Group Blog
 
All blogs
 

The Tortured (2010): จับฆาตกรโรคจิตมาทรมาน(บันเทิง)

The Tortured (2010) :
จากรูปและชื่อเรื่องก็พอจะบอกกันอยู่แล้วว่าหนังคงออกมาแนวทรมานๆ แน่ ยิ่งพอเห็นคำโปรยบนโปสเตอร์หนังที่ว่า'จากโปรดิวซ์เซอร์ของ Saw' แถมยังเป็นหนังของบริษัท Twisted Pictures เช่นเดียวกันอีกซะด้วย งานนี้เลยมั่นใจได้เลยว่านี่คือหนังแนวซาดิสม์ทรมานบันเทิงอันเป็นเครือญาติเดียวกันกับ Saw แน่ๆ คอหนังทรมานบันเทิงทั้งหลายมีได้เฮกันล่ะทีนี้


ไอ้หนุ่มกางเกงส้มเจอดีแน่งานนี้
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย กับเรื่องราวที่เอื้อต่อการขายฉากโหดๆ ประเภทจับคนไปทรมานบันเทิงต่างๆ นาๆ ซึ่งเหตุผลในที่นี้ก็คือการแก้แค้นสุดบรรเจิดของคู่สามีภรรยาหนุ่มสาวที่รับไม่ได้กับการเห็นฆาตกรโรคจิตที่ฆ่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของพวกเขาไปต้องติดคุกแค่เพียงไม่กี่ปีแล้วเดี๋ยวก็ได้เดินลอยชายออกมาทำชั่วต่ออีกในที่สุด พวกเขาจึงตัดสินใจลักพาตัวหมอนั่นมาแร่เนื้อเถือหนังด้วยวิธีกรรมสุดซาดิสม์เพื่อให้สาสมกับความแค้นที่สุมอกของคนเป็นพ่อแม่อย่างพวกเขาซะเลย

งานสร้างดูดีถ้าเทียบกับหนังแนวนี้ทั่วไป
หนังกำกับโดยผกก.ที่ช่ำชองทางด้านหนังทีวีมาโดยตลอดอย่าง Robert Lieberman กับทุนแปดล้านเหรียญซึ่งถือว่าไม่น่าเกลียดเลยสำหรับหนังแนวนี้ โดยได้นักแสดงนำหนุ่มสาวอย่าง Jesse Metcalfe (ซีรี่ส์ Desperate Housewives) และ Erika Christensen (Swimfan [2002]) มารับบทคู่ผัวตัวเมียริจะโหดของเรื่อง ส่วนเจ้าฆาตกรจิตทรามก็รับบทโดยนักแสดงที่ถนัดหนังแนวโหดๆ อย่าง Bill Moseley (The Devil's Rejects [2005]) เจ้าเก่าเองจ้า


วายร้ายของเรื่องกำลังทำการลักเด็กไปฆ่า
หนังช่วงแรกหมดไปกับการแสดงให้เห็นถึงความโศกเศร้าของคู่สามีภรรยาที่สูญเสียลูกรักไปอย่างไม่มีวันกลับมา(ซึ่งสองนักแสดงนำทำหน้าที่ได้ดีในช่วงนี้) เพื่อเป็นการปูเหตุผลไปสู่การคิดแก้แค้นด้วยตนเอง(หาเหตุผลที่จะซาดิสม์ ว่างั้นเหอะ) และพอทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอยพร้อมที่จะทรมานบันเทิงแล้วก็ใส่กันเลยตามสไตล์หนังแนวนี้ แต่ก็ไม่ได้ใส่กันทีเดียวหมดแม็กนะ เขาเล่นกันแบบทรมานวันละนิดจิตแจ่มใส ด้วยเหตุผลที่ว่าอยากทรมานเธอนานๆ ไม่อยากให้ตายไวเลย อะไรแบบนั้น ซึ่งฉากทรมานก็ทำได้น่าหวาดเสียวดีตามสไตล์หนังบริษัทนี้นักแล

