Group Blog
 
All Blogs
 
บังเต๊ก (๓)

สามก๊กฉบับลายคราม

ตอนที่ ๓ เจ้านายหูเบา

เล่าเซี่ยงชุน

เมืองเจี๋ยงที่ ม้าเฉียว พา บังเต๊ก และ ม้าต้าย ไปพักอาศัยหลังจากที่ได้แตกไปจากแม่น้ำอุยโหนั้น เป็นหัวเมืองบ้านนอกห่างไกลจากเมืองจิ๋นมาก จึงไม่มีผู้
ใดคิดจะขับไล่ไสส่ง หรือตามไปรังควาญ ครั้นพักอยู่ประมาณสามเดือน ก็รวบรวมผู้คนมาเป็นทหารได้มากพอควร จึงยกมาตีหัวเมืองออกแว่นแคว้นของ โจโฉ ได้เป็นหลายเมือง จนถึงเมืองกิจิ๋ว เจ้าเมืองรีบมีใบบอกเข้ามายังเมืองฮูโต๋ แต่โจโฉยังไม่ทันได้ยกไปช่วยกองทัพม้าเฉียวตั้งล้อมเมืองไว้หลายวัน เจ้าเมืองก็ออกมาคำนับอ่อนน้อมด้วย ม้าเฉียวเข้าเมืองได้หาว่าเจ้าเมืองแกล้งยอมโดยไม่จริงใจ เลยให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แล้วตั้งให้เอียวหู ทหารของเจ้าเมือง เป็นขุนนางผู้ใหญ่รักษาเมืองกิจิ๋วแทน

เอียวหูซึ่งยอมรับมอบตำแหน่งด้วยความจำใจ ก็หาอุบายขออนุญาตลา
ไปทำศพภรรยาที่เมืองหลิมเอีย แต่พอมาถึงเมืองลกเส ก็แวะเข้าไปหาพี่ชายลูกของอา
ชื่อ เกียงขิม ชวนให้ไปช่วยกู้เมืองกิจิ๋ว ม้าเฉียวรู้ข่าวก็คุมทหารยกออกจากเมืองกิจิ๋ว
พร้อมด้วยบังเต๊กและม้าต้าย เข้าปะทะกับเกียงขิมกลางทาง กำลังรบรุกกันอยู่พอดีทหารของโจโฉที่ส่งมาช่วยทันเวลา ม้าเฉียวก็เลยต้องถอยจะกลับเข้าเมืองกิจิ๋ว เกิดมีไส้ศึกลิ่วล้อของเจ้าเมืองเก่า จัดการปิดประตูเมืองไม่ยอมให้เข้า แถมจับตัวบุตรภรรยาของม้าเฉียว ตัดศรีษะโยนลงมาเยาะเย้ยเสียอีก ม้าเฉียวเสียใจเป็นลมตกจากม้าสามสี่ครั้งแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ครั้นถอยหลังก็ปะทะกับข้าศึกที่ไล่ตามมาอีก เหลือแต่ บังเต๊กกับม้าต้าย และทหารอีกห้าสิบคนหนีไปตลอดวันยันค่ำ ก็หมดแรงเดินโต๋เต๋อยู่ริมกำแพงเมืองลกเส เผอิญทหารบนกำแพงตาไม่ดีจำไม่ได้ นึกว่าเกียงขิมเจ้าเมืองยกกลับมา ก็เปิดประตูรับ ม้าเฉียวกับพวกก็เลยตลุยฆ่าฟันชาวบ้านชาวเมืองเป็นการล้างแค้น จนบาดเจ็บล้มตายลงไปเป็นอันมาก แล้วลุยเข้าไปจับตัวมารดาเกียงขิม ซึ่งอายุตั้งแปดสิบสองปีแล้ว มาฆ่าเสียให้หายแค้น

พอรุ่งขึ้นอีกวันออกจากเมืองลกเส เจอเอาเอียวหูซึ่งคุมทหารสวนมา
ก็เลยต้องขับเคี่ยวกันอีกรอบ เอียวหูสู้ไม่ได้แต่ก็ทนทรหด ถูกทวนแทงหลายแผลก็ไม่หนีคงกัดฟันต่อสู้อยู่เป็นสาหัส พอทหารเอกของโจโฉยกมาสมทบอีกแรง ม้าเฉียวก็เลยหมดท่า ต้องพาบังเต๊กม้าต้ายและทหารอีกเจ็ดคนสุดท้าย หนีไปอาศัย เตียวฬ่อ เจ้าเมืองฮันต๋ง

