับตา








ด้วยความห่วงใย...


ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปร.ตร.)






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:11:47 น.
Counter : 338 Pageviews.  

ดื่มชาอย่าใส่นม รักษาคุณค่าต่อหัวใจ



















































เอเจนซี - นักวิจัยเมืองเบียร์ชี้การเติมนม


เอเจนซี - นักวิจัยเมืองเบียร์ชี้การเติมนม
จะทำให้คุณประโยชน์ในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจจากการดื่มชาขาดหายไป


งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า ชาช่วยทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น
และทำให้ เส้นเลือดใหญ่ขยาย อย่างไรก็ดี
นักวิจัยจากโรงพยาบาลคาริตของมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน เยอรมนี
พบว่านมทำให้ประโยชน์ของชาในการปกป้องโรคหัวใจหมดไป


ชาเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดทั่วโลกรองจากน้ำ ดังนั้น
ประโยชน์ของชาจึงมีความสำคัญในแง่สาธารณสุข กระนั้น
จนถึงขณะนี้กลับไม่มีใครรู้ว่า การเติมนมลงไปในชาจะให้ผลอย่างไร


ดร.เวเรนา สแตงล์ ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจของโรงพยาบาลคาริต
และทีมนักวิจัยพบว่า โปรตีน casein ในนมทำให้ปริมาณสาร catechin
ที่มีฤทธิ์ปกป้องโรคหัวใจลดลง




















ผลการค้นพบซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารยูโรเปียน


นักวิจัยทีมนี้เชื่อว่า ผลการค้นพบซึ่งตีพิมพ์อยู่ในวารสารยูโรเปียน
ฮาร์ต เจอร์นัล สามารถอธิบายได้ว่า
เหตุใดประเทศอย่างอังกฤษที่ประชาชนนิยมดื่มชาใส่นม
จึงไม่มีสถิติว่าการดื่มชาช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดหัวใจ


นักวิจัยเปรียบเทียบผลต่อสุขภาพจากการดื่มน้ำอุ่น
ชาแบบเติมนมและไม่เติมนมกับผู้หญิงสุขภาพดี 16 คน
โดยใช้อุลตราซาวด์ดูเส้นเลือดใหญ่บริเวณข้อมือก่อนและหลังดื่มชา 2 ชั่วโมง


สิ่งที่พบคือ
ชาดำทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับการดื่มน้ำอุ่น
แต่เมื่อเติมนมลงไป คุณประโยชน์นั้นจะหายไปทันที


การทดสอบกับหนูได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน กล่าวคือการกินชาดำ
กระตุ้นให้ร่างกายของหนูผลิตสารไนตริกออกไซด์ที่ช่วยให้หลอดเลือดขยายตัว
แต่เมื่อเติมนมลงไปในชา ปรากฏว่าไม่มีปฏิกิริยาดังกล่าวเกิดขึ้น










รู้กันว่าชามีฤทธิ์ต่อต้านโรคมะเร็ง


นอกจากนั้น ยังเป็นที่รู้กันว่าชามีฤทธิ์ต่อต้านโรคมะเร็ง
การศึกษานี้จึงอาจมีนัยต่อเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

"การที่นมทำให้กิจกรรมชีวภาพของสารประกอบในชาเกิดการเปลี่ยนแปลง
จึงมีแนวโน้มว่า
ผลในการต่อต้านเนื้อร้ายของชาอาจมีปฏิกิริยากับนมเช่นเดียวกัน ดังนั้น
จึงควรศึกษาต่อไปเพื่อหาความเชื่อมโยงระหว่างการดื่มชากับการต่อต้านมะเร็ง
ว่า การเติมนมส่งผลแบบเดียวกับกรณีนี้ด้วยหรือไม่"
ดร.สแตงล์ทิ้งท้าย




















ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:09:31 น.
Counter : 272 Pageviews.  

อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่





































































อัพเดท 3 เทคนิคชะลอแก่ กุญแจไขสู่ความสวย
เหนือกาลเวลา!!


