All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 9 (ต่อ)



องอาจเดินกลับมาที่ห้อง เป็นไทกลับไปแล้ว พบแต่วราพรรณกำลังนั่งปอกผลไม้อยู่

“ไม่ยักรู้ว่าคุณก็เป็นห่วงผมเหมือนกัน”
“หลงตัวเอง ที่ฉันมาเพราะเห็นแก่มนุษยธรรมต่างหาก”
“ถึงขั้นปอกผลไม้รอนี่ไม่ใช่แค่มนุษยธรรมล่ะมั้ง เค้าเรียกว่ามีใจ”
“ปากอย่างนี้น่าฝากมีดไว้จริงๆเลย”
วราพรรณทำท่าจะเสียบ องอาจร้องลั่น
“เฮ้ย ๆอย่าเล่นบ้าๆ เดี๋ยวผีผลัก”
วราพรรณลอยหน้าลอยตาไม่รู้ชี้ กินผลไม้ที่ปอกไว้
“อะไรกันมาเยี่ยมเค้าแล้ว ของเยี่ยมสักอย่างก็ไม่มีแถมยังมากินของเค้าอีก”
“งั้นก็เอาไปกินต่อสิ ฉันไม่ถือ คิดว่าของตัวเองแล้วกัน”
วราพรรณยื่นจานผลไม้ให้ องอาจรับมานั่งที่เตียง บ่นกับตัวเองเบาๆ
“งั้นที่กินไปผมก็ถือว่าทำบุญเหมือนกัน”
“หาว่าฉันเป็นสัมภเวสีเหรอ”
วราพรรณเข้ามาล็อกแขนองอาจด้วยความโกรธ องอาจร้องเสียงหลง จานผลไม้ตกลงพื้น
วราพรรณตกใจ รีบปล่อยตัวองอาจถามด้วยความเป็นห่วง
“ฉันขอโทษ ฉันลืมไป เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่เป็นไร แต่เสียดายอดกินผลไม้อร่อยๆ ที่คุณปอกเลย”
องอาจทำเสียงอ้อนเต็มที่ วราพรรณเซ็ง แต่ก็ปอกผลไม้ให้ใหม่ ไม่นานนักก็ยื่นผลไม้ที่ปอกเสร็จจานใหม่ให้ องอาจที่นั่งรออยู่
“งั้นก็รีบกินซะ ฉันจะได้กลับ”
วราพรรณทำท่าจะกลับ องอาจหยิบผลไม้ขึ้นมา ทำแกล้งทำหล่น
“โอ๊ย”
“เป็นอะไรอีก”
“เจ็บแขนสงสัยแผลจะอักเสบ”
วราพรรณรู้ทัน
“จะให้ฉันป้อนใช่มั้ย”
“ผมไม่กล้าหรอกครับ แค่คุณปอกให้ผมก็เกรงใจแย่แล้ว”
องอาจหยิบผลไม้ขึ้นมากิน ก่อนจะแกล้งทำตกอีก
“โอ๊ยแย่จริง ๆ เลย จู่ ๆแขน ก็ไม่มีแรง ไม่รู้จะพิการหรือเปล่า”
วราพรรณทำหน้าเซ็ง มานั่งข้าง ๆ องอาจแล้วป้อนผลไม้ให้
“กินซะ แล้วก็เลิกสำออยซะที ไม่งั้นนายได้พิการจริงๆแน่”
องอาจแอบยิ้ม ก่อนจะกินผลไม้ที่วราพรรณป้อนให้

