• ดูหนังภาษาอังกฤษ 2
• ดูหนังภาษาอังกฤษ 1
• ดูหนังยุโรป
• ดูหนังอเมริกาใต้
• ดูหนังเอเซีย
• หนังตะวันออกกลาง
• ดูหนังแอฟริกา
• หนังชาติอื่นๆ
• ดูหนังอนิเมชั่น
• ดูหนังสารคดี
• ดูหนังเก่า แต่ยังเก๋าอยู่
• ดูหนังซีรี่ส์
• เพลงอินดี้ที่น่าสนใจประจำสัปดาห์
• ฟังเพลง
• ฟังหนังดูเพลง
• ดูแล้วโปรดขำ
• อื่นๆ

Dead End (2003): ถนนสายมรณะ Dead End (2003) : ในคืนวันคริสตมาสอีฟ ครอบครัว Harrington อันประกอบด้วยคุณพ่อคุณแม่และลูกชายลูกสาว (พ่วงแฟนลูกสาวไปด้วยอีกคน) ขับรถผ่านแคลิฟอร์เนียเพื่อไปฉลองคริสตมาสที่บ้านญาติแบบที่เคยทำมาตลอดหลายปี แต่ปีนี้มาแปลกเพราะในขณะที่คนอื่นๆ ในรถพากันหลับอย่างอ่อนเพลีย คุณพ่อกลับตัดสินใจใช้เส้นทางลัดที่ไม่เคยไปมาก่อน และก็ได้เจอเรื่องราวสุดสยองมากมายจนไม่ไหวจะเคลียร์ ซึ่งบางอันเนี่ยอย่างกับหนังผีไทยมาเองเลย อาทิ เจอผู้หญิงชุดขาวเดินอุ้มทารกอยู่ข้างถนน (ป๊าด) ทำไมเอาสีไปละเลงหน้าซะขนาดนั้นล่ะจ้ะ ผลงานของสอง ผกก.Jean-Baptiste Andrea และ Fabrice Canepa เรื่องนี้เป็นหนังสยองขวัญเล็กๆ แต่มีไอเดียน่าสนใจ เหมือนกับเป็นตอนหนึ่งของหนังทีวีอย่าง 'มิติพิศวง'อะไรประมาณนั้น หนังใช้นักแสดงแค่ไม่กี่คน และแทบจะอยู่ในรถกันทั้งเรื่อง แต่ก็ยังน่ากลัวกันได้อยู่ โดยไม่ต้องขายฉากแหว่ะให้มากมาย (แต่ก็มีให้เห็นบ้าง) แถมยังมีการหักมุมในตอนจบที่จะทำให้คอหนังต้องไปถกกันต่อว่าตกลงเรื่องมันเป็นยังไงของมันกันแน่(ฟะ) ตามสไตล์หนังคัลต์ที่ดีพึงจะเป็น(หนังจบคนดูไม่จบ) ครอบครัวนี้กำลังจะเจอดีซะแล้ว หนังมีทั้งช่วงที่เข้าท่าและช่วงที่ไม่สมเหตุสมผลคละเคล้ากันไป อย่างเช่นพฤติกรรมของบรรดาตัวละครบางอย่างที่ในชีวิตจริงคงไม่มีใครทำอย่างนั้นกัน(ดูแล้วจะรู้เอง) หรือดนตรีที่บางทีก็ส่งเสริมอารมณ์น่ากลัวให้กับหนังแต่บางทีก็โฉ่งฉ่างแบบที่ไม่เข้ากับตัวหนังเลย แต่โดยรวมแล้วยังเป็นหนังเล็กๆ ที่มีเรื่องราวที่ดีและเล่าเรื่องได้น่าติดตาม โดยไม่ต้องพึ่งทุนสร้างหนาๆ ดาราดังๆ ฉากโหดๆ หรือว่าเต้าแต่อย่างใด แต่ว่าก็ว่านะ หนังคัลต์แบบนี้ถ้าไม่ทำให้ชอบก็คงจะเกลียดมันไปเลย มันอยู่ที่รสนิยมของท่านด้วยแหล่ะเน้อ ปล.ใครที่เคยขับรถไป ตจว.ไกลๆ ตอนกลางคืน ในถนนสายที่มืดมิดไม่มีแม้แต่ไฟทาง ดูหนังเรื่องนี้แล้วคงจะอินมากเป็นพิเศษนะเนี่ย เหอๆ รถเข็นเด็กใครมาจอดขวางทางล่ะเนี่ย จุดเด่น: เป็นหนังสยองขวัญเล็กๆ แต่ไอเดียน่าสนใจ น่ากลัวใช้ได้เลยทีเดียว จุดด้อย: ยังมีบางจุดที่ไม่สมเหตุสมผล และบทสรุปของหนังที่อาจทำให้บางคนไม่ชอบเอาได้   Create Date : 15 ธันวาคม 2553     Last Update : 1 มกราคม 2554 20:54:58 น. Counter : 2794 Pageviews.   1 comment Share Tweet