เทรนด์ฮอตมาแรงทั่วโลกในขณะนี้ คงหนีไม่พ้นการใส่ใจดูแลสุขภาพ แม้แต่
ในสังคมจังค์ฟู้ดแบบอเมริกัน ก็ยังรณรงค์ให้ชาวมะกันลด-ละ-เลิก
เปลี่ยนวิถีการบริโภคใหม่
หันมาคอนเซิร์นเรื่องสุขภาพกันมากขึ้น
โดยมีเหล่า ซุปเปอร์สตาร์ฮอลลีวูดเป็นผู้ปลุกกระแสฮิต!!


สำหรับในโลกของความงาม นอกจากการดูแลผิวพรรณให้เปล่ง ปลั่งดูสดใสแล้ว
วงการแพทย์ยังพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง ที่จะคิดค้นพัฒนาเทคนิค
และนวัตกรรมใหม่ๆเพื่อชะลอความแก่ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว
สัปดาห์นี้ขอเอาใจคนกลัวแก่ โดยเฉพาะ ด้วยการอัพเดท 3
เทคนิคใหม่คืนความอ่อนเยาว์...เอ๊าะอยู่แล้วหรืออยากเอ๊าะกว่าเก่า
ก็ควรอ่าน!!








ฉีดสเต็มเซลล์ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์


นวัตกรรมนี้อัพเดทร้อนจี๋จากการประชุมวิชาการประจำปี ด้านเวชศาสตร์
ชะลอวัยและผิวพรรณกับความงามระดับโลก ที่ประเทศฝรั่งเศส โดย พญ. ฐานิสร
ธรรมลิขิตกุล เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้นว่า วงการแพทย์ความงามทั่วโลก
กำลังตื่นตัวกันมากกับการพัฒนาหานวัตกรรมใหม่ๆ


เพื่อชะลอความแก่ เพราะนับ วันคนเราจะกลัวแก่มากขึ้น
และอยากคงความเป็นหนุ่มเป็นสาวไว้ให้นานที่สุด คุณหมอบอกว่า
การประชุมในปีก่อนๆ พูดกันเยอะเรื่องฉีดคอลลาเจนของสัตว์
หรือสารสกัดจากแบคทีเรีย
เพื่อลดริ้วรอย
และเติมเต็มเนื้อเยื่อส่วนที่สูญเสียไป ให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ขึ้น





























แต่ในการประชุมครั้งล่าสุด


วงการแพทย์โลกกำลังไปไกลกว่านั้นหลายเท่า เพราะมีวิธีชะลอความแก่แบบใหม่
ที่น่าสนใจมากคือ การรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด หรือสเต็มเซลล์ ซึ่งแพทย์
ความงามเชื่อว่าจะสามารถชะลอวัยให้อ่อนเยาว์ได้ถึง 10 ปี!!
นวัตกรรมนี้จะอาศัยกระบวนการภายในของร่างกาย


จัดการกับความบกพร่องที่สูญเสียไปกับความชรา หรืออธิบายง่ายๆว่า
เป็นการใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ที่เสื่อมของร่างกาย
ซึ่งขณะนี้วงการแพทย์พัฒนาไปถึงขั้นสามารถใช้ สเต็มเซลล์ จากส่วน
ต่างๆของร่างกาย ตัวเอง เช่น ไขกระดูก, เลือด หรือไขมัน มาเพาะเลี้ยง
และฉีดกลับเข้าไปในร่างกาย
เพื่อฟื้นฟูเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง


อย่างไร ก็ดี แม้เทคนิคนี้จะได้รับความนิยมในยุโรป และอเมริกา
แต่สำหรับชาวเอเชีย รวมถึงบ้านเรา ยังต้องศึกษาถึงข้อดีข้อเสียอีกมาก รวม
ถึงสนนราคาที่แพงลิ่ว ครั้งละหลายแสน!!































