ส่งลูกน้องออกเหงื่อตอนเช้า จะยิ่งทำงานทำการ ขยันขันแข็งยิ่งขึ้น








































พนักงานบริษัททั้งหลาย
เตรียมยุผู้บริหารให้คิดสร้างห้องออกกำลังกายกันได้แล้ว
เพราะได้มีการพิสูจน์แล้วว่า หากได้ออกกำลังก่อนเข้าทำงาน
จะช่วยให้พนักงานรู้สึกเป็นสุข มีความเครียดน้อยลงและขยันขันแข็งยิ่งขึ้น



นักวิจัยมหาวิทยาลัยบริสตอลแห่งอังกฤษ ได้พบในการศึกษาว่า
พนักงานที่ออกกำลังกายก่อนเข้าทำงาน
หรือออกกำลังตอนพักกลางวัน จะมีความพร้อมที่จะรับมือกับงานต่าง ๆ
ที่จะมีประดังเข้ามามากกว่ากัน
นอกจากนั้นยังพบด้วยว่า
พนักงานที่ออกกำลังมา จะมีอารมณ์ดีทั้งวัน
ในขณะที่วันไหนที่ไม่ได้ออกกำลังจะมีความรู้สึกร้อนรุ่มมากกว่า



หัวหน้าคณะ
วิจัยเผยว่า "
พนักงานในวันที่ได้ออกกำลังจะทำงานดีขึ้น
เป็นพิเศษ โดยเฉพาะพวกเขามีความพอใจในการจัดสรรเวลา
มากกว่าในวันที่ขาดการออกกำลังถึงร้อยละ 71"

























ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทย
รัฐ






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 19:59:09 น.
Counter : 831 Pageviews.  

หลากมารยาทดีๆ ในที่ทำงาน

















































            
การรู้จักกาลเทศะ มีมารยาทและวางตัวดีในที่ทำงานจะช่วยให้การงานราบรื่น
ช่วยผ่อนความเครียดที่อาจเกิดจากคนรอบข้างได้  
มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยคะกับการทำงานกับคนมากมายทุกๆ
วันโดยที่คนเหล่านั้นไม่ใช่เพื่อนหรือคนที่รู้จักคบหากันมาก่อน
ดังนั้นการเรียนรู้มารยาท และการวางตัวในที่ทำงาน
ก็จะช่วยให้การงานราบรื่นขึ้น ลองนำเคล็ดลับไปใช้ดูซีคะ

ควรทำตัวอย่างไรในการแนะนำตัว
คุณควรรอให้อนุญาติให้นั่งเสียก่อนแล้วจึงนั่งลง หากได้รับคำถามว่าดื่มชา
กาแฟมั้ยก็ควรตอบรับเพื่อช่วยให้บรรยากาศดีขึ้น ที่สำคัญคืออย่าไปสาย
ควรตรงต่อเวลาและให้เวลากับการแนะนำตัวเองอย่างไม่จำกัดเวลาแม้ว่าคุณอาจ
พลาดกับรถเที่ยวต่อไปก็ตาม เพราะหากคุณบอกว่า "ดิฉันต้องไปแล้วค่ะ"
นั่นอาจหมายถึงว่าคุณต้องลาจากชั่วนิรันดร์

พนักงาน
ใหม่ควรวางตัวอย่างไร

หากคุณไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดีกับผู้ร่วมงานในที่ทำงานใหม่ก็อย่าเพิ่ง
กังวล คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที แรกๆ
คุณควรศึกษากฎระเบียบเสียก่อนและสังเกตุขนบธรรมเนียมและมารยาทในที่ทำงาน
ใหม่เพราะคุณอาจทำงานได้ดีมากแต่อาจทำผิดสังคมในที่ทำงานได้
ดังนั้นคุณจึงไม่ควรเลี้ยงฉลองอะไรในวันแรก แต่ให้ผ่านช่วงทดลองงานไปก่อน

ทำอย่าง
ไรดีกับเพื่อนร่วมงาน
คุณจัดการกับโต๊ะทำงานของตัวเองได้
แต่ไม่ควรยุ่งกับโต๊ะทำงานของคนอื่น และไม่ควรเอาของใช้ เช่น
กระเป๋าหรือสิ่งของไปวางในพื้นที่ทำงานแม้ว่าคุณอยากจะโชว์ให้เพื่อนร่วมงาน
เห็นก็ตาม
นอกจากนี้ความเครียดจะเกิดขึ้นถ้าคุณเอาตัวไปเบียดใกล้ชิดกับเพื่อนร่วมงาน
เพราะมนุษย์ส่วนมากมักมีความรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ห่างกันหนึ่งช่วงแขน
กฎในออฟฟิศอีกอย่างก็คือ เมื่อคุณจะไอหรือจามก็ควรออกนอกห้อง