นับดาวเดินหน้ายุ่งเข้ามาโยนกระเป๋าลง นั่งที่โซฟา รจนาเดินออกมาจากครัวเห็นเข้าทักขึ้น
“เป็นอะไรไป ทำหน้ายังกับแบกโลกไว้ทั้งโลก”
นับดาวเหม่อ หลุดปาก
“มันยิ่งกว่านั้นอีกย่า ถ้าเขาคนนั้นเป็นอะไรไป ฉันคงอยู่ไม่ได้”
“ฮึ!! เขาคนนั้น เขาคนไหน”
นับดาวสะดุ้งรู้สึกตัว
“เปล่าๆ ไม่มีอะไร ย่า”
“นี่ฉันไม่ได้หูดับเหมือนแกนะ นี่ริมีแฟนเหรอ ใครกันบอกมาเดี๋ยวนี้”
“ใครจะมาชอบผู้หญิงโลโซอย่างฉันล่ะ ย่า...ฉันคงไม่มีพอสำหรับใครหรอก”
“โธ่ นับดาว ใครไม่รักแก ย่ารักของย่าเองก็ได้”
รจนาาคว้าตัวนับดาวไปกอด
“จำไว้นะ นับดาว ถึงแกไม่มีใคร แกยังมีย่าอยู่ ย่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่ย่ารักหรอก”
นับดาวได้ยินที่ย่าพูดแล้ว ฉุกใจคิดขึ้นมา ตาเป็นประกาย
“จริงด้วย หนูจะไม่มีวันยอมให้คนที่หนูรักโดนทำร้ายเหมือนกัน”
นับดาวรีบลุกขึ้น คว้ากระเป๋า แล้วรีบวิ่งออกไป
“หนูไปก่อนนะย่า”
“อะไรกัน มาเร็ว เคลมเร็วเหลือเกินนะแก”
ย่ามองตามนับดาวงงๆ

วราพรรณประคององอาจไปที่เตียง พลางถามด้วยความสงสัย
“แล้วนี่นายไม่สงสัยบางเหรอ พวกที่ทำร้ายนายเป็นใคร”
“ไม่สงสัย” องอาจตอบทันที
“แสดงว่ามีศัตรูเยอะ”
“ไม่เกี่ยวกับผมหรอก น่าจะเกี่ยวกับยูกิมากกว่า”
วราพรรณตกใจตาโตอยากรู้ขึ้นมาทันที
“หาว่าไงนะ นายหมายถึงเรื่องที่ยูกิตัวจริงถูก ลักพาตัวงั้นเหรอ”
องอาจงง
“ตัวจริงอะไร...แล้วใครถูกลักพาตัว”
วราพรรณรู้ว่าหลุดปากรีบกลบเกลื่อน
“ปละเปล่า ฉันก็พูดไปเรื่อย แล้วนายรู้มั้ยยูกิมีศัตรูที่ไหนบ้าง”
“แล้วคุณอยากรู้ไปทำไม”
“ฉันเป็นนักข่าว ตอบมาเถอะหน่า”
องอาจพยายามคิด แล้วส่ายหน้า
“ก็ไม่น่าจะมีนะ เพราะนาน ๆ ยูกิมาเมืองไทยที หรือถ้ามีก็คงอยู่ญี่ปุ่นมั้ง”
“แล้วคอนเสิร์ตครั้งนี้มีใครได้หรือเสียผลประโยชน์อีกมั้ย นอกจากคุณสังวรณ์เจ้านายฉัน”
องอาจแปลกใจ
“คุณสังวรมาเกี่ยวอะไรด้วย”
“ฉันก็พูดไปเรื่อย”
“ก็ไม่น่าจะมีมั้ง นอกจาก...ซีซี”
“ซีซีทำไม”
“ก็พอมีคอนเสิร์ตยูกิ คอนเสิร์ตซีซีก็ถูกยกเลิกหมด แถมยังโดนแบนจากต้นสังกัดทั้งที่เมืองไทยและญี่ปุ่นด้วย”
“เรื่องอะไร ทำไมฉันไม่เห็นรู้เรื่อง”
“ต้นสังกัดที่เมืองไทยจับได้ว่าซีซีอยู่เบื้องหลัวกลุ่มแอนตี้แฟนยูกิที่ญี่ปุ่น ก็เลยสั่งแบนและปิดข่าวเรื่องนี้เพราะกลัวเสียชื่อเสียงถึงประเทศไทย”
“มิน่าล่ะ อยู่ดีๆ ซีซีถึงแถลงข่าวยกเลิกคอนเสิร์ตทั้งหมดเพราะปัญหาสุขภาพที่แท้ก็ถูกกดดันเรื่องนี้นี่เอง”
วราพรรณเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้น...