นวดระบายน้ำเหลือง ขับสารพิษ-หน้าเต่งตึง


การนวดระบายน้ำเหลือง หรือ Manual Lymphatic Drainage ใช้การ
สัมผัสและกดที่ต่อมน้ำเหลือง ช่วยล้างพิษให้ร่างกายด้วยการกำจัด
ของเสียออกเร็วขึ้น และช่วยบรรเทาอาการบวมน้ำ
เป็นศาสตร์เก่าแก่ที่ได้รับความนิยมแพร่ หลายในยุโรป คิดค้นขึ้นโดย
ดร.เอมิล วอดเดอร์ แพทย์ชาวเดนมาร์ก เมื่อต้นทศวรรษ 1930
เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคหวัดเรื้อรัง


ต่อมาได้พัฒนาเทคนิคช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบต่อมน้ำเหลือง
ให้ร่างกายทำงานมีประสิทธิภาพขึ้น, ลดปัญหาระบายการอุดตันในท่อน้ำเหลือง
และดีท็อกซ์สารพิษออกจากร่างกาย

นอกจากจะช่วยบำบัดรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาระบบต่อมน้ำเหลือง เช่น
ไซนัสเรื้อรัง และต่อมน้ำเหลืองโตแล้ว


การนวดระบายน้ำเหลือง
ยังสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในเรื่องการชะลอความแก่ได้ด้วย
โดยเฉพาะริ้วรอยใต้ตา เพราะทางการแพทย์เชื่อว่า
การไหลเวียนที่ดีของต่อมน้ำเหลือง จะช่วยให้ผิวพรรณสดใส
ลดอาการตาบวมและหน้าบวม

สำหรับในเมืองไทย ศาสตร์แขนงนี้ยังไม่มีการศึกษากันอย่างจริงจัง


และเพิ่งจะมีการเปิดหลักสูตรสอนการนวดระบายน้ำเหลือง ตำรับ ดร.วอดเดอร์
ขนานแท้ โดย อ.ไฮโม รีเกอร์
ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดระบายน้ำเหลืองชาวออสเตรีย
ซึ่งเป็นหนึ่งในอาจารย์ประจำสถาบันวิตลิงเกอร์ เธราพี เซ็นทรัม
ประเทศออสเตรีย


นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทย ที่มีผู้เชี่ยวชาญตัวจริงระดับโลก
มาถ่ายทอดวิชาทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติ เข้มข้นต่อเนื่อง 60 ชั่วโมง รวม 1
อาทิตย์ จัดโดยสถาบันสุขภาพ ปราณยาม ระหว่างวันที่ 22-28 ม.ค.นี้
สนใจสำรองที่นั่งล่วงหน้าโทร.08-1825-6670...แล้วคุณจะทึ่งกับความมหัศจรรย์
ของศาสตร์แขนงนี้.





























นวัตกรรมโมเลกุลใหม่ชะลอความร่วงโรย


วงการเครื่องสำอางทั่วโลก กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าการฟื้นฟูผิวพรรณครั้งใหญ่
หลังจากมีการค้นพบอานุภาพของ เรตินอล ในการต่อต้านริ้วรอย เมื่อ 7
ปีก่อน และล่าสุด ทางสถาบันวิจัยลังโคม ก้าวเขยิบขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อประสบความสำเร็จในการพัฒนานวัตกรรมโมเลกุลใหม่ ProXylane
เพื่อประสิทธิผลด้านการชะลอความร่วงโรยที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น


โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาโมเลกุลใหม่นี้จากการเลียนแบบโครงสร้างของน้ำตาล
ซีโรส
ซึ่งเป็นน้ำตาลธรรมชาติชนิดเดียวกับที่มีในผิวคนเรา
และเป็นตัวทำให้เกิดการสังเคราะห์ไกลแคน
สารสำคัญที่สร้างความหนาแน่นให้ผิวพรรณ
และทำหน้าที่ค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิวที่ทรุดลงตามวัย
ให้กลับมาแข็งแรงขึ้นอีกครั้ง