คู่สามีภรรยาริจะโหดของเรื่อง
แต่น่าเสียดายที่เรื่องราวของหนังเดินอย่างรวดเร็วไปนิด(หนังยาวเพียงแค่ 80 นาที) จึงทำให้ไม่สามารถปูเหตุผลและความน่าเชื่อถือได้อย่างพอเพียงสำหรับการตัดสินใจทำอะไรโหดๆ ของคู่สามีภรรยาบ้านๆ แบบนี้ ยิ่งพอมาเจอการหักมุมในตอนจบที่ไม่ได้ 'เหวอ!?' แบบใน Saw แต่ออกแนว 'อ่ะนะ' ซะมากกว่า ก็เลยส่งผลให้หนังโดยรวมไม่น่าประทับใจลงไปอีก แต่ยังไงเสียสำหรับคอหนังที่ต้องการดูฉากซาดิสม์ทรมานบันเทิงอย่างเดียว ก็คงจะโอเคกันอยู่หรอกมั้ง พอดูได้ๆ

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังทรมานบันเทิงที่พอดูได้ ฉากโหดก็เข้าทีอยู่
  • ไม่น่าดูเพราะ: ดูแล้วก็แล้วกันไป ไม่มีอะไรน่าจดจำ ตามสไตล์หนังที่พยายามจะเป็น 'Saw' อีกเรื่องหนึ่งแบบนี้





 

Create Date : 28 ตุลาคม 2553    
Last Update : 28 ตุลาคม 2553 10:41:07 น.
Counter : 11529 Pageviews.  

Winter's Bone (2010): สาว 17 ใจเด็ดจริงหนอ



Winter's Bone (2010) :
นี่ก็เป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถคว้ารางวัล Grand Jury Prize จากเทศกาลหนัง Sundance Film Festival ปีนี้ไปครองได้สำเร็จ ทั้งยังสามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลหนัง Berlin International Film Festival ไปนอนกอดได้อีกสองรางวัลซะด้วย และดูเหมือนนี่จะเป็นแค่เพียงออร์เดริฟ์เท่านั้น เพราะว่าหนังยังจะต้องเดินสายกวาดรางวัลจากเวทีต่างๆ อีกเพียบแน่นอน ดีไม่ดีอาจถึงขั้นเข้าไปโลดแล่นบนเวทีออสก้าร์ครั้งต่อไปเสียด้วยซ้ำ ใครจะไปรู้ล่ะเนอะ


นางเอกเรากำลังสอนน้องยิงปืน(เอิ่ม...)
หนังดัดแปลงมาจากนิยายของ Daniel Woodrell ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2006 อันมีเรื่องราวเกี่ยวกับ Ree Dolly (Jennifer Lawrence จาก The Burning Plain [2008]) สาวน้อยใจเด็ดวัย 17 ขวบที่ต้องรับหน้าที่เป็นหัวหน้าครอบครัว(จำเป็น)แทนพ่อที่จู่ๆ ก็หายไปไหนก็ไม่รู้ โดยทิ้งให้เธอต้องดูแลน้องที่ยังเล็กสองคนและแม่ที่ป่วยจนดูแลตนเองไม่ได้ไปตามยถากรรม ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเธอเลยเพราะธรรมดาครอบครัวเธอก็เข้าขั้นยากจนอยู่แล้ว ขนาดที่ว่าบ่อยครั้งที่เธอต้องไปหายิงกระรอกมากินประทังชีวิตเลยล่ะ

เธอคนนี้โดดเด่นจนอาจได้เข้าชิงออสก้าร์
แล้วงานยังมาเข้าอีกเมื่ออยู่ๆ ก็มีคนมาแจ้งว่าบ้านของเธอกำลังจะต้องถูกยึดในอีกหนึ่งสัปดาห์ เพราะพ่อของเธอที่กำลังมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลได้เอาบ้านไปค้ำประกันไว้ก่อนที่จะหนีประกันไป(ฮ่วย) ในขณะที่คนรอบข้างดูเหมือนว่าจะช่วยอะไรเธอไม่ได้เลย เธอจึงต้องลุกขึ้นมาทำทุกอย่างด้วยตนเองเพื่อตามหาพ่อให้เจอก่อนที่บ้านซึ่งเป็นทุกอย่างที่ครอบครัวเธอมีจะต้องถูกยึดไปในที่สุด


