All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 5



วราพรรณสะพายกล้องแอบอยู่ข้างๆรถ ชะเง้อมองรอสังวรณ์ลงมา แพรวไพลินเอารถเข้ามาจอดเห็นท่าทางวรพรรณพิรุธ เธอเดินปรี่เข้าไปหา

“นี่เธอมาทำอะไรลับๆล่อๆน่ะ”
วราพรรณตกใจ หันไป แพรวไพลินโวยวาย
“จะขโมยรถใช่มั้ย”
วราพรรณสะดุ้ง
“เฮ้ย...ไม่ใช่นะ”
“แล้วมาทำอะไร ที่นี่มันเป็นที่ส่วนบุคคลนะ”
วราพรรณอึกอัก
“คือฉันมาหามุมถ่ายรูปสวยๆน่ะ ไม่รู้นี่หว่าว่าเป็นที่ส่วนบุคคล”
แพรวไพลินมองพินิจพิเคราะห์
“อ๋อ เธอน่ะคือทอมที่ควงยายยูกินี่นา”
วราพรรณหน้าตื่น
“ฉันไม่ใช่ทอม แล้วฉันก็ไม่เคยควงคนชื่อยูกิด้วย”
“อย่าเลย ฉันจำได้”
วราพรรณจำได้
“อ๋อ...ฉันจำได้แล้วเหมือนกัน คุณคือไฮโซไร้มารยาทที่เดินชนเพื่อนฉันคนนั้นนั่นเอง”
แพรวไพลินไม่พอใจ
“เธอกับยายยูกิน่ะสิไร้มารยาท”
“นี่ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่มีเพื่อนชื่อยูกิ”
“ก็ฉันเห็นอยู่ว่าเธอไปกับยูกิ”
“เพื่อนฉันชื่อนับดาว คนไทยแท้ๆเว้ย ไม่ใช่ยูกิบ้าบออะไรนั่น”
“โอ๊ย จะอะไรก็ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเถียงกับเธอแล้ว ไร้สาระ”
แพรวไพลินเชิดใส่แล้วเดินไป วราพรรณไม่ชอบขี้หน้าแพรวไพลินเอาซะเลย ขณะที่แพรวไพลินไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่จากที่คุยกับวราพรรณ
“นับดาว...นับดาวได้ยังไง ก็เห็นๆอยู่ว่าคือยูกิ”
แพรวไพลินงงๆ แต่ก็พยายามไม่ใส่ใจ

สังวรณ์กับเป็นไท ยังเชือดเฉือนกันต่อหน้านับดาว
“ไปทานข้าวกับผมเถอะนะครับยูกิ คุยโน่นคุยนี่ สัมภาษณ์เรื่องโน้นนิดเรื่องนี้หน่อย”
เป็นไทไม่ยอม
“แต่คุณมีซ้อม เดี๋ยวทีมงานก็มากันแล้ว”
“มีอย่างที่ไหนให้ศิลปินมาก่อนทีมงาน นี่ทำงานแบบมืออาชีพกันเป็นรึเปล่าเนี่ย”
“แล้วคุณละครับ เป็นถึงเจ้าของหนังสือพิมพ์ นิตยสาร แถมยังมีบริษัทออแกไนซ์ แค่สัมภาษณ์ศิลปิน ไม่เห็นต้องลงมาทำเองเลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่มีใครไว้ใจได้ หรือหวังประโยชน์อะไรกันแน่”
สังวรณ์ชักฉุน
“อ้าว...ถ้าจะขุดเรื่องส่วนตัวมาคุยกันแบบนี้ ท่าทางจะยาวนะ”
นับดาวเบื่อหน่ายมากรีบห้าม
“พอเถอะค่ะ”
“ทุกอย่างจะจบด้วยดีเลยครับ ถ้าคุณยูกิให้เกียรติไปทานข้าวกับผมซักมื้อ”
นับดาวอึกอัก
“เอ่อ...”
เป็นไทไม่ยอมรีบแย้ง
“มันไม่ใช่เรื่องจำเป็นที่คุณต้องทำเลยครับยูกิ ข่าวพีอาร์เรามีแจกอยู่แล้ว”
สังวรณ์หันไปอ้อนวอน
“ไปกินเถอะครับ จะได้มีแรงมาซ้อมเต้นต่อนะ”
เป็นไทพยายามห้าม
“อย่าไปเลย กินอิ่มๆมาเดี๋ยวจุกนะ”
สังวรณ์ คว้าข้อมือข้างนึงของนับดาวจะลากให้ไป
“ไปเถอะ”
เป็นไทคว้าข้อมืออีกข้างของนับดาวไว้
“อย่าไปเลย”
“ไป”
“อย่าไป”
สังวรณ์กับเป็นไทลากนับดาวไปมา ไปมา จนเธอทนไม่ไหวสะบัดมือ
“โอ๊ย...พอทั้งคู่นั่นแหละ”
แพรวไพลินเดินเข้ามาในห้องพอดี
“สวัสดีค่ะ ทำอะไรกันอยู่คะเนี่ย ท่าทางสนุกเชียว”
ทุกคนหันไปมองหน้าแพรวไพลินเป็นตาเดียว บอกเป็นนัยๆว่ามันไม่ได้สนุก แพรวไพลินเก้อๆรีบเปลี่ยนเรื่อง
“พี่ไทขา มาทานข้าวด้วยกันนะคะ”
เป็นไทมองแพรวไพลินเบื่อๆ ส่วนนับดาวมองเป็นไท แอบน้อยใจลึกๆ
“นี่แพรวตื่นแต่เช้ามาทำกับข้าวให้พี่ไทเองเลยนะ” แพรวไพลินหันมองสังวรณ์ “แล้วนี่ใครคะเนี่ย”
สังวรณ์ยิ้มด้วยท่าทีโอ่ๆ
“ผมซีซังวอน เจ้าของ โอ้วเทรดดิ่ง ครับ”
“อ๋อ ฉันเคยได้ฟังคุณพ่อพูดถึงคุณอยู่เหมือนกันค่ะ เพิ่งมีโอกาสได้เจอตัวจริง”
“เช่นกันครับ คุณแพรวไพลิน”
“แล้วนี่มาทำอะไรคะเนี่ย”
“ผมมารับคุณยูกิไปทานข้าวน่ะครับ”
“ก็พาไปสิคะ ไปเลย มัวทำอะไรอยู่ จะได้ไม่เป็นก้างขวางคอกันและกัน”
“ดีเลยครับ” สังวรณ์หันไปหานับดาว “ไปกันเถอะครับคุณยูกิ”
นับดาวมองเป็นไทอย่างน้อยใจ แล้วเธอก็พยักหน้ารับคำเชิญของสังวรณ์ แล้วเดินไปกับเขา เป็นไทก็ได้แต่มองยูกิอย่างเสียดาย

