Group Blog
 
All Blogs
 
เล่าปี่ (๓)

สามก๊กฉบับลายคราม

เล่าปี่...ผู้พนมมือถือดาบ

ตอนที่ ๓ ยื่นอ้อยเข้าปากช้าง

เ้้ล่าเซี่ยงชุน

เล่าเปียว ปกครองเมืองเกงจิ๋วต่อมาได้อีกไม่นาน ซุนกวน เจ้าเมืองกังตั๋งซึ่งเป็นบุตรของ ซุนเกี๋ยน ที่ถูกเล่าเปียวฆ่าตายในการรบที่เขาอีสันเมื่อหลายปีก่อน ก็ยกกองทัพมาตีเมืองกังแฮ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านคนละฟากทะเลสาปกับเมืองกังตั๋ง และ ฆ่า หองจอ เจ้าเมืองกังแฮตายทั้งเตรียมกองทัพจะยกมาตีเมืองเกงจิ๋วต่อไป เล่าเปียว จึงส่งคนไปเชิญ เล่าปี่ ที่เมืองซินเอี๋ย ให้มาปรึกษาข้อราชการ

เล่าปี่นั้นเมื่อได้ ตันฮก ซึ่งภายหลังได้เปิดเผยว่าที่จริงชื่อ ชีซี มาเป็นที่ปรึกษาแล้ว ก็ยกกองทัพไปรบกับ โจโฉ ได้ชัยชนะยึดเมืองห้วนเสีย ซึ่ง เล่าปิด ผู้เป็นเจ้าเมืองก็ไม่ใช่คนอื่นไกล แต่ภายหลังโจโฉทำอุบายให้ชีซี ต้องลาจากเล่าปี่ไปเลี้ยงดูมารดา ซึ่งอยู่ในความควบคุมของโจโฉเสีย ก่อนไปชีซีได้แนะนำให้เล่าปี่ไปหา ขงเบ้ง ่เดิมชื่อ จูกัดเหลียง หรือฉายาว่า ฮกหลง ที่เขาโงลังกั๋ง และเชิญมาเป็นที่ปรึกษาแทน
ยังไม่ทันจะได้แสดงฝีมือให้ปรากฏ เล่าปี่จึงพาขงเบ้งไปหาเล่าเปียวตามคำเชิญ

เล่าเปี่ยวเมื่อเห็นเล่าปี่เข้ามาคำนับ ก็ขอโทษเรื่องที่ ชัวมอ คบคิดกับ พรรคพวก จะลอบฆ่าเล่าปี่เมื่อครั้งก่อนนั้น เล่าปี่ก็มิได้ถือโทษเพราะเห็นว่าเป็นน้องของนางชัวฮูหยิน ภรรยาเล่าเปียว จากนั้นเล่าเปียวก็ออกปากฝากฝังบ้านเมืองไว้แก่เล่าปี่ว่า

".......เราทุกวันนี้ก็แก่ชราแล้ว ทั้งโรคก็เบียดเบียนเนือง ๆ เจ้าจงมาอยู่ช่วยราชการเมืองเกงจิ๋วไปพลาง แม้เราหาบุญไม่ ตัวเจ้าจงเป็นเจ้าเมืองแทนเราเถิด.."

เล่าปี่ก็ขอบคุณแต่ไม่ยอมรับปาก เมื่อกลับมาถึงที่พักขงเบ้งก็ยุว่า เล่าเปียวยกเมืองเกงจิ๋วให้แล้ว ทำไมไม่รับ เล่าปี่ก็ว่า

".....เล่าเปียวมีคุณแก่เรา แล้วลูกหลานหว่านเครือก็มีอยู่เป็นอันมาก ครั้นเราจะล่วงเข้ารับเอา ความครหานินทาก็จะมีแก่เราต่าง ๆ ...."

ต่อมา เล่ากี๋ บุตรคนโตที่เกิดจากภรรยาแรกของเล่าเปียวก็มาปรึกษา เรื่องที่ถูกนางชัวฮูหยินมารดาเลี้ยงคิดร้าย ขงเบ้งจึงแนะนำให้เล่ากี๋ขอไปอยู่เมืองกังแฮ แทนหองจอที่ถูกซุนกวนฆ่าตาย จะได้ตั้งตัวเป็นใหญ่ในโอกาสต่อไป เล่าเปียวก็กลับมาปรึกษาเล่าปี่อีก เล่าปี่ก็สนับสนุน โดยให้เล่ากี๋ไปป้องกันซุนกวนทางทะเลทิศใต้ ตนเองจะคอยป้องกันโจโฉทางเหนือ แล้วก็แยกย้ายกันไป

