Group Blog
 
All blogs
 
When in Rome (2010): มนต์รักเศษสตางค์


When in Rome (2010) :
ถึงแม้สาว Kristen Bell (Forgetting Sarah Marshall [2008]) จะไม่ใช่ดาราที่โด่งดังแบบเป็นล่ำเป็นสันสักเท่าไรนัก แต่ก็นับว่าเป็นนักแสดงสาวที่มีงานชุกคนหนึ่งทีเดียว (แค่ปีนี้ปีเดียวเธอก็มีผลงานไม่ต่ำกว่า 4 เรื่องแล้ว) และนี่ก็คือผลงานที่กะขายเธอในบทนำแบบเต็มๆ เรื่องแรก ซึ่งถ้าหนังเกิดฮิตแบบเต็มๆ ล่ะก็ งานนี้เธอคงได้ดังเถิดเทิง ขึ้นแท่นว่าที่เจ้าแม่หนังโรแมนติคคอมเมดี้คนใหม่กันเป็นแน่เชียว

สาว Kristen Bell กับบทนำแนวกุ๊กกิ๊กเรื่องแรกของเธอ
เรื่องนี้เธอรับบทเป็น Beth สาวภัณฑารักษ์(ผู้ดูแลพิพิธภัณฑ์)บ้างาน ที่ไม่เชื่อในรักแท้ แต่ลึกๆ แล้วเธอก็ยังโหยหามันอยู่ดี พอมีโอกาสได้ไปงานแต่งของน้องสาวที่อิตาลี เธอเลยเมาแอ๋ไปฉกเอาเหรียญในน้ำพุแห่งความรักมา 5 เหรียญ ซึ่งก็ส่งผลให้เกิดการอัศจรรย์เมื่อบรรดาเจ้าของเหรียญเหล่านั้นพากันหลงเสน่ห์เธอไปตามๆ กัน และผลัดกันมารุมขอความรักเธอให้วุ่น ซึ่งนางเอกเราก็คงจะปลื้มหรอกนะ เพราะแต่ล่ะคนน่ะ เอิ่ม... เจ๊กินไม่ลงเลยจริงๆ

โฉมหน้าหนุ่มๆ ที่มาหลงรักนางเอกเรา
แต่ยังดีนะที่มีอยู่คนหนึ่งที่ยังเข้าตาอยู่ ซึ่งนั่นก็คือ Nick (Josh Duhamel จาก Transformers [2007])หนุ่มหล่ออดีตนักอเมริกันฟุตบอลที่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นนักข่าวกีฬา ซึ่งทั้งคู่ก็ปิ๊งปั๊งกันดีแบบที่อะไรๆ ก็ทำท่าจะไปได้สวย จนนางเอกพบว่าเขาก็อาจจะเป็นหนึ่งในเจ้าของเหรียญที่เธอเก็บมา ซึ่งเจ๊รับไม่ได้อย่างแรงที่จะมีใครมาหลงเธอเพราะต้องมนตรามากกว่าจะมาจากความรักอันแท้จริง เรื่องราววุ่นๆ จึงเกิดขึ้นตามมาให้คอหนังโรแมนติกหัวใจกุ๊กกิ๊กได้ตามลุ้นกันต่อไป


งานนี้นางเอกเราเลือกขวัญใจได้ไม่ยากเลย
ผกก.Mark Steven Johnson ที่เคยทำแต่หนังฮีโร่มาตลอด (อาทิ Daredevil [2003] และ Ghost Rider [2007]) หันมาทำหนังโรแมนติคคอมเมดี้กับเขาก็เป็นด้วย ซึ่งจังหวะของแกก็พอจะใช้ได้อยู่ เพราะก็สามารถพาความสดใสและโรแมนติคเข้ามาในหนังได้บ้าง (แต่จะออกแนวมุกแป้กมากกว่าโรแมนติคนะ) หนังดูเพลินจากลีลาของบรรดาตัวประกอบทั้งหลาย อันตัวนางเอกเราก็ดูน่ารักสดใสดีแม้ว่าอายุจะย่าง 30 ขวบแล้วก็ตาม แต่ดูๆ แล้วเธอคงต้องฝึกบริหารเสน่ห์ให้มากกว่านี้ถ้าอยากจะอยู่ในดิวิชั่นหนึ่งของเจ้าแม่หนังโรแมนติคคอมเมดี้ล่ะก็


เคยยิ้มให้ใครอย่างนี้บ้างมั้ยจ้ะ?
ถึงแม้จะมาแบบสูตรสำเร็จที่ไม่มีอะไรเกินคาด ขาดอะไรจี๊ดๆ แบบที่หนังแนวนี้ควรมี และอุดมไปด้วยมุกแป้ก แต่ก็ไม่ถึงกับย่ำแย่ ยังดูได้เพลินดีอยู่ ไม่ต้องคิดอะไรให้วุ่นวาย ที่สำคัญคือสาระก็ยังอุตส่าห์มีมาให้ นั่นก็คือ ความรักนั้นทำให้เรากล้าหาญ ทำให้เรากล้าลุกขึ้นมาทำในสิ่งดีๆ โดยไม่ต้องคำนึงว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง ดังนั้นจงกล้าที่จะรักไว้เน้อพี่น้อง เจ๊ Bell เขาฝากบอกมาดังๆ
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังโรแมนติคคอมเมดี้ที่ดูได้เพลินๆ ไม่ต้องคิดอะไร คอหนังแนวนี้คงจะชอบกัน
  • ไม่น่าดูเพราะ: ซ้ำซาก เต็มไปด้วยมุกแป้ก และยังขาดอะไรที่โดนๆ หรือน่าประทับใจอยู่




*ช่วงเพลงในหนัง*
สาวอวบ Adele
เพลงซาวน์แทร็คของหนังเรื่องนี้ออกจะเน้นไปทางเพลงป็อปร่วมสมัยที่ คึกคัก กระฉึกกระฉัก แจ่มใส ซาบซ่า ซะเกือบทั้งหมด ในขณะที่เรากลับไปติดใจเพลงช้าๆ ที่มีอยู่ในฉากหนึ่ง แต่ดันไม่ได้รวมอยู่ในอัลบั้มซาวน์แทร็คอย่างน่าเสียดาย ซึ่งนั่นก็คือเพลง Make You Feel My Love ของสาวอวบเสียงดีจากอังกฤษอย่าง Adele นั่นเอง ในขณะที่เพลงเร็วๆ โจ๊ะๆ ของ Matchbox Twenty ในฉากที่บึ่งรถไปพิพิธภัณฑ์ก็น่าฟังอยู่ไม่น้อย ว่าแล้วก็ขอนำเพลงเพราะๆ ทั้งสองเพลงนี้มาฝากกันก็แล้วกันเนอะ








Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
Last Update : 25 มิถุนายน 2553 10:25:47 น. 2 comments
Counter : 1979 Pageviews.

 

หลังจาก 500 days of summer ยังไม่เจอหนังแนวนี้ที่ถูกใจเลยอะ


โดย: แคปซูลสีฟ้า วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:10:39 น.  

 
ดูแล้วแต่ยังไม่จบค่ะ แต่ชอบอ่ะ น่ารักดี


โดย: Lilac Girl วันที่: 25 มิถุนายน 2553 เวลา:8:59:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.