All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 9 (ต่อ)



วราพรรณยืนรอแพรวไพลินอยู่ที่หน้าออฟฟิศ แพรวไพลินเดินเฉิดฉาย เสื้อผ้าหรูไฮเข้ามา

“นี่แต่งเต็มไปป่ะเนี่ย มีกาล่าดินเนอร์ต่อรึไง”
แพรวไพลินยิ้มหน้าบาน
“ยายยูกิจะหายไป ฉันก็ต้องมีฉลองชุดใหญ่เป็นธรรมดา”
“ใครจะไปรู้ แฟนคุณอาจจะชอบเพื่อนฉันมากกว่ายูกิก็ได้”
“ไม่มีทางหรอก พี่ไทไม่มีทางสนใจยายบ้านนอกนั่นหรอก อีกอย่างมันอยู่ไม่กี่วันก็โดนแฉแล้วแยกย้าย ยิ่งไม่มีทางใหญ่”
วราพรรณยิ้มดูถูก
“จะคอยดู”
“ก็บอกว่าไม่มีทางไง แกนี่ยังไงเนี่ย”
เป็นไทเดินเข้ามาพอดี
“แพรวมาทำอะไรแต่เช้าน่ะ”
“พอดีว่านักข่าวจากหนังสือที่แพรวรู้จักเขาจะมาสัมภาษณ์ยูกิน่ะค่ะ”
วราพรรณรีบแนะนำตัว
“สวัสดีค่ะ ฉันวราพรรณ”
“แต่จะสัมภาษณ์ยูกิต้องนัดล่วงหน้าก่อนนะ”
“แพรวนัดเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“หึ๊...แล้วทำไมพี่ไม่รู้”
“แพรวแจ้งเลขาพี่ไทไว้แล้วนะคะ”
“แต่...”
เป็นไทจะแย้งอีก นับดาวเหมือนรู้คิวเดินเข้ามาด้วยท่าทางแบบญี่ปุ่นที่โอเวอร์กว่าปกติ
“โอไฮโยะ ค่ะทุกคน”
“เอ่อ ยูกิครับ”
“ฉันมีนัดสัมภาษณ์ใช่มั้ยคะ เลขาคุณไทโทรไปแจ้งเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“งั้นเหรอ...ถ้างั้นก็เชิญด้านในกันก่อนเลย”
เป็นไทผายมือเชิญทุกคนเข้าไปในบริษัท แล้วเดินนำไปยังห้องประชุม
“จะสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นอะไรเหรอครับ”
“เกี่ยวกับคอนเสิร์ตที่จะเกิดขึ้นนี่แหละค่ะ”
“ถ้างั้นผมขออยู่ฟังด้วยละกันนะครับ”
แพรวไพลินกับวราพรรณพูดพร้อมกัน
“ไม่ได้ค่ะ”
เป็นไทมองงงๆ แพรวไพลินรีบบอก
“คือนักข่าวเค้าแจ้งแพรวไว้แล้ว ว่าเค้าต้องการความเป็นส่วนตัวเวลาสัมภาษณ์”
เป็นไทสงสัย
“ทำไม”
วราพรรณอึกอัก
“คือ...ไม่งั้นจะเกร็ง แล้วทำออกมาไม่ดีน่ะค่ะ”
“เอางั้นก็ได้ครับ แต่ยังไงผมก็ขอดูต้นฉบับก่อนตีพิมพ์ด้วยละกัน”
“ได้ค่ะ”
“งั้นเดี๋ยวพี่ไทไปกับแพรวนะคะ เดี๋ยวแพรวจะนวดไหล่ให้”
นับดาวมองแพรวไพลินที่ออดอ้อนเขา เป็นไทเดินออกไปกับแพรวไพลินแต่ก็ชำเลืองตามองนับดาว วราพรรณแอบมองพฤติกรรมของทั้งคู่ จนแพรวไพลินกับเป็นไทออกไปจากห้อง เธอจึงหันมาแซว
“แกชอบเค้าเหรอ”
“อะไร เปล่าซะหน่อย”
“อย่ามาโกหก ตั้งแต่ฉันรู้จักกับแกมา ไม่เคยเห็นแกมองใครด้วยสายตาแบบนั้น”
“ฉันก็มองของฉันไปเรื่อยนั่นแหละ”
“เอาเถอะ โกหกฉัน ก็โกหกหัวใจตัวเองด้วยก็แล้วกัน”
“มัวพูดเรื่องอะไรอยู่เนี่ย เดี๋ยวก็เสียแผนกันพอดี”
“โอเค งั้นมาเริ่มแผนซ้อนแผนกันเลย”
วราพรรณเดินไปล็อคประตูห้องประชุม
“เพื่อแผนที่แนบเนียน เราจะทำการสร้างช่องโหว่”
“หืม”
“เอาเสื้อผ้าที่ฉันให้เตรียมไว้มามั้ย”
นับดาวพยักหน้า วราพรรณส่งยิ้มให้อย่างนักวางแผน

นับดาวเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเป็นชุดที่ดูบ้านๆ ไม่หรูหรา เหมือนคนธรรมดามากว่าซุปเปอร์สตาร์ เธอเอาเสื้อผ้าชุดเก่าเก็บใส่กระเป๋า วราพรรณเตรียมกระดาษเช็ดเครื่องสำอางมาลบหน้าที่แต่งสวยๆพร้อมกับแต่งให้ดูโทรมขึ้นนิดนึง
“แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว”
“อะไรเรียบร้อย”
“ก็วิธีการสร้างช่องโหว่ให้สมจริงไง ไม่เชื่อแกคอยดู”
“เฮ้ย เดี๋ยว แล้วพวกเขาจะเชื่อเหรอ”
“นี่ ถ้าพวกนั้นเขาคิดว่าฉันจะบุกบริษัท ลักพาตัวซุปตาร์ได้ด้วยตัวคนเดียวละก็น่ะ มันก็โง่บรมแล้วว่ะ มันจะทำได้ไง ไม่งั้นคนก็หายไปทั่วประเทศแล้ว”
“ก็จริง”
“ถ้างั้น มันไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วเว้ย”
“เอา ว่าไงก็ว่าตามกัน”
นับดาวกับวราพรรณยิ้มให้กัน ก่อนที่ วราพรรณจะเปิดประตูห้องประชุมอกไป ตามไปด้วยนับดาว พอทั้งสองเดินออกมาจากห้องประชุม เป็นไทที่รออยู่นานก็รีบพุ่งเข้าหาทันที แพรวไพลินมองนับดาวแล้วก็หงุดหงิด เดินพุ่งมากระซิบวราพรรณ
“นี่แกลากเพื่อนขึ้นมาจากที่นอนรึไง ทำไมสภาพเป็นแบบนี้ แล้วดูซิเสื้อผ้ากระจอกแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนจับได้กันพอดี”
เป็นไทมองนับดาว
“เอ๊ะ เหมือนเมื่อกี้ยูกิไม่ได้แต่งตัวแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
แพรวไพลินเซ็งเลย
“นั่นไง เห็นมะ”
“พอดีว่าเราถ่ายรูปกันนิดหน่อยเลยเปลี่ยนชุด แล้วก็อยากได้หน้าแบบสไตล์เซอร์หน่อยน่ะค่ะ เลยไม่ให้แต่งหน้าจัด”
นับดาวแสดงท่าญี่ปุ่นแบบเว่อร์มาก
“ไฮ้ ซูมิมาเซน มากๆเลยนะคะ ที่ไม่ได้บอกก่อนหน้ายูกิดูแย่มากเลยเหรอเคอะ”
แพรวไพลินกระซิบนับดาว
“ให้มันน้อยๆหน่อย แบบนี้เค้าก็จับได้พอดี”
วราพรรณแอบยิ้มที่แผนที่เธอวางไว้สำเร็จจริงๆ
“ผมว่ายูกิดูแปลกๆไปนะครับ”
แพรวไพลินตกใจ รีบแก้ตัว
“แปลกตรงไหนคะพี่ไท ปกติก็เห็นเพี้ยนอยู่แล้ว อย่าไปสนใจเลยค่ะ ไปหาอะไรทานกันดีกว่าพี่ไท”
แพรวไพลินพยายามลากเป็นไทออกไป พอแพรวไพลินกับเป็นไทออกไป นับดาวกับวรพรรณก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะคิกคัก
“เห็นมั้ยเป็นไปตามแผนเป๊ะ ฉันบอกแล้ว ยายแพรวนี่น่ะมีดีแค่เงินเท่านั้นแหละ”
นับดาวมองตามเป็นไทไป เธอรู้ดีว่าแพรวมีดีอีกอย่างที่เหนือเธอคือ มีเป็นไทนั่นเอง ขณะเดียวกันนั้น เสียงโทรศัพท์วรพรรณดังขึ้น เธอกดรับสาย