ต่อมาหลังจากขงเบ้งแสดงฝีมือ ในการวางแผนให้เล่าปี่รบชนะกองทัพ ของโจโฉ ซึ่ง แฮหัวตุ้น เป็นแม่ทัพที่สมรภูมิทุ่งพกบ๋อง เป็นครั้งแรกแล้ว โจโฉก็เกณฑ์ไพร่่พลถึงห้าสิบหมื่น ให้ทหารเอกเก้าคนเป็นแม่ทัพห้ากอง ยกมาตีเมืองซินเอี๋ยซึ่งเล็กนิดเดียว ก็พอดีเล่าเปียวป่วยหนัก เรียกตัวเล่าปี่ไปหาและยกเมืองให้อีกครั้ง เล่าปี่ก็ยังคงยืนยันว่า จะช่วยทำนุบำรุงบุตรทั้งสองของเล่าเปียวสืบไป แล้วก็ขอลากลับไปรักษาเมืองซินเอี๋ยคอยรับกองทัพใหญ่ของโจโฉ

ฝ่ายนางชัวฮูหยิน ได้ยินเล่าเปียวยกบ้านเมืองให้เล่าปี่ ก็โกรธว่ารักเล่าปี่มากกว่าบุตรของตนเอง จึงให้ชัวมอกับ เตียวอุน คอยเฝ้าที่พักของเล่าเปียวไม่ให้ใครแปลกปลอมเข้าไปเยี่ยมได้อีก แม้กระทั่งเล่ากี๋ซึ่งรู้ข่าวว่าบิดาป่วยหนัก รีบมาเยี่ยมดูอาการ ชัวมอก็ไม่ยอมให้เข้าพบ โดยอ้างว่า

"....ตัวท่านนี้ บิดาให้ไปอยู่รักษาเมืองกังแฮ มิได้ให้มาหา และท่านทิ้งเมืองเสียฉะนี้ แม้ซุนกวนรู้จะยกกองทัพจู่มา ตีเอาเมืองกังแฮนั้น จะมิเสียหรือ อนึ่งบิดาท่านป่วยหนักอยู่ ซึ่งท่านจะเข้าไปบัดนี้ เห็นว่าบิดาท่าน จะโกรธว่าทิ้งเมืองเสีย โรคนั้นก็จะกำเริบขึ้น เหลือกำลังก็จะถึงแก่ความตาย เหมือนท่านเอายาพิษมาเจือเข้าอีก...."

เล่ากี๋จึงต้องร้องไห้กลับไปเมืองกังแฮ ซึ่งเล่าเปียวไม่รู้เรื่องก็เฝ้าคอยหาเล่ากี๋บุตรชายคนโต จนถึงเดือนสิบ ขึ้นสามค่ำ ก็ถึงแก่ความตายโดยอาการไม่ค่อยจะสงบ
นางชัวฮูหยินก็คบคิดกับชัวมอและเตียวอุน ปลอมลายมือเป็นหนังสือของ
เล่าเปียว ยกเมืองเกงจิ๋วให้เล่าจ๋องบุตรชายของตนปกครองต่อไป แล้วนางชัวฮูหยินก็
เรียกประชุมขุนนางพร้อมกัน เอาหนังสือปลอมนั้นให้ดู แล้วก็ตั้งให้เล่าจ๋องเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋ว

เล่าจ๋องนั้นอายุได้สิบสี่ปี แต่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด จึงว่าแก่ขุนนางทั้งปวงในที่ประชุมว่า

"....บิดาเราหาบุญไม่แล้ว เล่าปี่ผู้อาเรา และเล่ากี๋ผู้พี่ ก็ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งท่านทั้งปวงจะตั้งให้เราเป็นใหญ่นั้นไม่ควร...."

ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายพลเรือนชื่อ ลีกุ๋ย ก็เห็นชอบด้วย จึงแนะให้เชิญเล่ากี๋มาเป็นเจ้าเมือง และเชิญเล่าปี่ให้มาเป็นที่ปรึกษาราชการ เพื่อป้องกันซุนกวนและโจโฉจะยกทัพมารุกราน ชัวมอก็ยืนยันว่าเล่าเปียวเขียนหนังสือยกเมืองให้เล่าจ๋องไว้เป็นสำคัญ ต้องทำตามคำสั่งนั้น

ลีกุ๋ยก็ด่าว่า

"...เอ็งจะทำให้แผ่นดินเมืองเกงจิ๋วและหัวเมืองทั้งเก้านี้ เป็นอันตราย และตกอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่นเป็นมั่นคง...."

