|
"ปีจอ" หมาดุ ผ่านพ้นไปแล้ว ได้เวลาของ "ปีกุน" หมูอ้วนกันเสียที
เชื่อแน่ว่าใครๆ ก็อยากให้ปีนี้เป็นปีสมบูรณ์พูนสุข สมสัญลักษณ์ความอ้วนพีของน้องหมูกันเป็นแน่แท้ ทั้งที่ความจริงแล้ว สัญลักษณ์ตามปีนักษัตรคือความเชื่ออย่างหนึ่งที่เป็นตำนานสืบ ทอดกันมาอย่างช้านาน และในโลกใบนี้ ยังมี "ความเชื่อ" เกี่ยวกับหมูอีกมากมาย ทั้งความเชื่อแนว "สร้างสรรค์" เชิดชูหมู และ "ทำลาย" ให้หมูกลายเป็นอาหารอร่อยๆ ครองใจใครๆ เขาไปทั่ว
|
|
เรื่องหมูๆ แบบไม่หมูจะมีอะไรบ้างนั้น เชิญทัศนากันได้เลย
"หมู" แบบไทยๆ ถ้าหากใครผ่านไปบริเวณริมคลองหลอด ด้านหลังวัดราชประดิษฐ์ หรือแถวกระทรวงมหาดไทย ก็จะได้เห็น "อนุสาวรีย์หมู" ยืนเด่นเป็นสง่า ที่ผู้คนมักไปบูชากราบไหว้อยู่เสมอๆ อนุสาวรีย์ดังกล่าวสร้างขึ้นในโอกาสที่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรม ราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมายุ 50 พรรษา ปี 2456 และเพื่อเป็นการระลึกถึงผู้สร้างคือสมเด็จพระเจ้า บรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ พระยาพิพัฒน์ (เซเลสติโน ซาเวียร์) และพระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ที่เกิดปีเดียวกับสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ คือปีกุน 2406 โดยสมเด็จฯ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ทรงเป็นผู้ออกแบบอนุสาวรีย์นี้ ภาษิต คำพังเพย และสำนวนเกี่ยวกับหมูในบ้านเราก็มีให้เปรียบเปรยกันมากมาย เช่น "หมูเขาจะหามเอาคานเข้าไปสอด" "หมูเขี้ยวตัน" "หมูในเล้า" "หมูในอวย" "หมูไปไก่มา" "หมูสนาม" "ดินพอกหางหมู" "หมูไม่กลัวน้ำร้อน" ฯลฯ และยิ่งได้เห็นหมูประหลาดมี 2 หัว 3 หาง 6 ขา ฯลฯ เมื่อไร รับรองว่านักเสี่ยงโชคไทยเราไม่อยู่เฉยแน่ๆ
|
|
"หัวหมู" ขวัญใจชาวจีน
ต้นตอตำนาน 12 นักษัตร ซึ่งมีหมูเข้าไปร่วมด้วยช่วยกันนั้น ก็มีที่มาที่ไปจากชาวจีนนี่เอง แสดงให้เห็นถึงความแนบแน่นระหว่างชาวจีนกับหมูที่มีมาอย่างช้านาน โดย จิตรา ก่อนันทเกียรติ ผู้เชี่ยวชาญวัฒนธรรมจีนเล่าว่าเหตุที่ต้องมีการใช้ "หัวหมู" ไหว้ขอบคุณขอพรเทพเจ้า เพราะมีตำนานเล่าขานว่าคนจีนกินหมูมาตั้งแต่เมื่อ 4 พันปีก่อน และในการไว้บวงสรวงเทพเจ้าแต่โบราณก็จะใช้สัตว์สามอย่างที่เลี้ยงในบ้าน คือ วัว แพะ และ หมู ต่อมาก็มีการปรับเปลี่ยนจากไหว้ด้วยหมูทั้งตัวมาเหลือแต่หัว ทั้งยังเพิ่มไก่ เป็ด ปลา ตามความสะดวก แต่หมูก็ยังคงยืนพื้นอยู่ดี "ในความเป็นปีนักษัตรหมู ถ้าดูว่าหมูเป็นสัตว์อ้วนพี ชอบนอนสบาย รักสงบก็น่าจะดี แต่อย่าลืมว่าเรายังมีทั้งหมูป่า หมูเขี้ยวตัน ซึ่งถือว่าเป็นหมูดุ แต่เรายังมีกำลังใจที่ดียิ่งคือ การจะได้เฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงครองราชย์ 61 ปี และทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ซึ่งคนจีนเรียกว่าเป็นวันเกิดใหญ่" จิตรา บอกเล่า แม้แต่จังหวัดตรัง ซึ่งมีบรรพบุรุษเป็นชาวไทยเชื้อสายจีน ก็ยังมี "หมูย่าง" เป็นที่ขึ้นชื่อลือชา ฉะนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า "หมู" เป็นขวัญใจในจานจีนขนาดไหน
|
|
"หมูน้อย" สุดที่รักของฝรั่ง
ถ้าจะพูดถึงหมูในมุมน่ารักๆ หลายคนคงนึกถึง "หมูน้อยหัวใจเทวดา" หรือ "เบ๊บ" เจ้าหมูที่อยากเป็นหมาเลี้ยงแกะ ในภาพยนตร์ดังจากออสเตรเลีย แต่ความรักในเผ่าพันธุ์หมูไม่ได้มีแค่ในหนังเท่านั้น สำหรับที่สหรัฐอเมริกา วันที่ 1 มีนาคมของทุกๆ ปี ถูกกำหนดให้เป็น "วันหมูระดับชาติ" ซึ่งจะมีการเฉลิมฉลองให้หมูอย่างใหญ่โต ยิ่งกว่างานโต๊ะจีนลิงบ้านเราหลายสิบเท่า เพราะสวนสัตว์ทั่วสหรัฐต่าง พร้อมอกพร้อมใจเลี้ยงดูปูเสื่อทำอาหารดีๆ ให้หมูกินโดยเฉพาะ พร้อมมีกิจกรรมสนุกๆ ให้เด็กๆ ร่วมฉลอง และยังเป็นวันที่ต้องแต่งกายสีชมพูตามสีประจำตัวของน้องหมู ที่มาของวันชาติหมู เริ่มต้นเมื่อปี 2515 โดย เอลเลน สแตนลีย์ ครูสอนศิลปะจากเท็กซัส ที่เห็นถึงความน่ารักของหมูซึ่งดูไปดูมาก็ไม่ต่างจากคนเรานี่เอง ทั้งความเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ความชอบเข้าสังคม แถมยังเป็นสัตว์อารมณ์ดีอีกต่างหาก จึงควรมีสักวันที่รำลึกถึงคุณค่าของเพื่อนร่วมโลกเผ่าพันธุ์นี้ ยังมีสารพันความเชื่อเกี่ยวกับหมูอีกมากมาย รวมถึงในแง่ศาสนาด้วย และไม่ว่าใครจะมีความเชื่อแบบไหน การเคารพความต่างทางความศรัทธาของกันและกัน น่าจะยิ่งทำให้ปีหมูปีนี้ มีความหมายที่ "เต็มอิ่ม" ที่สุด
|
|
| หนังสือพิมพ์คมชัดลึก | ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่มีคุณภาพ
จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก
|
|
|