Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าปี่ (๗)

สามก๊กฉบับลายคราม

เล่าปี่...ผู้พนมมือถือดาบ

ตอนที่ ๗ ช่องแคบอาถรรพ์

เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อ เล่าปี่ ยึดค่ายโปยสิก๋วนได้อย่างง่ายดายแล้ว ก็เลยคิดจะยอมตก กระไดต่อไปอีกหนึ่งขั้น คือเข้าตีเอาเมืองเสฉวนเสียเลยทีเดียว กำลังจะยกทหารออก
จากค่าย ก็ได้ข่าวว่า เล่าเจี้ยง ได้ส่งทหารเอกสี่คนคือ เหลงเปา เล่ากุ๋ย เตียวหยิมและ เตงเหียน กับทหารห้าหมื่น มาขัดตาทัพอยู่ที่เมืองลกเสีย แล้วเหลงเปาเตงเหียนได้แบ่งทหารสองหมื่นออกมาดักอยู่ที่ช่องเขาลกห้องโห ห่างจากหน้าเมืองประมาณหกร้อยเส้น
เล่าปี่จึงขอผู้อาสาจะเป็นทัพหน้าไปตีค่ายที่ช่องแคบนี้ ปรากฏว่าเกิดมีการแย่งอาสากันเสียอีก ระหว่าง อุยเอี๋ยน นายทหารหนุ่มกำลังห้าว กับ ฮองตง นายทหารผู้ชรา จนเกือบจะได้ลองกำลังกันเองเสียก่อนออกศึกแล้ว
บังทอง ที่ปรึกษาของเล่าปี่ จึงให้ไปทั้งสองนาย แยกเข้าตีค่ายของฝ่ายเสฉวนคนละค่าย โดยให้อุยเอี๋ยนตีค่ายเตงเหียน ฮองตงตีค่ายเหลงเปา แต่พอทหารเอกสองนายยกไปแล้ว บังทองก็เกรงว่าทั้งสองจะไปวิวาทกันกลางทาง ด้วยยังพยาบาทกันอยู่ จึงขอให้เล่าปี่ยกทหารตามไปเป็นกองหนุน และตนจะรักษาด่านค่ายโปยสิก๋วนเอง
ฝ่ายฮองตงจะต้องเข้าตีค่ายเหลงเปา เชิงเขาด้านขวา ก็สั่งให้ทหารหุงข้าวกินเสียแต่ตอนเช้ามืด แล้วค่อยเข้าตี พออุยเอี๋ยนรู้ข่าวก็ให้ทหารหุงข้าวกินตั้งแต่ยามหนึ่ง แล้วจะได้รีบไปตีค่ายเตงเหียนทางเชิงเขาด้านซ้าย ให้ได้ก่อนตั้งแต่ตอนดึก พอพาทหารเดินมาถึงกลางทาง เกิดความริษยาฮองตง กลับใจจะแย่งตีค่ายเหลงเปา เสียก่อนที่ฮองตงจะยกมา เพื่อชิงเอาความดีความชอบ