ชัวมอก็โกรธ สั่งให้เอาตัวลีกุ๋ยไปฆ่าเสีย แล้วก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กับเล่าปี่ และเล่ากี๋ที่เมืองซงหยง

แต่ปรากฏว่าโจโฉยกทัพใหญ่ ผ่านมาทางเมือง ซงหยงก่อน เล่าจ๋องก็ตกใจปรึกษากับชัวมอ และขุนนางแม่ทัพนายกองทั้งปวงว่าจะทำอย่างไรดี ฮูสวน ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่ง ก็แนะนำให้ยกเมืองเกงจิ๋วกับหัวเมืองทั้งเก้าให้แก่โจโฉเสีย เพื่อจะได้ไม่ต้องรบให้ลำบากยากแค้นแก่ไพร่พล

เล่าจ๋องก็โกรธว่าบิดาเพิ่งตายได้ครองเมืองไม่ทันไร จะยกบ้านเมืองให้ โจโฉด้วยเหตุใด เก๊งอวดนายทหารเอกเก่าแก่ ก็สนับสนุนว่า โจโฉนั้นมีตำแหน่งเป็นมหาอุปราชของพระเจ้าเหี้ยนเต้ ทำอะไรก็ถือว่าเป็นรับสั่ง เที่ยวปราบปรามหัวเมืองที่
ไม่ยอมขึ้นด้วย ได้ชัยชนะมาเป็นอันมาก ศึกภายในระหว่างพี่น้องก็ยังไม่เรียบร้อย ศึก
ภายนอกก็ใหญ่นักเห็นจะสู้ไม่ได้ เล่าจ๋องยังไม่ยอมเชื่อ อ้างว่าบิดามอบเมืองให้ยังไม่ทันไร ไปยกให้ผู้อื่นก็เหมือนรักษาทรัพย์มรดกของบิดาไว้ไม่ได้ จะเป็นที่ครหานินทาติเตียนแก่คนทั้งปวง

อองซัน ที่ปรึกษาอีกคนหนึ่งก็ว่า

"...แต่ลิโป้ กับ อ้วนเสี้ยว อ้วนสุดซึ่งมีสติปัญญาและกำลัง โจโฉยังรบพุ่งทำอันตราย กำจัดเสียได้.."

เล่าจ๋องก็ชักจะอ่อนใจ ว่าจะขอไปปรึกษามารดาก่อน ก็พอดีนาง ชัวฮูหยินเดินออกมาจากข้างในบอกว่า ท่านทั้งสามปรึกษาเห็นชอบพร้อมกันแล้ว จะต้องปรึกษาแม่ทำไม จงปฏิบัติไปตามนั้นเถิด

เล่าจ๋องจึงยอมจำนน เขียนหนังสือขอยอมอ่อนน้อมต่อโจโฉให้ ซงต๋งถือไป เมื่อโจโฉรู้เรื่องแล้ว ก็บอกกับซงต๋งให้เล่าจ๋องออกมาคำนับตามประเพณี จะได้ช่วยทำนุบำรุงให้เป็นสุขสืบไป

พอซงต๋งเดินทางกลับมาถึงแม่น้ำ ก็ถูก กวนอู จับได้ครั้นซักไซ้ไล่เรียง จนได้ความตามจริง จึงพาตัวไปหาเล่าปี่ที่เมืองซินเอี๋ย เล่าปี่รู้ว่าเล่าเปียวตายแล้ว ก็ร้องไห้อาลัยรักจนสลบไป เมื่อฟื้นขึ้นมาก็ปล่อยตัวซงต๋งกลับไป พร้อมกับสำทับว่า

"..ตัวท่านมีสติปัญญาอยู่ เมื่อคนทั้งปวงคิดมิชอบฉะนี้ เหตุใดมิเอาเนื้อความมาแจ้งแก่เราให้รู้ ครั้นจะฆ่าท่านเสียบัดนี้ กระบี่เราก็จะติดโลหิตเสียเปล่า...."