สังวรณ์กับนับดาวเดินออกมาด้วยกัน เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาวราพรรณ
“พิราบกระโดดลงกะทะแล้ว ทอดได้เลย”
วราพรรณยิ้มพอใจคุยโค้ดกับสังวรณ์
“น้ำมันร้อน ลงมาพร้อมสุก”
นับดาวได้ยินเสียงงุบงิบๆของสังวรณ์ ก็สงสัย
“อะไรคะ พิราบทอด”
“อ๋อ คือมันเป็นเมนูเด็ดของร้านที่เราจะไปทานกันน่ะครับ ผมเลยโทรสั่งไว้ล่วงหน้า พอเราไปถึงกันจะได้ได้เลย”
“ฉันไม่ทานสัตว์ปีกหรอกค่ะ”
“ทำไมละครับ”
“ฉันกลัวบินไปไม่ถึงฝัน”
“สิ่งที่ยูกิมี ยังไม่ถึงฝันอีกเหรอครับเนี่ย”
“สำหรับฉันตอนนี้ ต้องเรียกว่าเกินฝันค่ะ”
“นั่นไง แล้วยังต้องใช้ปีกทำอะไรอีกละครับ”
“ก็ใช้บินกลับมาไงคะ”
“คุณยูกินี่ตลกจังเลยนะครับ”
นับดาวแอบบ่นคนเดียว
“ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ขำซักหน่อย ซีเรียสนะเนี่ย”
นับดาวเดินมากับสังวรณ์ออกไปที่ลานจอดรถ วรพรรณที่ซุ่มอยู่ก็กดกล้องรัว เธอถ่ายปาปารัชชี่นับดาวกับ
สังวรณ์ ตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเต็มที่ สังวรณ์พยายามทำมือโอบๆเพื่อให้ได้ภาพฉาว

นับดาวกับสังวรณ์ทานข้าวกันในร้านอาหาร วราพรรณแอบถ่ายรูปทั้งคู่ตลอดเวลา
“วันหลังถ้าจะสัมภาษณ์ โทรมาก็ได้นะคะ ไม่ต้องลำบากมาเอง”
“ตอนแรกผมก็ตั้งใจจะโทรแล้วละครับ แต่ว่า ผมว่าผมคงเมมเบอร์คุณไปผิด โทรหาเท่าไหร่ ก็ไปติดใครก็ไม่รู้ ผมคงต้องขอเบอร์ใหม่อีกครั้ง”
“ค่ะ”
สังวรณ์ทำท่าตักอาหารให้ เพื่อให้วราพรรณถ่ายรูปออกมาได้เรื่องราว

ทีมแดนเซอร์เริ่มทยอยเข้ามาเตรียมซ้อมเต้นกันแล้วส่วนเป็นไทนั่งหน้าเซ็งๆอยู่ มีแพรวไพลินตามประกบ
“ทานข้าวกันค่ะพี่ไท”
“พี่ขี้เกียจน่ะ”
“ก็รู้ว่าขี้เกียจไงคะ เลยทำเอามาให้ถึงที่นี่ไงคะ”
“พี่ขี้เกียจกินน่ะ”
“ขี้เกียจกินเดี๋ยวแพรวป้อนให้ค่ะ”
แพรวไพลินตักไปป้อนถึงปาก เป็นไทไม่กิน
“พี่ขี้เกียจเคี้ยว”
“ขี้เกียจเคี้ยว แพรวมีโจ๊กค่ะ กำลังร้อนๆเลย”
เป็นไทมองหน้าแพรวเบื่อๆ
“มันร้อน”
“งั้นเดี๋ยวแพรวเป่า”
“นี่แพรวไม่เข้าใจคำว่าขี้เกียจใช่มั้ย”
“แล้วพี่ไทจะเอายังไงคะ จะให้แพรวเอาสายยางมากรอกอาหารเหลวให้เลยมั้ย”
“คือพี่ไม่กิน เพราะพี่ไม่หิว แปลว่าไม่ว่าจะมีอะไรน่ากินหรือไม่น่ากิน พี่ก็ไม่เอา เข้าใจมั้ย”
“ไม่เข้าใจค่ะ แพรวก็เอาใจพี่ไทมากขนาดนี้แล้ว จะต้องให้แพรวทำยังไงคะ ถึงจะถูกใจพี่ไทซักที”
“ไม่ต้องทำอะไรเลยนั่นแหละดีที่สุด”
“แต่แพรวเป็นแฟน”
เป็นไทถอนหายใจ
“อยากทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าให้มันก้าวก่ายกันมากนักก็แล้วกัน”
เป็นไทลุกขึ้นไปคุยงานกับแดนเซอร์ แพรวไพลินมองอย่างไม่สบอารมณ์