ยูกิยืนเหม่อเศร้าอยู่ริมทะเล เธอคิดถึงช่วงเวลาที่ถูกยามาดะหอมแก้ม แล้วส่ายหน้าไม่อยากนึกถึง
“คนบ้า ทำไมฉันต้องนึกถึงเรื่องบ้าๆ ของนายด้วยนะ”
ยูกิถอนใจ แล้วเดินกลับมาที่บ้าน แล้วชะงักมองเห็นที่โต๊ะสนามหน้าบ้าน มีชุดอาหารญี่ปุ่นเซทข้าวางอยู่เป็นเซทสวยงาม บนโต๊ะอาหาร
ยูกิมองอึ้งนึกไม่ถึง แล้วเห็น แผ่นกระดาษโน้ตที่แปะไว้ เขียนว่า
“SORRY”
พอจะนึกรู้ว่าเป็นฝีมือของยามาดะ เลยปึ่งโกรธงอนขึ้นมา
“ซอรี่ ...ขอโทษเหรอ ...”
ยูกิฉีกกระดาษโน้ทเป็นชิ้นๆ ทิ้งไป แล้วจัดการเอาอาหารบนโต๊ะไปเททิ้งที่ถังขยะ ยามาดะที่แอบดูอยู่ ซึมจ๋อยไปถนัด

ยูกิระบายอารมณ์อย่างเซ็งๆ
“ฮึ นึกว่ามาเอาใจเล็กๆน้อยๆ แล้วฉันจะลืมทุกอย่างได้เหรอ ฉันไม่มีวันให้อภัยนายหรอก”
“ฉันรู้แล้ว”
เสียงยามาดะดังขึ้น ยูกิตกใจหันกลับไป เห็นเขาเดินเข้ามาพร้อมกระเป๋าอาวุธ แล้ววางกระเป๋าลงที่โต๊ะแถวนั้น เมื่อเปิดออก ยูกิข้างใน มี ปืน มีดสั้น มีดยาวแบบต่างๆ วางอยู่เต็มไปหมด
“อยากให้ฉันตายแบบไหน เธอก็เลือกมาเลย”
ยามาดะจ้องตายูกิจริงจัง ยูกิอึ้งไม่เข้าใจ
“นี่มันอะไรกัน”
“ถ้าเธอไม่ต้องการคำขอโทษของฉัน ฉันก็จะชดใช้ให้เธอด้วยชีวิตไงล่ะ”
“ยามาดะ!”
“เลือกสิ ยืนเฉยอยู่ทำไม”
“ฉันไม่ได้อยากเป็นฆาตกร”
“ถ้าเธอไม่กล้า ฉันจัดการเองก็ได้”
ยามาดะหยิบปืนขึ้นมาทำท่าจะยิงตัวเอง ยูกิร้องลั่นรีบเข้าไปห้าม...
“อย่านะ นายจะบ้าเหรอ”
“ฉันทำให้เธอเสียใจ ฉันสมควรตาย”
ยูกิทนไม่ไหวตบหน้ายามาดะไปฉาดใหญ่
“ฉันไม่นึกเลยว่านายจะ งี่เง่าแบบนี้”
“ถ้าเธอไม่พูดกับฉัน ทำเหมือนฉันเป็นอากาศที่ไม่มีตัวตน มันก็ไม่ต่างกับคนที่ตายไปแล้วหรอก”
ยูกิอึ้ง
“ฉันทำให้เธอได้ทุกอย่างเลยนะ ยูกิ ขออย่างเดียว กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
ยูกิมองยามาดะที่มองมาด้วยสายตาจริงใจแล้ว อึ้งไปอีก แล้วเธอก็ทำเป็นไม่สนใจเดินหนีออกไป ยามาดะมองตามไปอย่างตัดพ้อ
“ยูกิ”
ยูกิชะงักแล้วพูดขึ้นทั้งๆที่หันหลังให้
“มัวแต่เรียกอยู่นั่นแหละ มาเป็นเพื่อนเล่นน้ำทะเลหน่อยสิ”
ยามาดะอึ้ง แปลกใจ
“ฮะ”
ยูกิหันกลับมามอง ทำดุ
“ยังยืนเฉยอยู่อีก”
“เธอหายโกรธฉันแล้วเหรอ”
ยูกิยิ้มๆ
“ฉันบอกว่าชวนเพื่อนไปเล่นน้ำทะเลไง เพื่อนก็แปลว่าเพื่อนสิ”
ยามาดะ ดีใจ กระโดดตัวลอย
“ไชโย ยูกิหายโกรธฉันแล้ว”
ยูกิยิ้มเขินๆ แล้วหันวิ่งไปที่ทะเลอย่างร่าเริง ยามาดะวิ่งตามลงไป เล่นน้ำกัน สาดน้ำใส่กัน ยิ้มแย้ม เล่นแกล้งกันอย่างสนุกสนาน ทั้งคู่มองกันด้วยสายตาที่รู้สึกดีๆต่อกัน

