งานนี้ป๋าแกแก่แฮ่กตรงตามที่บทต้องการเป๊ะๆ
The Wrestler (2008) : หนังเรื่องล่าสุดของ ผกก.จินตนาการสุดล้ำ Darren Aronofsky (The Fountain [2006], Requiem for a Dream [2000]) ที่คราวนี้มาแปลกโดยทิ้งสไตล์หวือหวาอันเป็นเอกลักษณ์แล้วหันมาทำหนังชีวิตบ้านๆ ของอดีตนักมวยปล้ำชีวิตเคยรุ่งที่ปัจจุบันนี้ชีวิตรุ่งริ่ง คือพี่แกทั้งแก่แฮ่กหมดสภาพ, ต๊อกต๋อยจนต้องไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ซุปเปอร์มาเก็ต, แถมลูกสาวคนเดียวที่มีอยู่ยังเมินใส่ (เพราะแกดันทิ้งลูกไปตั้งแต่ยังเด็ก) ถึงกระนั้นแกก็ไม่ได้ละทิ้งวงการมวยปล้ำไปซะทีเดียว โดยยังคงขึ้นปล้ำและเดินสายโชว์ตัวให้แฟนๆ หายคิดถึงอยู่เนืองๆ (ประมาณว่าหากินกับบุญเก่าสมัยยังรุ่งว่างั้นเหอะ) และด้วยความไม่เจียมสังขารนี้เองที่ทำให้ป่วยถึงขั้นมีสิทธิ์เดี้ยงถ้ายังขืนขึ้นปล้ำอีกต่อไป แกจึงตัดสินใจคิดใหม่ทำใหม่กับชีวิตโดยการกลับไปสานสัมพันธ์กับลูกสาวที่แกเคยทอดทิ้งมา และพยายามใช้ชีวิตหากินแบบคนธรรมดาเขาทำกัน ซึ่งก็ต้องเอาใจช่วยว่าแกจะกลับมายืนด้วยลำแข้งตนเองได้สำเร็จหรือไม่กันนะจ้ะ
ป๋าทุ่มเทให้กับบทบาทเต็มที่ทาง ผกก.เล็งเห็นแล้วว่าไม่มีใครเหมาะสมกับบทตัวเอกของเรื่องเท่ากับอดีตดาราหนุ่มฮ็อตยุค '80 อย่างป๋า Mickey Rourke (9 1/2 Weeks [1986]) อีกแล้ว อาจจะเป็นเพราะชีวิตของป๋าช่างมีความคล้ายคลึงกันกับบทบาทตัวเอกในเรื่อง อย่างเช่นเคยรุ่งมาก่อนแต่ปัจจุบันร่วงมาต๊อกต๋อยแถมยังแก่แฮ่กหน้ายับยู่ยี่เหมือนกางเกงในเก่าจนยานที่ถูกขยำทิ้งลงตะกร้า (อิอิ) แต่กระนั้นก็ยังไม่หมดหวังที่จะสู้ต่อไปเพื่อวันที่ดีกว่าเช่นกัน ดังนั้นเมื่อป๋าได้รับบทนี้จึงทุ่มสุดตัวให้กับหนังเรื่องนี้ชนิดถวายหัว เราจึงได้เห็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจากป๋า ทั้งสีหน้า, แววตา, ท่าทาง แถมยังเล่นมวยปล้ำจริง เจ็บจริง แบบไม่ต้องใช้สแตนด์อินอีกด้วย ดูเสร็จก็แทบอยากจะปูผ้ากราบป๋างามๆ สักทีแล้วหันมาเชียร์ให้ป๋าได้รางวัลออสก้าร์นำชายโดยทันใด (ล่าสุดก็ได้นำชายลูกโลกทองคำมากอดไว้แล้ว) นี่คือหนังดีการแสดงเด่นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดขอรับพี่น้อง.
เปรียบเทียบความหล่อสมัยยังรุ่งในยุค '80 กับป๋าในทุกวันนี้ให้เห็นกันจะๆ- เหตุที่ควรดู : ถ้าอยากดูการแสดงระดับสวมวิญญาณของป๋า กับหนังดราม่าดีๆ สักเรื่องก็ไม่ควรพลาดจ้ะ
- เหตุที่ไม่ควรดู : ถ้าไม่ชอบดูหนังนิ่งๆ เหมือนหนังสารคดี ออกแนวหนังเล็กๆ ซะมากกว่าก็พึงหลีกเลี่ยง