Group Blog
 
All Blogs
 
บังเต๊ก (๔)

สามก๊กฉบับอัศวิน
หนูผู้ท้าราชสีห์
ตอนที่ ๔ ชัยชนะหรือความตาย เล่าเซี่ยงชุน

เมื่อครั้งที่ โจโฉ ทำสงครามชนะ ม้าเฉียว ที่แม่น้ำอุยโหนั้น ต่อมาอีกไม่นานก็ได้เลื่อนยศเป็นที่ วุยก๋ง มีอิศริยยศเก้าประการ เทียบเท่าเจ้านายชั้นเล็ก แต่มีขุนนางที่ชื่อ ซุนฮก ไม่เห็นด้วยเกิดความโทมนัสก็กินยาตายไปคนหนึ่ง ครั้นถึงคราวที่โจโฉทำสงครามกับ เตียวฬ่อ ได้เมืองฮันต๋งแล้ว อีกไม่ช้าก็ได้เลื่อนเป็นเจ้านายชั้นสูงขึ้นไปเป็นที่ วุยอ๋อง แต่ก็ยังคงรับราชการเป็นมหาอุปราช ว่าราชการแทน พระเจ้าเหี้ยนเต้ อยู่เช่นเดิม คราวนี้มีขุนนางที่ไม่เห็นด้วยอีกคือ ซุนต่ำ โจโฉจึงเอาไปขังคุกไว้ ซุนต่ำมีความเจ็บแค้นก็เฝ้าด่าโจโฉอย่างหยาบคาย ทุกเวลาเช้าเย็นก่อนและหลังอาหาร โจโฉทนฟังไม่ได้เลยให้เอาตัวไปแขวนคอเสีย

ครั้นต่อมา เล่าปี่ รบชนะโจโฉยึดเมืองฮันต๋งได้ ขงเบ้ง จะยกเล่าปี่ขึ้นเป็นเจ้าบ้าง เพราะมีเชื้อสายพระเจ้าเหี้ยนเต้อยู่ โดยมีศักดิ์เป็นอา เล่าปี่เจียมตัวสู้ปฏิเสธอยู่ถึงสามครั้งสามครา ลงท้ายเสียอ้อนวอนไม่ได้เลยยอมเป็นเจ้า ครองทั้งเมืองฮันต๋งและเสฉวน เป็นใหญ่ในภาคตะวันตก แต่ด้วยความซื่อ จึงมีหนังสือกราบทูลพระเจ้าเหี้ยนเต้ให้ทรงทราบ เพื่อจะได้มีหมายแต่งตั้งตามประเพณี หนังสือนั้นไปถึงมือโจโฉก่อน จึงเก็บเอาไว้เอง แล้วเตรียมกองทัพจะยกออกไปปราบปรามเล่าปี่ ด้วยความเคียดแค้น

สงครามระหว่างเล่าปี่กับโจโฉ จึงปะทุขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง โดยโจโฉไปชวน ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งเป็นพรรคพวก จะยกไปตีเมืองเกงจิ๋วซึ่งเล่าปี่ให้ กวนอู รักษาอยู่ ขงเบ้งจึงแนะให้ เล่าปี่ใช้กวนอูไปตีเมืองอ้วนเสียให้ได้ก่อน เป็นการตัดกำลัง กวนอูก็ยกไปเป็นทัพใหญ่