ซงต๋งจึงรอดชีวิตกลับไป

ขณะนั้น อีเจี้ย ก็มาถึงคำนับเล่าปี่แล้วว่า เล่ากี๋ใช้ให้มาแจ้งเนื้อความว่า เล่าเปียวตายแล้ว นางชัวฮูหยินกับชัวมอคบคิดกัน ยกเล่าจ๋องให้เป็นใหญ่ผิดประเพณี
เล่าปี่ก็ว่า ท่านยังรู้น้อยไป บัดนี้ชัวมอกับนางชัวฮูหยินคบคิดกัน จะยกเมืองเกงจิ๋วให้แก่โจโฉเสียด้วยซ้ำ อีเจี้ยก็ตกใจว่ารู้ได้อย่างไร เล่าปี่ก็บอกว่ากวนอูจับซงต๋งได้จึงรู้เรื่อง

อีเจี้ยก็ว่า ถ้าอย่างนั้นขอให้ยกทหารไปเมืองเกงจิ๋ว ทำเป็นไปคำนับศพเล่าเปียวตามประเพณี และลวงเล่าจ๋องออกมาฆ่าเสีย ก็จะได้เมืองเกงจิ๋วโดยง่าย ขงเบ้งก็สนับสนุน แต่เล่าปี่ได้ฟังก็ร้องไห้ว่า

"....เล่าเปียวผู้พี่เรา เมื่อป่วยอยู่นั้นก็ได้หาไปว่ากล่าว ฝากฝังลูกเต้าทั้งปวง และบัดนี้เล่าเปียวหาบุญไม่แล้ว เราจะกลับทำร้ายแก่บุตรชิงเอาเมืองนั้นดูมิควร แม้ชีวิตยังมิตายก็จะดูหน้าคนมิเต็มตา......"

ว่าแล้วก็ปรึกษากับขงเบ้ง คิดการที่จะต่อสู้กับกองทัพของโจโฉต่อไป
การศึกครั้งนี้ชุลมุนวุ่นวายพอดู เล่าปี่นั้นคิดจะถอยไปตั้งหลักสู้ ที่เมืองอ้วนเสีย โดยอพยพครอบครัว และราษฎรที่สมัครใจไปด้วย เป็นจำนวนหลายหมื่น เล่าปี่นำหน้า ขงเบ้งบัญชาการรบหน่วงเวลาอยู่ข้างหลัง พอโจหยิน กับ โจหอง สองพี่น้องแม่ทัพของโจโฉ ยกทหารเข้าไปยึดเมืองซินเอี๋ย ก็ถูกจูล่งล้อมเผาเสียวอดวาย ครั้นแตกมาถึงแม่น้ำแปะโหก็โดนกวนอูพังทำนบให้น้ำบ่าท่วม ทหารตายไปอีกเป็นก่ายกอง จากนั้นขงเบ้งก็พาทหารเอกของเล่าปี่ตามไปที่เมืองอ้วนเสีย โจหยินก็เข้าไปยึดเมืองซินเอี๋ยที่ร้างอยู่นั้น แล้วแจ้งโจโฉให้ยกมาสมทบ จะได้ตามไปตีเมืองอ้วนเสีย

เล่าปี่ก็พาราษฎรหนีต่อไปทางเมืองซงหยง แต่เมื่อถึงแล้วก็เข้าเมืองไม่ได้ เพราะชัวมอกับเตียวอุนเล่นปิดประตูเมือง และยิงเกาทัณฑ์กระหน่ำเป็นห่าฝน จนกระทั่งมีทหารเลวคนหนึ่งในเมืองชื่อ อุยเอี๋ยน ทนดูไม่ได้ จึงยกพวกเข้าฆ่าฟันทหารของชัวมอ และเปิดประตูเมืองรับเล่าปี่ ทหารในเมืองซงหยงเลยแบ่งเป็นสองพวก ฆ่าฟันกันเองเป็นจลาจลใหญ่

เล่าปี่เสียใจว่าตนเป็นผู้ที่ทำให้ชาวเมืองเดือดร้อน เลยบ่ายหน้าต่อไป
ยังเมืองกังเหลง ราษฎรก็อุตส่าห์ติดตามไปเป็นจำนวนถึงห้าหมื่น แต่มีทหารที่พอจะสู้รบได้เพียงสามพันเท่านั้น ระหว่างเดินทางมาถึงกุฏิบรรจุศพเล่าเปียว เล่าปี่ก็ลงจากหลังม้าเข้าไปคำนับศพ แล้วรำพันว่า

"...ท่านผู้เป็นพี่ได้สั่งเสียแก่ข้าพเจ้าไว้แต่ก่อน ให้ข้าพเจ้าทำนุบำรุงเล่าจ๋องผู้บุตรนั้น ข้าพเจ้าได้รับคำท่าน และบัดนี้ข้าพเจ้าก็ทำมิตลอด โทษมีแก่ข้าพเจ้าเป็นอันมาก ขอท่านจงอดโทษข้าพเจ้า เหมือนท่านได้กรุณาแก่อาณาประชาราษฎรทั้งปวง ช่วยคุ้มเกรงรักษาให้มีความสุขสืบไป...." แล้วก็พาขบวนเดินทางต่อไป

