Group Blog
 
All blogs
 

Sex Drive (2008): ความหื่นไม่เคยปราณีใคร



Sex Drive (2008) :
มาอีกแล้วครับหนังวัยรุ่นวุ่นเซ็กซ์สไตล์ American Pie (1999) ซึ่งคราวนี้ถูกเอามายำผสมกับหนังวัยรุ่นวุ่นเซ็กซ์อีกเรื่องเช่น Road Trip (2000) เลยได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหนังวัยรุ่นมุ่งเซ็กซ์กับการเดินทางฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการเพื่อเซ็กซ์อีกนั่นแหล่ะ(อ่ะนะ) ฟังดูเป็นหนังแบบตีหัวเข้าบ้านที่ฮอลลีวู้ดชอบสร้างออกมาดูดเงินจากกระเป๋าพวกวัยรุ่นวุ่นเซ็กซ์กันทุกๆ ปีดีจังเลยเนอะ



สาวเสื้อม่วงคือจิตวิญญาณของหนังเรื่องนี้ (ปานนั้น)
แต่ช้าก่อน อย่าเพิ่งด่วนสรุปดูถูกดูแคลนหนังเรื่องนี้ไป เพราะว่าจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ทำออกมาได้สนุกกว่าที่คิด ด้วยเพราะมีกลุ่มดารานำที่มีเสน่ห์ และเต็มไปด้วยเหล่าตัวประกอบที่มีสีสัน สถานการณ์ตลกทะลึ่งๆ ที่ไม่อุบาทว์มากมายเท่าเรื่องอื่นๆ ทำให้เป็นหนังวัยรุ่นวุ่นเซ็กซ์ที่โดดเด่นทีเดียว ยิ่งถ้าได้ดูฉบับ Unrated จะสนุกขึ้นอีกเป็นกอง



ไว้วางใจสาวแปลกหน้าแล้วจะกลายเป็นเช่นนี้
ถ้ามองผ่านความบ้าบอ ทะลึ่งตึงตังที่ฉาบหน้าอยู่ในหนังเรื่องนี้ไป ก็จะพบความจริงที่ว่า เซ็กซ์นั่นเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลต่อคนเรามากแค่ไหน
ทั้งทางตรงและทางอ้อม แต่หลายครั้งเรามักจะทำเป็นไม่สนใจมัน หรือพยายามจะไม่ยอมรับว่ามันมีความสำคัญและอิทธิพลต่อคนเรา บางคนก็ปล่อยให้มันมีอิทธิพลครอบงำชีวิตมากเกินไป ทำให้ชีวิตมันยุ่งยาก จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้อาจจะกำลังบอกเราว่า จงยอมรับความจริงและปล่อยมันเป็นไปตามธรรมชาติแล้วชีวิตจะมีความสุข ไม่สิ อาจจะถึงขั้นโลกนี้พบสันติสุขเลยก็ได้นะ (โห คิดได้ไงเนี่ย..อิอิ)



หนังเต็มไปด้วยตัวละครที่มีสีสัน (ตัวอะไรฟะนั่น?)
  • เหตุที่ควรดู : หนังสนุก ตลก ทะลึ่งนิดๆ แต่ไม่อุบาทว์ และเต็มไปด้วยตัวละครที่มีสีสัน
  • เหตุที่ไม่ควรดู : ถ้ารู้สึกตัวเองแก่เกินไปที่จะดูหนังวัยรุ่นวุ่นเซ็กซ์ และมีทรรศนะคติที่มองเซ็กซ์ไปในแง่ร้าย
  • ช่วงดันดารา

Amanda Crew (เกิด 5 มิถุนายน 1986) นางเอกของเรื่องนับเป็นดาราสาวที่น่าจับตามองมาก หลังจากที่เล่นเป็นตัวประกอบอดทนประเภท "เพื่อนนางเอก" มาอย่างโชกโชน เช่นใน Final Destination 3 (2006), She's the Man (2006) แต่ด้วยความน่ารักและมีเสน่ห์ของเธอทำให้ได้เป็นนางเอกจริงๆ จังในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก และผลงานต่อไปของเธอในปีนี้คือหนังผี The Haunting in Connecticut ที่จะออกฉายในเดือนมีนาคมนี้ ถ้าชอบเธอรักเธอก็ขอฝากเธอไว้ในอ้อมใจและโปรดติดตามผลงานของเธอต่อไปด้วยใจจดจ่อครับพี่น้อง







 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552    
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 2:47:56 น.
Counter : 5251 Pageviews.  

