Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าปี่ (๑)

สามก๊กฉบับลายคราม

ผู้พนมมือถือดาบ

ตอนที่ ๑ ญาติผู้อารี

เ ล่าเซี่ยงชุน

ในบรรดาสามก๊กฉบับต่าง ๆ ทั้งอดีตและปัจจุบัน ต่างก็ยกย่อง เล่าปี่ ผู้นำของจ๊กก๊ก ว่าเป็นผู้ที่มีความสุภาพอ่อนน้อมถ่อมตน ด้วยกันทั้งนั้น แต่เมื่อได้อ่านพบพฤติกรรมของเล่าปี่ ในหลายต่อหลายตอน และศึกษาให้ละเอียดลงไป ก็อาจเกิดความไม่แน่ใจว่า ความมีมารยาทอันดีนั้น เป็นสิ่งที่มาจากใจจริง หรือเสแสร้งแกล้งทำเพื่อปิดบังอำพรางเจตนาอื่นอันไม่สู้จะสุจริตไว้เบื้องหลัง ทั้งนี้ก็เพราะเล่าปี่นั้นมีความจำเป็นจะต้องหาหนทางตั้งเนื้อตั้งตัว หาสมัครพรรคพวกมาเป็นบริวาร และหาหัวเมืองที่เป็นชัยภูมิอันดีไว้เป็นหลักฐาน เพื่อขยายอำนาจต่อไป ดังนั้น เล่าปี่จึงต้องเที่ยวเดินทาง ร่อนเร่พเนจร ยอมบากหน้าไปอาศัยพึ่งพิงบรรดาเจ้าเมืองใหญ่ในขณะนั้นไป เรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ทีมีโอกาส ก็จะเข้ายึดครองไว้เป็นของตนเสีย

เริ่มแรกก็ได้เป็น เจ้าเมืองอันห้อก้วน เมืองเพงงวนก้วน เมืองเสียวพ่าย เมืองชีจิ๋ว เมืองอิจิ๋ว ต่อมาก็อาศัย อ้วนเสี้ยว อยู่ที่เมืองกิจิ๋ว แต่อยู่ไม่ได้เพราะ กวนอู น้องชายร่วมสาบานไปฆ่าทหารเอกของอ้วนเสี้ยว ตายเสียสองคน ต้องเผ่นไปอยู่ที่เมืองยีหลำ ต่อมารบกับ โจโฉ ก็แพ้แตกทัพยับเยิน จึงซอกซอนมาอาศัยอยู่ที่เมืองเกงจิ๋ว ซึ่งมีเจ้าเมืองชื่อ เล่าเปียว ญาติผู้พี่ซึ่งมีน้ำใจโอบอ้อมอารีเป็นอย่างยิ่ง

เล่าเปียวเป็นเชื้อพระวงศ์ของ พระเจ้า
ฮั่นโกโจ เช่นเดียวกับเล่าปี่ แต่อายุแก่กว่ากันหลายปี เมื่อครั้งที่โจโฉรวบรวมพลพรรคจากสิบหกหัวเมือง เป็นกองทัพ ใหญ่ ไปรบกับตั๋งโต๊ะมหาอุปราชผู้ชั่วร้าย ซึ่งยึดครองเมืองหลวงและตั้ง หองจูเหียบ ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทรงพระนามว่า พระเจ้าเหี้ยนเต้ นั้น เล่าเปียวไม่ได้ยกทหารไปสมทบด้วย แต่เมื่อ ซุนเกี๋ยน เก็บเอาตราหยกสำหรับฮ่องเต้จากเมืองลกเอี๋ยงได้ แล้วแยกตัวออกจากขบวนการนั้น อ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ ก็ได้มีหนังสือบอกมาให้ช่วยสกัดจับเอาตัว ซุนเกี๋ยน ชิงเอาตราหยกมาคืนพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ได้

เล่าเปียวปกครองเมืองเกงจิ๋วซึ่งเป็นเมืองใหญ่ มีเมืองน้อยขึ้นอยู่ด้วยถึงเก้าเมือง มีที่ปรึกษาเจ็ดคน ซึ่งล้วนแต่เป็นเพื่อนสนิทกันมาก่อนทั้งนั้น มีทหารเอกสามคนคือ เก๊งเหลียง เก๊งอวด และ ชัวมอ ซึ่งเป็นน้องของ นางชัวฮูหยิน ภรรยาของ เล่าเปียวด้วย เมื่อได้รับหนังสือจากอ้วนเสี้ยว เล่าเปียวก็ให้เก๊งอวดกับชัวมอ ยกทหาร หมื่นหนึ่งออกจากเมือง ไปดักซุนเกี๋ยนที่กำลังจะเดินทางกลับเมืองกังตั๋ง ทั้งสองฝ่ายก็ไม่ถึงกับเพลี่ยงพล้ำต่อกัน แต่ทำให้เลิกนับถือกันตั้งแต่บัดนั้นมา

