ข้อคิดดี ๆ เพื่อครอบครัว
















































ข้อคิดดี ๆ เพื่อครอบครัวของ อ.เกรียงศักดิ์
เจริญวงศ์ศักดิ์

1. ข้อสำคัญของการเลือกคู่ คือ เราไม่ได้เลือกใครเพราะเขาสมบูรณ์แบบ
แต่เพราะเขามีจุดดีหลัก ๆที่เราประทับใจ
ส่วนจุดอ่อนด้อยนั้นเป็นส่วนปลีกย่อยที่เราสามารถยอมรับได้อย่างไม่ยากเย็น


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


2. ในความเป็นจริง ไม่มีใครดีเลิศสมบูรณ์แบบ
ถ้าเรามองไม่เห็นจุดอ่อนด้อยของเขาเลย นั่นแสดงว่า
เรายังไม่รู้จักเขาอย่างแท้จริง หรือไม่ เราก็กำลังตกอยู่ในความหลงใหล
..จนไม่ลืมหูลืมตา


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


3. การแต่งงาน คือ การผูกพันกันด้วยหัวใจ
ไม่ใช่เพียงร่างกายและยิ่งไม่ใช่การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์เชิงธุรกิจ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


4. คนที่แต่งงานเพราะความเหงา จะยิ่งเหงาหนักเป็น 2 เท่า
แต่งงานแบบคลุมถุงชน ก็มีแนวโน้มว่า ชีวิตจะมืดมนไปอีกนาน


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


5. ความสุข ความทุกข์ ครึ่งหนึ่งอยู่ที่ชีวิตหลังแต่งงาน
คิดให้ดีก่อนที่จะเลือกใคร มาเป็นคู่ชีวิต...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


6. บ้านจะเล็กหรือใหญ่ ไม่สำคัญ แต่ "ความรัก"
ต้องใหญ่ที่สุดในบ้าน


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


7. คำว่า "รัก" พูดมากไป ย่อมดีกว่า
พูดน้อยไป...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


8. เมื่อเรา ทำผิด....จง "ขอโทษ" เมื่อเขา
ทำผิด ....จง "ให้อภัย"


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


9. ชีวิตแต่งงาน คือ ชีวิตแห่งการปรับตัว
ถ้าไม่คิดจะปรับตัวเข้าหาใคร อยู่เป็นโสดไป ก็ดีกว่า...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


10. ยอมเป็นผู้แพ้ ดีกว่า
เป็นผู้ชนะที่ยืนอยู่ท่ามกลางซากชีวิตสมรสที่หักพัง...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


11. "แก้ตัว" .... ช่วยอะไรไม่ได้ "แก้ไข".......ช่วยได้ทุกอย่าง...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


12. เมื่อมีปัญหาในครอบครัว
อย่าลืมใช้ความรักและหลักเหตุผลเป็นกรรมการตัดสิน ไม่ใช้ อารมณ์
หรืออาวุธ..


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


13. งอนแต่พองาม...ก็งามดี แต่งอนเกินพอดี ก็เกินงาม...


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


14. ต่างคนต่างแข็ง
ไม่มีใครยอมอ่อนข้อต่อกัน...บ้าน...ก็คงไม่ต่างอะไรกับสนามรบ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


15. เมื่อสามีอ่อนแอ ไม่รับบทบาทผู้นำ ความสับสนวุ่นวาย ก็ตามมา
หรือเมื่อภรรยา พยายามแย่งบทบาทการนำจากสามี ชีวิตครอบครัวก็รอดยาก


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


16. ความไม่ซื่อสัตย์ ต่อกันเพียงครั้งเดียว
ก็อาจสั่นคลอนความไว้วางใจที่มีให้กันได้ ท้ายที่สุด
ชีวิตคู่ก็จบลงด้วยความแตกร้าว ยากเยียวยา


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>
































17. ความเห็นแก่ตัว สนใจแต่ปัญหา อารมณ์ ความรู้สึก
และความสนใจของตัวเองชีวิตคู่ ก็อยู่ด้วยกันยาก