ค่ำนั้นวราพรรณ กำลังง่วนอยู่กับจอคอม search หาข้อมูลทุกอย่างของซีซี
“เป็นคนไทยที่ไปโกอินเตอร์ที่ญี่ปุ่น นิสัยเสียมากเลยไม่มีคนอยากจ้าง แม่เป็นชาว บ้านธรรมดา เลยไม่เคยเอ่ยถึงแม่ พยายามอัพตัวเองให้ดูไฮโซ นิสัยแบบนี้เองถึง เป็นดาวร่วง”
ขณะเดียวกันนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามาได้”
นักข่าวคนนึงถือซองเอกสารมาให้
“นี่ข้อมูลส่วนตัว และการติดต่อทุกทางทั้งอีเมล์ เบอร์โทร เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ ที่อยู่เพื่อนสนิท คนรู้จัก ผู้จัดการ...”
“เออ พอแล้ว ไม่ต้องบอกละเอียดขนาดนี้หรอก ฉันเปิดอ่านเองได้ ไปได้แล้ว”
นักข่าวหน้าจ๋อยๆเดินออกไป วราพรรณยิ้ม
“เป็นเจ้านายคนนี่ดีจังวุ้ย พูดอะไรใครก็เกรงใจ หุหุ”
วราพรรณเปิดอ่านเอกสารที่ได้มา

นับดาวเดินขึ้นมาบนบ้าน ได้ยินเสียงรจนาร้องเพลงลูกกรุงโหยหวนมาจากห้องที่แง้มประตูอยู่ เธอมองผ่านช่องประตูที่แง้มอยู่ เห็นรจนาแต่งชุดราตรีเต็มสูบ และร้องอยู่บนเตียงประหนึ่งเป็นเวทีคอนเสิร์ต นับดาวมองแล้วถอนหายใจไม่กล้าทำอะไรที่จะดับฝันย่า
นับดาวเดินเข้ามาในห้องพระ เธอพนมมืออธิษฐาน
“หนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันไม่ดี แต่ถ้ามันทำให้คนอื่นเขามีความหวัง มีความสุข หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง หนูอยากให้ทุกคนมีความสุขต่อไป ส่วนกรรมทั้งหมดขอให้มันมาตกที่หนูเอง แล้วบุญที่หนูทำดีมาขอให้ทำให้คุณเป็นไทผ่านเรื่องร้ายๆไปได้ด้วยดี คุณยูกิปลอดภัย และหาตัวเธอเจอเร็วๆ ก่อนที่อะไรมันจะแย่ลง สาธุ...”
นับดาวเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง เธอรู้สึกผิดกับสิ่งที่กำลังทำอยู่

เป็นไทเดินออกมาที่ระเบียงห้อง เขาชะโงกไปดูรอบๆเพื่อความปลอดภัย
“น่าจะปลอดภัยนะ อยู่สูงขนาดนี้มันไม่น่าจะถึงขั้นจ้างสไนเปอร์นะ”
เป็นไทมานั่งทอดอารมณ์ต่อที่ริมระเบียง เขาคิดถึงเหตุการณ์วันนี้ที่เจอ นึกถึงตอนที่โดนดาวกระจายจู่โจม แล้วนับดาวบอกว่าเป็นห่วงเขา เป็นไทยิ้ม สุขใจ ขณะกำลังอารมณ์โรแมนติก ลมก็พัดแจกันบนโต๊ะล้มลงส่งเสียงดัง เป็นไทสะดุ้งเฮื้อก รู้สึกไม่ปลอดภัยทันที
“เฮ้ย...” เป็นไทมองซ้ายขวา ระแวดระวัง “อะไรวะ แค่คิดถึงก็ไม่ได้เลยรึไง มันไม่มากไปหน่อยเหรอ”
เป็นไทรีบเดินเข้าบ้านอย่างระแวง