ยามาดะนอนหลับอยู่บนเปลญวณ ยูกิแอบเดินออกมาจากห้อง พอเธอเห็นเขา เธอก็หันไปมองเรือสปีดโบ้ตที่จอดอยู่หวังจะหนี ยูกิมองหากุญแจที่อยู่แถวนั้นแล้วค่อยๆย่อง ทำเสียงให้เบาที่สุดเพื่อจะค้นหา
“กุญแจเรืออยู่ไหนนะ”
ยูกิค่อยๆหาตามซอกตามชั้นต่างๆ ก็ไม่เจอ เธอเจอกล่องเหล็กเก่าๆ คาดหวังว่าจะมีกุญแจอยู่ในนั้น ยูกิกำลังจะเปิดมัน โดยไม่รู้ตัวว่ายามาดะตื่นแล้ว
“ทำอะไรน่ะ”
ยูกิสะดุ้งโหยง ยามาดะเห็นกล่องเหล็กของเขาอยู่ในมือของเธอ
“ส่งนั่นมาให้ผมเดี๋ยวนี้นะ”
ยูกินิ่ง ใจก็อยากเปิดดูข้างใน อีกใจก็กลัว
“บอกให้ส่งมาไง”
ยามาดะวิ่งเข้าไปยื้อกล่องเหล็ก ยูกิตัดสินใจจะไม่คืน
“ไม่ให้”
ยูกิ แย่งมันมาแล้ววิ่งหนี
“เอามานะ”
“มันมีค่ามากสินะ ถ้าอยากได้คืนนัก เอากุญแจเรือมาแลกสิ”
ยามาดะวิ่งไล่ตามจะเอากล่องคืน
“คุณน่ะมันคนไม่มีหัวใจ คุณไม่เข้าใจอะไรหรอก เอามันคืนมาให้ผมเถอะ”
“เอากุญแจเรือมาสิ”
“อยากให้ผมโมโหนักใช่มั้ย”
ยามาดะวิ่งไล่ ยูกิวิ่งหนีถือกล่องเหล็กไปด้วย แต่เขาก็วิ่งมาตะครุบเธอไว้ได้ แต่ก็ทำล้มคว่ำไปทั้งคู่ ยามาดะตะลึงเพราะเขาไม่เคยอยู่ใกล้ยูกิขนาดนี้ ใกล้จนได้กลิ่นหอมจากตัวของเธอ เขาสูดกลิ่นนั้นอย่างละมุนละไม แต่แล้วนึกได้ รีบลุกขึ้นมา ยูกิยังงงๆกับการล้มกลิ้งอยู่
“อย่าเที่ยวเอาความรู้สึกของใครมาเป็นข้อต่อรองอีก”
ยามาดะกระชากกล่องเหล็กออกจากมือยูกิที่ยังนั่งอยู่แล้วเดินไป แรงกระชากทำให้ฝากล่องเปิด ยามาดะยังไม่รู้ตัวของต่างๆที่อยู่ข้างใน ปลิวร่วงออกมา ลมทะเลทำให้สิ่งเหล่านั้นกระจายพริ้วไปกับสายลม สิ่งเหล่านั้นก็คือภาพแอบถ่ายของยูกิ ตั้งแต่มัธยม มาจนมหาลัย แล้วก็ภาพแอบถ่ายจากบ้านของเธอมากมาย รวมถึงกระดาษจดหมาย ผ้าเช็ดหน้า หรือของเล็กๆน้อยๆบางอย่างที่เธอเคยทิ้งไปแล้ว มันมารวมอยู่ในกล่องนี้มากมาย ยูกิเก็บรูปและของที่ใกล้ๆตัวขึ้นมาดู เธอตะลึงกับสิ่งที่เขาเก็บไว้ ยามาดะเพิ่งหันมาเห็นว่าของข้างในร่วงกราวเขารีบวิ่งตามไล่เก็บของอย่างร้อนรน พอเก็บเสร็จเขาก็ไม่กล้าสบตายูกิรีบวิ่งหนีไป ยูกิมอง ตอนนี้เธอชักอยากจะเข้าใจคนๆนี้ขึ้นมาแล้ว

สังวรณ์หยิบนิตยสารที่ลงการสัมภาษณ์ของนับดาวคราวที่แล้วออกมาให้ดู
“นี่เป็นคอลัมน์จากที่ผมสัมภาษณ์คุณครั้งที่แล้วครับ นี่ผมเขียนเองเลยนะครับ”
“เหรอคะ”
นับดาวรีบเปิดดูเห็นรูปตัวเองเบ้อเริ่มในเล่ม
“สวยจังเลย”
“แน่นอนสิ คุณยูกิสวยอยู่แล้วนี่ วันนี้วางแผงวันแรกด้วย คงขายดีน่าดู”
“ค่ะ”
นับดาวเปิดอ่านบทสัมภาษณ์ตัวเอง
“อุ๊ย...ตายแล้ว นี่ฉันให้สัมภาษณ์แบบนี้ออกไปเหรอเนี่ย ดูไม่ฮอตเลย”
สังวรณ์ ยิ้มๆ แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้
“คุณยูกิอ่านภาษาไทยออกด้วยเหรอครับ”
“เอ่อ...ก็เหมือนว่าฉันจะเรียนมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอคะ”
“แต่เท่าที่ผมอ่านสัมภาษณ์คุณมา คุณบอกว่าพูดไทยได้ แต่เขียนกับอ่านมันยาก ยังทำไม่ได้”
“อ้าว เหรอคะ นั่นคงบทสัมภาษณ์นานแล้วมั้งคะ ฉันก็พออ่านออกนะคะ แหะแหะ”
“เดือนที่แล้วเองครับ คุณคงไม่อ่านได้ภายในเดือนเดียวใช่มั้ย”
นับดาวยิ้มแหยๆ
“แหะ แหะ ก็พอเป็นนิดหน่อยค่ะ”
นับดาวหัวเราะแก้เก้อ ไม่รู้จะแก้ตัวยังไง สังวรณ์เริ่มสงสัยบางอย่างในตัวนับดาว

นับดาวลงจากรถสังวรณ์ โบกมือลา
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”
นับดาวเดินหันหลังจากรถสังวรณ์มา เธอหน้าเครียดทันที
“แย่แล้วจะสงสัยรึเปล่านะ”
นับดาวเดินออกไป วราพรรณเดินเข้ามาหาสังวรณ์ที่รถ
“เป็นไง ได้ภาพมั้ย”
“ได้เต็มเลยค่ะ”
“ดี พาดหัวแรงๆเลยนะ ยูกิแอบควงซังวอนเดทกลางกรุง อะไรก็ว่าไป”
วราพรรณชะงัก
“แบบนี้จะดีเหรอคะ”
“อะไรที่ฉันว่าดี มันก็ต้องดี”
“ค่ะ”
“เออนี่...ฉันมีเรื่องบางอย่างอยากให้เธอไปสืบ”
“เรื่องอะไรคะ”
“ฉันได้กลิ่นอะไรแปลกๆเกี่ยวกับเรื่องยูกิน่ะ ไม่รู้ไอ้เป็นไทมันเล่นตุกติกอะไร รึเปล่า”
“ทำไมละคะ”
“เอาเป็นว่า เธอไปสืบมาว่า อยู่ที่นี่มันมีคนติวภาษาไทยให้ยูกิมั้ย เช็คให้ละเอียดว่ายูกิทำอะไรที่เมืองไทยบ้าง”
“ได้ค่ะ”
“เรื่องนี้เป็นความลับมาก อย่าบอกใครแม้แต่คนเดียว เข้าใจมั้ย”
“เข้าใจค่ะ”
สังวรณ์มองตามนับดาวอย่างสงสัยบางอย่าง