สังวรณ์คุยโทรศัพท์กับวราพรรณเพื่อเช็คงาน
“เป็นไง...งานเรียบร้อยดีมั้ย”
“ก็ดีค่ะ”
“ถ้างั้นก็ดี แล้วนี่เธอเอายูกิตัวจริงไว้ไหน”
“เอ่อ…เอาไว้ บนรถตู้ค่ะ เธอสลบอยู่”
“ดี งั้นฉันขอเช็คผลงานหน่อย”
“ห๊า...มีเช็คด้วยเหรอ”
“นี่ ถึงยายแพรวมันจะโง่ ฉันก็ไม่ได้โง่เหมือนมันหรอกนะ อย่าเที่ยวเหมารวม”
วราพรรณหน้าเสีย
“ค่ะ ได้ค่ะ”
สังวรณ์วางโทรศัพท์อยางสะใจ
“คราวนี้ล่ะไอ้เป็นไท ฉันอยากจะเห็นว่าแกจะแก้ตัวกับสื่อยังไง”

วราพรรณหน้าเครียดมาก หลังจากวางสาย รีบบอกนับดาว
“เฮ้ย นับดาว แย่แล้วว่ะ”
“เรื่องอะไร”
“คุณซังวอนเค้าอยากจะเช็คว่ายูกิถูกจับจริงมั้ย”
“ถ้างั้นฉันก็ต้อง...”
วราพรรณพยักหน้า
“ใช่...”
นับดาวหน้าเหยเก

รถของสังวรณ์จอดรออยู่ที่ ลานจอดรถค่อนข้างเปลี่ยว ครู่หนึ่งมีรถตู้เข้ามาจอดตรงหน้า วราพรรณเดินออกมาจากรถตู้ ส่วนสังวรณ์ก็ลงมาจากรถ
“ขอฉันดูตัวจริงยูกิใกล้ๆหน่อย”
วราพรรณเดินไปเปิดรถตู้ นับดาวถูกมัดมือ มัดแขน มัดปาก ติดกับเบาะ พยายามดิ้นขัดขืน สังวรณ์จับหน้าดู แล้วก็เอาผ้ามัดปากออก นับดาวแอ๊บญี่ปุ่นแต่ไม่ค่อยเหมือน
“ตาสสูเกเตะ ตาสสูเกเตะ”
สังวรณ์เอาผ้าปิดตามเดิม หันมาถามวราพรรณ
“นั่นพูดว่าอะไรน่ะ สำเนียงแปล่งๆนะ”
“ก็แบบขอความช่วยเหลือน่ะค่ะ”
“เธอฟังออกด้วยเหรอ”
“ก็น่าจะประมาณนั้นนะคะ ฉันว่าเธอคงตกใจเสียงเลยเพี้ยนน่ะค่ะ”
สังวรณ์ เอาหน้าเข้าไปดมใกล้ๆ
“กลิ่นตัวหอมสดชื่น จนอยากจะเอามาสกัดเป็นหัวน้ำหอม”
นับดาวทำท่ารังเกียจ วราพรรณรีบเข้ามาช่วยกัน
“คุณซังวอนอย่าลืมสัญญา ว่าจะไม่ยุ่ง จะปล่อยให้ฉันเป็นคนดูแลยูกิเอง”
“เออ ไม่ลืมหรอก ฉันก็แค่เช็คของเท่านั้นเอง...แล้วนี่จะเอาไปขังไว้ไหน”
“เกาะค่ะ”
“เกาะอะไร”
“ฉันบอกคุณซังวอนไม่ได้หรอก เพื่อความปลอดภัยของยูกิ”
สังวรณ์เซ็งๆ
“เออ จะทำอะไรก็ทำเถอะ ขอให้แผนฉันสำเร็จก็พอ”
สังวรมองนับดาวด้วยแววตาของผู้ชนะ