วันใหม่...นับดาวพลิกดูข้อมูลทั้งหมดที่ได้จากวราพรรณ ก่อนจะพูดสรุปเรื่องทั้งหมด
“ฉันว่าเราอยู่เฉยๆ ไม่ได้แล้วฉันจะไปบอกคุณเป็นไท”
นับดาวผลุนผลันลุกขึ้นออกไป วราพรรณตกใจรีบตามไป
“เฮ้ย! ทำอย่างนั้นไม่ได้นะ”
“แล้วจะปล่อยให้ยูกิตกอยู่ในอันตราย งานคอนเสิร์ตคุณเป็นไทพังไม่เป็นท่าได้ไง”
“แต่ถ้าแกบอกคุณเป็นไทก็ต้องรู้สิว่าแกเป็นตัวปลอม”
นับดาวชะงักไป
“เออจริง”
“แล้วไหนจะเรื่องงานฉันงานแก มีหวังได้พังกันหมดแน่”
“แล้วแกจะปล่อยให้คนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วย ต้องมาเดือดร้อนเพราะความเห็นแก่ตัวของเราสองคนเหรอ ฉันทนโกหกใครต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
“แล้วแกคิดเหรอว่าจะมีคนเชื่อเรื่องที่แกพูดเหรอหลักฐานสักอย่างก็ไม่มี เผลอๆ จะถูกเหมาว่าเป็นพวกเดียวกับยัยซีซีด้วย”
นับดาวอ่อนลง
“นั่นสิ ฉันก็ลืมคิดข้อนี้ไป”
วราพรรณปลอบ
“เรื่องนี้มันใหญ่เกินตัวเรา แถมีคนหลายคนมาเกี่ยวข้องด้วย ทำอะไรต้องรอบคอบ จะใช้อารมณ์อย่างนี้ไม่ได้”
“แต่จะให้ฉันนั่งเฉยๆโดยไม่ทำอะไร ฉันก็ทำไม่ได้เหมือนกัน” นับดาวตัดสินใจแน่วแน่ “ยังไงก็ต้องบอกให้คุณเป็นไทรู้ ส่วนเค้าจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเค้า”
นับดาวพูดเสร็จเดินออกไปอย่างเด็ดเดี๋ยว วราพรรณรีบตามไป
“เฮ้ย นับดาว เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อน รอฉันด้วย”

เป็นไทกำลังขับรถเล่นอยู่ เสียงมือถือดังขึ้น เขาหยิบมาดู พอเห็นว่าเป็นชื่อยูกิ ก็ลำบากใจ เขาครุ่นคิดในใจ
‘ฉันไม่ดีเองที่ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ฉันไม่อยากให้เธอหรือใครต้องลำบากใจเพราะเรื่องนี้อีก’
เป็นไทตัดใจ วางมือถือลงที่เดิมปล่อยให้เสียงเรียกดังจนขาดหายไป
นับดาวปิดมือด้วยความผิดหวัง วารพรรณเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง
“ว่าไง”
“เค้าไม่ยอมรับสาย”
“นั่นไง แสดงว่าเจ้าตัวเค้าไม่อยากรู้ จะมาว่าเราทีหลังไม่ได้”
“ฉันจะไปหาเค้าที่คอนโด”
“ยังไม่หายบ้าอีกงั้นเชิญแกไปคนเดียวแล้วกัน ฉันไม่เอาด้วยแล้ว”
วราพรรณเซ็ง

วราพรรณขับมอเตอร์ไซด์เลี้ยวออกมาตามทางๆหนึ่ง แล้วมือถือก็ดังขึ้น เธอจอดรถหยิบมือถือมาดูเห็นหน้าจอชื่อคนที่โทรมา “ไอ้เกย์” ก็รับแบบเซ็ง ๆ
“โทรมาทำไม”
“คุณเป็นญาติของคนไข้ชื่อองอาจใช่มั้ยครับ”
“ไม่ใช่ญาติ ขนาดรู้จักยังไม่อยากรู้จักเลย”
“แต่ผมติดต่อใครไม่ได้จริง ๆ คือตอนนี้เค้าอาการโคม่าน่ะครับ หมอต้องการคนเซ็นรับรองเพื่อผ่าตัดด่วน”
วราพรรณตกใจ
“หาว่าไงนะ ได้...เดี๋ยวฉันจะรีบไป”
วราพรรณรีบขับมอเตอร์ไซด์ออกไป

องอาจรับมือถือคืนจากรปภ.ของโรงพยาบาล พร้อมกับส่งเงินให้หนึ่งร้อยบาท
“ขอบใจมากนะพี่”
รปภ.รับเงินแล้วเดินไป องอาจพูดกับตัวเอง
“ชอบกวนประสาทดีนัก ต้องแกล้งซะให้เข็ด”
องอาจยิ้มกับตัวเอง