The Hurt Locker (2008): คนติดสงคราม




The Hurt Locker (2008) :
ทุกวันนี้มีผู้กำกับหนังที่เป็นผู้หญิงเก่งๆ ดังๆ อยู่มากมาย แต่จะมีสักกี่คนที่ถนัดและขึ้นชื่อในการกำกับหนังแอ็คชั่นแมนๆ ได้ขึงขังชนิดที่ผู้กำกับผู้ชายแท้ๆ หลายคนยังอายอย่างคุณ Kathryn Bigelow (Point Break [1991]) ถึงแม้ช่วงหลังๆ มานี้ผลงานของเธอจะมีน้อยแถมไม่ค่อยฮิตก็ตามที แต่ก็ยังน่าดีใจที่ปีที่แล้วมีผลงานล่าสุดของเธอเรื่องนี้ออกมาให้ชมกัน แถมยังกวาดรางวัลต่างๆ ไปพอสมควร และที่น่าสนใจคือหนังเรื่องนี้ โคตรจะแมนเลยครับพี่น้อง!


ชุดนี้สร้างความอบอุ่น(ใจ)ให้แก่ทหารแผนกทำลายวัตถุระเบิดในอิรัก
ที่บอกว่าหนังโคตรแมนเพราะว่าหนังทั้งเรื่องโฟกัสไปที่ทหารอเมริกันแผนกทำลายวัตถุระเบิดสามนายที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ในประเทศอิรัก โดยนอกจากพวกเขาจะต้องคอยกู้ทำลายระเบิดเพื่อรักษาชีวิตคนอื่นและตัวเองแล้ว พวกเขายังต้องต่อสู้กับความรู้สึกภายในตัวเองด้วยเพื่อไม่ให้บ้าไปซะก่อนกับสภาพแวดล้อมแสนกดดันที่นั่น และเฝ้านับเวลาถอยหลังที่จะได้กลับบ้านไปพบครอบครัวของพวกเขาที่รออยู่เบื้องหลัง


จะเอาระเบิดตูมตามหนังเรื่องนี้ก็มีให้
หนังเสนอวิธีการทำงานของทหารแผนกทำลายวัตถุระเบิดซึ่งไม่ค่อยมีหนังเรื่องไหนสนใจนำมาเล่าถึงนัก นั่นจึงเป็นสิ่งที่ดีที่ผู้ชมจะได้รับรู้อะไรในแง่มุมใหม่ๆ ของหนังสงครามบ้าง แต่ถึงกระนั้นหนังก็ไม่ได้หลับหูหลับตากู้ระเบิดกันซะอย่างเดียว ยังมีฉากยิงกันมาให้ชมกันเป็นระยะๆ ไม่ให้เบื่อ เมื่อผนวกด้วยการนำเสนอที่ขึงขัง จริงจัง มั่นใจ และมีสไตล์ของ ผกก.Bigelow ทำให้ตลอดสองชั่วโมงของหนังเรื่องนี้ผ่านไปอย่างคุ้มค่าถูกใจคอหนังสงครามแน่นอน


พระเอกของเราไม่หล่อแต่เร้าใจ(ใครหว่า?)
ถึงแม้ดารานำหลักๆ ของเรื่องจะไม่มีใครดัง แต่ต่างก็ทำหน้าที่ของตนได้ดี โดยเฉพาะพระเอกของเรื่อง คุณ Jeremy Renner (28 Weeks Later [2007]) ที่อาจจะดังกับเขาได้เหมือนกันถ้ายังได้รับบทเด่นๆ แบบนี้อีกสักหน่อย และเด๋วจะหาว่าคุณ ผกก.ไม่เก๋าจริงเลยมีดาราดังๆ มาร่วมแจมในบทรองๆ หลายคน(ส่วนจะเป็นใครนั้นดูรูปข้างล่างเอาโลด) ถ้าจะมีอะไรให้ติก็คงมีน้อยมาก เช่นความสมจริงในเรื่องหลักการปฏิบัติหน้าที่ในหนัง ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่ทหารหรือเป็นผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับทหารแผนกนี้ดีก็ไม่น่าจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่ประการใด