แล้วไปนั่งทำอะไรกันในป่าช้าล่ะเนี่ย?
Debra Granik ผกก.หญิงความสามารถรอบทิศ ควบหน้าที่ทั้งเขียนบทและกำกับออกมาได้อย่างถึงคุณภาพ แม้หนังจะมีเรื่องราวดราม่าแบบหม่นๆ บ้านๆ ที่ไม่ค่อยน่าเจริญหูเจริญตานัก แต่หนังก็มีพลังพอที่สะกดให้คนดูต้องจดจ่อกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนจอได้ตลอด โดยคนที่โดดเด้งที่สุดในหนังก็คือคุณน้อง Lawrence ที่แสดงได้ดีมากๆ จนน่าจะแจ้งเกิดให้เธอได้แน่นอนในบทสาว 17 ใจเด็ดที่ไม่เกรงกลัวหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน ส่วนโลเกชั่นไกลปืนเที่ยงแถบ มิสซูรี่ อเมริกา ก็ช่างสร้างบรรยากาศหดหู่ แร้นแค้น ให้กับตัวหนังได้เป็นอย่างดี


ถึงจะเป็นหนังเล็กๆ แต่นักแสดงคุ้นหน้ายังพอมีให้เห็น
แต่สำหรับคนที่เบื่อง่ายก็จะพบว่าหนังเดินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปนิด นี่ถ้าไม่ได้การแสดงขั้นเทพของนางเอกก็คงจะน่าเบื่อกว่านี้แยะเชียว ยังไงซะก็ถือว่านี่เป็นหนังดีมีคุณภาพอีกเรื่องประจำปีนี้ที่คอหนังไม่จะควรพลาดกันล่ะนะ โดยเฉพาะคนที่มีครอบครัวมีลูกเต้าแล้วจะดูไปอินไปมากเป็นพิเศษ ส่วนสำหรับทางบล็อกดูแล้วก็ขอชิงตัดหน้าเวทีอื่นๆ มอบรางวัล 'สาว(17)ใจเด็ดแห่งปี 2010'ให้นางเอกเราโดยดุษฎีเลยจ้า
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังดราม่าชั้นดีมีคุณภาพอีกเรื่องของปีนี้ การแสดงโดดเด่น โดยเฉพาะนางเอกเราที่เด่นมากจนอาจถึงขั้นชิงออสก้าร์(หวังว่างั้นนะ อิอิ)
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังเดินเรื่องเรื่อยๆ เอื่อยๆ ไปนิด ไม่เหมาะกับคอหนังที่คุ้นเคยกับหนังที่หวือหวาสไตล์ฮอลลีวู้ด เพราะนี่จะเป็นเหมือนยานอนหลับชนิดรุนแรงสำหรับท่านเชียวล่ะ




*ช่วงดันดารา*

Jennifer Lawrence (20 ขวบ)
เห็นการแสดงขั้นเทพของเธอในเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะนำเรื่องราวของเธอมาบอกกล่าวกัน สำหรับสาว Jennifer Lawrence (เกิด 15 ส.ค. 1990 ที่ หลุยส์วิลล์ เคนตั้กกี้ อเมริกา) โดยเมื่อเธออายุได้ 14 ขวบก็ตัดสินใจไป นิวยอร์ค เพื่อตามล่าฝันในการเป็นนักแสดง ซึ่งบรรดาเอเจนซี่ก็พากันทึ่งในความสามารถของเธอ ทั้งๆ ที่เธอไม่เคยปีประสบการณ์ด้านการแสดงมาก่อนเลยสักนิด แต่ก็ต้องรอให้เธอเรียนจบ ม.ปลายให้ได้ภายในสองปีก่อนถึงจะเริ่มต้นในสายอาชีพนี้ได้