วราพรรณรีบวิ่งอย่างร้อนใจมาตามโถงหน้าห้อง ผลักประตูเข้ามาในห้อง พลางถามอย่างร้อนใจ
“ฉันมาแล้วคนไข้เป็นยังไงบ้าง...”
วราพรรณพูดไม่ทันจบก็เห็นองอาจยังใส่ชุดโรงพยาบาล ยืนอยู่ริมหน้าต่างหันมายิ้มแต้ ทักทาย
“อ้าว เธอเองเหรอ”
วราพรรณงงๆ
“ก็ไหนโรงพยาบาลบอกว่านายโคม่า”
องอาจทำหน้าซื่อ
“เปล่านี่ สงสัยมีเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า”
“แต่มีคนโทรมาบอกฉัน แถมเบอร์ที่โชว์ก็เป็นเบอร์นาย”
องอาจยิ้มล้อๆ
“นั่นแน่ เดี๋ยวนี้เมมเบอร์ผมไว้ด้วยเหรอ”
วราพรรณไม่พอใจแกล้งกลบเกลื่อน
“ฉันจะได้รู้ไงเวลานายโทรมาจะได้ไม่รับ”
“แต่คุณก็รับแถม แถมยังมาหาผมเพราะความเป็นห่วงอีกต่างหาก”
วราพรรณโกรธ
“หมายความทั้งหมดเป็นแผนนายใช่มั้ย”
“นี่คุณอย่ามาใส่ร้ายกันสิ”
“ถ้านายไม่รู้เค้าจะใช้เบอร์นายโทรมาได้ไง”
องอาจแก้ตัว
“ก็แบตผมหมดฝากให้รปภ.ช่วยชาร์ตให้สงสัยสลับกับเครื่องคนอื่นมั้ง”
“โกหก”
วราพรรณเข้าไปล็อกแขนข้างหนึ่งขององอาจไว้ด้านหลัง ก่อนจะเตะเขาจนทรุดลงไปกองกับพื้น องอาจร้องเสียงหลง
“โอ๊ยๆ อย่าทำผม รู้อย่างนี้ตอนนั้นปล่อยให้พวกไอ้โม่งรุมโทรมซะก็ดี ไม่น่าไปช่วยเลย”
“ฉันต่างหากที่ช่วยนาย”
วราพรรณบีบแขนหนักขึ้นไปอีก องอาจเจ็บ
“แต่ถ้าผมไม่เข้าไปป่านนี้คนที่เจ็บอาจจะเป็นคุณก็ได้ แล้วไหนจะเรื่องซีซีอีก ถ้าผมไม่ช่วยคุณ คุณก็คงทำงานไม่สำเร็จ”
วราพรรณได้ยินชื่อซีซีก็ตกใจรีบปล่อยแขนองอาจ
“นี่นายรู้ความจริงหมดแล้วเหรอ รู้ได้ไง ใครบอก”
องอาจเจ็บแขนลุกขึ้นตอบ
“คุณนั่นแหละบอก เล่นซักข้อมูลซะละเอียดยิบ ถ้าไม่เอาไปทำงานแล้วจะเอาทำอะไร”
วราพรรณโล่งอก
“แล้วไป คิดว่ารู้เรื่องอะไรซะอีก”
องอาจสงสัย
“คุณมีอะไรปิดบังผมหรือเปล่า”
“ไม่มี ไม่ใช่เรื่องของนายอย่าถามมากอารมณ์เสีย”
วราพรรณทำท่าจะเดินออกไป องอาจแกล้งล้ม
“โอ๊ย”
วราพรรณทำหน้าเซ็งหันมา
“อยากโดนซ้ำใช่มั้ย”
องอาจแกล้งกลัว
“โอ๊ย กลัวๆ ผมต้องโทรบอกคุณซีซีเรื่องที่คุณซักประวัติเธอแล้ว เธอจะได้ระวังตัว”
“เฮ้ย...อย่านะ”
“นั่นแน่ แสดงว่ามีความลับจริงๆด้วย เอาเป็นว่าผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกก็ได้ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนโอเคมั้ย”
วราพรรณเซ็ง องอาจแอบยิ้มเป็นต่อ