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


18. ก่อหนี้สินจนล้นพ้นตัว ครอบครัวก็มีแต่ความตึงเครียดทุกเช้าเย็น


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


19. เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
หรือทั้งสองฝ่ายเรียกร้องและคาดหวังจากกันและกันมากเกินพอดี
ปัญหาก็จะมีเรื่อยไปไม่สิ้นสุด


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


20. ควรตระหนักว่า...ภรรยา ไม่ใช่ผู้ปรนนิบัติรับใช้สามี
แท้จริงแล้ว สามีภรรยา ควรเอาใจใส่ดูแลกันและกันอย่างดีที่สุด...ย่อมดีกว่า


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>



21. ไม่มีอะไร ทำให้ภรรยาปวดร้าวใจ มากเท่าการค้นพบว่า
สามีมีหญิงอื่นในหัวใจ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


22. รักเดียว ...ใจเดียว ไม่ใช่เรื่องเชย
แต่เป็นเรื่องดีที่สามีทุกคนในโลกควรกระทำ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


23. การขอโทษภรรยาเมื่อทำผิด ไม่ใช่เรื่องเสียศักดิ์ศรี
แต่เป็นศักดิ์ศรีของสามี...ที่แท้จริง


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


24. ไม่ควรมองว่า งานดูแลบ้าน เป็นความรับผิดชอบของภรรยา
สามีควรมีส่วนช่วยแบ่งเบาภาระอย่างสุดความสามารถเสมอ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


25. สรีระรูปร่างหน้าตา ที่เปลี่ยนไปของภรรยา
ไม่ควรเป็นเหตุให้ความรักในหัวใจของสามีจืดจางลงแม้แต่น้อย


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


26. ควรระลึกอยู่เสมอว่า ...การนำครอบครัวนั้น คือ
การนำโดยเห็นผลประโยชน์ของครอบครัวเป็นหลักไม่ใช่ เพื่อความสุข
ความพึงพอใจของตนเอง


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


27. ภรรยาที่ดี ควรสนับสนุนสามีให้ก้าวไกลในชีวิต
ไม่ใช่ดึงรั้งให้หยุดอยู่กับที่ หรือถอยหลัง


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


28. ภรรยาที่ดี
ไม่ควรใช้วิธีการบับบังคับทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อให้สามีตัดสินใจตามความ
คิดของตน


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


29. ในสถานการณ์หน้าสิ่ว หน้าขวาน สามีต้องการภรรยาที่สงบนิ่ง
ช่วยกันคิดหาทางออก ไม่ใช่ภรรยาที่เอาแต่โวยวาย ตีโพย
ตีพายหรือร้องไห้ฟูมฟาย โดยปล่อยให้เขาต้องแบกภาระหนักอึ้งเพียงลำพัง


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


30. การไม่ตีลูก เพราะกลัวลูกเจ็บ เมื่อยังเป็นเด็ก
กลับจะทำให้เขาเจ็บปวดยิ่งกว่า เมื่อเขาโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างปัญหา
และถูกลงโทษ... จากสังคม


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


31. ช่องว่างระหว่างวัย...ระหว่างรุ่น...ย่อมไม่มี
ถ้าพ่อแม่ตระหนักถึงความสำคัญ และใช้ความพยายามที่มากพอ วิธีที่ดีที่สุด
คือ พ่อแม่ควรวางแผนเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดกับลูก
ไม่ใช่ตามแก้ปัญหาเมื่อเกิดขึ้นแล้ว


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>


32. พึงตระหนักว่า ลูกไม่ใช่ดินน้ำมัน ที่พ่อแม่
อยากจะปั้นให้เขาเป็นอะไรก็ได้ตามใจชอบ
เขาย่อมมีจิตใจที่มีเอกลักษณ์แห่งความชอบ
ความสนใจที่แตกต่างไปจากพ่อแม่ได้เสมอ


<<<<<<<<<<>>>>>>>>>>






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:30:30 น.
Counter : 410 Pageviews.  

อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย











































































อย่าเอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย


อย่าทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ทางที่ถูกควรทำเรื่องใหญ่ให้เป้
นเรื่องเล็ก
ถ้าเป็นเรื่องเล็กอยู่แล้วก็ไม่ควรเอาเรื่องเสียเลย
ปล่อยไปเสีย ทำไม่รู้ไม่เห็นไปบ้าง ไม่บอดแต่ทำเหมือนบอด
ไม่ใบ้ทำเป็นเหมือนใบ้ ไม่หนวกทำเป็นเหมือนหนวก
เสียบ้างจิตใจของเราก็จะสบายขึ้น










มีเรื่องแปลกประหลาด


อยู่อย่างหนึ่งในหมู่มนุษย์ คือคนส่วนมากเผชิญกับเหตุการณ์ใหญ่ๆ
อย่างกล้าหาญได้ แต่กลับขาดความอดทนกับสิ่งเล็กๆน้อย
ตัวอย่างเช่นการที่ใครมาพูดเสียดสีกระทบกระเทียบเปียบเปรยเขาทนไม่ได้
แต่กลับทนอยู่ในคุกในตารางได้ 20 ปี 30ปีได้

และยินดีรับความทุกข์เหล่านั้นไปตลอดเวลาที่ทางราชการกำหนด
แม้จะไม่ยินดีแต่ต้องยินดีเพราะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้


ถ้าเขายินดีรับความทุกข์เพียงเล็กน้อยเสียก่อน คือ
อดทนต่อคำด่าว่าเสียดสีหรืดอาการทำนองที่เขาคิดว่าเป็นการดูถูกดูแคลนเพียง
เล็กน้อยเสียก่อน ไหนเลยเขาต้องมาทนทุกข็ทรมานอันมากมายยาวนานถึงเพียงนั้น










การให้อภัยเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในมนุษย์


การให้อภัยเป็นคุณธรรมสำคัญอย่างหนึ่งในมนุษย์คนส่วนมากเมื่อจะทำทานก็นึก
ถึงวัตถุทานคือการให้วัตถุสิ่งของให้ได้มากเตรียมการมาก ยุ่งมาก เขายินดีทำ
แต่ใครล่วงเกินอะไรไม่ได้ ไม่มีการอภัยในความผิดพลาดของผู้อื่น
ความจริงเขาควรหัดการให้อภัยทานเสียบ้างจิตใจจะได้สบายขึ้น สูงขึ้น
เป็นเทวดา

ดังสุภาษิตอังกฤษบทหนึ่งว่า To err is human , to forgive divine

แปลว่า การทำผิดเป็นเรื่องของมนุษย์ ส่วนการให้อภัยเป็นเรื่องของเทวดา
ถือเอาความว่า มนุษย์ธรรมดาย่อมมีความผิดพลาดบ้าง
ส่วนมนุษย์ที่ใจสูงย่อมมีความให้อภัยไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กน้อย
หรือแม้ว่าในสายตาของคนอื่นจะเป็นเรื่องใหญ่

แต่สำหรับท่านผู้มีใจกรุณาย่อมเห้ฯเป็นเรื่องเล็กน้อย
































พระพุทธเจ้า


พระพุทธเจ้าที่เรานับถือนั้นมีผู้ที่ปองร้ายพระองค์ถึงขั้นจะปองร้ายเอา
ชีวิตก็มี เช่น พระเทวทัตและพวกพยายามปลงชีพพระชนม์หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ พระองค์
ก็ไม่ร้ายตอบ ทรงให้อภัย

มีคนใส่ร้ายด้วยเรื่องที่ร้ายแรงทำให้เสียพระเกียรติยศก็มี เช่น
พวกเดียรถีย์นิครนถ์ นางจิญจมาณวิกา นาวสุนทรี เป็นต้น แต่ไม่ทรงทำตอบ
ทรงให้อภัยในที่สุดคนพวกนั้นก็พ่ายแพ้ไปเอง เหมือนการนำไข่ไปตอกกับหิน
ไข่ก็แตกไปเอง









พระเยซู


พระเยซู ศาสดาของคริสตศาสนาก็ทรงมีชื่อเสียงมากในการให้อภัย
ไม่ทรงถือโทษต่อผู้ที่คิดร้ายกับพระองค์
ให้อภัยผู้ทำความผิดเปิดโอกาสให้กับตัว