Session 9 (2001): โรงพยาบาลซ่อนหลอน Session 9 (2001) : คนที่เคยได้ดูผลงานของ ผกก.Brad Anderson อย่าง The Machinist (2004) มาแล้ว คงจะทราบกันดีว่าเฮีย Christian Bale เขาลงทุนผอมกะหร่องเป็นไม้เสียบผีได้ขนาดไหน ที่สำคัญอีกอย่างคือตัวหนังยังหลอนและหักมุมจนเล่นเอาคอหนังเหวอไปตามๆ กันเลย ส่วนผลงานก่อนหน้าของ ผกก.Anderson เรื่องนี้ก็มาพร้อมกับบรรยากาศที่หลอนได้ใจไม่แพ้กันเชียวล่ะครับพี่น้อง พร้อมที่จะหลอนกันหรือยังจ้ะ? หนังเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชายห้าคนที่รับงานไปกำจัดใยหิน(ที่จะมีอยู่ตามฝ้าเพดานและพื้นกระเบื้องตามอาคารเก่าๆ) ณ โรงพยาบาลบ้าร้างขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง แล้วต่างก็ต้องเจอกับเหตุการณ์สุดหลอนในนั้นมากมายจนทำให้แต่ละคนเริ่มจะสติแตกมากขึ้นทุกขณะจิต กระทั่งท้ายที่สุดท่านผู้ชมจะต้อง อึ้ง ทึ่ง เสียว ไปกับบทสรุปของหนังเลยทีเดียวเชียวล่ะ เหอๆ หมอนี่กำลังอ้าปากหวอเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง ถึงหนังเหมือนจะไม่มีอะไรดึงดูดใจให้อยากดูได้เลยในแว่บแรก เพราะตัวละครก็น้อยเล่นกันไม่กี่คนในสถานที่แห่งเดียวเป็นส่วนใหญ่(แถมไม่มีใครหล่อเท่ได้ใจคนดูอีกต่างหาก) แต่หนังก็ออกมาน่าพอใจเอามากๆ อย่างน่าแปลกใจ ไม่ว่าจะบทหนังที่มีน้ำหนักทั้งด้านเรื่องราวผีๆ สางๆ และจิตวิทยาสุดซ่อนเงื่อน ซึ่งมีชั้นเชิงล่อหลอกจนเดาทางแทบไม่ออก หรือสไตล์การเล่าเรื่องที่ค่อยๆ เพิ่มความหลอน ความระทึกให้กับหนังได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนเล่นเอาคนดูใจเต้นไม่เป็นส่ำเลยล่ะ มีนักแสดงคุ้นหน้าตั้งสองคน(แหน่ะ) และที่ถูกนำมาใช้อย่างทรงประสิทธิภาพก็คือ ดนตรีและเสียงประกอบสุดหลอน และบรรยากาศอันมืดมิดไม่น่าไว้วางใจของสถานที่ก็ถูกนำมาใช้หลอนคอหนังผู้กลัวความมืดได้อย่างชะงัดโดยไม่ต้องพึ่งฉากแหว่ะสุดโหดอะไรเลย พอดูจบก็ถึงได้รู้ว่านี่เองเป็นหนังประเภทที่เรียกว่า"ไม่หล่อแต่เร้าใจ" โดยแท้จริง คอหนังเขย่าขวัญที่มีชั้นเชิงไม่ตื้นเขิน และท้าทายสติปัญญา(พอควร) ก็ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงจ้า หน้าตาของโรงพยาบาลร้างสุดหลอนในเรื่อง จุดเด่น: เป็นหนังเขย่าขวัญสุดหลอน สุดระทึกขวัญ ที่มีลีลาชั้นเชิงแจ่มแจ๋ว เจ๋งไปเลยจ้า จุดด้อย: หน้าหนังไม่ชวนดู เพราะมาพร้อมนักแสดงกลุ่มเล็กๆ ในสถานที่แห่งเดียว แถมแต่ละคนไม่ใจทั้งนั้น และคอหนังที่ชอบอะไรที่มันแหว่ะๆ หรือโหดโฉ่งฉ่างคงจะไม่ชอบกันหรอกนะ   Create Date : 14 ธันวาคม 2553     Last Update : 27 กันยายน 2554 11:50:47 น. Counter : 10814 Pageviews.   1 comment Share Tweet