ซิวรางวัลจาก Venice Film Festival มาครองได้ซะด้วย
สำหรับผลงานชิ้นแรกของเธอคือหนังทีวีปี 2006 เรื่อง Company Town และก็ตามด้วยหนังซีรี่ส์อีกหลายเรื่องอาทิ Monk, Cold Case และ Medium ก่อนที่จะมาได้เล่นหนังร่วมกับดาราดังอย่าง Charlize Theron และ Kim Basinger ใน The Burning Plain (2008) ซึ่งตัวเธอก็สามารถคว้ารางวัล Marcello Mastroianni Award จาก Venice Film Festival มาครองได้ซะด้วย


น้องเขาจะรับบทเป็น Mystique สมัยยังเอ๊าะในหนัง X-Men ตอนใหม่
ปีที่แล้วเธอได้แสดงนำในซีรี่ส์ The Bill Engvall Show ก่อนที่จะมาเล่นหนัง Winter's Bone นี้ ซึ่งใครได้ดูลีลาการแสดงเธอเป็นต้องอึ้งทึ่งเสียวจนน่าจะส่งผลให้เธอได้เดินสายไปรับรางวัลจากเวทีต่างๆ ช่วงต้นปีหน้ากันให้วุ่นแน่เชียว(เราขอเชียร์ให้เธอได้เข้าชิงออสก้าร์) และสำหรับตอนนี้เธอกำลังแสดงเป็น Mystique ในหนัง X-Men: First Class (กำกับโดย Matthew Vaughn จาก Kick-Ass [2010]) และยังมีผลงานอีกหลายเรื่องที่กำลังจะตามมา ยังไงก็ขอฝากสาวน้อยมากฝีมือคนนี้ไว้ในอ้อมใจมิตรรักคอหนังอีกสักคนก็แล้วกันนะจ้ะ จุ้บๆ

*เล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับเธอ*
  • เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในตระกูลฝั่งพ่อในรอบ 50 ปี พ่อแม่เธอก็แต่งงานกันมาสามสิบปีแล้วด้วยถึงจะมีเธอนี่แหล่ะ
  • เธอเตรียมตัวสำหรับการมารับบทใน"Winter's Bone" ด้วยการหัดถลกหนังกระรอก หัดผ่าฟืน และหัดต่อสู้ด้วย
  • เธอถูกค้นพบโดยตากล้องคนหนึ่ง ตอนที่มานิวยอร์คกับแม่ในปี 2005 จนทำให้เข้าวงการได้ในที่สุด
  • เคยเข้าออดิชั่นเพื่อรับบท Bella Swan กับ Rosalie Hale ในหนัง Twilight ซะด้วย แต่ก็แห้วรับประทานในที่สุด(ซึ่งก็ดีแล้วที่แห้ว เหอๆ)
  • เธอเล่นกีต้าร์เป็นด้วยนะ ขอบอก

*ข้อมูลจาก imdb และ wikipedia เน้อ*




 

Create Date : 22 ตุลาคม 2553    
Last Update : 22 ตุลาคม 2553 10:33:59 น.
Counter : 3799 Pageviews.  

Animal Kingdom (2010): ครอบครัวฉันมีแต่โจร(ว่ะ)


Animal Kingdom (2010) :
หนังดราม่าอาชญากรรมเล็กๆ จาก ออสเตรเลีย เรื่องนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว เพราะสามารถคว้ารางวัล Grand Jury Prize จากเทศกาลหนัง Sundance Film Festival ครั้งล่าสุดมาครองได้สำเร็จ ที่สำคัญก็คือหนังแจ่มพอจนอาจมีสิทธิ์ได้เข้าไปลั้นลาถึงเวทีออสก้าร์ครั้งต่อไปในบางสาขาเสียด้วยซ้ำ(หวังว่าเช่นนั้นนะ อิอิ)