หลีกหนี
เพื่อนร่วมงานจอมเมาท์อย่างไรดี

ขณะที่คุณกำลังคุยโทรศัพท์อยู่แล้วเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเข้ามาป้วนเปี้ยนใน
ห้องคุณและคอยจับผิด ให้คุณถามว่า มีอะไรให้ช่วยมั้ยคะ หรือบอกว่า
เดี๋ยวคุณจะตามไป หรือบอกไปว่าคุณกำลังสะสางงานอย่างเร่งด่วนอยู่
หากคุณเห็นว่าไม่เหมาะที่จะทำตัวสนิทสนมด้วยก็ให้รักษาระยะห่างไว้

จำเป็น
ต้องไปสรวลเสเฮฮาหลังเลิกงานด้วยมั้ย

หากเพื่อนร่วมงานชวนคุณไปดื่มหรือเข้าร้านอาหารหลังเลิกงาน
แต่คุณไปไม่ได้ก็ควรกล่าวคำขอโทษ เช่น "ขอบคุณที่ชวนนะคะ
แต่บังเอิญติดธุระ" และหากคุณไปด้วยก็ควรอยู่ด้วยอย่างน้อยที่สุด 15 นาที

ทำอย่าง
ไรดีเมื่อถูกจับได้ว่านินทาคนอื่น

คุณกำลังนินทาเรื่องไม่ดีของผู้ร่วมงานคนหนึ่งอยู่โดยที่เธอยืนอยู่ข้างหลัง
คุณ ดังนั้นคุณจึงควรกล่าวคำขอโทษและบอกว่า
คุณไม่ได้หมายถึงอย่างที่พูดไปเมื่อสักครู่นี้
และแสดงให้เห็นถึงความจริงใจของคุณด้วยการช่วยเหลือเธอ เปิดเผยและซื่อสัตย์

เจอ
เพื่อนร่วมงานกลางทาง
ให้คุณเดินไปหาและทักทาย
หากคุณไม่แน่ใจว่าเพื่อนร่วมงานอยากจะทักคุณหรือไม่ ก็ให้คุณพยายามสบตาด้วย
หากเธอมองไปทางอื่นก็แสดงว่าเธอไม่อยากทักทายคุณ
แต่ถ้าคุณอยู่ใกล้ประตูรถไฟฟ้าหรือรถเมล์ก็ให้หยุดรอตอนขาลงและทักทายเธอ
คุณก็จะได้เพื่อนร่วมทาง
หรือหากคุณไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยก็ต้องขึ้นรถเช้ากว่านี้เพื่อไม่ต้องเจอกัน

ในลิฟต์
บางคนกลัวการอยู่ในที่แคบ เช่น ในลิฟต์
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กลัวการอยู่ในที่แคบและเจอผู้ร่วมงานในลิฟต์ก็ควร
ทักทายแล้วจะหันหน้าไปทางประตูลิฟต์ก็ไม่มีใครว่าและควรถามคนอื่นด้วยว่า
อยู่ชั้นไหนแล้วกดลิฟต์ให้ด้วย

ไม่ควรนำ
โทรศัพท์มือถือเข้าที่ประชุม
เพราะมันมักรบกวนห้องประชุม
หากคุณจำเป็นต้องรอโทรศัพท์สำคัญก็ให้บอกกับทางโน้นว่าในช่วงเวลานี้
คุณติดประชุมไม่อาจรับโทรศัพท์ได้
หรือระหว่างพักการประชุมก็โทรศัพท์ไปหาได้ หากคุณตั้งสัญญาณสั่นสะเทือนไว้
ก็ให้ออกไปพูดนอกห้องประชุม