อีกท่านหนึ่งคือ
ท่านมหาตมะคานธีซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในเรื่องอหิงสา

ความไม่เบียดเบียน การให่อภัย จนถึงกัยอัลเบิร์ต
ไอน์สไตน์นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ได้กล่าวสดุดีท่านผู้นี้ว่า ต่อไปภาย
หน้ามนุษย์จะเชื่อหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ว่าเคยมีคนอย่างนี้ (ท่านมหาตมะคานธี)

เกิดขึ้นแล้วในโลก

ทั้งนี้พระคุณวิเศษในตังท่านนั้นยากที่คนสามัญจะหยั่งให้คิดถึงได้










รวมความว่ามหาบุรุษที่โลกยกย่อง


ให้เกียรติเคารพบูชานั้นล้วนเป็นนักให้อภัยทั้งสิ้น
ไม่เอาเรื่องกับสิ่งเล็กๆ น้อยๆ หรือเรื่องใหญ่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อยเสีย
ท่านเหล่านั้นย่อมมีความมุ่งมั่นในอุดมคติจนไม่มีเวลาสนพระทัยหรือสนใจ
เรื่องเล็กน้อย แต่ท่านเหล่านี่จะสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ
อันเกี่ยวกับสุขทุกข์ของผู้อื่น



ส่วนเรื่องร้ายที่ผู้อื่นทำกับท่าน ท่านไม่สนใจ
ลองอ่านประวัติของท่านที่เคยเอ่ยพระนามและนามมาแล้วดูบ้างจะเห็นว่าท่านน่า
เคารพบูชาเพียงใด

โลกจึงยอมน้อมเศียรให้แก่ท่าน


มีเรื่องเล่าว่า ในวัดพระพุทธศาสนานิกายเซ็นวัดหนึ่งมีพระอยู่กันหลายรูป
มีพระรุปหนึ่งนิสัยทางขโมย ได้ขโมยของพระด้วยกันเสมอๆ
จนวันหนึ่งพระทั้งหลาย

พากันขึ้นไปหาเจ้าอาวาส บอกว่าถ่าพระรูปนั้นยังอยู่ในวัดนี้พวกเขาจะไม่
อยู่วัดนี้
ขอให้ไล่พระรูปนั้นออกไปท่านเจ้าอาวาสบอกว่า พวกคุณนั้น
แหละควรจะไปได้แล้วเพระพวกคุณดีแล้วทุกรูป
ส่วนพระรูปนั้นควรอยู่กับฉันก่อนเพราะยังไม่ดี
































นี้คือเรื่องของผู้ที่มีใจกรุณา


คนที่เคยทำความผิดที่ยิ่งใหญ่นั้น
ถ้ากลับใจได้เมื่อใดก็มักทำความดีอันยิ่งใหญ่เหมือนกัน
เพราะสลดใจในเวรกรรมที่ตนเคยสร้างไว้
ดูพระเจ้าอโศกมหาราชและขุนโจรคุลีมาลเป็นตัวอย่าง
พระพุทธองค์เสด็จไปโปรดองค์คุลีมาลให้กลับเป็นคนดี ก็ด้วยพระกรุณานั้นเอง


แม้พระเจ้าอโศมหาราชก็เหมือนกัน
ตามประวัติว่าได้อาศัยพระภิกษุในพุทธศาสนารูปหนึ่งจึงกลับพระทัยมา
ดำเนินชีวิตทางไม่เบียดเบียน ทางการให้อภัย
ทรงบำเพ็ญการให้อภัยทานเป็นอันมาก


ถ้าเราจะเอาเรื่องกับเด็กรับใช้ที่บ้าน ภารโรงที่โรงเรียนหรือสำนักงาน
ก็ขอให้หยุดคิดสักนิดว่า ก็แกแค่นั้นจะเอาอะไรกับแกนักหนา
ถ้าแกดีเท่าเราหรือเฉลียงฉลาดปราดเปรื่องอย่างเรา
แกจะมาเป็นคนใช้หรือภารโรงทำไมกัน ก็เพราะความคิดอ่านแกมีอยู่เท่านั้น
แกก็ทำแค่นั้น อย่างที่เรารำคาญๆ อยู่นั้นแหละ
คิดได้อย่างนี้ก็ค่อยหายกลุ้มไปหน่อย