พ่อหนุ่มคนนี้ประเดิมผลงานเรื่องแรกได้ไม่เลวเลยทีเดียว
หนังเล่าเรื่องของ Joshua 'J' Cody (รับบทโดยนักแสดงหน้าใหม่ James Frecheville) หนุ่มน้อยวัย 17 ที่แม่เพิ่งเสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาด จนเขาต้องระเห็จไปอยู่กับครอบครัวของยาย ซึ่งประกอบด้วยลุงๆ ที่เป็นพ่อค้ายาเสพติดกันทั้งบ้าน ซึ่งก็แน่นอนที่เมื่อเขาได้เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวใหม่นี้แล้ว ก็ย่อมต้องถูกดึงให้ถลำลึกสู่โลกมืดของอาชญากรรมที่จะทำให้ชีวิตของเขาและคนรอบข้างเปลี่ยนไปตลอดกาลเลยทีเดียว


คุณ Guy Pearce กับบทตำรวจน้ำดี(อีกแล้ว)
ผกก.David Michôd ประเดิมผลงานหนังยาวเรื่องแรกของเขานี้ได้อย่างถึงคุณภาพ ด้วยการเสนอโลกอาชญากรรมของชาวออสซี่ผ่านครอบครัวโจรครอบครัวหนึ่ง ซึ่งแม้หนังจะเดินเรื่องเนิบๆ แต่ก็เต็มไปด้วยจุดหักเหที่ชวนให้ต้องอึ้ง รุนแรงแบบไม่ต้องยิงกันจะๆ ให้เห็น ทั้งยังอบอวลไปด้วยบรรยากาศมาคุไม่น่าไว้วางใจทั้งเรื่อง จนกลายเป็นหนังสุดระทึกไปได้โดยไม่ต้องมีเรื่องราวใหญ่โตหรือยิงกันกระจายดังเช่นหนังอาชญากรรมของฮอลลีวู้ดเลย ส่วนทางด้านดนตรีประกอบแนวอิเลคโทรนิคสุดหม่นของ Antony Partos ก็ช่วยสร้างบรรยากาศมาคุให้กับหนังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย


ให้แฟนขี่หลังแบบในหนังเกาหลีเลยนะพ่อคุ๊ณ
ด้านบรรดานักแสดงของหนัง แม้แทบจะไม่มีใครที่คุ้นหน้าเลย (คนดังสุดก็เฮีย Guy Pearce จาก L.A. Confidential [2007] ที่ก็มาในบทตัวประกอบเสียด้วย) แต่นักแสดงทุกคนล้วนทำหน้าที่ได้ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะพระเอกเราที่ประเดิมหนังเรื่องแรกได้อย่างดูเป็นธรรมชาติน่าชื่นชม ทว่าคนที่เด่นที่สุดก็คงจะไม่พ้นคุณ Jacki Weaver ในบทคุณยายผู้แสนดี(??) และคุณ Ben Mendelsohn ในบทพี่ใหญ่ขาโหดประจำบ้าน ที่ทั้งคู่น่าจะได้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบในรางวัลสำคัญๆ ต่างๆ ช่วงปลายปีบ้างแหล่ะน่า


สองคนนี้อาจได้เข้าไปลั้นลาบนเวทีแจกรางวัลหนังสำคัญๆ ต่อไป
ถ้ามองข้ามความเนิบของหนังไปได้และตั้งใจดูอีกนิดก็จะพบว่านี่เป็นหนังที่ มีชั้นเชิง ชวนเหวอ น่าพอใจมากๆ โดยเฉพาะผู้ที่สงสัยว่าแม่แบบไหนหนอถึงได้เลี้ยงลูกออกมาให้เป็นโจรทั้งบ้านได้แบบนี้ ซึ่งหนังก็มีคำตอบให้ ชนิดที่มันอาจจะทำให้ท่านได้อึ้งเลยทีเดียว ยังไงซะก็โปรดจับตาดู ผกก.Michôd ไว้ให้ดี ท่าทางอนาคตไกลนะเนี่ย พ่อคนเนี้ย
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังดราม่าอาชญากรรมเล็กๆ ที่ผลลัพธ์ออกมาไม่เล็ก ดูแล้วท่านจะลืมไม่ลงเลยล่ะ ขอบอก
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังเดินเรื่องเนิบนาบ ดังนั้นถ้าไม่ตั้งใจดูอาจมีเซ็ง และการที่หนังขาดแคลนนักแสดงคุ้นหน้า จึงทำให้หน้าหนังไม่ชวนให้อยากดูเท่าไหร่นัก