นับดาวเดินขึ้นมาในห้องซ้อมเต้น เห็นแพรวไพลินนั่งประกบเป็นไทอยู่ เธอไม่อยากมอง ทำทีทักทายคนอื่นไป...ตลอดการซ้อมเต้นของนับดาว แพรวไพลินนั่งจุ๋งจิ๋งอยู่กับเป็นไทตลอด นับดาวเต้นเลอะเทอะ ท่าสาวบางโพนั้นโก้จริงๆ แด๊นซ์เซอร์เข้าใจว่าเป็นสเต็ปใหม่เลยเต้นตาม นับดาวเศร้าๆมองเป็นไท
“สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ สาวบางโพนั้นโก้จริงๆ ห้า หก เจ็ด แปด ต่ะล่ะแล่ด แต๊ด แต๊ดแต่ด สาวฮอกไกโดนั้นโก้จริงๆ”
แด๊นเซอร์งง ก่อนเต้นตามพร้อมกัน
“สาวฮอกไกโดนั้นโก้จริงๆ ต่ะล่ะแล๊ดแต๊ดแต่ด”

ค่ำนั้น...นับดาวเดินลงมาที่ลานจอดรถคนเดียว เธอชะเง้อมองหารถเป็นไท
“รถไม่อยู่ กลับไปแล้วสินะ”
นับดาวเดินเหงาๆคนเดียวจะโบกแท็กซี่ แต่ทันใดนั้นรถเป็นไทก็มาจอดเทียบหน้า
“จะไปไหนครับ”
“ไม่เป็นไร ฉันกลับแท็กซี่ได้”
“ผมถามว่าจะไปไหน ไม่ได้ถามว่าเป็นไรรึเปล่า”
“คุณแพรวไพลินกลับไปแล้วเหรอ”
“ผมถามก็ตอบสิ ไม่ใช่ให้มาถามผม”
“ฉันยังไม่อยากกลับบ้าน”
“รถคันนี้ไม่เคยอยากส่งคุณกลับบ้านอยู่แล้ว”
นับดาวมองเป็นไทก่อนที่เธอจะตัดสินใจขึ้นรถของเขา
“ไปไหนดีครับ”
“มารับฉันแบบนี้ แฟนคุณไม่ว่าเอาเหรอ”
“ผมว่าเราอย่าพูดถึงคนอื่นเวลาเราอยู่กันสองคนดีมั้ย”
นับดาวถอนหายใจ เป็นไทถามอีก
“อยากไปไหนครับ”
“ไปที่มืดๆ เปลี่ยวๆ มีป่าละเมาะอยู่ใกล้ๆมั้ง ถามได้”
เป็นไทหันขวับไปมองหื่นๆ
“จะไปมั้ยล่ะ”
นับดาวสะดุ้ง
“ไม่ไป ไปหาอะไรกินแถวนี้ก็พอ”
“แหม นึกว่าอยากไปจริงๆ เปรี้ยวปากเลยนะเนี่ย”
เป็นไทยิ้มล้อๆ ทำเอานับดาวที่แอบน้อยใจเป็นไทเรื่องแพรวไพลินอยู่ก็ยิ้มออกมาได้

ถนนข้าวสารบรรยากาศคึกคักทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เป็นไทพานับดาวมาเดิน
“คิดยังไงพาฉันมาที่นี่เนี่ย”
“คนต่างชาติส่วนใหญ่เค้าก็มาที่นี่กันทั้งนั้นแหละ”
นับดาวบ่นคนเดียว
“ถ้าไม่เคยมาขายผัดไทอยู่พักนึงก็คงน่าตื่นเต้นอยู่หรอก”
“ยูกิชอบมั้ยละครับ”
“ชอบสิคะ แหมได้เห็นฝรั่งเดินไปเดินมา น่าตื่นเต้นจะตาย” พูดไปอย่างนั้น แต่หน้าตาเบื่อมาก
“ผมละไม่แปลกใจเลยว่าชาวต่างชาติชอบที่นี่ ดูสิครับมีคนทุกไลฟ์สไตล์เลย”
“หึ หึ”
เป็นไทกับนับดาวเดินมาเจอชาวต่างชาติญี่ปุ่นกำลังหลงทาง จะถามทางอื่น
“อาโน...”
คนเดินผ่านไปมาไม่ในใจ เป็นไทมอง สงสาร
“นั่นคนญี่ปุ่นนี่ ยูกิไปช่วยเค้าหน่อยสิครับ”
นับดาวหันควับมามาองหน้าเป็นไท
“ฉันเนี่ยนะ”
“ก็คุณคนญี่ปุ่น น่าจะคุยกับเค้ารู้เรื่อง”
“แล้วรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นคนญี่ปุ่น”
“ท่าทางแบบนั้น หน้าตางงแบบนั้น แถมพูดอาโน แบบนี้อีก ญี่ปุ่นแน่ๆ”
“เอ่อ”
“เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก”
เป็นไทดันยูกิให้ไปช่วย นับดาวพยายามขืนตัว ไม่ไปตามแรงดันเป็นไท

ค่ำคืนนั้น...ยามาดะนั่งซึมอยู่ริมทะเล ยูกิเดินมาหาเขา พอเขาเห็นยูกิเดินมา เขาไม่กล้าสบตา จะลุกหนีไป
“เดี๋ยว”
ยามาดะหยุดตามเสียงเรียกแต่ไม่หันไปมอง
“ฉันเอานี่มาคืน”
ยูกิยื่นรูปรวมนักเรียนตอนม.ต้นที่มีเธอกับยามาดะอยู่ในนั้นด้วยกัน ยามาดะเห็นรูปรีบรับมา
“ยามาดะ เธอทำแบบนี้ทำไม”
ยามาดะสบตายูกิ ไม่ตอบอะไร เขาเดินออกไปกับความเงียบ กำรูปไว้ในมือแน่น