วราพรรณขับรถตู้มาจอดริมถนน เธอรีบวิ่งลงมาเปิดประตูเข้าไปแก้มัดให้นับดาว
“เฮ้ย แกมัดแน่นมาก ฉันแทบจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว”
“ก็ต้องทำให้มันสมจริงสิวะ คราวนี้ล่ะ เราก็เป็นคนคุมเกมแล้ว”
วราพรรณยิ้มมีความสุขแต่นับดาวดูจะลำบากใจ
“มัวแต่ดีใจอยู่นั่น รีบพาฉันไปซ้อมสิ เดี๋ยวก็เรื่องใหญ่หรอก”
“เออ ใช่ๆ”
วราพรรณรีบวิ่งไปนั่งที่คนขับแล้วขับออกไป

เวทีถูกเซ็ตเรียบร้อยแล้ว ทีมงานเดินไปเดินมาเช็คเสียง เป็นไทชะเง้อรอนับดาว องอาจเดินเข้ามาถาม
“ชะเง้อคอยาวเลยนะ ไหนบอกว่าจะห่างกันซักพักกับยูกิไง”
“ผมห่วงงาน มันควรจะลองรันได้แล้ว”
“ห่วงงานเหรอ ไคคุงเค้าจะฟังมั้ยนั่น เดี๋ยวก็โดนลูกดอกปักอกเข้าจริงๆหรอก”
“แล้วนี่หายดีแล้วเหรอ”
“ผมห่วงงานกับเจ้านายมากกว่าน่ะสิ”
“น้ำตาจะไหล” เป็นไทประชด
ขณะเดียวกันนั้น นับดาวเดินกระหืดกระหอบเข้ามา
“ขอโทษทีค่ะ พอดีทำธุระเพิ่งเสร็จ...อ้าวคุณองอาจหายแล้วเหรอคะ”
“พอคุณยูกิไปเยี่ยม ผมก็อาการดีขึ้นทันทีเลย”
“เกินไปค่ะ”
นับดาวกับเป็นไทสบตากัน แต่บังเอิญว่าพอสบตากับปุ๊บ เสียงเหล็กจากการขนฉากก็ตกใส่พื้นเสียงดัง เป็นไทกับองอาจ สะดุ้งเฮื้อก นึกว่าโดนเล่นอีกแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไร แต่เป็นไทก็ตีตัวห่างกับนับดาว ไม่กล้าเข้าใกล้

เย็นนั้น นับดาวเทสเสียง อยู่บนเวที เป็นไทกับองอาจอยู่ด้านล่างเวที ทีมงานต่างวุ่นในหน้าที่ของตน เป็นไทยืนดูนับดาวอยู่ไกลๆ องอาจเดินมาแซวอีก
“อยากจะตีตั๋วดูแถวหน้ามั้ย”
“พูดอะไรของคุณน่ะ”
“น่าสงสารจริงจริ๊ง อยากดูแลใกล้ๆ แต่ก็ได้แค่มองดูอยู่ไกล เพราะกลัวอันตรายจะเกิดกับตัวเอง”
“นี่คุณหาว่าผมห่วงตัวเองมากกว่าคนอื่นเหรอ”
“ทำไมละครับ ใครก็ต้องห่วงตัวเองมากกว่าคนอื่นทั้งนั้น ไม่เห็นแปลกเลย ไอ้พวกเสียสละยอมเจ็บ ยอมตายนั่นสิแปลก”
องอาจยังพูดไม่ทันขาดคำ นับดาวก็ไปเหยียบบริเวณที่น็อตเวทีไม่แน่น ทำให้เธอเสียหลัก เซลงจากเวที เป็นไทหันไปเห็นพอดี เขารีบวิ่งสุดชีวิต เอาตัวไปรองนับดาวที่ตกลงมาจากเวที การกระแทกทำให้เขาจุกแอ่ก ทีมงานคนอื่นๆตกใจกันหมด ทั้งคู่ต่างมองตากันอย่างโรแมนติค จนคนเริ่มเข้ามามุง นับดาวไม่เป็นอะไรรีบลุกขึ้นมา ส่วนเป็นไทนอนจุกนิ่ง องอาจมองเหวอ
“นั่นไง เจอพวกแปลกยอมเสียสละเข้าซะแล้ว”
นับดาวเป็นห่วงเขา
“คุณไทเป็นอะไรรึเปล่า...คุณไท”
เป็นไทยังจุก
“คุณปลอดภัยดีใช่มั้ย”
“ค่ะ” นับดาวช่วยพยุงเป็นไทลุกขึ้น “คุณไทสิหนักเลย มาช่วยฉันทำไมคะเนี่ย อันตรายเปล่าๆ”
“มันมีอะไรที่อันตรายกว่านี้อีกครับ”
องอาจเข้ามาถาม
“คุณไทเป็นไงบ้าง”
“ห่วงเวทีที่พังมากกว่าฉันเถอะ ไม่งั้นยูกิจะตกอีก”
องอาจเห็นเป็นไทห่วงยูกิ ก็ยิ้มมุมปาก ยิ่งได้เห็นนับดาวที่ทำท่าทางห่วงเป็นไทมาก เขายิ่งยิ้ม