แต่พอถึงค่ายเข้าจริง เหลงเปาได้เตรียมรับมือไว้เป็นอย่างดี ยกทหารเข้ารบอย่างเข้มแข็ง อุยเอี๋ยนเข้าสู้กับเหลงเปา ได้สามสิบเพลง ทหารของเสฉวนอีกกองหนึ่ง ก็วกเข้าตีโอบด้านหลัง ทหารของอุยเอี๋ยนต้องเดินทัพมาตลอดคืนไม่ได้หลับได้นอน ก็อิดโรยอ่อนแรงแตกพ่ายไปหมด เหลืออยู่แต่ตัวอุยเอี๋ยนผู้เดียวต้องขับม้าหนี ให้เหลงเปาไล่กวดไปถึงห้าสิบเส้น ก็เจอกับเตงเหียนซึ่งคุมทหารมาดักหน้า อยู่ที่เชิงเขาอีกด้าน อุยเอี๋ยนเห็นจวนตัวก็รีบชักม้าหนีไปอีกทาง พอดีม้าเหยียบศิลาแพลงขมำล้มลง อุยเอี๋ยนตกจากหลังม้า เตงเหียนเห็นได้ทีก็สอึกเข้าแทงด้วยทวน
พอดีฮองตงยกทหารมาถึงทันเวลา จึงยิงเกาทัณฑ์ถูกอกเตงเหียนตกม้า เหลงเปาต้องรีบเข้ามาช่วยเหลือ ฮองตงก็ร้องตะโกนว่า กูชื่อฮองตงทหารเอกอยู่นี่ใคร
ดีเข้ามา เหลงเปาจึงขับม้าเข้าสู้กับฮองตงแต่ปะทะได้เพียงห้าเพลง ทานกำลังผู้เฒ่าไม่
ไหวต้องหันหนี ฮองตงก็พาทหารไล่ตามตีทหารเหลงเปาแตกกระจายไป เหลงเปาจะ
เข้าค่ายของตนเองก็ไม่ทัน จึงต้องหันกลับไปสู้กับฮองตงอีกสิบเพลง แล้วก็พยายามจะหนีเข้าค่ายของเตงเหียน
แต่ปรากฎว่าเล่าปี่ที่เป็นกองหนุน ได้ยึดค่ายนั้นไว้ได้แล้ว เหลงเปาก็เลยจนแต้ม ต้องหนีเข้าซอกเขาจะลัดไปเมืองลกเสีย กลับไปเจออุยเอี๋ยนคอยดักอยู่อีก โดยเอาเชือกขึงพานเท้าม้าล้มลง เหลงเปาจึงถูกจับมัดเป็นเชลยจนได้
ฝ่ายเล่าปี่เมื่อยึดค่ายทั้งสองได้แล้ว ก็ปล่อยตัวทหารเสฉวนกลับไปบ้าน
ไปเมืองหมด แล้วเรียกตัวอุยเอี๋ยนมาชำระโทษ อุยเอี๋ยนก็ได้ตัวเหลงเปามาแก้ความผิด
เล่าปี่จึงว่า
".......ตัวท่านมีโทษใหญ่หลวงนัก แต่ครั้งนี้หากว่าท่านทำการแก้ตัว จับเหลงเปาได้ เราจะยกโทษเสีย แต่วันนี้สืบไปวันหน้าจะทำการสิ่งใด จงอย่าได้แก่งแย่งทำการเอาหน้า ยกตัวว่าดีดุจครั้งนี้ แลซึ่งท่านรอดจากความตายเพราะฮองตงนั้น ก็จงคำนับฮองตงตามประเพณี....."