วราพรรณเข็นรถเข็นให้องอาจนั่งอย่างสบายใจทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรมากเลย วราพรรณพูดเซ็งๆ
“คราวนี้พอใจหรือยัง”
“ยัง เพราะต่อไปนี้ถ้าผมโทรเรียกคุณเมื่อไหร่คุณก็ต้องมา”
วราพรรณโกรธ
“อย่างนี้มันจะมากไปแล้ว”
องอาจแกล้งยิบมือถือขึ้นมาโทร วราพรรณร้องห้าม
“คุณซีซีครับมีคนตามเช็กประวัติคุณครับ”
วราพรรณแค้นๆ
“ก็ได้ๆ รอให้ฉันเสร็จงานนี้ก่อนเถอะเราได้เห็นดีกันแน่”
องอาจขำ
“แต่ผมกลัวว่ากว่าจะถึงวันนั้นคุณจะหลงรักผมซะก่อน”
“ไอ้บ้า ไม่มีทาง”
วราพรรณเขิน ทำกร้าวใส่ องอาจยักคิ้วเป็นต่อ แล้วสั่ง
“เย็นนี้อยากกินขนมจีบ ออกตังค์ให้ด้วยนะ”
องอาจลุกขึ้นเดินออกไปได้อย่างหน้าตาเฉย กวนประสาท วราพรรณมองตามขุ่นใจ
“ไอ้เกย์ตัณหากลับ...ฝากไว้ก่อนเถอะ"

นับดาวเดินมาอย่างเหงาๆ เศร้าๆอยู่ที่สวนสาธารณะ เธอตามหาเป็นไทไม่เจอแล้วทรุดนั่งที่มุมหนึ่ง
ถอนหายใจเฮือก ขณะเดียวกันนั้น เสียงมือถือดังขึ้น เธอหยิบมากดรับสาย...วราพรรณกลับจากการออกไปซื้อขนมจีบ ถือถุงขนมจีบเดินมาพูดมือถือกับนับดาวที่มุมหนึ่ง
“เป็นไงแก คุณเป็นไทเขาว่ายังไงบ้าง”
“ฉันยังไม่เจอเขาเลย”
“อ้าว”
“ฉันไปตามเขาทั้งที่คอนโดแล้ว รออยู่ตั้งนานเขาก็ยังไม่กลับมาเสียที”
“ที่โรงพยาบาล คุณเป็นไทก็ไม่ได้มานะ”
“รู้ได้ไง แกไปหาคุณองอาจเหรอ”
วราพรรณเสียงสูงขึ้นมา ร้อนตัว
“เปล้าว...ใครจะไปหาไอ้เกย์บ้าอย่างนั้นล่ะ ฉันแค่เดาเอา แกไม่ต้องสนใจหรอก รีบกลับบ้านไปพักเถอะ”
“ไม่...ฉันไม่มีทางเปลี่ยนใจ ยังไงฉันต้องพบคุณเป็นไทให้ได้”
“ฉันไม่ได้บอกให้แกเปลี่ยนใจ ฉันแค่บอกให้แกเปลี่ยนสถานที่”
“ว่าไงนะ”
“พรุ่งนี้คุณเป็นไทเขาก็ไปทำงานไม่ใช่เหรอ เราก็ไปพบเขาที่ออฟฟิสสิ...เพื่อนรัก”
“เออ...จริงด้วย แหมเรื่องแค่นี้ทำไมฉันคิดไม่ออกนะขอบใจมากนะ นุ้ย เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน”
นับดาววางสาย ยิ้มออกมาได้