เตียวฬ่อนี้ไม่ขึ้นแก่ใคร คิดการสงครามด้านตะวันออกกับโจโฉ ทาง เมืองฮูโต๋ พร้อมกับคิดจะยึดเมืองเสฉวนทางด้านตะวันตกด้วย เมื่อได้ม้าเฉียวมาอยู่เป็นหัวแรงสำคัญ ก็ทำให้มีกำลังกล้าแข็งขึ้น พอได้ทราบข่าวว่า เล่าปี่ ก็คิดจะคืบหน้ามายึดครองเมืองเสฉวน จึงมอบหมายให้ม้าเฉียวกับม้าต้ายออกไปต้านทาน โดยไม่ได้พาเอาบังเต๊กไปด้วยเพราะกำลังป่วยอยู่ คงมีแต่ เอียวเป๊ก ที่ปรึกษาของเตียวฬ่อกำกับไปด้วยเท่านั้น เอียวเป๊กคนนี้ไม่ถูกกับม้าเฉียว เคยขัดขวางไม่ให้เตียวฬ่อยกลูกสาวให้ม้าเฉียวมาแล้ว ทั้งสองจึงมองหน้ากันไม่ค่อยสนิท และคิดจะหักล้างกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อยกไปถึงด่านแฮบังก๋วนของเมืองเสฉวน ก็เข้าตีรบพุ่งกันอยู่เป็นสามารถ แต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ เล่าปี่ซึ่งกำลังมุ่งหน้ามาเสฉวน โดยได้เมืองกิมเก๊กแล้วกำลังเขยิบไปเมืองเอ๊กจิ๋วทราบข่าวก็ยกมาช่วยรักษาด่านไว้ โดยมี เตียวหุย เป็นทหารเอก การศึกครั้งนี้จึงเป็นการวัดดวงของม้าเฉียว กับเตียวหุย คนดังของสามก๊กอย่างฉกาจฉกรรจ์

ครั้งแรกม้าเฉียวเป็นฝ่ายร้องด่าท้าทายก่อน เล่าปี่ก็ไม่ยอมออกรบ คงปล่อยให้ด่าอยู่ตั้งครึ่งค่อนวัน จนทหารชักจะหิวข้าวอิดโรยกำลังลง ก็ให้เตียวหุยออกรบ ม้าเฉียวเป็นทหารที่ชอบรบตัวต่อตัว พอเห็นอีกฝ่ายให้ทหารเอกออกมา ก็โบกธงให้ทหารที่ร้องด่าจนคอแห้งหลบไปเสีย ตนเองขับม้าออกหน้าทหาร เมื่อเจอหน้ากันเข้าเตียวหุยก็ร้องตัดไม้ข่มนามว่า ตัวกูชื่อเตียวหุย ม้าเฉียวมึงรู้จักกูหรือไม่ กะว่าพอรู้ชื่อแซ่แล้วก็คงจะหัวหดไป แต่เปล่าเลยม้าเฉียวดันตีกลับเอาว่า

"......ตัวกูเป็นเชื้อขุนนางมาหลาย ชั่วคน เหตุใดกูจะรู้จักมึง อันเป็นชาติชาวบ้านนอกทรพลนั้น...."

เมื่อได้ฟังดังนั้นแล้ว เตียวหุยผู้ได้ชื่อว่าเป็นคนมุทะลุดุดันเหลือร้าย ที่
จะไม่โกรธคงเป็นไปไม่ได้ จึงเข้ารบประลองฝีมือกันรวดเดียวร้อยเพลง ไม่ยอมแพ้ชนะ
กัน เล่าปี่ชักจะชอบใจม้าเฉียว เห็นว่ารูปงามกล้าหาญสมคำเขาว่า ก็ตีม้าล่อหยุดพักรบ เตียวหุยถอดเกราะพักเหนื่อยได้ครู่เดียว ก็ขึ้นม้าออกรบใหม่โดยไม่ได้ใส่เกราะ คราวนี้ร้องด่าท้าทายม้าเฉียวบ้าง ม้าเฉียวก็ออกมารบกันอีกร้อยเพลง เล่าปี่ก็ตีม้าล่อพักรบอีก เตียวหุยบอกไม่เอาแล้ว ต้องรบให้แพ้ชนะกันไปข้างหนึ่ง ถ้าค่ำลงก็ให้จุดคบเพลิงขึ้นเถิด จะได้รบต่อไปจนกว่าจะชนะ ม้าเฉียวกับเตียวหุยจึงเข้าต่อสู้กัน ท่ามกลางแสงเพลิงที่จุด จากคบสว่างจ้าดุจกลางวัน จนถึงสองยามเศษ จึงแยกจากกันไป