โจหยิน ซึ่งรักษาเมืองอ้วนเสียอยู่ ก็ออกมารบได้สองสามครั้ง เห็นท่าจะต้านทานไม่ไหว จึงขอความช่วยเหลือไปยังโจโฉที่เมืองเตียงฮัน โจโฉสั่งให้ อิกิ๋ม เป็นแม่ทัพยกไปช่วยเมืองอ้วนเสีย ฝ่าย บังเต๊ก ซึ่งสวามิภักดิ์อยู่กับโจโฉมานานแล้วยังไม่ได้แสดงฝีมือ จึงขออาสาไปรบด้วย โจโฉก็อนุญาตพร้อมทั้งให้ทหารรองอีกสามคน คุมทหารเจ็ดหมวดไปเป็นทัพหน้า ทหารรองคนหนึ่งชื่อ ตันเหง เกิดไม่เชื่อมือบังเต๊ก จึงไปบอกแก่อิกิ๋มแม่ทัพใหญ่ ให้ไปทูลโจโฉของเปลี่ยนตัวแม่ทัพหน้าเป็นคนอื่น โจโฉจึงบอกกับบังเต๊กว่าคราวนี้อย่าเพิ่งไปเลย จะจัดผู้อื่นทดแทนให้ บังเต๊กก็สงสัยถามว่าเป็นเพราะเหตุใด โจโฉจึงว่าเพราะบังฮิว พี่ชายท่าน และ ม้าเฉียว นายเก่าของท่าน ก็อยู่กับเล่าปี่ ครั้นให้ท่านเป็นทัพหน้าไปนั้น ทหารทั้งหลายไม่ค่อยจะแน่ใจว่าท่านจะรบให้เต็มสติกำลัง จึงไม่มีความเต็มใจจะไปด้วยเลย

บังเต๊กก็ถอดหมวกเอาหน้าผากกระแทกกับพื้นศิลา จนศีรษะแตกเลือดไหลอาบ แล้วทูลว่า

"........ข้าพเจ้ามาทำราชการอยู่ด้วยพระองค์ แต่ครั้งเมืองฮันต๋ง พระองค์ได้มีคุณแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ยังมิได้แทนพระคุณเลย เหตุใดจึงมาสงสัยเช่นนี้ เมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยพี่ชายนั้น พี่สะใภ้ประทุษร้ายต่อข้าพเจ้า ข้าพเจ้าเสพสุราเมาแล้วจึงฆ่าพี่สะใภ้เสีย พี่ขายโกรธข้าพเจ้าก็ตัดกันแต่นั้นมา เมื่อข้าพเจ้าอยู่ด้วยม้าเฉียว เห็นว่าม้าเฉียวเป็นแต่คนใจกล้า หาปัญญามิได้ พาทหารไปทำศึกตายเสียสิ้น อยู่แต่ตัวผู้เดียวจึงไปขออยู่กับเล่าปี่ ข้าพเจ้าก็มาเป็นข้าพระองค์ บัดนี้ต่างคนต่างก็มีเจ้าด้วยกัน ขาดไมตรีต่อกันแล้ว อันพระองค์มีคุณแก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็จะขออาสาไปทำสงครามแทนคุณท่าน."

โจโฉก็หายแคลงใจ จูงมือบังเต๊กเข้ามาปลอบขวัญแล้วว่า ความจริงก็ทราบแล้วว่าเป็นคนซื่อสัตย์กตัญญู แต่ที่ว่าไปนั้นอยากให้คนทั้งปวงสิ้นสงสัย ขอท่านจงไปทำราชการโดยสุจริตเถิด

บังเต๊กนั้นเมื่อกลับมาบ้าน ก็ให้ต่อโลงขึ้นใบหนึ่ง แล้วเชิญเพื่อนบ้านมาเลี้ยงโต๊ะ เป็นการลาไปราชการทัพ ชาวบ้านก็ว่าทำอย่างนี้เป็นลางไม่ดี บังเต๊กชูจอกเหล้าขึ้นแล้วกล่าวยืนยันว่า

"...พระเจ้าวุยอ๋องมีคุณแก่เรา บัดนี้เราจะอาสาไปทำการสงครามกับกวนอู ครั้งนี้ก็เป็นที่สุดอยู่แล้ว ถ้ากวนอูไม่ตายเราก็จะตายเป็นมั่นคง....."

และเมื่อร่ำลาลูกเมียแล้วก็ยกทัพไป โดยได้สั่งแก่ทหารว่าถ้าเราตาย จงเอาโลงนี้ใส่ศพเรามาถวายพระเจ้าโจโฉ ถ้าเราฆ่ากวนอูตายก็จะตัดศีรษะกวนอูใส่โลงมาถวายเช่นกัน ทหารทั้งเจ็ดหมวดประมาณห้าร้อยคนก็ชื่นชมยินดี ในความองอาจกล้าหาญของบังเต๊ก แม่ทัพหน้าเป็นอันมาก และมีความฮึกเหิมที่จะเข้าสู้รบด้วยความเต็มใจ