พอได้โอกาส ซุนเกี๋ยนก็ยกทัพเรือจากเมืองกังตั๋ง ไปตีเมืองเกงจิ๋วซึ่งอยู่คนละฝั่งทะเลสาป คราวนี้ซุนเกี๋ยนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ ต้องเสียชีวิตในสมรภูมิ แต่ซุนเซ็กลูกชายก็พาเอาศพบิดากลับไปเมืองกังตั๋งได้ แล้วก็เลยเป็นคู่อาฆาตกันมาอีกนาน

จากนั้นเมืองเกงจิ๋วก็อยู่เป็นสุขสืบมา จนกระทั่งเล่าปี่ยกทหารห้าหมื่นออกจากเมืองยีหลำเพื่อไปตีเมืองฮูโต๋ ในขณะที่โจโฉยกทัพไปกวาดล้างอ้วนเสี้ยวที่เมืองกิจิ๋ว แต่โจโฉเอาชนะอ้วนเสี้ยวได้เร็วกว่าที่คิด จึงยกกลับมารับมือเล่าปี่ที่เขาชองสันแล้วให้ แฮหัวตุ้น ทหารเอกไปตีเมืองยีหลำจนสามารถยึดได้ เล่าปี่ก็เป็นห่วงครอบครัวที่อยู่ข้างหลัง จึงให้กวนอูกลับไปดูเมืองของตน ส่วน เตียวหุย นั้นขณะที่ใช้ให้ไปคุมเสบียงก็ตกอยู่ในที่ล้อมของทหารฝ่ายโจโฉ เล่าปี่จึงถอนตัวหนีออกจากแนวรบ โดยให้ จูล่งทหารเสือคู่ใจคุ้มกันมา พอถึงกลางทางทหารเอกของโจโฉเข้ามารบกับจูล่งอีกสองคน ดูท่าจะอับจนเล่าปี่ก็เลยหนีเล็ดลอดออกไปแต่ผู้เดียว ทิ้งจูล่งให้รบต้านทานไว้

ในการรบคราวนี้ยังโชคดี ที่น้องร่วมสาบานทั้งสองของเล่าปี่ กับจูล่ง ทหารเอกคู่ใจ สามารถตีฝ่าข้าศึกทุกด้านกลับมาพบเล่าปี่อีกจนได้ เล่าปี่จึงให้ ซุนเขียน เป็นทูตมาเจรจากับเล่าเปียว ขออาศัยอยู่ในเมืองเกงจิ๋ว เพราะตอนนี้เหลือแต่ตัวไม่มีบ้านเมืองจะพักพิงอีกแล้ว

เล่าเปียวรู้ความจากซุนเขียนแล้วก็มีความยินดีว่า

"..เล่าปี่เป็นพี่น้องเราแต่ตัวนั้นเรายังไม่รู้จัก ได้ยินแต่ชื่อเขาลืออยู่ว่ามีสติปัญญาสัตย์ซื่อ ครั้งนี้เล่าปี่มีความทุกข์ จะมาอยู่ด้วยเรา บัดนี้จะได้เห็นหน้ากัน...."

ชัวมอจึงขัดคอว่า

"........อันเล่าปี่นั้นเดิมอยู่กับลิโป้ แล้วหนีไปอยู่ด้วยโจโฉ ๆ ก็เลี้ยงดูถึงขนาด เล่าปี่คิดร้ายโจโฉจนได้ทำศึกกัน แล้วแตกหนีไปอยู่ด้วยอ้วนเสี้ยว ๆ ก็เลี้ยงไว้ เล่าปี่เอาใจออกหากจากอ้วนเสี้ยว แล้วรื้อตั้งตัวขึ้นทำศึกกับโจโฉจนแตกมาอีก......ซึ่งจะมาอาศัยอยู่ด้วยท่าน ขอให้ท่านดำริดู...."