พอดี ขงเบ้ง ตามจากเมืองกิมเก๊กมาถึง เห็นม้าเฉียวมีฝีมือกล้าหาญ
เอาการ ขืนปล่อยให้รบกับเตียวหุยต่อไป คงจะต้องตายกันไปข้างหนึ่งน่าเสียดายสู้เกลี้ยกล่อมเอาไว้เป็นพวกไม่ได้ จึงออกอุบายอย่างแยบยล ให้เอียวสงยุเตียวฬ่อ ให้ผิดใจกับม้าเฉียว ถึงขั้นตัดเป็นตัดตายกันเลย ม้าเฉียวจะกลับเข้าเมืองฮันต๋งก็ไม่ได้ พอโดนคนของขงเบ้งที่ส่งมาเกลี้ยกล่อมเข้าหน่อย ก็ยอมเข้าเป็นพวกเล่าปี่ไปเลย แถมยังช่วยเล่าปี่ให้ได้ครองเมืองเสฉวนอย่างสะดวกดาย สมปรารถนาเสียอีกด้วย เลยได้เป็นทหารเอกของเล่าปี่ต่อมาอีกนาน

กาลเวลาต่อมา โจโฉยกทัพจากเมืองฮูโต๋ จะไปตีเมืองฮันต๋งเพื่อผ่านไปรบเมืองเสฉวนที่เล่าปี่ยึดครองอยู่ อย่างที่ว่าแล้วว่าเตียวฬ่อเป็นศัตรูทั้งสองข้าง จึง ยกทหารไปขัดตาทัพอยู่ที่ด่านเองเปงก๋วนถึงสองกอง ตั้งค่ายคอยต้านทานโจโฉ แต่ก็ไม่
สำเร็จถูกตีแตกทั้งค่ายซ้ายค่ายขวา โจโฉก็ยกกำลังล่วงเลยเข้ามาใกล้เมืองฮันต๋ง ฝ่าย
เตียวฬ่อคิดขึ้นมาได้ถึงบังเต๊ก ซึ่งตกค้างอยู่ตั้งแต่ครั้งม้าเฉียวยกไปเสฉวน จึงขอแรงให้
ยกทหารออกไปต่อสู้กับโจโฉอีกครั้ง โดยมอบทหารให้หนึ่งหมื่น ออกไปตั้งค่ายยันโจโฉไว้

โจโฉจำได้ว่าบังเต๊กคนนี้ เป็นคนมีฝีมือเก่งกล้า เคยปะทะกันมาแล้วครั้งยุทธการแม่น้ำอุยโห ที่มาอยู่กับเตียวฬ่อนี้ก็ด้วยความจำใจ เพราะม้าเฉียวทิ้งไปตอน
เจ็บป่วย จึงสั่งทหารอย่ารบให้เอาเป็นเอาตายนัก จะพยายามเกลี้ยกล่อมบังเต๊กเอามา
เป็นพวกให้ได้ ดังนั้นพอบังเต๊กออกรบกับ เตียวคับ ได้ห้าเพลง ก็ถอยไป แฮหัวเอี๋ยนเข้ามารบด้วยเจ็ดเพลงก็ถอยไปอีก ซิหลง เข้ามารำทวนด้วยสิบเพลงก็หลบไป เคาทู ตัวโตที่เคยรบกับม้าเฉียวมาแล้วนับร้อย ๆ เพลงพอเจอบังเต๊กได้ห้าสิบเพลง ก็หันหลังกลับเข้าค่ายไป บังเต๊กก็เลยกลายเป็นฮีโร่โดยไม่รู้ตัว เพราะเอาชนะทหารเอกของโจโฉได้วันเดียวถึงสี่คน

วันต่อมาโจโฉให้ซิหลงกับเคาทูยกไปรบกับบังเต๊ก แล้วทำเป็นถอยหนี ไปทางอื่น บังเต๊กคิดว่าเป็นต่อแล้วก็เข้าตีค่ายโจโฉหวังจะรบขั้นแตกหัก โจโฉก็พาทหาร ถอยหนีออกจากค่าย บังเต๊กจึงพาทหารเข้าค่ายยึดได้เครื่องศาสตราวุธและเสบียงอาหารมากมาย บังเต๊กก็ดีใจในชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดาย พอตกกลางคืนก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน เสียงอึงคนึงไปทั้งค่าย พอกำลังเมาได้ที่ซิหลงกับเคาทูก็ย้อนกลับมาทางทิศเหนือ แฮหัวเอี๋ยนเข้าทางทิศตะวันออก เตียวคับเข้าทางทิศตะวันตกเป็นสามด้าน พอถึงเวลานัดหมายก็เข้าตีพร้อมกันทุกด้าน บังเต๊กกับทหารที่มัวชื่นชมในชัยชนะตอนกลางวัน ก็สู้ไม่ไหวแตกออกจากค่าย ถอยหนีไปทางทิศใต้ซึ่งเป็นช่องว่างอยู่ กลับเข้าเมืองฮันต๋ง

ในขณะนั้นโจโฉก็ให้ทหารที่มีสติปัญญา ปลอมปนเข้าไปในเมืองพร้อมกับเงินทองของมีค่า ลอบเข้าไปหาเอียวสงที่ปรึกษาของเตียวฬ่อเจ้าเก่า ซึ่งเป็นคนโลภชอบหาลาภอันมิควรได้อยู่เนือง ๆ แม้ครั้งที่เตียวฬ่อตัดเชือกม้าเฉียว ก็เพราะฝีมือยุแยงตะแคงรั่วของเอียวสงนี้เอง ด้วยได้รับสินบนจากขงเบ้ง คราวนี้ก็ทำนองเดียวกัน โจโฉสั่งให้ทหารแจ้งแก่เอียวสงให้ยุยงเตียวฬ่อให้กินใจกับบังเต๊กอีก เอียวสงรับเงินทองของกำนัลแล้ว ก็ไปยุเตียวฬ่อว่าบังเต๊กตีค่ายโจโฉแตกแล้ว ได้ทรัพย์สินมากมายไม่ส่งให้ แต่กลับแกล้งทำเป็นแตกทัพมาเพื่อเก็บงำทรัพย์สินเหล่านั้นไว้เป็นของตนเอง เตียวฬ่อก็หลงเชื่ออย่างง่ายดาย พอบังเต๊กเข้ามาเล่าถึงเรื่องที่ได้แตกทัพมา ก็โกรธให้เอาตัวไปฆ่าเสีย แต่บังเอิญมีขุนนางผู้ใหญ่ขอไว้ จึงคาดโทษว่าถ้าพรุ่งนี้ออกไปรบไม่ชนะก็จะตัดศีรษะเสีย บังเต๊กน้อยใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็จำใจรับคำไปตามสั่ง

โจโฉนั้นไม่ได้อยู่เฉย ตอนกลางคืนก็ให้เตียวคับกับแฮหัวเอี๋ยนคุมทหาร
ไปซุ่มอยู่ข้างเนินเขาทั้งสองข้าง ด้านหน้าขุดหลุมเอาดินเกลี่ยลวงตาไว้ ตนเองกับทหาร
สิบห้าคนขึ้นไปอยู่บนเนินซึ่งได้ขุดหลุมดักไว้นั้น คอยล่อบังเต๊ก พอเวลาฟ้าสางบังเต๊กคุมพลออกจากเมืองเข้ารบกับเคาทูได้ไม่กี่เพลง เคาทูก็ถอยตามแผน โจโฉอยู่บนเขาก็ร้องบอกบังเต๊กว่า อันเมืองฮันต๋งนั้นเหมือนลูกไก่ เราจะตีหักเอาเมืองตัวเจ้าก็จะพลอยตายเสียด้วย จงอ่อนน้อมต่อเราโดยดีจะได้รอดตาย บังเต๊กไม่ฟัง คิดว่าถึงจะจับทหารได้สักร้อยหนึ่งก็ไม่เท่าจับโจโฉ ซึ่งขณะนี้มีทหารรักษาอยู่เพียงสิบห้าคนเท่านั้น ถ้าได้ตัวไปให้เตียวฬ่อก็จะมีความชอบเป็นอันมาก พอจะแก้ตัวที่รบแพ้เมื่อวานนี้ได้ จึงพรวดพราดบุกขึ้นไปจะจับตัวโจโฉโดยไม่ดูตาม้าตาเรือ เลยตกผลุบลงไปในหลุม ตัวเองพลัดจากหลังม้านอนแอ้งแม้งอยู่ และโชคไม่ดีเหมือนเมื่อครั้งตกหลุมที่ค่ายอุยโห จึงถูกทหารโจโฉกลุ้มรุมจับมัดไว้ได้