*ช่วงเพลงในหนัง*

เพลงของ Air Supply ถูกนำมาใช้ในหนัง
นอกจากดนตรีประกอบแนวอิเลคโทรนิคสุดหม่นโดยฝีมือของ Antony Partos จะสร้างความมืดมน ไม่น่าไว้วางใจให้กับหนังได้เป็นอย่างดีแล้ว หนังยังนำเพลงของคู่หูดูโอ้ซอฟท์ร็อคชาวออสซี่อย่าง Air Supply มาใช้ด้วย ซึ่งก็คือเพลง All Out of Love จากอัลบั้มชุด Lost in Love (1980) ของพวกเขานั่นเอง โดยเราจะได้ยินกันในช่วงกลางเรื่องซึ่งเป็นฉากที่ Pope ขาใหญ่ประจำครอบครัวนั่งดูเอ็มวีเพลงนี้อยู่แบบอินๆ เมาๆ ทั้งนี้เพลงยังถูกนำไปใช้เปิดในเทรลเลอร์ของหนังอีกด้วย ซึ่งก็นะ พอเพลงรักหวานเลี่ยนแบบนี้ถูกนำไปใช้ในหนังอาชญากรรมเช่นนี้ ก็ช่างตัดอารมณ์และฟังดูประชดประชันไปซะงั้นจนได้ เชื่อเขาเลยสิพับเผื่อย!







 

Create Date : 17 ตุลาคม 2553    
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 16:08:59 น.
Counter : 3379 Pageviews.  

Red (2010): ก๊วนหง่อมบู๊เกินพิกัด


Red (2010) :
เห็นชื่อเรื่องแบบนี้แล้วก็อย่าเพิ่งนึกไปว่าเป็นหนังของก๊วนไหนสีไหนแถวๆ นี้หรือเปล่านะ เพราะที่จริงแล้วนี่คือหนังของก๊วนวัยทองขอบู๊กระหน่ำแหลกแบบไม่สนเงินบำนาญต่างหาก โดยชื่อเรื่องนั้นย่อมาจาก"Retired, Extremely Dangerous"(เกษียณแล้วและอันตรายโคตรๆ) ซึ่งหนังก็สร้างมาจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันของ DC Comics เจ้าเก่านั่นเอง


ป๋าเหม่งและพรรคพวกขอบู๊ให้ลืมแก่ล่ะคราวนี้
ป๋าเหม่ง Frank Moses (Bruce Willis จาก Live Free or Die Hard [2007]) อดีตสายลับมือฉมังของซีไอเอที่ปัจจุบันปลดเกษียณมานั่งกินเงินบำนาญแบบเบื่อๆ เซ็งๆ อยู่บ้านไปวันๆ ต้องกลับมาบู๊สนั่นอีกครั้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำพร้อมอาวุธหนักครบมือบุกเข้ามาฆ่าเขาที่บ้าน ซึ่งก็ทำให้เขาต้องออกค้นหาสาเหตุและตัวการที่สั่งฆ่าเขา โดยได้รวบรวมบรรดาเพื่อนเก่าที่เป็นก๊วนสายลับปลดเกษียณเช่นเดียวกันมาร่วมด้วยช่วยกัน ซึ่งบางคนนั้นหง่อมถึงขนาดนั่งตะบันหมากอยู่บ้านบางแคแล้วด้วยซ้ำ(เอิ่ม..) ชะตากรรมของท่านๆ จะเป็นเยี่ยงไร? จะยังบู๊กันไหวมั้ย?(เพราะแค่หายใจก็เหนื่อยแล้ว) ก็โปรดติดตามกันตามยถากรรมจ้า