จากการทดลองพบว่า


โมเลกุลต้านความร่วงโรยที่ค้นพบล่าสุด
สามารถซึมผ่านเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก และทำหน้าที่เสมือนน้ำตาลซีโรส
ช่วยทำให้โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น และผิวชั้นในมีความหนาแน่นขึ้น
สอดคล้องกับคำพูดของ ศ.แมทธิว เอ. นูเจนท์ อาจารย์สาขาชีวเคมี
มหาวิทยาลัยบอสตัน
และผู้เชี่ยวชาญด้านสารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อค้ำจุนผิวว่า


เมื่อคนเราอายุมากขึ้น
สารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อที่ทำหน้าที่ค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิวอ่อนแอลง
และเสื่อมทรุดลง ผลลัพธ์คือ ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น
เริ่มหม่นหมองและแห้งกร้าน ถ้าต้องการต่อสู้กับความร่วงโรย
จำเป็นต้องปฏิบัติการกับสารระหว่างเซลล์เนื้อเยื่อค้ำจุนโครงสร้างชั้นผิว
นี้โดยตรง.









ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:07:33 น.
Counter : 282 Pageviews.  

5 เรื่องบนเตียงแบบผู้หญิง

























































1. ไม่มีเวลาสร้างความผูกพัน


ใครก็ตามที่เคยอยู่ในห้วงความรักหรือใช้เวลาคบหาดูใจกันได้เป็นระยะเวลาที่
นาน จะรู้ว่า การที่จะรักษาความสัมพันธ์ให้ยืนยาวได้ แต่ละฝ่ายต้อง
อุทิศตัว และเต็มใจ ยอมรับกิจกรรมในชีวิตของอีกฝ่าย


การอุทิศตัวในลักษณะข้างต้น
ดูเหมือนไม่ใช่สิ่งที่ผู้หญิงกลุ่มนี้จะมีเวลาทนได้ บางทีเธอรู้สึกว่า
ตัวเองอยากจะทุ่มเทเวลาให้กับงานเพื่อความก้าวหน้าในงานอาชีพ
มากกว่าที่จะเสียเวลาให้กับแฟนหนุ่ม ซึ่งเวลาจะต้องหมดไปกับการเอาอกเอาใจ
การเรียนรู้นิสัยใจคอ การทำความเข้าใจ และสูญเสียความสบายส่วนตัว


ผู้หญิงลักษณะนี้มักมีความคิดที่ว่า
เธอยินดีลงทุนด้านเวลากับเรื่องงานอย่างเต็มที่ เพราะให้ผลตอบแทนดีกว่า


รักแบบ คืนเดียวแล้วโบกมือลา
จึงสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับผู้หญิงที่มีแนวคิดเช่นนี้ เพราะไม่ต้องคิดมาก
ไม่ต้องห่วงใยความรู้สึกของอีกฝ่าย แค่นัดเจอกัน กินข้าว กระโจนขึ้นเตียง
แล้วแยกจากกัน กลับไปมีชีวิตส่วนตัวอย่างที่ชอบ
ไม่ต้องทนเห็นหรือทนรับรู้นิสัยผู้ชายที่เธอรังเกียจ









2. หวาดระแวง


ไม่น่าเชื่อว่ายังมีผู้หญิงอีกกลุ่มที่เลือกการ นอนไปทั่ว เนื่องจากพวกเธอ
กลัว ที่จะต้องเปิดเผยความเป็นตัวของตัวเองให้ผู้ชายล่วงรู้
เพราะการทำเช่นนั้น เท่ากับเปิดโอกาสให้ตัวเอง ถูกตำหนิ ได้ง่าย