เล่าเปียวก็ไม่ยอมฟัง ให้ซุนเขียนไปรับเล่าปี่มาโดยเร็ว แล้วตนเองก็พา ทหารออกไปรับนอกเมือง ประมาณสามร้อยเส้น เล่าปี่จึงพากวนอูเตียวหุยจูล่ง และครอบครัวที่อพยพมาจากเมืองยีหลำเข้าไปอยู่ในเมืองเกงจิ๋วใต้ใบบุญของเล่าเปียวอย่างสุขสำราญ

จนกระทั่งโจโฉยกทหารไปตีอ้วนเสี้ยวเป็นการเผด็จศึก และจัดการฆ่าอ้วนเสี้ยวกับลูกชายตายไปหมดทั้งตระกูลแล้ว แต่ทหารก็บอบช้ำกระปลกประเปลี้ยมากจึงยังไม่ทันได้ยกกองทัพมาราวีกับเล่าเปียวและเล่าปี่ ก็พอดีลิ่วล้อของเล่าเปียวสองคนชื่อ เตียวบู กับ ตันสูน ซึ่งให้คุมทหารตะเวนรักษาด่านอยู่ที่เมืองกังแฮ ติดต่อกับเมืองกังตั๋งของ ซุนกวน เกิดขบถตั้งตัวเป็นใหญ่อยู่ที่เมืองกังแฮ เล่าเปียวจึงให้เล่าปี่คุมทหารสามหมื่นไปปราบปราม

เล่าปี่ก็พากวนอูเตียวหุยจูล่ง ยกทหารไปเมืองกังแฮตั้งค่ายมั่นไว้ ฝ่าย เตียวบูตันสูนก็คุมทหารออกจากเมืองมาต่อสู้ แต่ฝีมือยังอ่อนมาก เตียวบูรบกับจูล่งได้แค่สามเพลงก็ถูกแทงตกม้าตาย ตันสูนยิ่งแย่ใหญ่เข้ารบกับเตียวหุยได้ไม่เต็มเพลง ก็ถูกแทงตายตามไปอีกคน ก็เป็นอันสิ้นเสี้ยนหนามของเล่าเปียวลงได้อย่างง่ายดาย ตัวเล่าปี่ก็ได้ม้าของเตียวบูมาไว้ขี่แทนเจ้าของเดิมอีกด้วย

เล่าเปียวก็ยินดีรีบออกไปรับ พาเข้าเมืองมาแต่งโต๊ะเลี้ยงดูกัน เป็นที่เอิกเกริก ขณะที่กินเลี้ยงเล่าเปี่ยวก็ปรารภว่า

"......พี่มีความวิตกอยู่ว่า เมืองเรานี้ เป็นเมืองหน้าด่าน เกรงซุนกวนเจ้าเมืองกังตั๋ง เตียวฬ่อ เจ้าเมืองตังฉวน กับเมืองเกงอวดซึ่งอยู่นอกแดนเมืองจีนหนึ่ง เกลือกจะยกมาทำอันตรายเมืองเรา...."

เล่าปี่ก็เลยขออาสาให้น้องทั้งสามซึ่งมีฝีมือกล้าหาญไว้ใจได้ ไปป้องกันรักษาไว้ทุกทาง เล่าเปียวจึงให้เตียวหุยไปรักษาด้านเมืองลำอวด กวนอูไปรักษาทางเมืองตังฉวน และจูล่งไปรักษาชายแดนเมืองกังตั๋ง จากนั้นก็นอนตาหลับด้วยความสบายใจ

แต่ชัวมอไม่เห็นด้วย ก็เข้าไปหานางชัวฮูหยินพี่สาว บอกว่าเล่าเปียวเชื่อถือเล่าปี่มากเกินไปเสียแล้ว ให้ทหารเอกทั้งสามออกไปรักษาด่านชายแดนถึงสามตำบล ตัวเล่าปี่เองก็คุมอยู่ในเมืองเกงจิ๋ว นานไปจะมีภัยเป็นมั่นคง

พอตกค่ำนางชัวฮูหยินปฏิบัติกิจเสร็จลงเรียบร้อยแล้ว ก็แต่งกลมารยาบอกแก่เล่าเปียวว่า เดี๋ยวนี้ชาวเมืองเกงจิ๋วนับถือไปมาหาสู่เล่าปี่เป็นอันมากขอให้ระวังตัว ควรจะให้เล่าปี่ไปรักษาเมืองอื่นที่ขึ้นแก่เราดีกว่า เล่าเปียวก็ว่าเล่าปี่นั้นเป็นคนสัตย์ซื่อ คงมิได้คิดร้ายแก่เรา นางชัวฮูหยินก็เลยมิรู้จะว่าประการใดต่อไป

อยู่มาวันหนึ่ง เล่าเปียวพาเล่าปี่ขี่ม้าออกไปเที่ยวนอกเมือง เล่าเปียวเห็นม้าของเล่าปี่มีลักษณะงาม จึงถามว่าท่านได้ม้าตัวนี้มาแต่ไหน เล่าปี่ก็บอกตามตรงว่าได้ยึดมาจากเตียวบูเมื่อเจ้าของตายแล้ว เล่าเปียวก็เฝ้าชมเชยด้วยความพอใจไม่หยุด เล่าปี่จึงลงจากหลังม้าแล้วว่า

".....ม้านี้ท่านพอใจหรือ ข้าพเจ้าให้แล้ว จงเอาไว้ขี่เล่นเถิด..."

