Group Blog
 
All blogs
 

Edge of Darkness (2010): ตำรวจ(หง่อม)มหากาฬ


Edge of Darkness (2010) :
ป๋า Mel Gibson (54 ขวบ) ดาราชายขวัญใจสาวๆ ในยุค 80 ห่างหายจากการแสดงหนังมาหลายปี (เรื่องสุดท้ายที่ป๋าแสดงนำก็ Signs ในปี 2002 โน่น) ที่หายไปเพราะป๋าหันเพลิดเพลินกับการกำกับหนังอย่าง The Passion of the Christ (2004) และ Apocalypto (2006) แถมวันดีคืนดีป๋าแกยังก่อเรื่องฉาว ให้ชาวบ้านหมั่นไส้จนเริ่มกลายสภาพจากดาราผู้มี'ชื่อเสียง'เป็นดาราผู้มี'ชื่อเสีย'แทน ปีนี้ฤกษ์งามยามดีป๋าเลยขอกลับมาพบกับแฟนๆ อีกครั้งกับผลงานทริลเลอร์ทฤษฏีสมคบคิดเรื่องนี้จ้า


มาดบู๊ป๋ายังดูเข้าท่าอยู่เช่นเดิม
หนังสร้างจากหนังทีวีมินิซีรีย์หกตอนจบชื่อเดียวกันของอังกฤษที่ออกฉายในปี 1985 โดย ผกก.Martin Campbell (Casino Royale [2006]) ที่เคยกำกับเวอร์ชั่นทีวี ขอรับหน้าที่ทำเวอร์ชั่นหนังโรงอีกครั้ง ซึ่งเนื้อเรื่องก็เกี่ยวกับ Thomas Craven (ป๋า Gibson) ตำรวจรุ่นเก๋าในรัฐแมสซาชูเซ็ตส์ ที่เห็นลูกสาวสุดรักถูกมือมืดยิงตายต่อหน้าต่อตา เขาจึงตั้งหน้าตั้งตาสืบหาตัวฆาตกร และเมื่อยิ่งสืบสาวลึกลงไปเขาก็พบว่า การตายของลูกสาวเขาอาจเกี่ยวข้องกับแผนการสมรู้ร่วมคิดอันเลวร้ายระหว่างบริษัทใหญ่ยักษ์กับนักการเมืองผู้มีชื่อเสียงบางคนก็เป็นได้


ถึงจะอายุแค่ 54 แต่ป๋าเราดูหง่อมได้ใจเชียว
ดูจากหน้าหนังแล้วนึกถึง Taken (2008) เวอร์ชั่นบู๊น้อยแต่พูดเยอะกว่า ซึ่ง ผกก.Campbell ก็เล่าเรื่องได้อย่างเข้มข้น จริงจัง และจับความสนใจได้ตลอด ที่สำคัญคือฉากแอ็คชั่นนั้นสมจริงและเด็ดขาดมาก แต่เสียดายที่หนังมีฉากแอ็คชั่นมากำนัลผู้ชมน้อยไปหน่อย เพราะส่วนใหญ่หนังใช้เวลาไปกับการพูดคุยซะมากกว่า ซึ่งถ้าไม่ได้ตั้งใจดูอาจจะเห็นว่าหนังน่าเบื่อเอาได้ ส่วนป๋า Gibson เราก็มาในสภาพแก่, หง่อม, เหี่ยว, หมดสภาพได้ใจดีจัง แต่เรื่องการแสดงและฉากบู๊นั้นยังไว้ใจได้อยู่ ถึงหนังจะล้มเหลวทางรายได้ และได้รับคำวิจารณ์ในระดับกลางๆ แต่สำหรับแฟนๆ ที่เติบโตมากับหนังของป๋าแกแล้ว การได้เห็นแกบนจออีกครั้ง ช่างเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ


นี่คือ Taken เวอร์ชั่นพูดเยอะต่อยน้อย
  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังทริลเลอร์สมรู้ร่วมคิดที่ทำได้อย่าง หนักแน่น จริงจัง และแฟนๆ ป๋า Mel คงจะดีใจที่เห็นป๋าแกโลดแล่นบนจออีกครั้ง
  • ไม่น่าดูเพราะ: บู๊น้อย ฝอยเยอะ พระเอกหง่อม ใครจะไปอยากดู