13 (2010): เกมดวลดวง เดิมพันมรณะ 13 (2010) : ว่ากันว่าเหตุที่ฮอลลีวู้ดชอบเอาหนังต่างชาติไปรีเมคนั้น นอกจากจะเป็นเพราะไม่ต้องคิดเนื้อเรื่องหรือไอเดียใหม่ๆ ขึ้นมาเองให้ปวดหมองแล้ว คนมะกันยังไม่ชอบดูหนังที่ต้องอ่านซับอีกด้วย ดังนั้นหนังต่างชาติเด็ดๆ เรื่องแล้วเรื่องเล่าก็เลยถูกนำไปรีเมคโอนสัญชาติเป็นมะกันซะเกือบเรียบวุธ (ชัตเตอร์บ้านเราก็โดนมาแล้ว) ซึ่งก็ออกมาดีบ้างห่วยบ้างไปตามเรื่อง(ส่วนใหญ่จะห่วยนะ) ในบางเรื่องผู้สร้างก็เลยตัดปัญหาเรื่องความแตกต่างด้านความคิดสร้างสรรค์ โดยการชวนให้ ผกก.เวอร์ชั่นดั้งเดิมตามมาทำเวอร์ชั่นรีเมคด้วยซะเลย ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็อยู่ในกรณีที่ว่านั่นด้วย เต็มไปด้วยนักแสดงคุ้นหน้า ผกก.Géla Babluani เคยทำเวอร์ชั่นต้นฉบับในชื่อ 13 Tzameti (2005) ออกมาได้อย่างเด็ดดวงจนไปคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังต่างๆ มาเพียบ(รวมทั้งซันแดนซ์และเวนิส) ส่วนในเวอร์ชั่นรีเมคนี้ก็เขาก็ขออัพเกรดเป็นหนังสีเสียเลย(ของเก่าเป็นขาวดำ) และดูเหมือนว่านักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคนจะชอบพอหนังต้นฉบับมากเลยให้ความสนใจมาร่วมแสดงในเวอร์ชั่นรีเมคนี้ด้วย อาทิ Sam Riley, Mickey Rourke, Ray Winstone, Jason Statham หรือแม้แต่ศิลปินแร็พชื่อดังอย่าง 50 Cent ก็ยังขอมาร่วมแจมด้วยคน นักแร็พ 50 Cent ก็มากับเขาด้วย ทางด้านเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างเดินตามต้นฉบับพอสมควรทีเดียว ด้วยเรื่องราวของหนุ่มช่างไฟที่ทางบ้านมีปัญหาด้านการเงิน (Sam Riley จาก Control [2007]) แล้วต่อมาเขาได้สวมรอยไปรับงานแปลกรายได้ดี โดยหารู้ไม่ว่ากำลังเข้าสู่เกมเดิมพันมรณะที่เหล่าคนรวยจัดขึ้นมาอย่างลับๆ ซึ่งจะจัดให้ผู้เล่นจำนวน 13 คนมาดวลรัสเซียนรูเล็ทกันจนกว่าจะเหลือคนสุดท้าย ที่จะได้เงินก้อนโตเป็นค่าปลอบขวัญวันรอดตายติดกระเป๋ากลับบ้านไปด้วย เรียกได้ว่านี่เป็นเกมสำหรับคนดวงแข็งเลยนะเนี่ย เฮียเหม่ง Jason Statham ขอใส่หมวกปิดเถิก หนังออกมาดูลุ้นระทึกใช้ได้เลย แถมเวอร์ชั่นนี้ยังมีทีเด็ดตรงดาราดังๆ เพียบ แต่น่าเสียดายอยู่นิดที่ถึงดาราเพียบแต่ก็มากันคนละนิดล่ะหน่อย เรียกว่าใช้งานไม่ค่อยคุ้มความสามารถว่างั้นเหอะ(บทอิตา Mickey Rourke ไม่รู้จะใส่มาทำไม) นี่ยังไม่นับกรณีที่ถ้าท่านเคยดูต้นฉบับมาแล้วนะ เพราะคงจะเกิดการเปรียบเทียบแน่นอน(ซึ่งเวอร์ชั่นรีเมคมักจะเสียเปรียบกว่าเสมอ) ถึงกระนั้นโดยรวมแล้วนี่ก็ยังเป็นเวอร์ชั่นรีเมคที่ไม่ได้ออกมาขี้ริ้วขี้เหร่หรือด้อยกว่าต้นฉบับสักเท่าไหร่เลย เพราะ ผกก.