นับดาวยังอึกอัก เป็นไทยังดันให้เขาไปคุยกับคนญี่ปุ่น นับดาวหันไปเห็นร้านข้าวไข่เจียวข้างทาง
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปช่วยเอง แต่คุณน่ะ ช่วยไปซื้อข้าวให้หน่อยได้มั้ย”
เป็นไทมองไปที่ร้านข้าวไข่เจียว
“ได้”
เป็นไทเดินแยกออกไป นับดาวโล่งอก เธอทำเดินเข้าไปหาคนญี่ปุ่น ขณะที่เป็นไทสั่งข้าวไข่เจียวที่ร้านรถเข็น
“ขอข้าวไข่เจียวที่นึง เอาแบบอร่อยที่สุดเลยนะครับ”
เป็นไทยิ้มให้คนขาย แล้วเขาก็มองไปที่นับดาว ที่กำลังคุยกับคนญี่ปุ่น ดูเป็นกันเองมาก สนุกสนาน

นับดาวกำลังคุยกับคนญี่ปุ่น
“พอจะรู้ทางไปภูเขาทองมั้ย”
เมื่อถูกถามเป็นภาษาญี่ปุ่น นับดาวสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนฟังรู้เรื่อง เป็นมิตร แต่พูดมั่ว
นับดาวยิ้ม
“พูดอะไรของแก ใครจะฟังรู้เรื่อง มาเมืองไทย พูดไทยสิ”
คนญี่ปุ่นงง
“คุณพูดอะไร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง”
นับดาวยิ้ม
“พูดได้ไม่ยอมหยุดเลยนะ จะไปไหนก็ไปสิ ไปโน่น ไปทางโน้นเลยโน่น”
นับดาวชี้ไปเรื่อยเปื่อย คนญี่ปุ่นมองตาม
“ทางโน้นเหรอ อาริงาโตะโกไซมัส”
คนญี่ปุ่นเดินไป
“ไปไหนก็ไป ไปซักที”
นับดาวถอนหายใจโล่งอก เป็นไทถือข้าวไข่เจียวเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง คุยกันยาวเชียว”
นับดาวเนียนๆว่าคุยรู้เรื่อง
“ก็คุยกันตามประสาคนชาติเดียวกัน บางทีเราก็เบื่อนะคะ ไปไหนก็มีแต่คนจำได้”
“ก็คุณเป็นซุปเปอร์สตาร์นี่น่า...เค้าคงชื่นชอบผลงานคุณสิครับ”
“ชอบมากเลย ชมแล้วชมอีก เราก็ไม่รู้จะบอกยังไง ว่าเพลงอัลบั้มนั้นแต่งตอนหลับนะ ถ้าแต่งตอนมีสติก็ไม่อยากจะบอกว่าจะดีขนาดไหน ไม่อยากให้เค้าคาดหวัง”
เป็นไทหัวเราะ ยื่นข้าวให้
“นี่ข้าวคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
นับดาวรับมากินอย่างคนหิว ดูมูมมาม
“คุณนี่กินง่ายอยู่ง่ายนะครับ”
นับดาวยิ้มๆ เป็นไทมองนับดาวกินข้าวอย่างเอ็นดู

เป็นไทกับนับดาวเดินดูขอบบนถนนข้าวสาร หยิบมาลองบ้าง เอามาใส่ให้กันบ้าง ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น
เป็นไทมาจอดรถที่ดาดฟ้าแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ดูนอนบนฝากระโปรงหน้าพิงเอนพิงกระจก แหงนมองดูดาว
“ผมชอบมาที่นี่ ตอนที่คิดงานไม่ออก”
“มาทำอะไรคะ”
“นับดาว”
นับดาวตกใจ หันขวับตามชื่อที่เรียก
“นับดาว...”
“ใช่ ฟังดูโง่ๆใช่มั้ย คนอะไรจะมานั่งนับดาวบนฟ้า ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด”
นับดาวเข้าใจ
“อ๋อ...นับดาวแบบนั้นนี่เอง”
“แล้วยูกิเข้าใจว่ายังไงละครับ”
“คือ งงภาษาไทยนิดหน่อย นึกว่าเป็นชื่อใคร อะไรแบบนั้น”
“ชื่อคนเหรอ” เป็นไทหัวเราะ”ใครจะไปชื่อนับดาวกัน ดูเลื่อนลอย ไม่มีอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด งก็ไม่รู้”
นับดาวโกรธแต่เก็บอารมณ์ไว้
“นั่นสินะ ใครจะใช้ชื่อนั้น ดูโง่ๆเนอะ”
“มาก”
นับดาวสะดุ้ง
“ยังจะย้ำอีก ฉันว่าเราเปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่า”
“รู้มั้ย ผมเคยนับดาวได้มากที่สุดในท้องฟ้าคือเท่าไหร่”
“สามพัน”
“เจ็ด”
“เจ็บพัน”
“เจ็ดดวง นับแค่ดาวลูกไก่ว่ามี 7 ดวงจริงรึเปล่าก็พอแล้ว”
“โธ่ ก็นึกว่าจะเยอะ”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าดาวบนฟ้ามีเยอะแค่ไหน แค่ดวงที่ผมสนใจไม่หายไปก็พอ”
นับดาวมองเป็นไท เธอเริ่มรู้สึกแปลกเมื่อได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้

นับดาวนอนดูหนังสือซุบซิบบันเทิงวางอยู่บนเตียง เป็นภาพปาปารัชชี่ตอนที่ยูกิกับเป็นไทถูกแอบถ่าย
“วันนี้คุณพูดชื่อฉันตั้ง 4 ครั้งแน่ะคุณไท...มันคงดีถ้านับดาวคนนี้เป็นดาวที่คุณสนใจบ้าง”
นับดาวมองภาพเป็นไทในหนังสือ เหม่อลอย

สายของวันรุ่งขึ้น...รจนานั่งดูทีวีอยู่ นับดาวเดินเอาดอกไม้ใส่ขวด ที่เก็บมาได้จากทะเลแทนแจกัน ถือมาให้รจนา
“ย่า เอาของมาฝาก”
รจนาทำเชิด
“ดูอะไรอยู่น่ะ”
รจนาทำไม่สนใจ แล้วรายการที่นับดาวสัมภาษณ์กับสังวรณ์ก็ออกอากาศพอดี นับดาวเห็น
“เฮ้ย...ได้ดูพอดีเลย” นับดาวชี้ทีวี “นี่ไงย่า หนู หนูได้ออกทีวีแล้วเห็นมั้ย”
รจนาดูทีวี เห็นสังวรณ์สัมภาษณ์ก็เรียกยูกิ...ยูกิ...
“ฝันหนูได้เป็นจริงแล้วไง ที่ย่าบอกว่าหนูทำไม่ได้น่ะ”
รจนาฝืนพูดออกมา เค้นเสียงออกจากลำคอเบาๆ
“นั่นมันคนอื่น ไม่ใช่หลานฉัน”
รจนาพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป นับดาวได้แต่มองตามย่าไป
“ย่า หมอเค้าห้ามพูดนะ”

รจนาไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ นับดาวถอนหายใจเห็นด้วยกับคำพูดของย่า นั่นไม่ใช่ตัวเธอจริงๆ
ถนนข้าวสารบรรยากาศคึกคักทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เป็นไทพานับดาวมาเดิน

“คิดยังไงพาฉันมาที่นี่เนี่ย”
“คนต่างชาติส่วนใหญ่เค้าก็มาที่นี่กันทั้งนั้นแหละ”
นับดาวบ่นคนเดียว
“ถ้าไม่เคยมาขายผัดไทอยู่พักนึงก็คงน่าตื่นเต้นอยู่หรอก”
“ยูกิชอบมั้ยละครับ”
“ชอบสิคะ แหมได้เห็นฝรั่งเดินไปเดินมา น่าตื่นเต้นจะตาย” พูดไปอย่างนั้น แต่หน้าตาเบื่อมาก
“ผมละไม่แปลกใจเลยว่าชาวต่างชาติชอบที่นี่ ดูสิครับมีคนทุกไลฟ์สไตล์เลย”
“หึ หึ”
เป็นไทกับนับดาวเดินมาเจอชาวต่างชาติญี่ปุ่นกำลังหลงทาง จะถามทางอื่น
“อาโน...”
คนเดินผ่านไปมาไม่ในใจ เป็นไทมอง สงสาร
“นั่นคนญี่ปุ่นนี่ ยูกิไปช่วยเค้าหน่อยสิครับ”
นับดาวหันควับมามาองหน้าเป็นไท
“ฉันเนี่ยนะ”
“ก็คุณคนญี่ปุ่น น่าจะคุยกับเค้ารู้เรื่อง”
“แล้วรู้ได้ไงว่าเค้าเป็นคนญี่ปุ่น”
“ท่าทางแบบนั้น หน้าตางงแบบนั้น แถมพูดอาโน แบบนี้อีก ญี่ปุ่นแน่ๆ”
“เอ่อ”
“เอาน่า ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก”
เป็นไทดันยูกิให้ไปช่วย นับดาวพยายามขืนตัว ไม่ไปตามแรงดันเป็นไท

ค่ำคืนนั้น...ยามาดะนั่งซึมอยู่ริมทะเล ยูกิเดินมาหาเขา พอเขาเห็นยูกิเดินมา เขาไม่กล้าสบตา จะลุกหนีไป
“เดี๋ยว”
ยามาดะหยุดตามเสียงเรียกแต่ไม่หันไปมอง
“ฉันเอานี่มาคืน”
ยูกิยื่นรูปรวมนักเรียนตอนม.ต้นที่มีเธอกับยามาดะอยู่ในนั้นด้วยกัน ยามาดะเห็นรูปรีบรับมา
“ยามาดะ เธอทำแบบนี้ทำไม”
ยามาดะสบตายูกิ ไม่ตอบอะไร เขาเดินออกไปกับความเงียบ กำรูปไว้ในมือแน่น

นับดาวยังอึกอัก เป็นไทยังดันให้เขาไปคุยกับคนญี่ปุ่น นับดาวหันไปเห็นร้านข้าวไข่เจียวข้างทาง
“ก็ได้ เดี๋ยวฉันไปช่วยเอง แต่คุณน่ะ ช่วยไปซื้อข้าวให้หน่อยได้มั้ย”
เป็นไทมองไปที่ร้านข้าวไข่เจียว
“ได้”
เป็นไทเดินแยกออกไป นับดาวโล่งอก เธอทำเดินเข้าไปหาคนญี่ปุ่น ขณะที่เป็นไทสั่งข้าวไข่เจียวที่ร้านรถเข็น
“ขอข้าวไข่เจียวที่นึง เอาแบบอร่อยที่สุดเลยนะครับ”
เป็นไทยิ้มให้คนขาย แล้วเขาก็มองไปที่นับดาว ที่กำลังคุยกับคนญี่ปุ่น ดูเป็นกันเองมาก สนุกสนาน

นับดาวกำลังคุยกับคนญี่ปุ่น
“พอจะรู้ทางไปภูเขาทองมั้ย”
เมื่อถูกถามเป็นภาษาญี่ปุ่น นับดาวสีหน้ายิ้มแย้มเหมือนฟังรู้เรื่อง เป็นมิตร แต่พูดมั่ว
นับดาวยิ้ม
“พูดอะไรของแก ใครจะฟังรู้เรื่อง มาเมืองไทย พูดไทยสิ”
คนญี่ปุ่นงง
“คุณพูดอะไร ฉันฟังไม่รู้เรื่อง”
นับดาวยิ้ม
“พูดได้ไม่ยอมหยุดเลยนะ จะไปไหนก็ไปสิ ไปโน่น ไปทางโน้นเลยโน่น”
นับดาวชี้ไปเรื่อยเปื่อย คนญี่ปุ่นมองตาม
“ทางโน้นเหรอ อาริงาโตะโกไซมัส”
คนญี่ปุ่นเดินไป
“ไปไหนก็ไป ไปซักที”
นับดาวถอนหายใจโล่งอก เป็นไทถือข้าวไข่เจียวเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง คุยกันยาวเชียว”
นับดาวเนียนๆว่าคุยรู้เรื่อง
“ก็คุยกันตามประสาคนชาติเดียวกัน บางทีเราก็เบื่อนะคะ ไปไหนก็มีแต่คนจำได้”
“ก็คุณเป็นซุปเปอร์สตาร์นี่น่า...เค้าคงชื่นชอบผลงานคุณสิครับ”
“ชอบมากเลย ชมแล้วชมอีก เราก็ไม่รู้จะบอกยังไง ว่าเพลงอัลบั้มนั้นแต่งตอนหลับนะ ถ้าแต่งตอนมีสติก็ไม่อยากจะบอกว่าจะดีขนาดไหน ไม่อยากให้เค้าคาดหวัง”
เป็นไทหัวเราะ ยื่นข้าวให้
“นี่ข้าวคุณครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
นับดาวรับมากินอย่างคนหิว ดูมูมมาม
“คุณนี่กินง่ายอยู่ง่ายนะครับ”
นับดาวยิ้มๆ เป็นไทมองนับดาวกินข้าวอย่างเอ็นดู