*ช่วงวันวานยังหวานอยู่*

เปรียบเทียบสารรูปในอดีตและปัจจุบันของป๋าเมล (รูปหลังนึกว่าซัดดัมซะอีก)
สำหรับคอหนังรุ่นใหม่หลายคนคงเกิดไม่ทันยุครุ่งเรืองของป๋า Mel Gibson เมื่อสักเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา เราเลยขอรื้อฟื้นอดีตอันแสนหวานของป๋ามาให้อนุชนรุ่นหลังได้ทำความรู้จักป๋ามากขึ้นกันซะหน่อย

ป๋า Mel Gibson (เกิด 3 ม.ค.1956)เป็นชาวมะกัน แต่ไปเติบโตที่ออสเตรเลีย เขาเริ่มเข้าวงการหนังตั้งแต่ปี 1976 ในบทตัวประกอบ แต่เริ่มเป็นที่จับตามองจากหนังคัลต์แอ็คชั่นเรื่อง Mad Max (1979) และโกฮอลลีวู้ดจนมาโด่งดังเต็มที่กับหนังชุด Lethal Weapon ที่มีสร้างออกมาถึง 4 ภาค

ป๋าก็โด่งดังมาเรื่อยในฐานะดาราทำเงินและผู้กำกับคุณภาพจนถึงช่วงปี 2000 หลังจากที่เล่นหนังเรื่อง Signs (2002) ป๋าก็เป็นหันไปทำหนังแบบเต็มตัว
ซึ่ง The Passion of the Christ (2004) ของป๋าก็ประสบความสำเร็จอย่างมโหฬารได้ทั้งเงิน(กวาดเงินไปกว่า 300 ล้าน)ได้ทั้งกล่อง แต่แล้วป๋าก็ก่อเรื่องงามหน้าในการเมาแล้วด่ายิวจนฉาวไปทั่ว ป๋าเลยต้องกบดานให้เรื่องซาลงสักพัก จนปัจจุบันป๋าก็เริ่มกลับมาเล่นหนังอีกครั้ง ซึ่งเราคงจะได้เห็นป๋าบนจอไปอีกสักพักล่ะเนอะ

ปล.ในสมัยยังรุ่งๆ ป๋าเคยครองตำแหน่งหนุ่มที่เซ็กซี่ที่สุดในโลกซะด้วยนะเอ้อ


*ข้อมูลจาก imdb จ้า*




 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 20 กุมภาพันธ์ 2553 19:05:02 น.
Counter : 2974 Pageviews.  

Legion (2010): เทวดาท่าจะบู๊

Legion (2010) :
ดูจากเทรลเลอร์แล้วหนังเรื่องนี้น่าดูมากๆ เพราะมีนักแสดงที่น่าสนใจหลายคน อาทิ Paul Bettany (The Da Vinci Code [2006]), Dennis Quaid (Pandorum [2009]) ทั้งยังมาด้วยเรื่องราวแอ็คชั่นระทึกขวัญเหนือธรรมชาติ ออกแนววันสิ้นโลกที่มีทูตสวรรค์อะไรแบบนี้มาเกี่ยวข้องด้วย มันก็น่าจะมันส์ไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย

กลัวจะไม่รู้ว่าเป็นมาจากพระเจ้าหรอเพ่
ส่วนเนื้อเรื่องก็ประมาณว่า ทูตสวรรค์มิคาเอล(Bettany) หนีลงมาจากสวรรค์เพราะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของพระเจ้าที่ต้องการกำจัดมนุษย์ให้หมดโลก เพราะพระองค์หมดศรัทธาในมนุษย์แล้ว(อ่ะนะ) ว่าแล้วทั่นมิคาเอลก็ขนอาวุธหนักมาเพียบ(อ่ะนะ) มุ่งหน้าไปยังปั๊มน้ำมันกลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง เพื่ออารักขา Charlie (Adrianne Palicki) สาวท้องแก่ที่ทำงานเป็นสาวเสริฟอยู่ที่นั่น โดยทั่นให้เหตุผลว่า เพราะสาวคนนี้กำลังจะให้กำเนิด พระเมสสิยาห์(พระผู้ช่วยให้รอด)องค์ใหม่ ที่จะช่วยให้มนุษย์รอดจากหายนะครั้งนี้ได้(อ่ะนะ) ทั้งนี้พระเจ้าก็ได้บัญชาให้เหล่าทูตสวรรค์จำนวนนับไม่ถ้วน(ซึ่งก็รวมถึงทูตสวรรค์กาเบรียลด้วย)มาจัดการไม่ให้เด็กได้ผุดได้เกิด งานนี้ก็คงบู๊กันกระจายสิครับเนี่ย


งานนี้ท่านมิคาเอลคงช่วยอะไรหนังเรื่องนี้ไม่ได้มากนัก
หนังมาแปลกตรงที่มอบตำแหน่งตัวโกงให้กับพระเจ้า(ฮ่วย!) ซึ่งล่อแหลมกับประเด็นการดูหมิ่นพระเจ้า ซึ่งเราจะเอาไว้ว่ากันทีหลัง พอหันมาดูตัวหนังก็พบว่า ไอ้ฉากเด็ดๆ ขายๆ น่ะ ดันไปอยู่ในเทรลเลอร์เกือบหมดแล้ว ส่วนที่เหลือในหนังก็มีแต่บทสนทนาแสนน่าเบื่อและฉากบู๊ที่ทั้งมีน้อยและธรรมดามากๆ ถึงจะมีนักแสดงดีๆ หลายคนก็ช่วยอะไรหนังไม่ได้เลย บทจะกำจัดตัวละครตัวแล้วตัวเล่าทิ้ง ก็ทำให้ตายกันง่ายๆ ซะ หนังยังเต็มไปด้วยความไม่สมเหตุสมผลหลายอย่างที่มีผุดมาให้เห็นมากมาย (อาทิ ทำไมทูตสวรรค์ถึงต้องมาสิงคน แล้วก็ออกมาในสภาพเหมือนปีศาจไร้สมองแบบนี้ด้วย) หนังเหมือนกับการจับเอาหนังชุด The Terminator มาผสมกับเรื่องในไบเบิั้ล ซึ่งก็น่าจะเล่นอะไรได้เยอะกว่าที่เห็น แต่ผู้สร้างกลับปล่อยให้มันผ่านๆ ไปอย่างไร้ประโยชน์ สรุปว่าหนังเรื่องนี้จัดเป็นประเภท 'ท่าดีทีเหลว' เรื่องแรกๆ แห่งปี 2010 นี้เลยล่ะ

ทูตสวรรค์เขาใช้ปืนเป็นอาวุธกันหรือเนี่ย?
ยัง ยังไม่พอ เราขอตำหนิถึงประเด็นดูหมิ่นพระเจ้าของผู้สร้างด้วย เพราะหนังเสนอพระองค์ให้ออกมาเป็นพระเจ้าที่ หมดความอดทนต่อมนุษย์, ไร้ซึ่งความรักและจิตใจไม่มั่นคง เปลี่ยนใจไปมา เท่านั้นยังไม่พอ หนังยังประเมินฤทธิ์อำนาจของพระองค์ซะต่ำเชียว ก็ในเมื่อทรงเป็นพระเจ้าผู้สร้างจักรวาล แล้วถ้าจะทรงทำลายมวลมนุษย์ ทำไมต้องสั่งให้ทูตสวรรค์มาสิงคนซะให้ยุ่งยากด้วย(ทรงใช้ลมมาจัดการคนแบบในหนัง The Happening [2008] ยังฟังดูเข้าท่ากว่าเลย) และอะไรอีกมากที่คงจะตำหนิได้อีกยาว ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็เหอะ แต่หนังก็ยังอุตส่าห์ทำกำไรให้คนสร้างซะ จนอาจได้เห็นภาคสองกันล่ะ(ฮ่วย)

  • น่าดูเพราะ: ใครอยากเห็น Paul Bettany ในมาดทูตสวรรค์ที่แบกปืนกลซดกับเหล่าร้ายล่ะก็ เชิญดูโลด
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่สนุกอย่างที่เทรลเลอร์สร้างความหวังไว้ให้ และยังดูหมิ่นพระเจ้าซะจนน่าตึ๊บ





 

Create Date : 20 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 9:45:28 น.
Counter : 3758 Pageviews.  