เล่าเปียวก็ยินดียิ่งนักขึ้นม้านั้นกลับเข้ามาในเมือง เก๊งอวดทหารเอกแลเห็นเข้า ก็ถามว่าเอามาแต่ไหน เล่าเปียวก็ว่าเป็นม้าของเตียวบู เล่าปี่รบชนะก็ยึดเอามาขี่แล้วยกให้ เก๊งอวดพิเคราะห์ดูแล้วเห็นว่าลักษณะไม่ดี ตามตำราว่าที่ริมจักษุทั้งสองข้างล่างนั้นเป็นร่องน้ำตา ที่ขวัญนั้นก็มีขนร้ายแซมอยู่ เตียวบูขี่ออกศึกจึงได้ถึงแก่ความตาย ม้านี้มีลักษระให้โทษแก่เจ้าของ อย่าเอาไว้เลย

เล่าเปียวก็เชื่อถือคำทักนั้น พอรุ่งเช้าก็เอาม้าไปคืนให้เล่าปี่ แล้วว่า

"....ซึ่งเจ้าให้ม้าเรานั้นชอบใจนัก แต่ตัวเราไม่ได้ไปทำสงคราม เจ้าจงเอาม้านี้ไว้ขี่สำหรับทำศึกเถิด...."

เล่าปี่ไม่รู้เรื่องลักษณะดีร้ายของม้า ก็คำนับรับเอาคืนมา และเล่าเปียวนั้นคงจะระลึกถึงคำพูดของภรรยาได้ จึงว่า

"..เสบียงอาหารในเมืองซินเอี๋ยก็บริบูรณ์ เจ้าจงยกครอบครัวและทหาร ออกไปรักษาเมืองซินเอี๋ยเถิด..."

เล่าปี่ก็พาครอบครัวบริวารและทหารในสังกัด เดินทางออกจากเมืองเกงจิ๋วไป ขณะที่ขี่ม้านำขบวนออกจากเมือง ก็ได้พบขุนนางของเล่าเปียวคนหนึ่ง ชื่อ อีเจี้ย เล่าปี่ก็ลงจากหลังม้าคำนับ อีเจี้ยก็เล่าว่า เมื่อวานนี้ได้ยินเก๊งอวดบอกกับ เล่าเปียวว่าม้าตัวนี้ชื่อเต๊กเลา มีลักษณะร้ายให้โทษแก่เจ้าของ เล่าเปียวเกรงอันตรายจึงคืนมาให้ เล่าปี่ก็ว่า

"....ซึ่งท่านบอกเรานี้ก็ขอบใจ ข้อซึ่งดีและร้ายนั้น ก็ตามแต่บุญและกรรม เรามิได้ถือ......"

แล้วเล่าปี่ก็ลาอีเจี้ยไปอยู่เมืองซินเอี๋ย ทำนุบำรุงราษฎรโดยสุจริตต่อมา ชาวเมืองทั้งปวงก็รักใคร่เป็นอันมาก

เล่าปี่ปกครองเมืองซินเอี๋ยอยู่ประมาณสี่ปีจน นางกำฮูหยิน ภรรยาใหญ่คลอดบุตรเป็นชายชื่อ อาเต๊า ท่วงทีจะมีบุญ เพราะก่อนคลอดนั้น มารดาได้ยินเสียงนกวายุภักษ์ร้องอยู่ตรงหลังคาประมาณสี่สิบคำ และมีกลิ่นเครื่องหอมฟุ้งตระหลบไปหมด ทั้งครอบครัวก็มีความสุขสบายดีถ้วนหน้า

เจ้า เต๊กเลา ม้าคู่ขาที่ว่ามีลักษณะไม่ดี ก็ไม่เห็นให้โทษแก่เจ้าของแต่อย่างใด ส่วนเล่าปี่นั้นจะพอใจอยู่แต่เพียงเมืองเล็กน้อยอย่างซินเอี๋ยหรือไม่นั้น สุดจะหยั่งรู้ได้ในตอนนี้.

##########



Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2560 10:39:10 น. 0 comments
Counter : 434 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.