ค่ำนั้นองอาจ พยุงเป็นไทมาที่ห้องอย่างทุลักทุเล
“นี่มันเตี้ยอุ้มค่อมชัดๆ”
“ก็บอกแล้วว่าไม่ต้องมาส่ง”
“ไม่มาก็ไม่ได้เห็นหน้าคนผู้เสียสละที่โคตรยิ่งใหญ่ชัดๆน่ะสิ”
“เสียสละอะไร”
“รู้ตัวว่ารักยูกิตั้งแต่เมื่อไหร่”
เป็นไทตกใจ
“ห๊า...อะไร นี่พูดอะไรน่ะ”
“ก็สิ่งที่คุณไททำวันนี้น่ะ ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเค้า ถ้าไม่รักจะเรียกว่าอะไร”
เป็นไทนิ่งไป องอาจยิ้มบางๆ
“มนุษย์น่ะมีสัญชาตญาณความเห็นแก่ตัว มีคนไม่กี่คนหรอกที่จะยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้คนอื่นปลอดภัย และส่วนใหญ่เรามักจะทำแบบนั้นให้คนที่เรารัก...เหตุผลแค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ”
“คุณแยกสัญชาตญาณออกจากสิ่งที่ผมทำสิคุณองอาจ พอมันไม่มีเวลาคิดผมก็ทำ อะไรโดยไม่ได้คิด แต่พอมีเวลาคิดดีๆ ผมก็กลัวกับการขู่ของไคคุงจับใจ”
“จากสิ่งที่คุณไททำไปวันนี้ ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วครับ”
เป็นไทมองคิดถึงตอนที่นับดาวตกมาใส่ แม้เป็นโมเม้นต์สั้นๆ แต่เขาก็ประทับใจที่ได้ใกล้ชิดกับเธอ เขาย้อนคิดถึงช่วงเวลานั้น
นับดาวนอนเหม่อคิดถึงสถานการณ์เดียวกันอยู่ในห้อง แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“ทำไมเขาต้องยอมเจ็บตัวเพื่อเราด้วย...ทำไมต้องทำแบบนี้นะ รู้มั้ยว่ามันยิ่งให้ความหวังกันไปใหญ่ เพราะสุดท้ายคุณก็ไม่ชอบฉันอยู่ดี...อย่าฝันนับดาว เขาไม่ได้สนใจเราหรอก”
นับดาวพยายามข่มตาให้หลับ เพื่อดับฝัน