Ninja Assassin (2009): นินจาเจี๋ยนนินจา


Ninja Assassin (2009) :
ยอดชายนาย Rain ซุปเปอร์สตาร์ชาวเกาหลีใต้โกอินเตอร์ไปแล้วตั้งแต่ Speed Racer (2008) แล้วเขาก็หน่วยก้านดีเข้าตาสองพี่น้อง Wachowski จนดันให้เขามารับบทพระเอกเต็มตัวในหนังแอ็คชั่นเลือดสาดเรื่องนี้ โดยหน้าที่กำกับก็ตกเป็นของ James McTeigue (V for Vendetta [2005]) เด็กในคาถาของสองพี่น้องนั่นเอง

หนุ่ม Rain ทั้งล่ำและสะบักสะบอมเต็มที่
ส่วนพล็อตเรื่องนั้นเล่าก็ประมาณว่า Raizo (Rain) พระเอกเราได้รับการฝึกฝนให้เป็นนินจานักฆ่าตั้งแต่ยังเป็นเด็กเป็นเล็กจากกลุ่มนินจา Ozunu แต่เพราะนินจากลุ่มนี้โหดเหี้ยมจน ม.ม้าวิ่งหนี พระเอกเราเลยรับไม่ได้ เลยตัดสินใจเป็นปฏิปักษ์พวกเดียวกันซะเลย ซึ่งอาเจ๊ Mika Coretti (Naomie Harris) จนท.Europol(ตำรวจของสหภาพยุโรป) ก็ถูกดึงเข้ามามีส่วนร่วมในเกมอันตรายครั้งนี้ด้วย


ฉากแอ็คชั่นโหดได้ใจคอซาดิสม์นักแล
หนังแอ็คชั่นเลือดสาด โหดกันเต็มที่ตามสไตล์อนิเมะญี่ปุ่น ซึ่งฉากบู๊ก็ทำได้มันส์สะใจคอซาดิสม์ดีแท้ พ่อหนุ่ม Rain เราก็รับบทนำเต็มตัวได้ดี (ยกเว้นทรงผมที่เห่ยได้ใจ) ถึงแม้บทพูดจะมีไม่เยอะและไม่ค่อยจะมีโอกาสได้แสดงอารมณ์ต่างๆ มากมายนักนอกจากทำหน้าโหดไปวันๆ แต่เราก็สามารถเห็นถึงความทุ่มเทของเขาที่มีต่อหนังเรื่องนี้ได้ จากร่างกายที่ฟิตจนแน่นปั๋งและการเล่นคิวบู๊ได้อย่างทะมัดทะแมงของเขา นอกนั้นไม่มีอะไรพิสดารเหนือความคาดหมาย เอาเป็นว่านี่เป็นหนังแอ็คชั่นเลือดสาดที่มีไว้ดูเอามันส์ไม่ต้องคิดอะไรมาก หวังว่าอนาคตในฮอลลีวู้ดของหนุ่ม Rain จะสดใสซาบซ่านะจ้ะพ่อคุ๊ณณณ


พระเอกเราปั้นหน้าโหดทั้งเรื่อง

  • น่าดูเพราะ: เป็นหนังแอ็คชั่นเลือดสาด ที่สร้างออกมาไว้ดูเอามันส์ได้ดี ไม่ต้องคิดอะไรมาก
  • ไม่น่าดูเพราะ: ถ้าคาดหวังอะไรที่มากกว่าบรรทัดข้างบนล่ะก็ คงจะผิดหวังแน่เชียว








 

Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 9 สิงหาคม 2554 22:29:00 น.
Counter : 3023 Pageviews.  