อุยเอี๋ยนก็ยอมขอขมาโทษแก่ฮองตงโดยดี เล่าปี่ก็ให้ปล่อยตัวเหลงเปา
และจัดโต๊ะเลี้ยงดูอย่างดี แล้วถามว่าจะคิดอย่างไร เหลงเปาก็ขอความกรุณาให้ปล่อย
ตัวกลับไป จะสนองคุณด้วยการเกลี้ยกล่อมเล่ากุ๋ยกับเตียวหยิม ที่อยู่รักษาเมืองลกเสียให้ยอมสามิภักดิ์ด้วย เล่าปี่ก็ให้เสื้อผ้าเป็นรางวัล แล้วปล่อยตัวกลับเมืองลกเสียตามคำขอ แม้ว่าอุยเอี๋ยนจะทัดทานก็ไม่ฟัง
เหลงเปากลับมาถึงเมืองลกเสีย ก็คุยโม้ว่า ได้ฆ่าทหารเอกของเล่าปี่ตายไปถึงสิบคน แต่ข้าศึกมีกำลังมาก จึงต้องหนีมาตัวคนเดียว ส่วนเตงเหียนนั้นตายใน สนามรบ เล่ากุ๋ยก็รีบแจ้งให้เล่าเจี้ยงรู้ข่าวและขอกองหนุนเพิ่ม เล่าเจี้ยงก็ให้ เล่าชุน
บุตรชาย กับ งออี้ น้าชายมาเป็นที่ปรึกษา และให้นายทหารรองอีกสองนายกับทหารเลวสองหมื่นยกมาสมทบที่เมืองลกเสีย
เมื่อถึงแล้วงออี้ก็วางแผนที่จะชักน้ำจากแม่น้ำปวยกั๋ง ซึ่งอยู่ริมเมืองให้
ไหลไปท่วมทหารของเล่าปี่ซึ่งตั้งอยู่บนที่ลุ่มเชิงเขา โดยให้เหลงเปากับทหารรองสองคน
นั้น คุมทหารไปทำการขุดคลอง แบ่งน้ำจากแม่น้ำในตอนกลางคืน ซึ่งฝนตกทำให้น้ำมาก แต่ดันเจอเอาอุยเอี๋ยนคู่แค้นเก่า คุมทหารลาดตระเวนรักษาค่ายอยู่ ก็เข้าโจมตีไม่ทันให้ตั้งตัว ทหารเสฉวนจึงแตกตื่นอลหม่าน เหยียบกันตายด้วยความมืด เหลงเปาก็เข้าต่อสู้กับอุยเอี๋ยนได้เพียงห้าเพลงก็ถูกจับอีก คราวนี้พอพบหน้าเล่าปี่ก็โดนด่าว่าเป็นคนไม่มีความสัตย์ แล้วก็สั่งให้เอาไปประหารเสียทันทีโดยไม่มีข้อแก้ตัว
ขณะนั้นมีผู้ถือหนังสือของ ขงเบ้ง จากเมืองเกงจิ๋วมาถึง เล่าปี่จึงฉีกผนึกออกอ่านได้ความว่า
".....ในปีกุนนี้ ข้าพเจ้าเห็นดาวดวงหนึ่งปรากฏตรงเมืองลกเสียอยู่ฝ่ายปราจีนทิศนั้นร้ายนัก เห็นจะเสียแม่ทัพนายกองซึ่งยกมาครั้งนี้เป็นมั่นคง ขอให้ท่านเร่งระมัดรักษาตัวอย่าประมาท....."
เล่าปี่จึงปรึกษากับบังทอง อยากจะยกทัพกลับเกงจิ๋วก่อน เพื่อไม่ให้
เกิดเหตุร้ายตามที่ขงเบ้งทำนายทายทัก แต่บังทองแย้งว่าขงเบ้งเขียนมาด้วยความริษยา เห็นว่าตนเองเป็นคนแนะนำให้เล่าปี่ตีเมืองเสฉวนได้คงจะมีความชอบเกินหน้าไป และอวดว่า
".....ทุกวันนี้ข้าพเจ้าก็รู้อยู่ ดูในอากาศเห็นดาวดวงหนึ่งร้ายจริง แต่ว่าเหตุนั้นได้แก่เหลงเปาต่างหาก...."