เช้าวันใหม่...เป็นไท เลือกผลไม้ ที่แผงอย่างใส่ใจมีความสุข เป็นไทเดินเข้ามาซื้อสั่งคนขายซื้อ น้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ เมื่อเดินผ่านแผงขายผัก เป็นไทชะงัก มองดอกแคร์ที่วางบนแผงงามๆ มองอมยิ้ม
ขณะเดียวกันที่บ้าน...รจนากำลังร้องคาราโอเกะ เพลงเก่าอยู่ วอร์มเสียงยามเช้า
“ความรักเอย เจ้าลอยลมมาหรือไร มาดลจิต มาดลใจ เสน่หา...”
นับดาว เดินแบบเหม่อๆแบบคน อยู่ในห้วงรัก ลงมาจากชั้นบนบ้าน เดินผ่านเข้ามาที่ย่า แล้วหยิบไมค์อีกตัว ขึ้นมาร้องกับย่าด้วย อย่างอินเลิฟ อารมณ์สุนทรีย์
“รักนี้จริงจากใจหรือเปล่า หรือเย้าเราให้เฝ้าครวญหา หรือแกล้งแต่จะแลตา ยั่วอุราให้หลงลำพอง...”
รจนามองนับดาวอึ้ง เหวอไป
“นับดาว...ผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย”
นับดาวยังร้องต่ออย่างอินเต็มที่ รจนารีบปิดคาราโอเกะ แล้วหยิบที่ฉีดน้ำรีดผ้า ขึ้นมาฉีดใส่ นับดาวสะดุ้ง ร้องห้าม
“โอ้ย ย่า มาเล่นสงกรานต์อะไรตอนนี้”
“ไม่ได้เล่นสงกรานต์ ฉันไล่ผี”
“ผีเผลอที่ไหนล่ะย่า หนูรู้ตัวดี หนูมีสติ หนูกำลังมีความรัก”
นับดาวชะงักกึก รู้ตัวว่าหลุดปากไปแล้ว รจนามองอึ้งไปอีก
“อะไรนะ...”
“ก็มีความรักให้ย่าไงจ๊ะ”
“อย่ามาปากหวานหน่อยเลยน่า ร้องได้อินขนาดนี้ มันต้องมีความผิดปกติที่หัวใจบ้างแล้วล่ะ”
รจนามองจับผิด นับดาวอึกอัก เสียงกริ่งหน้าบ้านดังเข้ามา นับดาวรีบถือโอกาสชิ่งออกไป
“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะย่า หนูไปดูก่อนว่าใครมา”
นับดาวเปิดประตูรั้วบ้านออกมา มองหาคน แต่ไม่เห็นใครหน้าบ้านเลย เธอหันไปเห็นถุงผลไม้กับน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋ และ มีกรวยใบตองใส่ดอกแคพูนๆ ขึ้นมาสวยงามวางเสียบอยู่กับถุงน้ำเต้าหู้ด้วย ทั้งหมดแขวนอยู่ริมรั้วมุมหนึ่ง
“ฮึ...ของใคร”
นับดาวเข้าไปดู ใกล้ๆ อึ้งๆ งงๆ
“ผลไม้...น้ำเต้าหู้ แล้วนี่อะไร”
นับดาวหยิบกรวยดอกแคร์ขึ้นมาดู...
“ดอกแค...”
นับดาวคลี่ยิ้มออกมา มองชอบใจ เป็นไทที่แอบมองนับดาวอยู่ อมยิ้มเขินๆ นับดาวดูดอกแคในกรวยอยู่ ยิ้มๆ นึกๆ
“ใคร เอามาให้เรานะ ..หรือว่าจะเป็น...”
นับดาวนึกถึงเป็นไท เสียงรองเท้าไคคุงก้าวเข้ามา นับดาวได้ยิน นึกว่าเป็นไทเข้ามา ยิ้มกว้างรีบหันไปหา
“คุณเป็นไท!!”
ไคคุงมองปึ่งชักสีหน้า นับดาวเจื่อน ที่กลายเป็นไคคุง
“ไคคุง!”
“ครับ ...ผมเอง ผิดหวังมากหรือที่เป็นผม”
นับดาวอึกอัก
“เออ เปล่าๆ ค่ะ ช่วงนี้ซ้อมคอนเสิรต์เยอะไปหน่อยยูกิก็เลยเบลอๆ แหะๆ ยูกิขอตัวก่อนนะคะ”
นับดาวหันจะเข้าบ้าน ไคคุงยื่นมือไปจับประตูดึงไว้ ไม่ให้นับดาวเปิดเข้าไป นับดาวชะงัก
“วันนี้วันอะไร”
“คะ?”
“ผมถามว่า วันนี้เป็นวันอะไร”
“วันศุกร์ไงคะ”
“คุณจำไม่ได้จริงๆ หรือว่า วันนี้เป็นวันครบรอบที่เราเจอกันครั้งแรก”
นับดาวอึ้ง แล้วทำท่าจำได้ขึ้นมา
“จริงด้วย ยูกิ ทำแต่งานจนลืมทุกอย่างไปเลยค่ะ”
“งั้นเราคงต้องไปรื้อฟื้นความจำกันแล้วมั้งครับ”
ไคคุงฉวยแขนยูกิ ดึงเดินออกไป ยูกิฝืนตัวไว้
“เอ๊ะ คุณจะทำอะไร ฉันมีงานต้องไปทำนะ”
“ไม่ทำสักวันมันคงไม่ตายหรอก”
ไคคุงเข้ามาจับแขน
“ฉันไม่ไป...ปล่อยฉันนะ”
ไคคุงยังไม่สนใจดึงตัวยูกิออกไปอีก เป็นไทเดินเข้ามาจากมุมหนึ่ง ตะโกนลั่น
“ปล่อยยูกิซะ”
ไคคุงชะงักหันมอง นับดาวดีใจ
“คุณเป็นไท”
ไคคุงหัมมองไม่พอใจ
“นี่เป็นเรื่องของผมกับยูกิ ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
เป็นไทเดินเข้ามาหา
“ก็ใช่ แต่พอดีผมทนเห็นผู้หญิงโดนรังแกไม่ได้”
ยูกิจะวิ่งเข้าไปหาเป็นไท แต่ไคคุงดึงไว้
“คุณเป็นไท ช่วยด้วย”
“หยุดเดี๋ยวนี้ ยูกิ”
เป็นไททนไม่ไหว พุ่งเข้าไป กระชากไคคุงออกมา ต่อยหน้าไปหมัด ไคคุงกระเด็นออกไป เขามองอย่างเดือด
“ไอ้เป็นไท!!”
ไคคุงพุ่งเข้ามาจะต่อยเป็นไท หลบได้หมัด แต่โดนอีกหมัดต่อยเข้าหน้า เป็นไทเซไปติดรั้ว ไคคุงย่ามใจ จะเข้ามากระทืบ เป็นไทถีบไคคุงกระเด็น แล้วตามไปต่อย จนไคคุงล้มไปเจ็บจนจุก เป็นไทจะเข้าไปซ้ำอีก นับดาวรีบเข้าไปห้าม
“พอเถอะคะ คุณเป็นไท”
ไคคุงรีบลุกขึ้นแล้วถอยวิ่งออกไป แล้วชี้หน้าเอาเรื่อง
“แก!! ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”
“แน่จริงก็มาเลย อย่าเอาแต่ลอบกัดก็แล้วกัน”
รจนาเปิดประตูรั้วตามออกมา
“ว้าย ตายแล้ว เกิดเรื่องอะไรกัน”
เป็นไทกับนับดาวหันมองไปมองรจนา