ความทุกข์เรื่องของแกก็ค่อยผ่อนคลายลงสุภาษิตที่ว่า ความเข้าใจเป็นมูล
ฐานแห่วการให้อภัย
เห็นว่าเขาเป็นคนอย่างนั้นเอง
พระสารีบุตรเคยแสดงแก่ภิกษุทั้งหลายว่าในการคบคนนั้น ควรถือเอาเฉพาะส่วน
ที่ดีของเขา ส่วนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป
บางคนการทำทางกายไม่ดี แต่วาจาดี
บางคนวาจาหยาบแต่การกระทำดี บางคนการกระทำทางกายก็หยาบ วาจาก็หยาบ แต่ใจดี
ควรถือเอาเฉพาะส่วนที่ดีเท่านั้น ท่านเปรียบว่าเหมือนดึงผ้าออกม่จากดินโคลน
เพื่อจะนำไปปะต่อใช้สอย เห็นส่วนไหนดีก็ตัดไว้ส่วนไหนไม่ดีก็ตัดทิ้งไป










ถ้าทำได้อย่งนี้ก็จะช่วยให้สบายใจได้มาก


อนึ้ง ควรคิดว่าคนเราเกิดมาด้วยจิตไม่เหมือนกัน
คือพื้นฐานของจิตตอนถือปฏิสนธินั้นไม่เหมือนกันจึงมีนิสัยที่แตกต่างกันมา
ตั้งแต่เยาว์
เมื่อกระทบกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันอีกก็ทำให้บุคคลแตกต่างกันไปเป็นอัน
มาก ซึ่งมีนิสัยใจคอพื้นฐานทางใจและการอบรมที่แตกต่างกันจึงมีปัญหามาก
ถ้าเราถือเล็กถือน้อยไม่รู้จักการให้อภัย เราก็จะมีทุกข์มาก


บางทีก็เกี่ยวกับช่องว่างระหว่างวัย ผู้ใหญ่อยากจะให้เด็กทำ
พูดและคิดอย่างตน ส่วนเด็กก็อยากจะให้ผู้ใหญ่ทำพูด คิดอย่าวตนเหมือนกัน
ซึ่งโดยทั่งไปเป็นไปไม่ได้ ฝ่ายผู้ใหญ่ควรให้อภัยว่าแกเป็นเด็ก
ส่วนเด็กก็ควรให้อภัยว่าท่านแก่แล้ว มาเข้าใจกันเสีย
คือเห็นใจซึ่งกันและกัน เมื่อเป็นดังนี้เรื่องเล็กก็ไม่กลายเป็นเรื่องใหญ่
ทุกฝ่ายอยู่กันด้วยความเห็นใจและเข้าใจ
มองกันอย่างเป็นมิตรไม่ใช้ศัตรูต่อกัน


นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการผผ่อนคลายความทุกข์และเสริมสร้างความสุขในชีวิต
ประจำวัน









ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือเพื่อความสุขใจ

แต่งโดย วสินอินทสระ






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:28:44 น.
Counter : 317 Pageviews.  

อย่าเป็นทุกข์ล่วงหน้า































































มีคนเป็นอันมากชอบวิตกหมกมุ่น


เป็นทุกข์ล่วงหน้าไว้ก่อนความจริงเรื่องที่วิตกทุกข์ร้อนนั้น
มันอาจไม่เกิดขึ้นตามที่เราวิตก เมื่อเป็นดังนี้ความวิตกกังวลของเราก็เป็น ความ
ทุกข์กินเปล่า
คือเป็นทุกข์ไปเปล่าๆ น่าเสียดาย ตัวอย่างเช่น
เด็กนักเรียน ม.ศ.5* วิตกเป็นทุกข์ไปล่วงหน้า ก็กลัวจะสอบไล่ปลายปีไม่ได้
และวิตกล่วงหน้าไปถึงเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย


แต่พอสรุปปลายปีจริงก็สอบได้และสอบได้คะแนนดีอีกด้วย
และพอสอบเข้ามหาวิทยาลัยก็สอบได้อีกในคณะที่ตนต้องการ เมื่อเป็นดังนี้ ความ
วิตกล่วงหน่าเหล่านี้ ก็เป็นความทุกข์กินเปล่า
มาเป็นปีหรือปีครึ่ง
ถ้าวิติกล่วงหน้าหลายปีมากเท่าใดความทุกข์ก็ขยายออกไปมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อสะสมกันนานเข้าก็จะกลายเป็นนิสัย เป็นคนขี้วิตกทุกข์ร้อน









ความวิตกทุกข์ร้อน


ที่เรียกภาษาอังกฤษว่า worry กับคนช่างคิดที่เรียกว่า thoughtful
นั้นไม่เหมือน worry ให้ความทุกข์ ความมืดมน
ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวฟุ้งซ่านทำอะไรไม่ถูกขี้หลงลืม หงุดหงิด และเป็นทุกข์
ส่วน thoughtful คนช่างคิดตรงกันข้ามเลยทีเดียว คือ
ทำให้คนมีปัญญาเฉียบคม มีปัญญาว่องไว
เหมือนมีดที่ลับอย่างถูกต้องตามวิธีการลับ ส่วน woory
มันเหมือนเอาคมมีดไปเฉือนหิน ยิ่งเฉือนยิ่งทื้อ
คนผู้นั้นจะกลายเป็นขี้เท่อไปในที่สุด































คนช่างคิดนั้นเขาคิดอย่างมีระบบมีหลักเกณฑ์


คิดเป็นเรื่องเป็นราวเป็นประโยชน์ สมมติว่าคิดเรื่องความตาย คน worry จะคิด
ถึงความตายด้วยความหวาดหวั่นพลั่นพลึงกลัวตาย
เป็นห่วงหน้าห่วงหลัง
ตายแล้วเขาจะเอาไปเผาวัดไหน วัดนั้นก็ไม่ดี วัดนี้ก็แพงไป
คนที่อยู่ข้างหลังเขาคงลำบากมาก เขาจะอยู่กันได้อย่างไร โอ เรายังไม่ตาย
เราต้องไม่ตาย แม้แต่พอได้ยินเรรื่องตายก็ถือเป็นรางร้ายเลยเป็นทุกข์










ส่วนคนที่ช่างคิดหรือคนที่คิดเป็นนั้น


พอคิดเรื่องตาย ตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้นอกจากบุญและบาป
คนทำบาปมากอยู่ไปก็ไม่เป็นสุขตายไปก็ไม่สุข คนอยู่ข้างหลังก็แช่งด่า
ส่วนคนที่ทำดีมากอยู่ก็เป็นสุขตายไปก็เป็นสุข
คนที่อยู่ข้างหลังญาติพี่น้องพวกพ้องก็เป็นสุขมีหน้ามีตาเมื่อเป็นดังนี้ควร
เว้นความชั่ว ทำความดี อนึ่ง ถ้าคนเราไม่ตาย แต่ความแก่ไม่ได้หยุด
แก่ไปเรื่อยๆ ไม่รู้จักตายก็ลำบากแย่

ความตายถือเป็นมิตรที่ดีเป็นผู้ช่วยที่ปลดเปลื้องทุกข์อันยืดเยื้อทรมาน
นักหนา
ความตายเป็นประโยชน์แก่เรา
ความทุกข์บางอย่างเช่นโรคเรื้อรังรักษาเท่าไรก็ไม่หายความตายเท่านั้นที่จะ
รักษาโรคนี้ได้ คิดอย่างนี้แล้วก็ไม่กลัวตายตรงกันข้ามจะมีจิตใจแจ่มใส
ขยัยทำความดีหนีความชั่ว นักปราชญ์ท่านจึงว่า คิดถึงความตายสบายนัก
มันตัดรักตัดหลงในสงสาร เป็นต้น










คน worry กับคน thoughtful


ตรงกันข้ามอย่างนี้ เพราะฉะนั้นต้องพยายามประคับ
ประคองตนให้อยู่ในพวกคนช่างคิด-คิดเป็น คิดให้เป็นประโยชน์
และความเป็นสุขผู้มีปัญญาคิดเป็นย่อมหาความสุขได้แม้ในเรื่องที่น่าจะทุกข์









ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุภาพ

จาก หนังสือเพื่อความสุขใจ

แต่งโดย วศิน อินทสระ






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:26:39 น.
Counter : 303 Pageviews.  