อิกิ๋มนั้นไม่ค่อยจะวางใจบังเต๊กอยู่แล้ว จึงทูลโจโฉว่าบังเต๊กนี้ดีแต่กล้าหาญเพียงอย่างเดียว กลัวว่าจะเอาชนะกวนอูไม่ได้ โจโฉจึงให้คนถือหนังสือสำทับไปว่า กวนอูมีทั้งกำลังและความคิด เวลารบอย่าประมาทได้ทีจึงทำการ ถ้าไม่ได้ทีให้รักษาตัวไว้อย่าให้มีอันตราย บังเต๊กรู้หนังสือแล้วก็ว่า กวนอูนี้มีชื่อเสียงเลื่องลือในการสงครามมาถึงสามสิบปีแล้ว ใครก็รู้จัก แต่เราจะเอาชนะให้จงได้ในคราวนี้ ไม่ควรที่เจ้านายจะยกย่องสรรเสริญศัตรู ให้ไพร่พลเสียน้ำใจดังนี้เลย

เมื่อกองหน้าของบังเต๊กยกเข้ามาใกล้เมืองอ้วนเสีย ก็ให้ทหารทำธงประจำตัวผืนใหญ่ จารึกชื่อให้รู้ว่าแม่ทัพหน้าคนนี้ชื่อ บังเต๊กชาวเมืองลำหัน และเมื่อยาตราทัพเข้ามานั้นก็ให้ทหารโห่ร้องตีกลองเป็นที่อึกทึกครึกโครม ข่มขวัญกวนอูซึ่งตั้งค่ายประชิดเมืองอยู่ กวนอูทราบข่าวที่บังเต๊กแบกโลงมาถึงสนามรบจะใส่ศพตนกลับไปก็โกรธอย่างยิ่ง เพราะเป็นการดูถูกสบประมาทฝีมือเกินไปจะยกออกรบด้วย แต่ กวนเป๋ง เห็นบิดาชราแล้วจึงอาสาออกไปก่อน ก็เจอบังเต๊กถือง้าวนำหน้าทหารทั้งห้าร้อย เตรียมพร้อมที่จะรบให้รู้ดีรู้ชั่วกันไปข้างหนึ่ง และให้ยกโลงผีใบนั้นมาตั้งไว้ตรงหน้าด้วย

กวนเป๋งก็ออกมาด่าบังเต๊กว่าเป็นคนทรยศ ไม่ซื่อตรงต่อนายเก่าแต่ครั้งก่อน บังเต๊กไม่รู้จักต้องหันไปถามทหารว่าไอ้หมอนี่เป็นใครมาจากไหน ทหารบอกว่าซื่อกวนเป๋ง เป็นลูกเลี้ยงกวนอู บังเต๊กจึงร้องว่บอกว่า ที่มานี่ก็อาสาโจโฉจะมาเอาศีรษะกวนอูผู้เป็นบิดา ตัวเป็นเพียงลูกเล็กเด็กน้อยไม่ควรมายุ่ง รีบไปบอกบิดาให้มารบกับเราจึงค่อยสมควรหน่อย กวนเป๋ง
โกรธเข้ารบกับบังเต๊กถึงสามสิบเพลงไม่แพ้ชนะต่อกัน ต่างก็ถอยกลับเข้าค่าย

กวนเป๋งก็บอกกับบิดาว่า รบมาแล้วสามสิบเพลง ยังเอาชนะบังเต๊กไม่ได้ กวนอูก็ยกทหารไปชิดค่ายบังเต๊ก แล้วร้องบอกว่าเราชื่อกวนอูท่านจงเร่งเอาชีวิตมาให้แก่เราเถิด บังเต๊กไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด แถมคุยเขื่องว่าโจโฉใช้ให้เรามาเอาศีรษะท่าน ไม่เชื่อก็จงดูโลงใบนี้เถิด ถ้ารักตัวกลัวตายก็เร่งลงจากหลังม้ายอมแพ้เสียจะไว้ชีวิตให้ กวนอูจึงว่าอย่าโม้มากนักเลย

"....ถึงกูจะฆ่าเอ็งเหมือนฆ่าหนูตัวน้อยเท่านั้น ก็ยังคิดเสียดายคมง้าวของกู...."