การโต้
ตอบอีเมล
ควรตรวจเช็กและตอบอีเมลวันละอย่างน้อยที่สุด 2 รอบ ตอนเช้า
กลางวันและที่ดีที่สุดคือตอนเย็น หากคุณไม่สามารถตอบได้ทันที
ก็ให้ส่งข้อความสั้นๆ ว่าคุณไม่อยู่ 2-3 วัน
และบอกด้วยว่าคุณจะอยู่ในออฟฟิศอีกครั้งเมื่อไหร่
นอกจากนี้ก็ควรเขียนอีเมลอย่างระมัดระว้ง ถูกต้องและไม่มีข้อผิดพลาด
และบันทึกไว้อย่างมีระเบียบเพื่อที่คุณจะได้หาได้ง่ายเมื่อต้องการค้นหา
ไม่ควรใช้คำย่อ มีคำขึ้นต้นและลงท้ายอย่างมีมารยาท

ยังไงสาว ๆ
ที่ทำงานก็อย่าลืมลองทำกันดูนะคะ  จะได้มีมารยาทที่ดีค่ะ...........

























ขอขอบคุณข้อมูลจาก  Lisa








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 18:13:48 น.
Counter : 282 Pageviews.  

9 โรคร้ายออฟฟิศเกิร์ลพึงระวัง













































ความไม่มีโรคเป็นลาภอัน
ประเสริฐ ถือเป็นสัจจธรรมที่มีคนบางส่วนตระหนัก
แต่ก็ยังมีอีกบางส่วนที่ยังไม่รู้ซึ้ง จนกว่าจะล้มเจ็บป่วยนั่นแล

ดังนั้น
การสามารถป้องกันความเจ็บป่วยไว้ได้ ย่อมจะดีกว่าแน่นอน
เพราะคนป่วยต่อให้ร่ำรวยแค่ไหนก็คงหาความสุขได้ยาก จริงไหมคะ


สรรมาหาเล่า..ขอเตือนสาว
หนุ่มออฟฟิศไว้แต่ตรงนี้เลยนะคะว่าอย่าละเลยปัญหาสุขภาพ
หรือนึกว่าอยู่ในห้องแอร์ปลอดภัยกว่า..มาเริ่มกันเลยดีกว่า
ว่าภัยร้ายชาวออฟฟิศมีอะไรบ้าง


1.ยิ่ง
เครียดยิ่งร่วง ยิ่งร่วง = = " โอยยิ่งเครียด


แต่อีกปัจจัยหนึ่งที่คุณ
อาจไม่เคยคิด นั่นก็คือการขาดแสงอาทิตย์? จริงหรือ??
สังเกตหรือไม่ส่วนใหญ่แล้วพนักงานฯ จะไม่ค่อยได้รับแสงแดดในยามเช้า
แดดในยามเช้าจะช่วยให้เราสังเคราะห์วิตามิน K
ที่จำเป็นต่อร่างกายรวมถึงหนังศีรษะด้วย


2. อาการปวดหัว, ไมเกรน, อัลไซเมอร์, เบลอเป็นกิจวัตร


สาเหตุก็คงทราบโดยทั่วไปด้วยว่าเกิดจากความเครียด
แต่สาเหตุอีกประการที่น่าสนใจคือ การรับประทาน
ท่านที่มีอาการดังกล่าวทานสิ่งเหล่านี้หรือไม่ แอลกอฮอล์ คาร์เฟอีน (กาแฟ
น้ำอัดลม ยาชูกำลัง) อาหารไขมันสูง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ 90% ของอาหารหลัก
ถึงแม้ว่าอาการอัลไซเมอร์จะเป็นอาการสมองเสื่อมโดยไม่ทราบสาเหตุ
แต่สาเหตุหลักๆ ของอาการสมองเสื่อมอื่นๆ ก็คือ การรับทานอาหารดังกล่าว
อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจคือการขาดการออกกำลังกาย
โดยปรกติเราต้องออกกำลังกายประมาณ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย


3.อาการปวดตา น้ำตาแห้ง..เรตินาผิดปรกติ


นอกจากความเครียดแล้วก็
เหตุใหญ่ๆ ก็คือ การนั่งหน้าจอเกินวันละ 6 ชั่วโมง
และการเพ่งอยู่หน้าจอในที่มืด (ดูเวปอะไรหนอต้องเพ่งในที่มืด)
รวมทั้งการขาดวิตามิน A และ B -complex


4. อาการไซนัส เป็นหวัด คัดจมูก ภูมิแพ้


ก็วันๆ
จำศีลอยู่แต่ในห้องปรับอากาศ ถ้าเครื่องปรับอากาศเป็นรุ่นประหยัด
ไม่มีตัวกรองอากาศที่มีประสิทธิภาพ อาการเหล่านี้จะถามหาแน่นอน
ควรออกไปสูดอากาศข้างนอก...นอก กทม.บ้าง ปอดน้อยๆ
จะได้ไม่พังก่อนเวลาอันควร