Guy Pearce และ Ralph Fiennes ขอแจมในบทรับเชิญ
สิ่งที่เห็นอยู่ในหนังเรื่องนี้และหนังอีกหลายเรื่องถึงการส่งทหารไปประจำการที่อิรักก็คือ การกระทำเช่นนี้ของสหรัฐไม่ทำให้ปัญหาต่างๆ ยุติลงไป รังแต่จะมีมากขึ้น ยุ่งยากขึ้น รุนแรงขึ้น และผู้ที่รับกรรมคือ ชาวบ้านตาดำๆ ทหารที่สละชีวิตในหน้าที่และครอบครัวของทหารเหล่านั้นที่รออยู่ที่บ้าน แต่ก็นะ มันก็คงจริงอย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้เกี่ยวกับสงครามว่า เหยื่อรายแรกของสงครามก็คือเหล่าชาวบ้านตาดำๆ ผู้บริสุทธิ์นั่นเอง


ผกก.Bigelow ยังดูดีในวัย 57 ขวบ
  • เหตุที่ควรดู : ถ้าเป็นคอหนังสงคราม และชอบหนังแอ็คชั่นที่มีคุณภาพ อย่าพลาด
  • เหตุที่ไม่ควรดู : ถ้าไม่อยากดูหนังที่แมนกันทั้งเรื่องไม่มีอะไรสวยๆ งามๆ ให้ดูเลย และถ้าคุณเป็นทหารที่จริงจังกับข้อเท็จจริง ไม่เอาน่า นี่มันหนังนะเฟ้ย ( อิอิ)





 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552    
Last Update : 31 ตุลาคม 2552 4:58:13 น.
Counter : 3810 Pageviews.  

Marley & Me (2008): หนังเพื่อคนรักน้องหมา(ลาบราดอร์)




Marley & Me (2008) :
หนังสำหรับคนรักน้องหมามีออกมาให้ดูกันอยู่เสมอๆ พันธุ์โน้นบ้างพันธุ์นี้บ้างว่ากันเป็นเรื่องๆ ไป ตามฐานความนิยมของน้องหมาพันธุ์นั้นๆ (ประมาณให้แน่ใจว่าสร้างออกมาแล้วต้องมีคนที่รักน้องหมาพันธุ์นั้นๆ ตามไปอุดหนุนแน่ๆ) มาคราวนี้ถึงคิวของน้องหมา"ลาบราดอร์" หนึ่งในน้องหมาพันธุ์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดกันบ้าง โดยหนังสร้างจากหนังสือขายดีเรื่อง Marley & Me: Life and Love with the World's Worst Dog ของนาย John Grogan ที่เขียนเล่าความทรงจำของเขาถึงหมาที่ชื่อ Marley ได้อย่างประทับใจชาวประชาจนหนังสือติดอันดับขายดีของ New York Times เลยทีเดียวเชียว


มีน้องหมาอยู่ด้วยทำให้ชีวิตคู่สมบรูณ์แบบ
พอนำมาสร้างเป็นหนังก็นำดาราที่เปี่ยมเสน่ห์อย่างคุณ Owen Wilson (Wedding Crasher [2005]) และคุณ Jennifer Aniston (Bruce Almighty [2003]) มาเป็นตัวดึงดูดคนดูในวงกว้างอีกคำรบหนึ่ง ทำให้หนังทำเงินไปพอสมควรทั้งที่นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยปลื้มกับหนังนักก็ตามที ซึ่งจะว่ากันจริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ไม่ค่อยมีอะไรเลยจริงๆ นอกจากการติดตามดูชีวิตคู่ของคู่สมรสใหม่ (Wilson และ Aniston) ที่ดันซื้อน้องหมาพันธุ์ลาบราดอร์จอมป่วนมาเลี้ยง แถมตั้งชื่อให้มันอย่างกิ๊บเก๋ว่า Marley อีกด้วย (ตามแบบนักดนตรีในตำนาน Bob Marley) ซึ่งเจ้านี่มันซนอย่างกับนรกส่งมาเกิดยังไงอย่างงั้น


ช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตคือตอนเลือกน้องหมานี่เอง
และความที่สองสามีภรรยาคู่นี้มองโลกในแง่ดีมากจึงทนได้กับทุกการกระทำของ Marley ตลอดหลายปี จนพวกเขามีลูกด้วยกันถึงสามคน เจ้า Marley ก็ยังเป็นน้องหมาที่เสมอต้นเสมอปลายในการป่วนได้เป็นอย่างดี(หรือว่าไม่ดีหว่า?) และนี่เองที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้น่ารำคาญ เพราะเราจะได้เห็นเจ้า Marley ก่อเรื่องวุ่นๆ ตลอดโดยที่ไม่ได้มีการพัฒนาตัวเองให้เป็นน้องหมาสุภาพบุรุษขึ้นมาเลยจนกระทั่งแก่หงำเหงือก และเป็นไปได้หรือที่จะมีใครทนน้องหมาจากนรกอย่าง Marley ได้ขนาดนี้ แต่ก็อย่าลืมข้อเท็จจริงข้อหนึ่งที่ว่า หนังเรื่องนี้สร้างจากหนังสือที่เขียนจากเรื่องจริง ดังนั้นคำตอบคือ มีคนทนเจ้า Marley ได้จริงๆ นะจ้ะ