Nine (2009): ร้อง-เล่น-เต้น-รัก


Nine (2009) :
หนังเพลงที่จับเอาละครเพลงบรอดเวย์ชื่อเดียวกันที่เปิดแสดงตั้งแต่ปี 1982 มาขึ้นจอเรื่องนี้ มีหน้าหนังที่'โคตร'แข็งแรงน่าดูเอามากๆ เพราะนักแสดงแต่ละคนเนี่ยดังๆ กันทั้งนั้น (มีใครบ้างก็ดูโปสเตอร์หนังเอาโลด) แถม ผกก.ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคนที่ถนัดหนังเพลงอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่าง Rob Marshall (Chicaco [2002]) นั่นเอง นี่จึงเป็นหนังที่คอหนังหลายคนเฝ้ารอ และถูกจับตามองว่าคงจะไปได้ดีบนเวทีออสก้าร์แบบที่ Chicaco เคยทำได้มาก่อนแน่


ยิ้มกริ่มเชียวนะเพ่ มีสาวๆ มาให้เลือกเพียบแบบนี้
หนังเสนอเรื่องราวของ Guido Contini (Daniel Day-Lewis จาก There Will Be Blood [2007]) ผกก.ชื่อก้องชาวอิตาเลียน ที่กำลังประสบปัญหาหนักอกทางการงานที่ทำหนังคว่ำติดกันมาสองเรื่องและเรื่องล่าสุดที่กำลังจะเปิดกล้องก็ยังไม่มีแม้แต่บทหนังสักหน้าเลย ส่วนปัญหาหัวใจก็ใช่ย่อยเพราะต้องปวดหัวกับบรรดาสาวๆ ที่เข้ามาเจ๊าะแจ๊ะกับเขาจนทำให้ความสัมพันธ์กับ Luisa (Marion Cotillard จาก Public Enemies [2009]) ภรรยาสุดที่รักของเขาง่อนแง่นเต็มที

นักแสดงสาวสวยเพียบเลยเรื่องนี้
อย่างที่ทราบกันว่า พอหนังออกฉายกลับไม่ตูมตามอย่างที่หวัง (อันที่จริงล้มเหลวทางรายได้และคำวิจารณ์เลยล่ะ) ได้เข้าชิงออสก้าร์ก็แค่สี่สาขารองๆ แล้วปัญหามันอยู่ตรงไหนนะ? ทั้งที่ทุกส่วนประกอบในหนังล้วนอยู่ในระดับเกรดเอทั้งสิ้น พอได้ดูก็ถึงพอจะเข้าใจว่า คงเป็นเพราะบทที่ทำให้หนังออกมาเฉยๆ งั้นๆ ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ดาราดังๆ ที่ถึงจะหายห่วงเรื่องฝีมือการแสดงได้เลย แต่ก็โผล่กันมาคนละนิดละหน่อยไม่ค่อยได้ทำอะไรมากนัก ส่วนฉากร้องรำทำเพลงที่ออกมาแนวบรอดเวย์ก็ไม่โดดเด่นเท่าที่ควร ถึงดาราแต่ละคนจะร้องเต้นกันได้ดี แต่ก็ไม่มีเพลงไหนที่มีทำนองติดหูให้ติดใจกันเลย โดยรวมแล้วไม่ใช่ว่านี่เป็นหนังที่ห่วยหรอกนะ ทว่าหนังกลับเล่าเรื่องได้ไม่น่าติดตามและใช้ศักยภาพที่มีอยู่แบบไม่คุ้มค่าเท่านั้นเอง


ฉากร้องรำทำเพลงมีให้ดูตรึม
  • น่าดูเพราะ: ดารามากมี ฉากร้องรำทำเพลงดูได้เพลินๆ
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่แหล่มอย่างที่หน้าหนังทำให้คาดหวัง เป็นหนังเพลงที่ดูแล้วก็แล้วกันไป





 

Create Date : 18 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 17 ตุลาคม 2553 4:56:30 น.
Counter : 2159 Pageviews.  