ผู้หญิงที่มีความคิดเช่นนี้
อาจเป็นไปได้ว่าเธอเคยผิดหวังสาหัสกับเรื่องความรักในอดีต
จริงใจด้วยแล้วผู้ชายไม่จริงใจตอบ จึงเชื่อว่าการ นอนไปทั่ว
เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการใช้ หลีกเลี่ยงความรู้สึก
ที่จะพัฒนาไปสู่ความจริงใจที่จะมอบให้อีกฝ่าย
ซึ่งอาจทำให้เธอเสียใจได้อีกครั้ง









3. รักสนุก


ผู้หญิงบางประเภทแค่รักสนุก รักที่จะมีเซ็กซ์ คือ รักเซ็กซ์ มากกว่า รักคน
ที่กำลังร่วมรักด้วย


สำหรับผู้หญิงกลุ่มนี้ เซ็กซ์ คือ งานอดิเรกยอดนิยมสูงสุด ในชีวิต
และพยายามสรรหาเวลาทำให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้


เมื่อใดก็ตามที่โอกาสอำนวยให้มีเซ็กซ์ พวกเธอยินดีตอบรับการผจญภัยนั้น
คติประจำใจคือ "ทำไมจะไม่ล่ะ"









4. แก้แค้น


อย่างที่ว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่เชื่อว่าผู้ชายเล่นเกมนี้มานานกว่าพวกเธอ
ผู้หญิงถูกปฏิบัติเหมือนเป็นเพียง ของเล่น สำหรับผู้ชาย
ขณะที่ผู้หญิงบางคนมีประสบการณ์ถูกหลอกและเรียนรู้ที่จะป้องกันตัวเองไม่ให้
ตกเป็นเครื่องเล่นของผู้ชาย


ผู้หญิงบางคนกลับตอบโต้ด้วย การแก้แค้น


เธอยินดีทำเป็นหลงรักผู้ชายที่เข้ามาผูกสัมพันธ์
ยินยอมพร้อมใจที่จะมีอะไรด้วย จากนั้น สลัดทิ้ง อย่างไม่มีเยื่อใย
หรือแกล้งรักคนหนึ่งแล้วไปมีอะไรกับอีกคน เพื่อให้มีคนเสียใจ
ทำเช่นนี้กับผู้ชายที่เข้ามาติดกับ


สิ่งที่ผู้หญิงกลุ่มนี้ตั้งใจทำคือ สร้างความเจ็บปวดใจให้ผู้ชาย ด้วยการ
นอนกับใครก็ได้ แล้วทิ้ง แต่ความจริงแล้วพวกเธอกำลัง ทำร้ายตัวเอง
ด้วยการทำให้ตัวเองด้อยค่าลงเรื่อยๆ









5. ตอบปฏิเสธไม่เป็น


โดยธรรมชาติแล้ว ผู้หญิงหลายคน ไม่รู้วิธีตอบปฏิเสธ
เพราะผู้หญิงมักพยายามทำตัวหรืออยากให้ตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเพื่อน
เป็นที่ยอมรับของบรรดาเจ้านายและเพื่อนร่วมงาน


ความพยายามที่จะทำให้คนอื่นพอใจแบบนั้น บางทีก็ลุกลามเข้าสู่การ
ใช้ชีวิตส่วนตัว ได้อย่างง่ายๆ และมักพบว่าตัวเองไม่สามารถปฏิเสธ ข้อเสนอ
ที่ผู้ชายยื่นมา


โดยทั่วไป ผู้หญิงมักรู้สึกผิด ถ้าทำให้ผู้ชายหมดอารมณ์ทางเพศ
ด้วยเหตุนี้เวลาที่ผู้ชายขอมีเซ็กซ์ด้วย
ผู้หญิงจึงยุ่งยากใจหรือไม่รู้จะตอบปฏิเสธอย่างไร หลายคนจึงตกอยู่ในสภาวะ
"เลยตามเลย" โชคร้าย...ถ้าผู้ชายคนแล้วคนเล่าไม่จริงใจด้วย


เธอก็จะตกอยู่ในสภาวะ "เลยตามเลย" ไปเรื่อยๆ
















Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 20:05:24 น.
Counter : 325 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.