ศัตรูตัวฉกาจของพนักงานไปรษณีย์
หนังออกฉายตอนช่วงคริสตมาส ซึ่งแน่นอนว่าหนังที่ฉายช่วงนี้ย่อมไม่ได้มาเพื่อมอบความชีช้ำแก่คนดู หากแต่มาเพื่อมอบความอบอุ่นและแง่คิดดีๆ ดังเรื่องนี้ที่หนังทำให้เราเห็นว่า แม้ว่าเจ้า Marley จะห่างไกลจากการเป็นน้องหมาที่น่ารัก แต่มันก็รักเจ้านายมันและพวกเขาก็รักมันในแบบที่มันเป็นและนับมันเป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัวซะด้วยซ้ำ จะว่าไปแล้วหนังกำลังบอกว่าน้องหมาทุกๆ ตัวต่างมีความรักแท้โดยปราศจากเงื่อนไขหรือข้อแม้ใดๆ ให้กับคนที่รักมันไม่ว่าเขาคนนั้นจะยากดีมีจนอย่างไรก็ตาม แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้บรรดาคนรักน้องหมาทั้งหลายต้องน้ำตารินและกลับไปกอดน้องหมาที่บ้านกันแล้วล่ะครับ


หากคิดจะเลี้ยงน้องหมาต้องรักมันไปตลอดนะจ้ะ
  • เหตุที่ควรดู : หากท่านเป็นคนรักน้องหมา โดยเฉพาะชอบพันธุ์ ลาบราดอร์ เป็นพิเศษก็ไม่ควรพลาด
  • เหตุที่ไม่ควรดู : หากท่านไม่ใช่คนที่รักสัตว์นักจะพบว่าหนังเรื่องนี้น่ารำคาญ ดังนั้นพึงหลีกเลี่ยงจ้ะ
ปล.หนังเรื่องนี้ใช้น้องหมาถึง 22 ตัวผลัดเปลี่ยนกันมาแสดงเป็น Marley เชียวนะจ้ะจะบอกให้







 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552    
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 2:48:59 น.
Counter : 4685 Pageviews.  

Underworld: Rise of the Lycans (2009): ตำนานรักขัดใจพ่อ

Underworld: Rise of the Lycans (2009) :
ก็ยังอุตส่าห์แถกันมาจนถึงภาค 3 ได้ในที่สุด แม้ว่าเรื่องราวภาคนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นต่อจากเหตุการณ์ภาคสองหากแต่เล่าย้อนไปถึงเรื่องราวก่อนเหตุการณ์ในภาคหนึ่งซะหลายร้อยปีเลยทีเดียว (หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า Prequel นั่นเอง) ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ดีเหมือนกันที่จะได้เข้าใจที่มาของความขัดแย้งระหว่างเหล่าแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่ากันยิ่งขึ้น แต่นั่นก็หมายถึงว่าจะไม่มีนางเอกพระเอกจากสองภาคแรกโผล่มาเสนอหน้าในภาคนี้แน่ๆ (อ่ะนะ)

หลังจากที่เป็นผู้ร้ายในภาคแรกมาคราวนี้ขอแอ๊บหล่อเป็นพระเอกกับเขามั่งเหอะ อิอิ

เมื่อย้อนมาเล่าเรื่องราวในอดีตอันเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ทั้งหมด เราจึงได้เห็นตัวละครเด่นๆ บางตัวจากสองภาคก่อนนี้ โดยเฉพาะคุณ Lucian ที่สวมบทบาทโดยนักแสดงคุณภาพอย่าง Michael Sheen (The Queen [2006]) ที่ถูกหวยได้รับบทพระเอก(ทั้งๆ ที่ตอนแสดงภาคแรกพี่แกคงไม่คิดว่าจะมีวันนี้ อิอิ) และยังมีตัวประกอบคุณภาพอย่างลุง Bill Nighy (Love Actually [2003]) ตามมาต่อกรในบทราชาแวมไพร์ อืม...ฟังดูน่าสนใจดีนะเนี่ย..