เป็นไทกับนับดาวเดินดูขอบบนถนนข้าวสาร หยิบมาลองบ้าง เอามาใส่ให้กันบ้าง ทั้งคู่สนิทกันมากขึ้น
เป็นไทมาจอดรถที่ดาดฟ้าแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ดูนอนบนฝากระโปรงหน้าพิงเอนพิงกระจก แหงนมองดูดาว
“ผมชอบมาที่นี่ ตอนที่คิดงานไม่ออก”
“มาทำอะไรคะ”
“นับดาว”
นับดาวตกใจ หันขวับตามชื่อที่เรียก
“นับดาว...”
“ใช่ ฟังดูโง่ๆใช่มั้ย คนอะไรจะมานั่งนับดาวบนฟ้า ทั้งที่รู้ว่ามันไม่มีที่สิ้นสุด”
นับดาวเข้าใจ
“อ๋อ...นับดาวแบบนั้นนี่เอง”
“แล้วยูกิเข้าใจว่ายังไงละครับ”
“คือ งงภาษาไทยนิดหน่อย นึกว่าเป็นชื่อใคร อะไรแบบนั้น”
“ชื่อคนเหรอ” เป็นไทหัวเราะ”ใครจะไปชื่อนับดาวกัน ดูเลื่อนลอย ไม่มีอนาคตไม่มีที่สิ้นสุด งก็ไม่รู้”
นับดาวโกรธแต่เก็บอารมณ์ไว้
“นั่นสินะ ใครจะใช้ชื่อนั้น ดูโง่ๆเนอะ”
“มาก”
นับดาวสะดุ้ง
“ยังจะย้ำอีก ฉันว่าเราเปลี่ยนเรื่องพูดกันดีกว่า”
“รู้มั้ย ผมเคยนับดาวได้มากที่สุดในท้องฟ้าคือเท่าไหร่”
“สามพัน”
“เจ็ด”
“เจ็บพัน”
“เจ็ดดวง นับแค่ดาวลูกไก่ว่ามี 7 ดวงจริงรึเปล่าก็พอแล้ว”
“โธ่ ก็นึกว่าจะเยอะ”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าดาวบนฟ้ามีเยอะแค่ไหน แค่ดวงที่ผมสนใจไม่หายไปก็พอ”
นับดาวมองเป็นไท เธอเริ่มรู้สึกแปลกเมื่อได้อยู่ใกล้ๆผู้ชายคนนี้

นับดาวนอนดูหนังสือซุบซิบบันเทิงวางอยู่บนเตียง เป็นภาพปาปารัชชี่ตอนที่ยูกิกับเป็นไทถูกแอบถ่าย
“วันนี้คุณพูดชื่อฉันตั้ง 4 ครั้งแน่ะคุณไท...มันคงดีถ้านับดาวคนนี้เป็นดาวที่คุณสนใจบ้าง”
นับดาวมองภาพเป็นไทในหนังสือ เหม่อลอย

สายของวันรุ่งขึ้น...รจนานั่งดูทีวีอยู่ นับดาวเดินเอาดอกไม้ใส่ขวด ที่เก็บมาได้จากทะเลแทนแจกัน ถือมาให้รจนา
“ย่า เอาของมาฝาก”
รจนาทำเชิด
“ดูอะไรอยู่น่ะ”
รจนาทำไม่สนใจ แล้วรายการที่นับดาวสัมภาษณ์กับสังวรณ์ก็ออกอากาศพอดี นับดาวเห็น
“เฮ้ย...ได้ดูพอดีเลย” นับดาวชี้ทีวี “นี่ไงย่า หนู หนูได้ออกทีวีแล้วเห็นมั้ย”
รจนาดูทีวี เห็นสังวรณ์สัมภาษณ์ก็เรียกยูกิ...ยูกิ...
“ฝันหนูได้เป็นจริงแล้วไง ที่ย่าบอกว่าหนูทำไม่ได้น่ะ”
รจนาฝืนพูดออกมา เค้นเสียงออกจากลำคอเบาๆ
“นั่นมันคนอื่น ไม่ใช่หลานฉัน”
รจนาพูดจบก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป นับดาวได้แต่มองตามย่าไป
“ย่า หมอเค้าห้ามพูดนะ”
รจนาไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบ นับดาวถอนหายใจเห็นด้วยกับคำพูดของย่า นั่นไม่ใช่ตัวเธอจริงๆ

สายๆของวันใหม่ นับดาวมาที่ห้องซ้อม ขณะที่เธอกำลังวอร์มร่างกาย เป็นไทกับองอาจเดินเข้ามา
“ไฮ...ยูกิ”เป็นไทยยิ้มให้
“สวัสดีค่ะ”
“ซ้อมวันนี้เป็นไงบ้าง”
“ก็สนุกดีค่ะ”
“คือวันนี้ผมจะมาแจ้งตารางงานกับยูกินะครับ” องอาจหยิบตารางงานมาดู
“คือเราตั้งใจว่าจะเริ่มทำการพีอาร์ ตามรายการต่างๆแล้ว”
“ออกทีวีเหรอคะ เอาสิ เอาสิ ฉันชอบ” นับดาวบอกอย่างตื่นเต้น
องอาจพยักหน้ารับ
“โดยจะมีรายการแรก จะเป็นรายการที่จะต้องไปโชว์ความสามาถพิเศษด้วยน่ะครับ”
“ความสามารถพิเศษ...ถ้าไม่มีละคะ ฉันเป็นคนไม่มีความสามารถพิเศษเลยค่ะ”
องอาจงง
“พูดเป็นเล่น ผมอ่านในหนังสือคุณทำเป็นตั้งหลายอย่าง ทั้งเล่นเปียโน เป่าฟรุ๊ท”
นับดาวกลัว
“ไม่เอานะ ของพวกนั้นฉันไม่ทำหรอก”
“ทำไมละครับ”
“เอ่อคือ...มันธรรมดาไปน่ะ เล่นดนตรี ใครก็เล่นได้ทั้งนั้น”
“แล้วคุณยูกิอยากทำอะไรละครับ”
“ชงชาเป็นไง ผมเคยอ่านสัมภาษณ์คุณ คุณเป็นแชมป์ชงชาระดับจังหวัดของเกาะฮอกไกโดเลย”
“แชมป์ชงชา”
นับดาวงง งง ไม่รู้คืออะไร