เขาลงมาทำเอง แถมดาราก็มากมีด้วย ดูได้เพลินๆ จ้า เดี๋ยวคงได้รู้ว่าใครจะดวงแข็งกว่ากัน น่าดูเพราะ: เป็นหนังทริลเลอร์รีเมคที่ทำออกมาดูลุ้นได้เพลินๆ ไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นฉบับสักเท่าไหร่ แถมดาราก็มากมีอีกต่างหาก ไม่น่าดูเพราะ: แน่นอนว่าถ้าเปรียบเทียบกับต้นฉบับจะพบว่าด้อยกว่า(นิดๆ) ดังนั้นถ้าคนที่เคยดูของเก่ามาแล้วชอบมาก แต่ไม่อยากเสียอารมณ์กับเวอร์ชั่นใหม่ ก็พึงปล่อยผ่านไปเน้อ *ช่วงย้อนรอยหนังต้นฉบับ* เวอร์ชั่นต้นฉบับทำเป็นหนังขาวดำ 13 Tzameti (2005) : ผกก. Géla Babluani ประเดิมผลงานหนังยาวเรื่องแรกนี้ได้อย่างเข้าท่า ไอเดียแจ่มแจ๋ว ลุ้นระทึกทีเดียว แม้ว่าจะเป็นหนังทุนต่ำ และนักแสดงนำที่เป็นน้องชายของ ผกก.เองอย่าง Georges Babluani จะมีหน้าตาที่เหมือนจะอมยิ้มได้ในทุกสถานการณ์ไปบ้างก็ตาม(บางทีเราอาจคิดมากไปเอง) แต่ยังไงเสียเวอร์ชั่นนี้ก็ยังน่าชื่นชมอยู่ดี ไม่งั้นคงไม่สามารถกวาดรางวัลจากเทศกาลหนังต่างๆ มาครองได้ และก็ดึงดูดให้นักแสดงดังๆ ให้มาร่วมงานในเวอร์ชั่นรีเมคได้หรอกเนอะ   Create Date : 13 ธันวาคม 2553     Last Update : 1 มกราคม 2554 21:09:24 น. Counter : 2529 Pageviews.   1 comment Share Tweet

Hatchet II (2010): ไอ้โหดลากไส้ Hatchet II (2010) : เป็นเพราะภาคแรกที่ออกมาในปี 2006 นั้นได้รับความนิยมมากๆ จากบรรดาคอหนังโหด จนขึ้นแท่นหนังคัลต์ไปอีกเรื่องหนึ่ง ว่าแล้ววันดีคืนดีเราจึงได้ดูภาคสองกันต่อ โดย ผกก.Adam Green (Frozen [2010]) ยังกลับมาดูแลตลอดงานเช่นเดิม แถมยังขนเอานักแสดงเก่าจากภาคแรกกลับมาด้วยตั้งหลายคน ที่ฮาก็คือบางคนตายไปตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ในภาคนี้ก็ยังอุตส่าห์หาเรื่องแถให้กลับมาอีกครั้งในบทบาทประเภทพี่น้องของบทที่เคยเล่นในภาคแรก เรียกว่าขอกลับมาให้ขวานจามเล่นๆ อีกรอบว่างั้นเถอะ วิคเตอร์ไอ้ขวานโหดกลับมาอีกครั้ง ส่วนเนื้อเรื่องของหนังแนวนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมายอยู่แล้ว คือหนังเริ่มขึ้นตรงฉากจบของภาคแรกต่อเลย โดยนางเอกเรา (มาภาคนี้เปลี่ยนนางเอกเป็นราชินีหนังสยองขวัญอย่าง Danielle Harris