ว่าแล้วก็เข้าประจันบานกันด้วยง้าวได้ร้อยเพลงเศษ ยังไม่ทันจะเสียทีท่าแก่กัน ทหารทั้งสองฝ่ายเกิดกลัวนายจะแพ้ทั้งคู่ จึงตีม้าล่อให้ถอยทัพกลับเข้าค่ายของตนเสียก่อน

บังเต๊กยกย่องฝีมือกวนอูว่าแน่จริงสมดังคนเล่าลือ เพราะโรมรันกันมาตลอดวันก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำลงได้ อิกิ๋มซึ่งเป็นแม่ทัพหลวงก็เตือนว่า เมื่อรบตั้งร้อยเพลงแล้วยังไม่ชนะ ทำไมจึงไม่ถอยมาตามรับสั่งของโจโฉ บังเต๊กจึงว่าเราเข้ารบเองยังไม่กลัวเลย ตัวท่านได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพหลวง ทำไมจึงมาย่อท้อแก่ข้าศึกอย่างนี้ ทหารรู้เข้าก็ขายหน้าแย่ไปเลย ฉะนั้นพรุ่งนี้เราจะออกไปต่อสู้กับกวนอูอีกครั้ง และคราวนี้ถ้าไม่ตายกันไปข้างหนึ่งแล้ว จะไม่ยอมถอยหลังเป็นอันขาด

ฝ่ายกวนอูก็สรรเสริญบังเต๊กว่า มีฝีมือกระบวนง้าวพอทันกันอยู่จึงทำให้สามารถต้านทานเราไว้ได้ กวนเป๋งจึงว่าถึงบิดาจะรบชนะ และฆ่าบังเต๊กเสียได้ ก็ไม่มีเกียรติยศอะไรเหมือนชนะผู้หญิง เพราะบังเต๊กเป็นทหารที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมาจะยุ่งกันใหญ่ เสียเกียรติยศไปถึงพระเจ้าเล่าปี่ด้วย ดังนั้นจึงไม่สมควรที่จะเอาชื่อเสียงอันระบือลือลั่นมาตั้งสามสิบปี ไปเสี่ยงกับนักรบที่ไม่มีใครรู้จักคนนี้ แต่กวนอูก็ยังยืนยันว่าจะต้องฆ่าบังเต๊กให้ได้ ในฐานที่ดูหมิ่นอย่างแรง ถึงกับแบกโลงมาจะบรรจุศพตน ผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ทุกสมรภูมิ

รุ่งเช้ากวนอูและบังเต๊ก ก็ออกจากค่ายมาต่อสู้กันอีกครั้ง พอประง้าวกันได้สักสิบเพลง บังเต๊กก็แกล้งทำเป็นเสียทีลากง้าวหนี กวนอูติดตามไปด้วยความระมัดระวัง เพราะรู้กลอุบายอยู่ แต่กระนั้นก็ยังพลาดจนได้ เพราะกวนเป๋งกลัวบิดาจะเป็นอันตราย จึงขับม้าตามไป พอเห็นบังเต๊กเอาง้าวพาดตักชักเกาทัณฑ์ออกจะหันมายิงก็ร้องตะโกนออกไป

กวนอูเหลียวหน้ามาดูลูกเลี้ยง เลยหลบลูกเกาทัณฑ์ของบังเต๊กไม่พ้น โดนเข้าที่ไหล่ขวา กวนเป๋งก็เข้ากันบิดาถอยกลับ บังเต๊กขยับจะตามซ้ำเติม พอดีอิกิ๋มแม่ทัพใหญ่แลเห็น แล้วคิดอิจฉากลัวบังเต๊กจะชนะ จึงแกล้งตีม้าล่อให้ถอยทัพ บังเต๊กนึกว่าเกิดเหตุร้ายแรงก็ยกกลับเข้าค่าย แต่ไม่เห็นมีเหตุการณ์อะไร ก็ถามอิกิ๋มว่ากำลังจะมีชัยแก่ข้าศึกแล้ว เหตุใดจึงเรียกกลับ อิกิ๋มก็อ้างรับสั่งของพระเจ้าโจโฉคำเดิมว่า กวนอูมีปัญญามากอาจแกล้งทำเป็นถูกเกาทัณฑ์ และล่อให้ตามไปเสียทีก็ได้ บังเต๊กเสียดายเป็นอันมาก ที่เกือบจะเอาชนะกวนอูได้แล้ว ต้องมาเสียโอกาสไปเพราะพวกกันเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาเป็นแม่ทัพใหญ่กว่า ก็ได้แต่เสียใจอยู่คนเดียว