มาดควงปืนของท่านผู้ทรงวัยวุฒิ(แก่)แต่ละท่าน
ผู้สร้างดัดแปลงเรื่องราวสุดซีเรียสจากหนังสือต้นฉบับมาเป็นหนังแอ็คชั่นติดตลก โดยได้ ผกก.ชาวเยอรมัน Robert Schwentke (The Time Traveler's Wife [2009]) มาดูแล ซึ่งเขาก็ทำหน้าที่ได้ดี เพราะหนังออกมาดูเพลิน ด้านบู๊เข้าท่า(แต่ก็มีบางฉากที่เว่อร์ออกสไตล์หนังการ์ตูนนะ) ด้านตลกที่กำลังเหมาะไม่คาเฟ่กันจนเกินไป และรักษาสมดุลย์ของหนังได้กำลังพอดี โดยไม่ได้เดินหน้าบู๊แหลกกันอย่างเดียวจนส่วนอื่นต๊ะติ๊งโหน่ง หรือคุยกันยืดยาวจนน่าเบื่อแต่ประการใด

ตาคนริมซ้ายคือตัวขโมยซีนประจำเรื่อง
แต่ส่วนที่โดดเด่นที่สุดของหนังย่อมไม่พ้นการที่ได้นักแสดงรุ่นลายครามหลายคนมาประชันบทบาทกัน ซึ่งงานนี้แต่ละคนฝีมือจัดจ้านทั้งนั้นและต่างก็มีทีเด็ดของตนเองชนิดที่กินกันไม่ลงเลยทีเดียว (โดยเฉพาะป้า Helen Mirren และลุง John Malkovich) ในขณะที่ป๋า Willis ก็มาในมาดเดิมๆ ที่คุ้นตากันดี(ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ปัญหา) ส่วนหนุ่ม Karl Urban (Doom [2005]) ในบทซีไอเอที่ต้องคอยตามล่าพวกพระเอกนั้นก็ทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็ยังไม่เด่นพอที่จะต้านทานรัศมีของลุงๆป้าๆ ของเราได้


ท่านเอโอแมร์ก็ขอมาบู๊กับเขาด้วยคน
ถึงหนังจะไม่ได้มันส์ระเบิดระเบ้อหรือตลกจนขำกลิ้งตกเก้าอี้ แถมยังเต็มไปด้วยคนสูงวัยหน้าเหี่ยวที่ไม่ค่อยเจริญหูเจริญตาคอหนังวัยโจ๋เอาซะเลย แต่ก็ถือว่าเป็นหนังที่ทำได้ดูเพลินทีเดียว โดยเฉพาะแฟนๆ ของดารารุ่นเก๋าเหล่านี้คงจะพอใจที่เห็นขวัญใจของตนแสดงฝีมือขั้นเทพได้อยู่ แม้ว่าจะมาอยู่ในหนังแอ็คชั่นตลกสไตล์ฮอลลีวู้ดจ๋าแบบนี้ก็ตามเถอะ นับถือๆ
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังแอ็คชั่นตลกที่ทำออกมาได้ดูเพลิน เต็มไปด้วยนักแสดงระดับฝีมืออีกต่างหาก
  • ไม่น่าดูเพราะ: หนังยังขาดอะไรเด็ดๆ ขายๆ เอาแค่การที่เต็มไปด้วยคนแก่แบบนี้ก็ไม่ค่อยชวนให้หลายคนอยากดูแล้ว






 

Create Date : 16 ตุลาคม 2553    
Last Update : 16 ตุลาคม 2553 6:29:20 น.
Counter : 2161 Pageviews.  

Piranha (2010): มหกรรมงับทะลุจอ

Piranha (2010) :
เพราะ Avatar (2009) ของป๋า James Cameron แท้ๆ เชียว สมัยนี้เอะอะๆ เรื่องไหนๆ ก็เลยต้องพ่วงท้ายชื่อเรื่องด้วยว่า 3D ไปซะหมดเลย ทั้งหนังอนิเมชั่น หนังไซไฟ หนังแอ็คชั่น หนังแฟนตาซี หรือแม้แต่หนังสยองที่ก็ 3D กันมาหลายเรื่องแล้ว และล่าสุดก็คือหนังรีเมคครั้งที่สองจากต้นฉบับปี 1978 (ครั้งแรกปี 1995) เรื่องนี้ที่ได้ ผกก.เลือดสาดชาวฝรั่งเศสวัย 32 ขวบอย่าง Alexandre Aja มากำกับ (ซึ่งสองสามเรื่องหลังของเขานี้ก็ล้วนแต่เป็นหนังรีเมคทั้งสิ้น) เห็นแล้วก็ต้องยอมรับว่างานนี้ช่างวางคนได้ถูกกับงานจริงๆ นะเนี่ย เหอๆ