Cabin Fever (2002): เชื้อนรก เฟะแล้วเดี้ยง


Cabin Fever (2002) :
ผลงานเรื่องแรกของ ผกก.Eli Roth (Hostel [2005]) เรื่องนี้ แจ้งเกิดให้แก่เขาอย่างสวยงาม เมื่อหนังทำเงินไปกว่า 30 ล้านจากทุนสร้างเพียง 1.5 ล้าน แถมผกก.ระดับบิ๊กอย่าง Peter Jackson และ Quentin Tarantino ล้วนออกมาชื่นชมหนังกันใหญ่ โดยเฉพาะรายหลังถึงกับยกย่องให้เขาเป็น "อนาคตของวงการหนังสยองขวัญ"เลยทีเดียว อ่อ... ชื่นชอบกันซะขนาดนี้ มิน่าล่ะ ถึงได้กระเตงกันไปเล่น Inglourious Basterds (2009) ด้วย


เจ๊เขางัด BB Gun มาสู้ไวรัสร้าย
5 นักศึกษาหนุ่มสาวพากันไปฉลองศึกษาจบ โดยถ่อไปพักกันที่เคบินกลางป่าเขาลำเนาไพรไกลปืนเที่ยงแห่งหนึ่ง และแน่นอนพวกเขาก็ต้องไปเจอะอะไรร้ายๆ ซึ่งในที่นี้คือ เชื้อไวรัสร้าย ที่ใครติดเข้า ร่างกายจะเริ่มเน่าเฟะ เลือดพุ่งเจ็ดทวารจนตายในเวลาอันรวดเร็ว ว่าแล้วพวกเขาก็ต้องพยามเอาตัวรอดกันทุกวิถีทาง ซึ่งใครจะอยู่ใครจะไปนั้นก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีล่ะ


มีสาวงามหุ่นดีมาเป็นอาหารตาและเป็นเหยื่อของเชื้อไวรัส
ผกก.Roth ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวสำหรับหนังเรื่องแรกเช่นนี้ ถึงจะไม่มีไอเดียใหม่ๆ อะไรมานำเสนอ แถมยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่หยิบยืมมาจากหนังสยองยุค 80 อยู่มากมาย แต่เขาก็คุมหนังได้ดี มีทั้ง สยอง แหว่ะ ชวนระทึก และยังกวนได้อีก บวกเข้ากับเอฟเฟกท์ที่ดูเข้าท่า เลยส่งผลให้หนังดูดีขี้นมาอีกเยอะ ถึงกระนั้นอะไรๆ ที่ไม่เข้าท่าก็ยังมีอยู่ อย่างเช่นตัวละครวัยรุ่นที่มีพฤติกรรมสมควรตาย ซึ่งดูเหมือนจะขาดไม่ได้จากหนังแนวนี้ซะแล้ว โดยรวมแล้วนับว่าเป็นหนังสยองที่ใช้ได้เลยทีเดียว เราสามารถมองเห็นไอเดียโหดอะไรหลายอย่างที่จะพัฒนาต่อยอดออกมาใน Hostel ผลงานเรื่องถัดมาของเขา แต่ว่าก็ว่านะหนังอีตา Roth เนี่ยมักจะเล่นกับประเด็น "เพื่อเอาตัวรอดแล้ว คนเราทำอะไรได้มากแค่ไหน "อยู่เสมอเลย อืม ก็น่าคิดนะเนี่ย...


ผกก.ขอมาร่วมแจมในบทเล็กๆ แบบเหม่งๆ ซะด้วย
  • น่าดูเพราะ: เป็นผลงานเรื่องแรกของ ผกก.Roth ที่ทำได้ดีพอควร ความระทึก เลือดพุ่งมีให้ครบ คอหนังสยองไม่ควรพลาด
  • ไม่น่าดูเพราะ: ไม่มีอะไรใหม่ และคนที่ไม่ชอบหนังแนวสยองเลือดพุ่งพึงหลีกเลี่ยง





 

Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2553    
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2553 23:13:03 น.
Counter : 2717 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  

Nanatakara
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 43 คน [?]




  • Friends' blogs
    [Add Nanatakara's blog to your web]
    Links
     

     Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.