ข้างกวนอู พอกลับถึงค่ายชักลูกเกาทัณฑ์ออกจากไหล่แล้ว ก็สาบานว่าจะแก้แค้นบังเต๊กให้หายเจ็บใจให้ได้ ไม่งั้นจะเลิกเป็นทหารกันเลยทีเดียว แต่ทหารทั้งปวงก็ช่วยกันทัดทานไว้ ให้รักษาตัวให้หายดีเสียก่อนจึงค่อยออกไปแก้แค้น จากนั้นแม้ว่าบังเต๊กจะมาร้องด่าท้าทายยังไง กวนอูก็ไม่ออกไปรบด้วย เพราะลิ่วล้อคอยห้ามไว้ และกวนเป๋งก็บัญชาการรักษาค่ายไว้อย่างเข้มแข็ง ปล่อยให้บิดาพักรักษาตัวให้เต็มที่ ห้ามไม่ให้บอกว่าบังเต๊กมาท้าทายว่าไงบ้าง
จนล่วงเข้าสิบวัน บังเต๊กคาดว่ากวนอูป่วยหนักจึงไม่ออกรบ สมควรจะยกทหารเข้าตีหักเอาค่ายได้แล้ว แม่ทัพอิกิ๋มก็คอยห้ามไว้เพราะกลัวบังเต๊กจะชนะและมีความดีความชอบเกินตัว แถมยังยกทหารออกจากค่ายไปตั้งสกัดเส้น ทาง ไกลออกไปจากเมืองอ้วนเสียถึงร้อยเส้น และให้บังเต๊กไประวังหลังด้วย แทนที่จะรบให้รู้แพ้รู้ชนะ ในขณะที่กำลังเป็นต่อข้าศึก ก็เลยเสียแผนผิดพลาดคลาดเคลื่อน ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ จนข้าศึกสามารถตั้งหลักให้เข้มแข็งได้อีกหน โอกาสที่จะชนะก็เลยสูญเสียไปโดยสิ้นเชิง

กวนเป๋งรู้ข่าวเรื่องกองทัพบังเต๊กยกไปตั้งกลางทุ่ง ในหุบเขาเรียกว่าทุ่งจันเค้า ไม่คิดจะเข้าโจมตีอีก จึงใช้เวลานั้นรักษากวนอูจนแผลเกาทัณฑ์หายดี ก็พากันออกไปสังเกตดูพื้นที่เห็นชอบกลอยู่ เพราะใกล้ทุ่งนั้นมีแม่น้ำซงกั๋งไหลเชี่ยวอยู่ตลอดเวลา จึงวางแผนให้ทหารทำเรือรบน้อยใหญ่ตระเตรียมไว้เป็นอันมาก รอให้ถึงเดือนสิบฝนตกหนักติดต่อกัน ก็จะเกิดน้ำท่วมทุ่งอันเป็นที่ลุ่ม จึงจะยกทัพเรือไปรบ

ดังนั้นเมื่อถึงฤดูฝน ก็มีฝนตกทุกวันไม่ขาด น้ำในแม่น้ำซงกั๋งก็เอ่อสูงขึ้นทุกที ทหารของอิกิ๋มและบังเต๊กก็ประสบความลำบาก ในเรื่องที่อยู่อาศัยจน เสงโห นายทหารรองของบังเต๊ก ต้องไปร้องเรียนแม่ทัพใหญ่ว่า ควรขยับขยายที่ตั้งทัพเสียใหม่ ก่อนที่น้ำจะท่วมและต้องลำบากมากกว่านี้ เพราะกวนอูได้เตรียมทัพเรือไว้แล้ว คงจะเข้าตีใหญ่อย่างแน่นอน อิกิ๋มไม่ฟังเสียง ไล่ออกไปไม่ให้พูดเรื่องที่จะทำให้ทหารเสียน้ำใจ ขืนพูดอีกจะฆ่าเสีย เสงโหก็ตกใจที่ความหวังดีของตนไม่เป็นผล กลับมาเล่าให้บังเต๊กฟัง