หันมาสิจ้ะ อย่าอายพวกเราไปเลย
สำหรับเนื้อเรื่องก็เรียกว่ารีเมคยังไงไม่ทราบเพราะเรื่องราวต่างจากต้นฉบับแยะเลย โดยเวอร์ชั่นนี้ก็หาทางแถให้ฝูงปลาปิรันย่ากระหายเลือดโผล่มาแถบทะเลสาบวิคตอเรีย ที่อเมริกา เพื่อที่จะได้มีโอกาสหม่ำโต๊ะจีน เอ๊ย โต๊ะฝรั่ง บรรดาหนุ่มสาวดวงซวยที่ดันมาวี้ดว้ายกระตู้ฮู้พักผ่อนที่นั่นในช่วงนั้นพอดี ซึ่งก็ต้องมาลุ้นกันล่ะว่าจะเหลือรอดมาได้สักกี่คนกัน (แต่ก็ไม่วายทิ้งเชื้อไว้สำหรับภาคต่อจนได้)

โหดก็มี เต้าก็มี ถูกใจวัยรุ่นจริงๆ เลย
ต้องชมว่าทางผู้สร้างรู้ดีว่าผู้ชมต้องการอะไรและอยากเห็นอะไร เพราะเขากำนัลมาอย่างเต็มที่ทั้งฉากโป๊ ฉากแหว่ะ โดยเฉพาะฉากหนีตายช่วงท้ายที่ต้องสะใจคอหนังซาดิสม์ไปตามๆ กันทีเดียว แล้วยิ่งมาเพิ่มลูกเล่นแบบ 3D เข้าไปอีก งานนี้เลยได้เห็นทั้งเต้าและช้างน้อยทะลุจอมาแยงตากันเลยล่ะ และหนังยังมีเสน่ห์ตรงที่มีแขกรับเชิญคุ้นหน้าหลายคนอาทิ Eli Roth และ Richard Dreyfuss (ที่เล่นเอาฮา เพราะป๋าเขาเคยอุตส่าห์รอดจากฉลามยักษ์ใน Jaws (1975) มาแล้ว แต่ดันมาเสร็จปลาปิรันย่าในเรื่องนี้จนได้)

แหม ยิงฟันให้ดูซะด้วยนะ
แต่ก็อย่างว่านะ หนังแบบนี้ใช่ว่าทุกคนจะชอบหรือจะเหมาะกับทุกคน เพราะในขณะที่หลายคนชื่นชอบที่หนังทำได้โหดและโป๊สะใจ แต่อีกหลายคนก็อาจเห็นว่าหนังรุนแรง ไร้สาระ ขายแต่เต้าได้เช่นกัน ซึ่งอันนี้ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละท่าน ส่วนเราน่ะเหรอ คิดว่าหนังทำได้ดีในแนวทางของตนแล้ว แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ก็ขอให้มีฉากที่ปล่อยให้เด็กตายในหนังสยองขวัญฮอลลีวู้ดบ้างหน่อยเห๊อะ เหอๆ (ดูเหมือนจะมีแค่ Feast ภาคแรกมั้งที่กล้าให้เป็นแบบนั้นนะ)
  • + หนังโหด โป๊ สะใจคอหนังประเภทนี้น่าดู ที่สำคัญความเป็น 3D ยังช่วยทำให้ดูสนุกขึ้นมาอีกนิดด้วย (เต้าและช้างน้อยทะลุจอ)
  • - คนที่ไม่ใช่คอหนังแนวนี้จะพบว่าหนังไร้สาระ ขายเต้า ขายแหว่ะ ไม่มีคุณค่าต่อการรับชมใดๆ ทั้งสิ้น




 

Create Date : 10 ตุลาคม 2553    
Last Update : 3 มิถุนายน 2555 10:15:16 น.
Counter : 3005 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.