ฝ่ายกองทัพของโจโฉนั้น ก็ยกมาจนถึงเมืองซงหยง ชัวมอกับเตียวอุน
ก็ออกไปคำนับโจโฉเชิญให้เข้าเมือง เล่าจ๋องกับนางชัวฮูหยินก็นำตราสำหรับว่าราชการ
เมืองมามอบให้โจโฉ พร้อมกับมอบการบังคับบัญชาทหารทั้งปวงให้ด้วย ซึ่งเป็นทหารม้าห้าหมื่น ทหารเดินเท้าสิบห้าหมื่น ทหารเรือแปดหมื่น เรือรบใหญ่น้อยเจ็ดพันเศษ โจโฉก็แต่งตั้งให้ ชัวมอ เตียวอุน เป็นแม่ทัพเรือ เก๊งอวดเป็นเจ้าเมืองกังเหลง ฮูสวน อองซาน ผู้แนะนำให้ยอมอ่อนน้อม เป็นขุนนางผู้ใหญ่ แต่ตัวเล่าจ๋องนั้นแทนที่จะให้คงเป็นเจ้าเมืองเกงจิ๋วตามเดิม กลับสั่งให้ไปเป็นเจ้าเมืองเฉงจิ๋ว

เล่าจ๋องก็ตกใจขอตัวว่า

"...ซึ่งข้าพเจ้าอุตส่าห์ออกมาคำนับท่านทั้งนี้ ใช่จะมีความปรารถนาเป็นเจ้าบ้านผ่านเมืองนั้นหามิได้ ข้าพเจ้าจะขอเป็นแต่ไพร่เมืองเกงจิ๋วนี้ จะได้รักษาศพของบิดาและญาติทั้งปวง ตามประเพณี...."

โจโฉก็ว่า "........ซึ่งเราจะให้ท่านไปอยู่เมืองเฉงจิ๋วบัดนี้ ด้วยความเอ็นดูท่าน เห็นว่าเมืองเฉงจิ๋วนั้นกับเมืองหลวงใกล้กัน ท่านจะได้เฝ้าแหนพระเจ้าเหี้ยนเต้...."

เล่าจ๋องก็จำใจต้องยอมรับและคำนับพามารดาเดินทางไปตามคำสั่ง
ของมหาอุปราชแต่โดยดี พอถึงฝั่งน้ำท่าข้าม ขุนนางทั้งปวงที่ตามมาส่ง ก็อำลากลับเมืองสิ้น คงเหลือแต่ อ้องอุ้ย ที่ปรึกษาผู้ซื่อสัตย์เท่านั้น ที่ติดตามเล่าจ๋องไปด้วย

ครั้นเดินทางต่อไป ได้ไม่ไกลนัก อิกิ๋ม ทหารเอกของโจโฉ ก็คุมทหารตามไปทันแล้วร้องประกาศแก่เล่าจ๋องว่า

"....บัดนี้มหาอุปราชใช้ให้เรามาฆ่าท่านแม่ลูกทั้งสองเสีย ท่านอย่าวุ่นวายไปเลย จงนิ่งให้เราตัดศรีษะไปให้มหาอุปราช เสียโดยดีเถิด...."

ทั้งสองแม่ลูกก็หันหน้าเข้ากอดคอกันร้องไห้ อ้องอุ้ยจึงกลับหน้าเข้ามาจะต่อสู้ แต่ก็ไม่มีฝีมือพอ จึงถูกทหารของอิกิ๋มจับตัวไปฆ่าเสีย แล้วก็ตัดศรีษะ นางชัวฮูหยินและเล่าจ๋อง กลับมาให้โจโฉ

เมืองเกงจิ๋วของเล่าเปียว ซึ่งเปรียบเหมือนอ้อยหวาน ที่เจ้าของได้หยิบยื่นส่งไปถึงปากช้างเกเร จึงถูกกลืนหายไปจนหมดสิ้น คงเหลืออยู่แต่ เล่ากี๋บุตรชายคนโตที่อยู่เมืองกังแฮ และเล่าปี่ที่กำลังเดินทางระหกระเหินไปอย่างไม่รู้ชตากรรม จะกลายเป็นอาหารอันโอชะรายต่อไปหรือไม่นั้น ยากที่จะทำนายได้ในตอนนี้.

##########



Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2560
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2560 14:35:05 น. 0 comments
Counter : 413 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

เจียวต้าย
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




เชิญหารายละเอียดได้ ที่หน้าบ้านชานเรือนครับ
Friends' blogs
[Add เจียวต้าย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.