บังเต๊กก็ว่าความคิดของท่านนั้นถูกต้องแล้ว แต่เขาเป็นแม่ทัพหลวง เมื่อไม่ยอมฟังเราซึ่งเป็นแม่ทัพหน้าก็จะยกไปตั้งที่อื่นเอง แต่ยังไม่ทันจะได้ย้ายคืนนั้นก็เกิดพายุฝนตกหนักอย่างไม่ลืมหูลืมตา บังเต๊กออกไปดูหน้าค่าย เห็นน้ำป่าไหลบ่าจากภูเขามาทุกทิศทุกทาง อย่าง
รวดเร็ว จนท่วมค่ายลึกถึงหกศอก ทหารก็หนีน้ำกันอุดตลุด ที่หนีไม่ทันจมน้ำตายไปก็มาก อิกิ๋มและบังเต๊กพาทหารที่เหลือตาย แยกย้ายกันไปอาศัยเนินเขาเล็ก ๆ คนละแห่ง ในบริเวณนั้น

พอรุ่งเช้ากวนอูก็ยกทัพเรือ โห่ร้องตีกลองเข้ามาทั้งขบวนใหญ่ อิกิ๋มมีทหารอยู่ห้าสิบหกสิบคน เห็นว่าจะสู้ไม่ไหวแน่ จึงถอดเสื้อเกราะทิ้งอาวุธยอมแพ้แก่กวนอูโดยไม่มีเงื่อนไข กวนอูก็จับตัวลงเรือแล้วมุ่งเข้าโจมตีบังเต๊ก ซึ่งขณะนั้นตั้งรับอยู่บนเนินเขาอีกลูกหนึ่ง มีทหารเหลือร่วมห้าร้อยคน คงจะรวมกับทหารของทัพหลวงที่แยกทางมาอยู่ด้วย ก็ตั้งมั่นสู้รบเป็นสามารถ กวนอูเอาเรือเข้าล้อมยิงเกาทัณฑ์ถูกทหารตายไปตั้งครึ่ง
นายทหารรองชื่อ ตังเหง และ ตังเจียว เห็นทีจะอับจนจึงบอกแก่บังเต๊กว่า ทหารของเราตายไปกว่าครึ่งแล้ว เส้นทางหนีก็ไม่มีเพราะถูกล้อมหมดทุกด้านสมควรจะยอมแพ้เอา ชีวิตรอดเถิด บังเต๊กโกรธจัดบอกว่าเราให้สัตย์ต่อพระเจ้าโจโฉไว้แล้วว่า จะไม่ยอมแพ้แก่กวนอูอย่างแน่นอน แล้วก็ฆ่านายทหารทั้งสองให้ลูกแถวดูเป็นตัวอย่าง และสำทับว่าถ้าผู้ใดพูดถึงการยอมแพ้อีก จะเอาโทษเหมือนอ้ายสองคนนั้น ทหารทั้งหลายก็ตั้งหน้าตั้งตารบกับกวนอูต่อไปโดยไม่ย่อท้อ แม้ว่ากวนอูจะระดมกำลังสักเท่าใดบังเต๊กก็ยันไว้อยู่ แล้วปลอบเสงโหนายทหารคนสุดท้ายให้มีใจเข้มแข็งว่า

"......เราได้ยินเขาว่ามาแต่ก่อน อันขึ้นชื่อว่าทหารแล้วมิได้มีความย่อท้อแก่ข้าศึก อุตส่าห์รบเอาชัยชนะจงได้ แลบัดนี้เราก็อับจนถึงที่ตายอยู่แล้ว ท่านทั้งปวงจงมานะช่วยกันรบกว่าจะตายเถิด....."