สายๆของวันใหม่...ซีซีเดินมามองออฟฟิศเป็นไท แววตามุ่งมั่น
“ฉันขอดูหน้ายายยูกิที่พวกแกพูดถึงหน่อยเถอะ อยากรู้นักว่าไอ้คนที่อยู่ที่นี่หรือไอ้คนที่อยู่กับฉันกันแน่ที่เป็นตัวปลอม”
ซีซีจะเดินเข้าไปในออฟฟิศเป็นไท แต่วราพรรณเข้ามาขวางไว้ซะก่อน
“จะไปไหนคะ คุณซีซี”
“แกเป็นใคร”
“คุณนั่นแหละ มาทำอะไรที่นี่”
“ฉันจะมาทำไมแล้วเกี่ยวอะไรกับแก”
“ฉันเป็นบก.หนังสือพิมพ์บันเทิง ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวฉันก็เขียนข่าวคุณได้ แต่จะเขียนข่าวให้ดีขึ้นหรือแย่ลง มันก็อยู่ที่ความพึงพอใจของฉัน”
ซีซีหน้าเหวอ
“บก.เลยเหรอ” ซีซีรีบเปลี่ยนท่าทางทันที ยกมือไหว้ “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ หวังว่าคุณคงเอ็นดูซีซีนะคะ”
“มือไม้อ่อนขึ้นมาเลยนะ”
“ปกติซีซีก็เป็นคนมีสัมมาคารวะอยู่แล้วค่ะ”
“สัมมาคารวะแบบไหน เมื่อกี้นี่แทบจะเหยียบหัวกันอยู่แล้ว”
ซีซีจ๋อยไป
“คือวันนี้ ฉันมาหาไอยูกิน่ะค่ะ”
“ไม่ได้ ไม่มี ไม่อยู่”
วราพรรณยังพูดไม่ทันขาดคำเลย นับดาวก็เดินเข้ามา
“เฮ้ย...นุ้ย มาถึงเร็วจังเลย”
วราพรรณหน้าเสีย ซีซีหันไปตามเสียงที่ส่งมา เห็นนับดาวก็ตกใจ นับดาวเองก็ตกใจเหมือนกัน
“ยูกิ นี่แกจริงๆ”
“ซีซี...”
วราพรรณกับนับดาวมองหน้ากันไม่รู้จะเอาไงดี นับดาวแก้เก้อไปด้วยการพูดภาษาญี่ปุ่น
“โอไฮโย โกไซมัส”
“แกเป็นตัวปลอมใช่มั้ย”
นับดาวพูดสำเนียงญี่ปุ่นเว่อร์
“ตัวปลอมอะไรคะ ไม่เข้าใจ”
“แกจะเป็นตัวจริงไปได้ยังไงล่ะ แล้วที่ฉันจับขังไว้ที่เกาะจะเป็นใคร”
วราพรรณกับนับดาวมองหน้าซีซี นับดาวพูดสำเนียงญี่ปุ่นเว่อร์ๆ
“หมายความว่า...”
“ไม่จริงหรอก เป็นไปไม่ได้”
ซีซีวิ่งเตลิดออกไป นับดาวกับนุ้ยมองหน้ากัน
“คราวนี้เอาไงต่อดี”
วราพรรณถอนใจ
“เรื่องซีซีไว้ก่อน เอาวันนี้ให้รอดก่อนเถอะ”
นับดาวกับวราพรรณมอง พยักหน้าให้กัน

ซีซีตกใจที่เห็นยูกิอีกคน เธอแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง ซีซีโทรหายามาดะทันที
“นี่...ยายยูกิยังอยู่กับแกที่เกาะรึเปล่าน่ะ”
ยามาดะกำลังทำกับข้าวไป คุยโทรศัพท์ไป
“นี่อะไรอีกเนี่ย บอกว่าอยู่ก็อยู่สิ”
ยูกิเดินเอาเสื้อผ้าที่ซักรีดมาให้ยามาดะ
“นี่เสื้อผ้าคุณนะ”
เสียงยูกิรอดเข้าไปในโทรศัพท์
“นั่นเสียงมันเหรอ”
“คุณคิดว่าบนเกาะมีคนอื่นอยู่อีกรึไง เขาก็ทำงานบ้านอย่างที่คุณสั่งนั่นแหละ”
ซีซีสับสน
“มันยูกิตัวจริงรึเปล่า”
“อะไรของคุณ”
“ตอบมาสิ แกแน่ใจนะว่านั่นเป็นยูกิตัวจริง”
“ผมคือคนที่รู้เรื่องยูกิที่สุด ผมไม่เคยคลาดสายตาจากเธอ แล้วคุณอย่าลืมว่าผมเป็นยากูซ่ามืออันดับต้นๆ คุณคิดว่าผมจะจับคนผิดมารึไง คุณก็เห็นว่ายูกิตัวจริง”
“เออ งั้นก็แค่นี้แหละ ดูแลมันอย่าให้คลาดสายตาล่ะ”
ซีซีวางโทรศัพท์ ยามาดะงงๆกับซีซี
“มีอะไรเหรอ”
ยามาดะเขินยูกิ
“เปล่า ไม่มีอะไร”
ยามาดะก้มหน้าก้มตาทำกับข้าวต่อ ยูกิมองยามาดะยิ้มๆ ทางด้านซีซีวางโทรศัพท์แล้วครุ่นคิด
“ถ้านั่นตัวจริง แล้วนี่เป็นใคร...ฉันต้องรู้ให้ได้เลยคอยดูสิ”

ซีซีเครียดจัด










Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 1:26:37 น.
Counter : 220 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]