5.ปาก...หมา
ไม่ใช่ๆ ปากเหม็นตะหาก


อันเนื่องมาจากความเครียด
แบคทีเรียจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในภาวะที่คุณเครียด และมีอาหาร
อาหารพวกกาแฟ แอลกอฮอล์ รวมทั้งการพูดจาที่น้อยกว่าปรกติ
ทำให้น้ำลาย...บูด...ดังนั้นปากจึงแห้งและแบคทีเรียก็จะย่อยน้ำลาย
และฟันฟางของท่านๆ แล้วปล่อยแก๊สออกมา


6.
อาการปวดคอ ปวดไหล่ ปวดข้อ ปวดนิ้ว รูมาตอย รูมาติก 2 อย่างหลังไม่ใช่ฮับ


โดยมากเกิดจากอาการนั่งทำงานผิดท่าทาง
นั่งเก้าอี้โต๊ะที่ไม่รองรับต่อการทำงาน แต่ท่านรู้หรือไม่
แม้ท่านนั่งถูกท่าแล้ว แต่หากนั่งเป็นเวลานานๆ ก็เมื่อย


7. อาการ....อ้วน...อ้วน...อ้วนก็อ้วน อ้วน อ้วน


นึกถึงลูกโป่ง ถ้าเราใส่น้ำเข้าไปโดยเจาะรูให้มันออกน้อยๆ
มันก็บวมขึ้นๆๆๆ เช่นกัน ทุกวันเรากินอาหารอย่างน้อย 3 มื้อ
มีพลังงานมากมายเข้าแต่ออกน้อยนิดมานก็อ้วนเป็นธรรมดา
โดยที่ยาลดความอ้วนยี่ห้อไหนก็ช่วยไม่ได้
ยกเว้นยานั้นจะทำให้ไขมันในตัวท่านเปลี่ยนเป็นพลังงานทั้งหมด


8.อาการโรคกระเพาะ
กระเพาะคราก ท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว


การกินอาหารแบบเร่งรีบ
ทำให้กระเพาะและระบบขับถ่ายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ และการกินไม่เป็นเวลา
กินกาแฟ....


9.ริดสีดวง อ่านไม่ผิด ริด - สี -
ดวง


เกิดจากการที่ท่านนั่งกันวันหนึ่งๆ กี่ชั่วโมงกัน
ไหนจะ OT อีก
บั้นท้ายท่านก็รับการกดทับเส้นเลือดดำบริเวณปลายลำไส้ก็เกิดอาการเลือดคั่ง
บวมเป่งสิทีนี้ ยิ่งน้ำหนักมาก อาการก็เป็นไว ควรลุกเดินบ้าง.





















Free TextEditor







































































































 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 15 พฤษภาคม 2553 12:33:46 น.
Counter : 260 Pageviews.  

8ท่าใน3นาที แก้เมื่อยระหว่างทำงาน



 
นั่งปั่นงานหน้าคอมพ์ตั้งแต่เช้ายันเย็น แทบจะไม่ได้ลุกไปไหนเลย
นอกจากเข้าห้องน้ำ และกินข้าวตอนกลางวัน ก็งานออกจะยุ่งขนาดนี้
ตอนนี้เริ่มไม่ไหวแล้วล่ะ... ปวดเมื่อยไปทั่วตัวเลย ตาก็ล้า คอก็เมื่อย
หลังก็ปวด บ่นๆๆๆๆ งานก็ไม่เสร็จ... เครียดอีก อาการไมเกรนก็กำเริบ
ทำอย่างไรดี



         
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่เจ้าวายร้ายตัวดีมันมาแล้วล่ะก็...
ต้องรีบกำจัดอย่างเร่งด่วน ด้วยวิธีแก้เมื่อย 8 ท่า 3 นาที ที่โต๊ะทำงาน
เริ่มจากวางงานตรงหน้า หลบสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์
แล้วหลับตาผ่อนคลายสักครู่ หากรู้สึกเคืองตา ก็กระพริบตาถี่ๆ
ให้น้ำตามาเคลือบตา หรือหยดยาหยอดตาแก้ตาแห้ง
และที่สำคัญควรพักเพื่อขยับแข้งขยับขาทุกๆ 1 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันและลดอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย

ท่าที่ 1
แก้เมื่อยบ่า
          นั่งหลังตรง
มือสองข้างจับขอบเก้าอี้เอาไว้ แล้วค่อยๆ เอียงคอไปทางด้านใดด้านหนึ่งช้าๆ
จนรู้สึกตึง ทำค้างไว้ 10 วินาที แล้วอย่าเพิ่งเอียงคอกลับ
ให้เอียงคอเพิ่มต่อไปอีก 10 วินาที แล้วค่อยๆ เอียงคอกลับมาท่าตรง
ทำสลับซ้ายขวา

ท่าที่ 2 แก้เมื่อยคอ
         
นั่งแบบท่าที่ 1 แล้วเปลี่ยนจากเอียงคอ เป็นหมุนคอไปทางด้านใดด้านหนึ่ง
จนรู้สึกตึงที่บ่าหรือคอด้านตรงกันข้าม ทำค้างไว้ 10 วินาที
แล้วอย่าเพิ่งหมุนคอกลับ ให้หมุนเพิ่มอีกนิดหน่อย แล้วค้างไว้ 10 วินาที
จากนั้นค่อยๆ หมุนกลับมาท่าตรง

หมาย
เหตุ :
หากรู้สึกมึนงง ให้พักประมาณ 5 นาที
ลองทำซ้ำอีกครั้ง หากมีอาการอีก ต้องไปหาหมอ

ท่าที่ 3 คลายกล้ามเนื้อบริเวณบ่า
         
ยักไหล่ขึ้น ค้างไว้ 5 วินาที แล้วยักไหล่ลง ทำสลับกัน 2 - 3 ครั้ง
จะรู้สึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อบริเวณบ่ามากขึ้น

ท่าที่ 4 คลายกล้ามเนื้อแขน
         
ใช้มือซ้ายจับฝ่ามือขวา ชูมือทั้งสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้า
แล้วดัดข้อมือขวาเข้าหาตัว จนรู้สึกตึงบริเวณข้อศอกขวาด้านใน ทำค้างไว้ 10
วินาที แล้วเปลี่ยนข้างทำ

หมายเหตุ :
ถ้าทำท่านี้แล้วมีอาการชาที่ฝ่ามือ ให้พักประมาณ 5
นาทีแล้วลองทำซ้ำอีกครั้ง หากไม่หายต้องไปพบนักกายภาพบำบัดหรือปรึกษาคุณหมอ

ท่าที่ 5
นวดฝ่ามือ
         
นวดฝ่ามือซ้ายโดยใช้นิ้วโป้งขวากดไปตรงๆ บนฝ่ามือ หมุนนิ้วโป้งเป็นวงกลม 3
รอบ (ไม่ใช่การถูผิวหนัง) แล้วก็เลื่อนนิ้วโป้งไปกดจุดอื่นๆ จนทั่วฝ่ามือ
จากนั้นสลับไปทำอีกข้าง

ท่าที่ 6 บริหารอุ้งมือ
         
ใช้มือขวาดึงนิ้วโป้งซ้ายเข้าหาตัว จนรู้สึกตึงบริเวณอุ้งมือและข้อนิ้วโป้ง
ทำค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นสลับไปทำอีกข้าง

ท่าที่ 7
ผ่อนคลายบริเวณนิ้วและฝ่ามือ
         
กำมือทั้งสองข้างให้แน่นที่สุด กำค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออกช้าๆ
เหยียดและกางนิ้วมือออกให้มากที่สุด กางค้างไว้ 5 วินาที
แล้วกลับมาอยู่ท่าเดิม ทำซ้ำแบบนี้ 2-3 รอบ

ท่า
ที่ 8 แก้เมื่อยหลัง

          ยืนหันหน้าเข้ามุมห้อง
ยันฝ่ามือไปที่ผนังในแนวระดับอก ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า แล้วค่อยๆ
โน้มตัวเข้าหามุมห้องจนศอกชนกำแพง จะรู้สึกตึงบริเวณหน้าอกทั้งสองข้าง
ทำค้างไว้ 10 วินาที แล้วทำซ้ำอีก 2-3 รอบ

          อีกท่าหนึ่งคือ
กำมือทั้งสองข้าง ไขว้กันไว้ด้านหลัง แล้วเหยียดไปให้ตึง ค้างไว้ 10
วินาที หรือง่ายๆ เพียงแค่ยืนแอ่นหลัง 5 วินาที ทำซ้ำ 2-3 ครั้ง
อาการปวดเมื่อยหลังก็จะทุเลาลง