แล้วก็แนะนำให้รีบทำการตีเอาเมืองเสฉวนเสียโดยเร็ว เล่าปี่ก็เชื่อจึงสั่งทหารเดินทางไปยังค่ายเชิงเขาที่อุยเอี๋ยนและฮองตงยึดอยู่ เตรียมเข้าตีเมืองลกเสียต่อไป
ในกองทัพของเล่าปี่นี้ มีลิ่วล้อของเล่าเจี้ยงที่แปรพักตร์มาเข้าเป็นพวก
ด้วยสองนายคือ เบ้งตัด กับ หวดเจ้ง บังทองได้ส่งเบ้งตัดให้ไปรักษาด่านแฮบังก๋วนทาง
ผ่านเข้าเสฉวนอีกทางหนึ่ง เพื่อป้องกัน เตียวฬ่อ จากเมืองฮันต๋งจะเข้ามา เหลือแต่หวดเจ้งซึ่งชำนาญภูมิประเทศบ้านเมืองของตนเอง จึงเรียกมาหารือทางเข้าโจมตีเมือง
ลกเสีย
หวดเจ้งจึงเอาแผนที่ซึ่ง เตียวสงทูตเสฉวนผู้ทรยศ ได้ทำไว้ให้ ออกมาชี้แจงว่า มีทางเข้าเมืองลกเสียสองทาง เป็นทางใหญ่แต่อ้อมทางหนึ่ง และทางลัดไป
ตามซอกเขาอีกทางหนึ่ง บังทองจึงขอให้เล่าปี่ยกทัพไปตามทางใหญ่ ซึ่งมีข้าศึกตั้งรับมาก เล่าปี่มีฝีมือพอที่จะตีฝ่าได้สำเร็จ ส่วนตนเองฝีมือด้อยกว่าขอไปทางลัดซึ่งข้าศึกเบาบางกว่า พอจะสู้ไหว
เล่าปี่แย้งว่า บังทองไม่ชำนาญการยิงเกาทัณฑ์ ถ้าข้าศึกสกัดอยู่บนที่สูง
จะเสียที ขอให้ไปทางใหญ่ตัวเล่าปี่จะไปทางลัดเอง ทั้งนี้ก็เพราะเล่าปี่เกิดฉุกคิดถึงหนัง
สือของขงเบ้ง และเมื่อคืนก็ฝันร้าย อยากจะออกรบแต่ผู้เดียว ให้บังทองอยู่หลังเฝ้าค่าย
ด่านโปยสิก๋วนที่ยึดได้จะดีกว่า
บังทองก็หัวเราะยืนยันว่า เมื่อมาอยู่กับเล่าปี่แล้ว ก็ตั้งใจจะทำการให้เต็มฝีมือ แม้จะต้องเอาโลหิตทาแผ่นดิน หรือเป็นอันตรายถึงชีวิตก็มิได้วิตก
เล่าปี่จึงให้อุยเอี๋ยนเป็นกองหน้าของบังทอง ให้ฮองตงเป็นกองหน้า
ของทัพหลวง พอเวลาเช้า ทั้งสองแม่ทัพขึ้นม้าเคียงกันจะออกจากค่าย ม้าที่บังทองขี่
เกิดเดินพลาดขาขัดไป ตัวบังทองพลัดตกจากหลังม้า เล่าปี่รีบลงไปพยุงไว้ แล้วว่า
เมื่อม้าท่านมักพลาดเช่นนี้ ถ้าเข้าสู้รบกับข้าศึกจะมิเสียทีหรือ ท่านจงเปลี่ยนเอาม้าของ
ข้าพเจ้าขี่ไปเถิด ข้าพเจ้าจะเอาม้าของท่านขี่ไปเอง
บังทองก็คำนับขอบคุณเล่าปี่แล้วก็เปลี่ยนม้ากันขี่ นำทหารแยกกันไป ม้า
ของเล่าปี่นั้นเป็นม้าขาวสังเกตเห็นแต่ไกล เมื่อทัพหน้าของอุยเอี๋ยน ยกขบวนผ่านซอก
เขา ก่อนที่จะออกท้องทุ่งอันกว้างใหญ่ เตียวหยิมซึ่งตั้งกองสกัดอยู่ จึงสั่งให้ทหารเงียบ
สงบไว้ คอยให้กองหลังผ่านมาถึงเสียก่อน จึงเข้าโจมตี และให้ทหารมุ่งเขม้นคอยจับตัว
แม่ทัพที่ขี่ม้าขาวให้ได้ เพราะเข้าใจว่าเป็นเล่าปี่
เมื่อบังทองนำทหารมาถึงช่องเขา ที่จะออกไปสู่ท้องทุ่ง เกิดสดุ้งใจใน
ชัยภูมิอันคับขัน หวนคิดไปว่า
".....ธรรมดาว่าหงส์นั้น แม้จะตกทุ่งก็มิอาจบินไปได้ ตัวเราก็ได้ชื่อว่านามหงส์ จะตกลงท้องทุ่งนี้ ก็จะมีอันตราย..."