ทางเลือก



















































ไม่มีทางเลือก มันจำเป็นนี่


ไม่มีทางเลือก มันจำเป็นนี่
เป็นการโอดครวญที่แสดงถึงภาวะคับขันจนตรอกหาทางออกไม่ได้ คนเราจะถึงทาง
ตันจริงๆ เชียวหรือ
ก่อนที่เราจะถึงทางตัน ทำไมไม่ดูให้ดีๆ
ว่าอาจมีทางอื่นอยู่บ้าง ทาวเลือกจะไม่มี โอกาสจะไม่มา
ถ้าคุณไม่รู้จักสร้างทางเปิดโอกาสไว้ มังแต่รอทางรอโอกาส
บางคนทำไมเขามีทางเลือกมากมายให้เลือก มีโอกาสมากมายให้เปิด
เมื่อไม่แผ้วถางทางไว้ คอยแต่อาศัยทางของคนอื่น
จะมีประโยชน์อันใดในการพูดคำว่า ไม่มีทางเลือก










เชื่อเถอะว่า

ชีวิตนี้มีหลายทางรอให้คุณเข้าไปแผ้วถาง
เพียงแต่ต้องลงไปออกแรงใช้กำลังหน่อย

ยังทางให้คุณเลือกอีกหลายทางที่รอให้คุณเลือก
เพียงแต่คุณต้องคุณสมบัติที่เพียงพอ เมื่อถึงคราวหนึ่ง สิทธิแห่งการ
เลือกย่อมต้องตกเป็นของคุณอย่างแน่นอน









ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพัฒนาชีวิตจากชีวิตจริง

แต่งโดย พระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์






Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:22:37 น.
Counter : 336 Pageviews.  

อดทน























































คนไม่อดทนนั้นไม่มีใครอยากคบ


เพราะไม่รู้จะปึงปังขึ้นมาเวลาไหน อนึ่ง เขามักก่อความร้อนหู
ร้อนใจให้ผู้อื่นเสมอๆ เพราะความไม่รู้จักอดทนของเขาเอง
ฉะนั้นจึงไม่เป็นที่รักที่พอใจของผู้อื่น และเป็นผู้มากไปด้วยศัตรูคู่
เวร อะไรนิดอะไรหน่อยก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอ

เลยกลายเป็นผู้มีโทษมีภัยอยู่รอบด้าน










ส่วนคนมีความอดทน

ย่อมรู้จักการให้อภัยในการล่วงเกินของผู้อื่น ในความเฉยเมยของผู้อื่น
และการกระทำอันรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้อื่น



เขาได้เรียนรู้ว่า คนเราย่อมมีอารมย์ดี อารมย์ร้ายอยู่เสมอ
บางวันในวันเดียวเปลี่ยนเป็นดีบ้างเสียบ้างตั้งหลายครั้ง
เราอาจไปพบเขาในตอนที่เขาอารมย์เสียอยู่ก็ได้
เราจึงได้รับการต้อนรับด้วยใบหน้าที่เรานึกว่าจะได้พบ
หากเราไม่รู้จักการให้อภัย เราไม่อดทนอาจเสียเพื่อนที่ดีไปก็ได้ เราหัด
อดทนเสียหน่อย เรื่องต่างๆ ก็จะคลี่คลายไปในทางดีเสมอ









ขอขอบคุณ


ข้อมูลที่มีคุณภาพ

จาก หนังสือพัฒนาชีวิตจากชีวิตจริง

แต่งโดยพระมหาอุเทน ปัญญาปริทัตต์







Free TextEditor





















































 

Create Date : 11 เมษายน 2553    
Last Update : 11 เมษายน 2553 21:17:59 น.
Counter : 309 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

tongsehow
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add tongsehow's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.