แทน) ก็หนีรอดจากเจ้าวิคเตอร์ขวานโหดได้อย่างหวุดหวิด แล้วก็ไปรวบรวมสมัครพรรคพวกพร้อมอาวุธครบมือกลับมาที่บึงมรณะอีกครั้งเพื่อมาเป็นเหยื่อให้กับเจ้าวิคเตอร์ เอ๊ยไม่ใช่ มาจัดการกับมันและตามหาศพญาติๆ ของเธอต่างหากเล่า ภาคนี้เปลี่ยนนางเอกเป็นราชินีหนังสยองขวัญคนนี้แทน ผกก.Green ยังคงสรรหาไอเดียการฆ่าแบบโหดๆ สะใจๆ ตามสไตล์หนังสยองขวัญเกรดบีมากำนัลแฟนๆ เพียบ ส่วนอย่างอื่นไม่ต้องไปสนใจมันแล้ว ทั้งเหตุผล ความสมจริง หรือเรื่องราว ดังนั้นเราจึงจะได้เห็นพฤติกรรมพิลึกๆ ของตัวละคร อย่างเช่นฉากการเผชิญหน้าระหว่างเจ้าวิคเตอร์กับพี่มืดร่างยักษ์ ที่จู่ๆ พี่เขาก็ทิ้งปืนลูกซองลงแล้ววิ่งไปบีบคอเจ้าวิคเตอร์ ทั้งๆ ที่มันเดินถือขวานมาด้วยโทงๆ (ทายสิว่าต่อไปอะไรจะเกิดขึ้น)เอาแค่นี้ก็มึนแล้วล่ะครับพี่น้อง อย่าทำให้นางเอกโหด หนังคงจะยังถูกใจแฟนหนังจากภาคแรกกันได้อยู่ เพราะอุดมไปด้วยฉากโหดแบบไม่ต้องคิดอะไรมากเช่นเดิม แต่สำหรับคอหนังที่ชอบดูหนังสยองขวัญดีๆ ที่อย่างน้อยก็น่าจะมีความสมเหตุสมผลไม่มีอะไรให้สะดุดอารมณ์อยู่บ้าง ก็เห็นทีจะต้องมองข้ามเรื่องนี้ไปแหล่ะ เพราะนี่ก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งหนังสยองขวัญเกรดบีเน้นเอาโหดเอามันส์ ที่คล้ายๆ กับหนังสยองขวัญทั่วๆ ไปตามกระบะดีวีดีอีกหลายร้อยหลายพันเรื่องนั่นแหล่ะครับทั่น ปล.เราคงจะได้ดูภาคสามกันอีกในปี 2011 แต่คราวนี้เห็นว่าจะเปลี่ยนตัว ผกก.แล้วเน้อ ยังคงสรรหาฉากการฆ่าแบบโหดๆ มาฝากเช่นเดิม จุดเด่น: เป็นหนังสยองขวัญสไตล์เจสันศุกร์สิบสามที่กะขายไอเดียการฆ่าโหดๆ เวอร์ๆ แบบที่คงสะใจคอหนังสยองแน่นอน ส่วนคุณภาพก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับภาคแรกแหล่ะจ้า จุดด้อย: นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรน่าสนใจแล้ว โดยเฉพาะความสมเหตุสมผลที่อย่างน้อยก็ควรมีอยู่บ้างสักนิดก็ยังดี   Create Date : 13 ธันวาคม 2553     Last Update : 3 มกราคม 2554 4:31:33 น. Counter : 7158 Pageviews.   1 comment Share Tweet

My Soul to Take (2010): สุขสันต์วันถูกเชือด My Soul to Take (2010) : ป๋า Wes Craven เจ้าพ่อหนังสยองขวัญซึ่งเคยปลุกตำนานเจ้าเฟรดดี้ผีฟ้อนเล็บ (A Nightmare on Elm Street [1984]) และหนังตระกูลหวีดก่อนเชือด (Scream [1996])กลับมาพร้อมผลงานล่าสุดที่ป๋ากำกับจากบทที่เขียนเอง(ไม่ได้กำกับจากบทของคนอื่น) ซึ่งจะว่าไปแล้วหนังเรื่องสุดท้ายที่ป๋าควบตำแหน่งเขียนเองบทด้วยก็คงจะเป็น New Nightmare (1994) เลยโน่น วัยรุ่นยังคงเป็นเหยื่อชั้นดีในหนังสยองขวัญเสมอ หนังว่าด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นดวงซวยกลุ่มหนึ่งที่ดันเกิดในวันเดียวกับวันที่ฆาตกรโรคจิตฉายา The Ripper โดนตำรวจเล่นงานและหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย ซึ่งมันได้สาบานว่าจะกลับมาเล่นงานเด็กๆ ที่เกิดในวันนั้นอีก(เพื่อ?) ต่อมาในวันที่เด็กเหล่านั้นอายุครบ 16 ขวบ เจ้าฆาตกรรายนี้ก็ได้กลับมาตามที่เคยหมายมั่นปั้นมือเอาไว้ ชนิดที่ว่างานนี้คงจะมีการฉลองวันเกิดกันเถิดเทิงจนเลือด(ปลอม)พุ่งกระฉูดเลยเชียวล่ะ พระเอกเราหน้าตาออกไปทางจิตๆ หน่อยนะเนี่ย หนังส่งกลิ่นทะแม่งๆ มาแต่ไกลเพราะว่าสร้างเสร็จพร้อมฉายกันตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ก็โดนเลื่อนฉายข้ามปีมาฉายเอาเดือน ต.ค.ที่ผ่านมานี้เอง(แถมยังไม่เปิดฉายรอบสื่อเสียด้วย) ซ้ำยังทำเป็นหนัง 3D ตามกระแส ทั้งๆ ที่แต่เดิมหนังถ่ายเป็นแบบ 2D ธรรมดาๆ เท่านั้น ซึ่งพอได้ฉายหลายคนก็พากันผิดหวังไปตามๆ กัน จนหนังครองตำแหน่งหนัง 3D ที่เปิดตัวบนบ็อกซ์ออฟฟิศได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว(เอาเข้าไป) ตู้เสื้อผ้าเป็นที่หลบฆาตกรโรคจิตสุดฮิตของหนังฝรั่งเขาเลย แต่จะว่าไปแล้วหนังก็ไม่ได้ถึงกับห่วยแตกอย่างที่หลายคนเขาว่ากันหรอกนะ เพียงแต่ว่ามันธรรมดาไปหน่อยเท่านั้น โดยเฉพาะสำหรับการที่หนังได้ชื่อว่าเป็นผลงานของป๋า Wes Craven ชนิดเต็มร้อยแบบนี้ด้วยแล้ว หลายคนก็ต้องรู้สึกผิดหวังและคิดว่ามันห่วยเป็นธรรมดา ยิ่งพอมาเจอ 3D กำมะลอที่ไม่มีอะไรทะลุจอออกมาให้ตื่นตาตื่นใจได้บ้างแบบนี้ด้วยแล้ว ก็เลยทำให้รู้สึกว่าป๋า Craven แกบ่มิไก๊เข้าไปใหญ่ ยังไงซะก็หวังว่าการกลับไปหากินกับ Scream 4 ในปีหน้าของป๋าจะทำให้แกกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมาได้บ้างนะ ไม่งั้นป๋าคงได้ฤกษ์ไปปักหลักอยู่บ้านเลี้ยงหลานให้อาหารหมาแมวไปตามเรื่องแล้วล่ะครับพี่น้อง เหอๆ น่าดูเพราะ: เป็นผลงานล่าสุดของป๋า Wes Craven ผกก.หนังสยองในตำนาน ที่พอดูได้ไม่ได้ห่วยถึงขั้นรับไม่ได้ ไม่น่าดูเพราะ: หนังธรรมดาไปหน่อย โดยเฉพาะการที่หนังได้ชื่อว่าเป็นผลงานของป๋าเขาชนิดเต็มร้อยแบบนี้ ดังนั้นอย่าหวังกับมันไว้มากเพราะจะต้องผิดหวังแน่นอน   Create Date : 07 ธันวาคม 2553     Last Update : 28 มกราคม 2554 22:57:48 น. Counter : 3248 Pageviews.   1 comment Share Tweet

• Webmaster - BlogGang

• last fm.
• IMDB
• allmusic
• ไร้สาระนุกรม
• IGN
• Filmax
• Wikipedia
• Totalfilm
• BlogGang.com