คิดแล้วก็หยุดชะงักยังไม่ทันจะทำประการใด พอดีเตียวหยิมเห็นได้ทีก็จุดประทัดโห่ร้องขึ้น แล้วยิงเกาทัณฑ์กระหนาบทั้งสองด้าน ทหารก็แตกตื่นชุลมุน อุยเอี๋ยนซึ่งล้ำไปข้างหน้าแล้วจะถอยกลับมาช่วยบังทองก็ไม่ได้ เพราะถูกเตียวหยินยกทหารลงมาโจมตีทั้งด้านหน้าด้านหลัง ต้องตีฝ่าไปข้างหน้าประมาณสามสิบเส้น ก็เจอทหารของเสฉวนสกัดไว้อีก รบกันอุดตลุดไปหมด
จนกระทั่งฮองตง นำทหารเข้ามาช่วยตีกระหนาบหลัง ฝ่ายเสฉวนจึง
ต้องถอยหนี ฮองตงกับอุยเอี๋ยนก็คุมทหารไล่ติดตามไปจนถึงกำแพงเมืองลกเสีย บรรจบกับทัพหลวงของเล่าปี่ เล่ากุ๋ยซึ่งรักษาเมืองอยู่ ก็ให้ทหารยิงเกาทัณฑ์ต้านทานไว้อย่างเข้มแข็ง เล่าปี่จึงตีหักเอาเมืองไม่ได้ จำต้องถอยกลับจะเข้าค่ายช่องแคบที่เคยยึดไว้ได้ เตียวหยิมก็ยกออกจากช่องเขา เข้ารบด้วยเป็นสามารถ จนเล่าปี่ต้องถอยกลับไปยังค่ายด่านโปยสิก๋วนตามเดิม กวนเป๋ง กับ เล่าฮอง ผู้รักษาด่านนี้ ก็ยกทหารสามหมื่นออกมาช่วยตีฝ่ายเตียวหยิมแตกไป เล่าปี่จึงหนีรอดไปได้
เมื่อเข้าค่ายเรียบร้อยแล้ว เล่าปี่จึงถามทหารว่าผู้ใดยังรู้ว่าบังทองนั้น เป็นประการใด ทหารในกองทัพของบังทองก็บอกว่า บังทองนั้นถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ตายอยู่กลางช่องเขา ตั้งแต่เริ่มปะทะครั้งแรกแล้ว เล่าปี่ก็ร้องไห้รักบังทองจนสลบไป
บังทอง นี้ มีฉายาว่าฮองซูแปลว่าหงส์ เป็นศิษย์อาจารย์เดียวกันกับขงเบ้ง ซึ่งมีฉายาว่าฮกหลง แปลว่ามังกร เป็นผู้มีสติปัญญาเสมอกัน แต่ต้องมาเสียชีวิตลงเมื่ออายุเพียงสามสิบหกปี ก็เพราะอวดเด่นถือดีในความรู้ของตนไม่ยอมเชื่อคำทำนายของเพื่อนร่วมสำนัก
ซึ่งอุปมาเหมือนเล่าปี่ต้องเสียแขนซ้ายไป ในกลางศึกที่กำลังคับขัน
ณ แดนเมืองเสฉวน มิรู้ว่าจะเดินหน้าต่อหรือจะถอยหลังกลับคืนเกงจิ๋วดี.

##########



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2560 16:47:41 น. 0 comments
Counter : 466 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.