เสงโหก็ฉวยง้าวออกไปจบจนตัวตายด้วยลูกเกาทัณฑ์ ทหารทั้งหลายก็ใจเสีย ชวนกันยอมแพ้แก่กวนอูทั้งสิ้น เหลือบังเต๊กแต่ผู้เดียวก็ยังไม่ย่นระย่อ กระโดดลงไปในเรือเล็กข้าศึก เอาง้าวไล่ฟันทหารประจำเรือโดดหนีลงน้ำไปหมด แล้วก็ถือง้าวมือหนึ่ง แจวเรือมือหนึ่งหวังจะกลับไปตั้งหลักในเมืองอ้วนเสีย ซึ่งอยู่ห่างตั้งร้อยเส้น แต่ทหารของกวนอูมีความชำนาญในกระบวนเรือรบ เร่งรีบถ่อเรือใหญ่เข้ามาเกยเรือของบังเต๊กล่มลง ตัวบังเต๊กทิ้งง้าวโดดลงน้ำแต่ไปไม่รอด ทหารก็จับตัวพาไปมอบให้กวนอู

เมื่อกวนอูกลับมาถึงค่ายของตน จึงเอาอิกิ๋มมาชำระก่อน อิกิ๋มกลัวตายก็อ้อนวอนขอชีวิต อ้างว่ามารบตามรับสั่งของพระเจ้าโจโฉ ไม่ได้เต็มใจเลย กวนอูก็หัวเราะเยาะว่า ถ้าเราจะฆ่าเสียก็เหมือนดังฆ่าสุนัขตัวหนึ่ง ไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย จึงส่งตัวไปจำคุกไว้ที่เมืองเกงจิ๋ว เสร็จศึกแล้วค่อยคิดบัญชีกันใหม่

จากนั้นก็ให้เบิกตัวบังเต๊กมาสอบสวนต่อ บังเต๊กไว้ศักดิ์ศรีแม่ทัพไม่ยอมคำนับกวนอูเช่นผู้แพ้ กวนอูจึงถามว่าทั้งบังฮิวพี่ชายและม้าเฉียวนายเก่า ก็เป็นข้าราชการในเมืองเสฉวน ของพระเจ้าเล่าปี่ บัดนี้เรารบชนะแล้วทำไมไม่ยอมสมัครอยู่กับเรา บังเต๊กก็เชิดหน้าตอบว่าเราเป็นข้าของพระเจ้าวุยอ๋อง ซึ่งมีคุณแก่เราเป็นอันมาก และย้ำว่า

"...ซึ่งเราจะยอมเข้าแก่ท่านนั้นมิบังควร เราจะขอตายด้วยคมหอกคมดาบ หารักชีวิตไม่..."
กวนอูจึงให้เอาตัวไปประหารเสีย แต่ก็ยังปราณีในความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญของบังเต๊ก จึงให้เอาศพไปฝังไว้ให้สมกับเกียรติยศของแม่ทัพหน้าข้าศึก เป็นอันว่าโลงที่อุตส่าห์แบกมาตั้งไกลนั้น ลงท้ายก็มิได้ใส่ศีรษะของกวนอู และมิได้ใส่ศพของผู้แบกกลับไปอีกด้วย

ชีวิตของ บังเต๊ก ยอดทหารที่ไม่มีชื่อจารึก อยู่ในอนุสาวรีย์ใดของสามก๊ก ก็ถึงจุดจบลง ณ สมรภูมิเมืองอ้วนเสียนี้เอง ตลอดชีวิตของเขาแม้จะได้ทำความดีมามากแต่ก็ได้นายที่บ้าบิ่นอย่างม้าเฉียว หูเบาอย่างเตียวฬ่อ ขี้อิจฉาอย่างอิกิ๋ม และนายที่ผู้คนชิงชังทั้งบ้านทั้งเมืองอย่าง โจโฉ ชะตาชีวิตของเขาจึงไม่รุ่งโรจน์เหมือนคนอื่น

แต่แม้กระนั้นเขาก็เป็นตัวของเขาเองที่มีความกล้าหาญ ซื่อสัตย์ กตัญญู สมควรได้รับคำยกย่องว่าเป็นชายชาติทหารคนหนึ่ง ในกระบวนลิ่วล้อด้วยกัน...มิใช่หรือ.

###########



Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2560 15:40:06 น. 0 comments
Counter : 1800 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.