นอกจากจะทำกายบริหาร
แบบง่ายๆ นี้แล้ว ก็พยายามลุกเดินบ้าง ขยับร่างกายไปมาบ้าง
อย่านั่งอยู่กับที่นานๆ อย่าจ้องคอมพิวเตอร์นานๆ เหนื่อยนักก็พัก
เครียดนักก็ปล่อยวางซะบ้าง สุขภาพกายดี สุขภาพใจก็พลอยดี งานก็โลดเล่น
ลองนำไปใช้ดูกัน



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จากBe Magazine






Free TextEditor







































































































 

Create Date : 08 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 8 พฤษภาคม 2553 22:40:02 น.
Counter : 319 Pageviews.  

จูงใจคนทำงาน....ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เงิน



จูงใจคนทำงาน
....ด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เงิน



วิธีที่ผู้บริหารสามารถนำมาใช้เพื่อจูงใจ

ให้
พนักงานรู้สึกพอใจในงาน และสนุกที่จะทำงานมีหลายวิธี
เช่น
จูงใจด้วยสิ่งที่ไม่ใช่เงิน คือ


1.ต้องทำให้พนักงานรู้สึก
ว่าหน่วยงานมั่นคง..


2.มีสวัสดิการที่ดี..


3.ให้พนักงานเห็นว่า
ทำงานแล้วมีโอกาสก้าวหน้า
มีอนาคต มีตำแหน่งที่ดี..


4.มีระบบการให้ค่าตอบแทน
ที่เป็นธรรม คุ้มกับผลงาน
นั่นหมายถึงงานเสี่ยงมากก็ควรจะได้ค่าตอบแทน
ที่เท่าเทียม


5.มีนายที่ดี ทำงานด้วยแล้วสบายใจ..


6.มีเพื่อนร่วมงานที่ดี..


7.ให้พนักงานมีอำนาจ
หน้าที่ที่แน่นอน
รู้ว่าตนจะทำอะไรได้บ้างและขึ้นกับใคร..


8.เปิดโอกาสให้พนักงานได้
แสดงความคิดเห็น
เพื่อสร้างความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงาน


9.มีช่วงเวลาที่เหมาะสมใน
การทำงาน
เช่นวันเสาร์-อาทิตย์ได้หยุดงาน หรือหลังจาก 17.00 น.
ใครจะ
ไม่ทำงานก็ได้..


10.ให้เขาได้ทำงานที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ



สร้างพฤติกรรมความเป็นผู้นำ (ตัวอย่างจากดิสนีย์เวิร์ล)
ความ
สำเร็จในการสร้างชื่อเสียงด้านการบริการ
ของดิสนีย์ เวิร์ล เกิดขึ้นจาก
Judson Green
ผู้บริหารดิสนีย์ เวิร์ล


ซึ่งแนวคิดในการสร้าง
พฤติกรรมความเป็นผู้นำ
ให้กับผู้ร่วมงานทุกคน
โดยผู้บริหารจะมองลูกน้องเสมือน
เป็นศูนย์กลาง ของความคิดใหม่ๆ
พวก
เขาสามารถรับบทบาทเป็นผู้นำ
ในการสร้างสรรค์ความคิดดี ๆ
และรู้จักหา
ทางแก้ปัญหาได้ด้วยตนเอง
ไม่ใช่เป็นเพียงแค่สมาชิกของทีม
ที่ต้องทำ
ตามคำสั่งของผู้บริหารเท่านั้น


ผู้นำที่ดีจะต้องกระตุ้นลูกน้อง
ให้พัฒนาความ
สามารถของเขา และให้รางวัลตอบแทน
เมื่อเขาประสบความสำเร็จ


การสร้างพฤติกรรม
ความเป็นผู้นำ
ให้กับพนักงานเป็นแรงบันดาลใจ
ให้พนักงานทุกคนเกิดความ
คิดสร้างสรรค์
มีความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความสำเร็จขององค์การ
ทำ
ให้เขามีความรู้สึกดีๆกับงานที่ทำอยู่
และพร้อมที่จะให้บริการด้วยความ
เต็มใจ
มีความเป็นมิตรและรับผิดชอบในการให้
บริการ..








Free TextEditor







































































































 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2553    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2553 19:11:08 น.
Counter : 344 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.