รจนากุลีกุจอ ให้เป็นไทมานั่งที่มุมหนึ่งในบ้าน
“เอ้ามานั่งก่อน ไปหาอะไรมาทำแผลให้คุณเขาหน่อยสิ”
“จ๊ะๆ”
นับดาวจะไป แต่เป็นไทยกมือห้ามไว้
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง ดูสิ ปากงี้เจ่อเชียว มือก็แดงเป็นจ้ำๆเสียขนาดนั้น”
“ต่อยหน้าคนนะครับ ไม่ได้ต่อยถุงแป้ง ก็เจ็บๆ คันๆ บ้างล่ะครับ”
“คุณนี่มันปากดีจริงๆ เออ ฉันมียาสมุนไพร แก้ฟกช้ำอยู่ขวด หลวงพ่อท่านให้มา ทาปุ๊บหายปั๊บเลยนะคุณ เดี๋ยวๆ ฉันเอามาให้นะ”
รจนารีบเดินขึ้นบ้านไป ค้นยามาให้
“ขอบคุณมากนะครับ...”
เป็นไทเลื่อนสายตา มาสบตากับนับดาวเข้าพอดี แล้วพูดต่อ
“ที่เป็นห่วงผม...”
นับดาวสบตาเขิน แต่ทำเป็นเก๊กพูดกับเป็นไท
“เก็บปากไว้ทำแผลดีกว่านะ”
นับดาวค้อน แล้วเดินหนีออกไปทางหนึ่ง เป็นไทมองตามยิ้มๆ