ลูกสาวมักจะขัดใจพ่ออยู่เสมอไม่ว่าจะยุคไหนๆ ก็ตาม

หนังยังคงเล่นกับธีมเดิมของหนังชุดนี้คือความรักต้องห้ามระหว่างหนุ่มสาวจากต่างเผ่าพันธุ์ที่เป็นคู่อริกันอยู่ ถ้านึกไม่ออกว่าหนังจะออกมาประมาณไหนก็ลองนึกถึงโรมิโอกับจูเลียตใส่ชุดเกราะแบบ The Lord of the Rings ที่มาพร้อมสเปเชียลเอฟเฟคท์และฉากเลือดสาดระดับเรทอาร์ดูสิจ้ะ แต่ทว่าหนังกลับออกมาดูงั้นๆไปซะได้ เพราะไม่ว่าจะเรื่องบทที่ยังบกพร่องหรือแม้กระทั่งตัวละครนำที่ยังขาดเสน่ห์ เมื่อเที่ยบกับสองภาคแรก (แค่ทำให้เชื่อว่าทำไมพระเอกนางเอกรักกันปานนี้ยังทำไม่ได้เลย) สรุปว่า ดูๆ ไปเหอะอย่าคิดมากเล้ย อิอิ..

  • เหตุผลที่ควรดู : ดูมาแล้วสองภาค ถ้าไม่ดูภาคนี้ก็กระไรอยู่และถ้าฉากการต่อสู้ระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์หมาป่ายังเร้าใจคุณอยู่
  • เหตุผลที่ไม่ควรดู : หนังธรรมดามาก เลยไม่สนุกเท่าที่ควร






 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552    
Last Update : 21 มกราคม 2553 12:38:25 น.
Counter : 2564 Pageviews.  

The Reader (2008): เรื่องนี้อ่านแล้วมีเฮ(?!)





The Reader (2008) :
หลังจากมีส่วนที่ทำให้เจ๊ Nicole Kidman (Moulin Rouge! [2001])ได้ดิบได้ดีคว้าออสก้าร์นำหญิงไปเมื่อคราว The Hour (2002) มาคราวนี้ ผกก.Stephen Daldry (Billy Elliot [2000]) หันมาแท็กทีมกับเจ๊ Kate Winslet (Titanic [1997]) ซึ่งก็ทำท่าว่าจะเวิร์คดีเพราะเจ๊ Winslet คว้ารางวัลลูกโลกทองคำประกอบหญิงไปตุนไว้แล้วและกลายเป็นตัวเต็งนำหญิงของออสก้าร์ไปในทันที แถมเจ๊แกยังคว้ารางวัลลูกโลกทองคำนำหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง Revolutionary Road (2008) ไปด้วยนะเอ้อ เจ๋งป่ะ?


ทำหน้าตาแบบนี้คงไม่ได้กำลังอ่านขายหัวเราะกันอยู่แน่

แม้บทบาทเจ๊จะออกแนวโคแก่กินหญ้าอ่อน (พรากผู้เยาว์เชียวนะเพ่) แถมตัวหนังยังเปิดโอกาสให้เจ๊ได้อล่างฉ่างกันเต็มที่ แต่เชื่อเถอะว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เจ๊คว้ารางวัลต่างๆ มาได้ หากแต่เป็นเพราะการแสดงขั้นเทพของเจ๊ต่างหากที่แสดงสีหน้าแววตาที่มีทั้งความ หื่น, สับสน, กลัว ฯลฯ ออกมาได้อย่างโดดเด่น ซึ่งเมื่อได้ร่วมงานกับเหล่านักแสดงที่มีคุณภาพ ผกก.ที่เล่าเรื่องได้อย่างละเมียด ทั้งเรื่องราวในหนังก็ยังน่าประทับใจมากพอที่จะทำให้ต่อมน้ำตาของผู้ชมบางคนได้ทำงานอีกด้วย นี่เป็นหนังที่พลาดไม่ได้เชียวครับพี่น้อง!

เฮียเขารับประกันคุณภาพอีกแล้วครับทั่น
  • เหตุผลที่ควรดู : หนังดี การแสดงเด่น และน่าจะเป็นหนังในดวงใจของบรรดาผู้นิยมเคี้ยวหญ้าอ่อนได้ไม่ยาก (อ่ะ ล้อเล่น)
  • เหตุผลที่ไม่ควรดู : ถ้าไม่ชอบดูหนังดราม่า และไม่อยากเห็นเต้ายานๆ ของเจ๊ Winslet ก็พึงหลีกเลี่ยงด่วน






 

Create Date : 22 มิถุนายน 2552    
Last Update : 23 มิถุนายน 2552 2:50:10 น.
Counter : 1685 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.