โจโฉห้ามทหารไว้ว่าอย่าทำวุ่นวายไป พลางก็ลงจากหลังม้าเข้าแก้มัด บังเต๊ก แล้วถามว่าจะยอมอยู่กับเราหรือเราจะไว้ชีวิต บังเต๊กคิดในใจว่าโจโฉนี้มีน้ำใจ
ไม่คิดพยาบาท เตียวฬ่อนั้นเป็นคนเบาความ มิได้คิดพิจารณาตามถูกผิด สมควรจะอยู่กับโจโฉดีกว่า จึงว่า

".....ข้าพเจ้าเป็นข้าศึก ท่านจับได้ไม่ฆ่านั้น คุณหาที่สุดมิได้ จึงขออยู่ทำราชการสนองคุณ จนกว่าจะสิ้นชีวิต...."

โจโฉก็มีความยินดีที่อุบายของตนเป็นผลสำเร็จ รีบจัดม้าให้บังเต๊กขี่เข้าค่ายอย่างโอ่อ่าสมเกียรติแล้วจัดแจงแต่งโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูอย่างดี พร้อมกับให้เงินทองเป็นอันมาก

พอรุ่งเช้าอีกวัน โจโฉก็เข้าตีเมืองฮันต๋ง เตียวฬ่อเห็นท่าจะสู้ไม่ได้แน่
เพราะอียวสงที่ปรึกษาก็คอยแต่จะยุให้ยอมแพ้อยู่เรื่อง พอสองยามเศษก็พาครอบครัวหนี ไปเมืองปาต๋ง โจโฉเข้าเมืองได้เห็นข้าวของในคลัง และเสบียงอาหารในฉางยังเหลือ
อยู่มากมาย ก็นึกว่าเตียวฬ่อเป็นคนซื่อรักราษฎรไม่ทิ้งให้อดอยาก คิดเกลี้ยกล่อมให้ยอมแพ้อีก แต่เตียวฬ่อยังไม่ไว้ใจจึงยังไม่ยอม โจโฉก็ยกพลตามไปเมืองปาต๋ง เตียวโอย น้องชายเตียวฬ่อคุมทหารออกรบก็โดนเคาทูฆ่าตายภายในห้าเพลง เตียวฬ่อออกรบเองก็ไม่มีกำลังพล เพราะทหารทั้งหลายต่างก็เป็นห่วงครอบครัวถอยกลับเข้าเมืองหมด เหลือตัวคนเดียวหนีโจโฉจะเข้าเมืองก็ไม่ได้เพราะเอียวสงปิดประตู เป็นเวรกรรมตามสนองเช่นเดียวกับที่ทำต่อม้าเฉียว จึงยอมทิ้งอาวุธเข้าไปคำนับโจโฉ

เมื่อโจโฉยึดเมืองปาต๋งได้แล้ว ก็แต่งตั้งให้เตียวฬ่อเป็นเจ้าเมืองตามเดิม โดยอาศัยอำนาจของมหาอุปราชแห่งพระเจ้าเหี้ยนเต้ ส่วนเอียวสงนั้นถือว่าเป็นคนโลภ หากตัญญูต่อนายมิได้ แม้นเลี้ยงไว้ก็จะเอาใจเผื่อแผ่แก่ศัตรู จึงให้เอาตัวไปฆ่าเสียแล้วตัดศีรษะเสียบประจานไว้ มิให้ผู้ใดเอาเยี่ยงอย่างต่อไป

เรื่องของโชคชตาไม่มีใครกำหนดได้ บังเต๊ก ที่เราได้ติดตามมาสามตอนนี้ ครั้งแรกก็อยู่กับม้าเฉียว ต่อมาก็อยู่กับเตียวฬ่อ ลงท้ายเวรกรรมก็ส่งให้มาอยู่กับโจโฉ เพราะมีนายไม่ดี หูเบา คอยแต่จะเชื่อที่ปรึกษาผู้คอรับชั่น ยุยงไปในทางที่ผิดอยู่เสมอ

คราวหน้าคอยดูว่า ชะตาชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไป.

##########



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2560 15:34:50 น. 0 comments
Counter : 234 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.