นับดาวเปิดขวดทิงเจอร์ชุบสำลี เอามาแตะที่ปาก เป็นไทเป็นแผลเล็กน้อย แต่ร้องเสียงดัง
“อ๊อยย แสบๆ ทำไมคุณไม่ใช่ไฮโดรเยนล่ะ ทิงเจอร์มันแสบรู้มั้ย”
“แหม ทีเวลามีเรื่องล่ะ ไม่เห็นกลัวเจ็บ”
เป็นไทนึกตาม
“นั่นสิ ตอนที่ถูกขู่ทำร้าย ผมยังไม่เคยรู้สึกกล้าอย่างนี้เลย”
“ฮึ ลอบทำร้าย! งั้นเรื่องดาวกระจายนั่นก็เรื่องจริงน่ะสิ”
เป็นไททำไม่รู้เรื่อง
“ผมพูดเล่นน่ะ เห็นคุณอินกับมันเหลือเกิน”
“แล้วเรื่อง น้ำเต้าหู้ กับ ดอกแคหน้าบ้านล่ะ ฝีมือคุณใช่มั้ย”
เป็นไทเขิน
“เออ ก็...”
“ถ้าเป็นลูกหมาก็ปฏิเสธ ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็รับมา”
“ก็ได้ๆ ฝีมือผมเอง...ผมซื้อมาให้คุณเอง”
นับดาวล้อๆ
“แล้วให้ดอกแคฉันทำไม ...คุณแคร์ฉันเหรอ”
“เปล่า...ผมว่าผมไปกินน้ำก่อนนะ คอแห้ง”
เป็นไทลุกจากเก้าอี้จะไป นับดาวเข้าไปขวางหน้า
“บอกมา เอามาให้ฉันทำไม...”
“ผมว่า ทำแกงส้มอร่อยน่ะ...”
เป็นไทขยับไปอีกทาง นับดาวขยับตามขวางอีก
“อย่ามาโกหก พูดมาเดี๋ยวนี้”
เป็นไทจ้องตากับนับดาว แล้วพูดขึ้นมาบ้าง
“คุณไม่รู้จริงๆหรือว่า เพราะอะไร”
นับดาวอึ้งไปเอง เป็นไทจับมือนับดาวข้างหนึ่งขึ้นมากุม
“หลายๆอย่างที่ผมทำ บางครั้งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง รู้มั้ย ผมลืมตัวเองไปได้ ก็เพราะคุณ คุณทำให้ผมคิดถึงคุณได้มากกว่าตัวของผมเอง”
นับดาวมองเป็นไทซึ้ง น้ำตาคลอ
“คุณเป็นไท”
“คุณเป็นคนดีที่สุดในชีวิตผม เลยนะ ยูกิ ผม อยากจะบอกว่า ผม...”
เป็นไทจะบอกรัก ซึ่งนับดาวก็เข้าใจ แต่เธอรู้สึกตัวเองไม่ดีพอสำหรับเขา รีบยกมือขึ้นมาแตะปากเป็นไทไม่ให้พูด
“อย่าพูดเลยคะ...หยุดมันไว้แค่นี้เถอะ”
เป็นไทอึ้ง ดึงมือนับดาวออก
“ทำไมล่ะ คุณอยากจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ แต่ทำไมเวลาผมจะพูดคุณกลับมาห้าม”
“เพราะฉัน ไม่ได้ดีพอสำหรับคุณไงล่ะ”
“ไม่จริง”
นับดาวยกมือขึ้นแตะแก้มเป็นไทเบาๆ แล้วพูดขึ้นจากใจ
“เชื่อฉัน....เก็บคำๆนี้ไว้ให้คนที่มีค่ากว่าฉันเถอะนะ”
นับดาวผลักเป็นไทเบาๆ แล้ววิ่งออกไปเลย เป็นไทมองตามงงๆ
“ยูกิ เดี๋ยวก่อน”
นับดาววิ่งออกมาจากบาน น้ำตานอง วราพรรณขี่มอร์เตอร์ไซค์เข้ามาพอดี
“เฮ้ย...แกวิ่งออกมาอย่างนี้ได้ไง”
นับดาวรีบโดดขึ้นซ้อนท้าย
“ไปเร็ว นุ้ย”
“ไปไหน”
“ไปเร็วๆเข้า ไป!!!”
วราพรรณจำต้องรีบออกรถไปอย่างเร็ว เป็นไทวิ่งตามออกมาจากบ้าน ไม่ทันเห็นว่านับดาวไปกับวราพรรณ เขามองตามหลังนับดาวไปด้วยความ อาลัยอาวรณ์ ไม่เข้าใจในตัวเธอ

นับดาวซ้อนท้ายรถมอร์เตอร์ไซค์ไป คิดถึงเป็นไท...น้ำตาไหล ร้องไห้ ซบกับไหล่เพื่อน











Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 12:43:33 น.
Counter : 274 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]