เย็นวันนั้น ดาวเดินหน้าเบ้มาที่ห้างสรรพสินค้า ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องการชงชา
“ชงชา ทำไมต้องมีพิธีด้วย ก็ชงๆกินๆก็จบ แล้วเราจะไปรู้ได้ไงล่ะว่าทำยังไง”
นับดาวเดินผ่านหน้าร้านชาชัก คนขายกำลังสาวชาอย่างเมามัน นับดาวเดินผ่านไปแล้วแต่ก็คิดได้ ชะงักแล้วหันควับกลับมา เหมือนคิดอะไรออก นับดาวยิ้มออกมา รีบตรงไปที่ร้านชาชัก ระหว่างนั้นเป็นไทโทรมา เธอจึงโทรศัพท์ไปด้วย ขอเจ้าของร้านฝึกการรินชาแบบชาชัก
“ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง เดี๋ยวฉันเตรียมอุปกรณ์ชงชาไปเองค่ะ ของแบบนี้มันต้องใช้อุปกรณ์ที่คุ้นมือหน่อย...ได้ค่ะ ไม่ต้องห่วง ฉันเตรียมไปทันถ่ายรายการแน่ๆ...แค่นี้ก่อนนะคะ”
นับดาวเอามือหยิบโทรศัพท์ออกวางหันมา คราวนี้เธอสาวชาชักใหญ่ เธอหันไปถามเจ้าของร้านชาชัก
“แบบนี้ใช้ได้มั้ยคะ”
เจ้าของร้านพยักหน้า กับท่าทางชักชาของนับดาวที่เริ่มคล่องแล้ว

ค่ำคืนนั้น...นับดาวนอนก่ายหน้าผากคิดเรื่องยูกิ อยู่ๆวราพรรณก็เปิดประตูพรวดเข้ามา นับดาวสะดุ้ง
“เฮ้ย...แกมาได้ไงเนี่ย"
“ก็เซ็งๆไงเลยแวะมา”
“นี่แกเข้านอกออกในบ้านฉันได้ทุกเวลาขนาดนี้เลยเหรอ”
วราพรรณค้อน
“ทำเป็นโลกส่วนตัวไปได้”
“แล้วนี่มีอะไรล่ะ”
“เซ็งว่ะ เบื่องาน”
“แกเนี่ยนะเบื่องาน ก็เห็นชอบเป็นนักข่าวจะตายไม่ใช่เหรอ”
“ก็ชอบอยู่หรอก แต่ไม่ชอบเขียนข่าวโกหก เจ้านายฉันน่ะ...ชอบให้นั่งเทียนโน่นนั่นนี่ กลัวบาปว่ะ”
“ก็ย้ายไปทำที่อื่นสิ แกมีประสบการณ์หลายปี ที่อื่นเค้าก็น่าจะรับนะ”
วราพรรณถอนใจ
“แกไม่รู้อะไร เจ้านายท่าจะไว้ใจฉันมากเว้ย เค้าบอกว่าจะเลื่อนตำแหน่งให้ฉันด้วย ล่าสุดนะให้ฉันไปตามสืบ...” วราพรรณอึ้งไป นึกขึ้นมาได้ว่าสังวรณ์บอกให้เก็บเป็นความลับแว้บมา
“สืบอะไร”
“ไม่มีอะไรหรอก” วราพรรณหันไปเห็นข้าวของชงชาของนับดาว “นี่แกจะแข็นรถเข็นขายกาแฟเหรอ”
“เปล่า อุปกรณ์ชงชา”
“ชงชาอะไรของแกวะ”
“ช่างฉันเถอะน่า”
วราพรรณหยิบอุปกรณ์ต่างๆมาพินิจพิเคราะห์ดู
“แน่เลย อาชีพใหม่แกนี่คือคนขายกาแฟแน่เลย”
“ไม่รู้สักเรื่องจะได้มั้ยเนี่ย”
นับดาวพยายามไม่สนใจวราพรรณ

วันต่อมา วราพรรณมาติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ตรงด้านหน้า บริษัทเป็นไท เธอบอกจุดประสงค์ให้เจ้าหน้าที่รู้
“ฉันจะมาขอข้อมูลยูกิเกี่ยวกับคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้น ไปทำสกู๊ปพิเศษ ไม่ทราบว่าต้องติดต่อที่ไหน”
“ถ้าเป็นเรื่องนี้ตอนนี้คงยังไม่สะดวกค่ะ ต้องรอแถลงข่าวก่อน”
“แล้วถ้าเป็นคิวงานทั้งหมด ของยูกิตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทยล่ะ”
“อันนี้ก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะมีแต่คุณเป็นไทเจ้าของบริษัท กับคุณองอาจโปรดิวเซอร์เท่านั้นที่รู้”
“งั้นขอคุยกับคุณองอาจหน่อยได้มั้ย”
เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไม่ทันตอบ ก็ได้ยินเสียงองอาจดังมาจากด้านหลังเสียก่อน
“เธอเป็นใครถึงจะขอดูคิวงานยูกิ”
วราพรรณหันไปเห็นองอาจเดินเข้ามา ทั้งสองจำกันไม่ได้ วราพรรณตอบมั่วๆ แก้ตัวไปเรื่อย
“เอ่อ ฉัน...ฉันเป็นแฟนคลับ จะเอาไปลงเว็บไซด์ยูกิ”
“ผมคงให้คุณไม่ได้” องอาจจ้องๆคุ้นหน้า “ว่าแต่เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผมรู้สึกคุ้นๆหน้าคุณ”
วราพรรณกวนใส่
“ฉันมันคนหน้าโหล จริง ๆ แล้วฉันเป็นนักข่าว จะเอาไปทำสกู๊ปพิเศษ”
“สำนักพิมพ์ไหน แล้วมีบัตรนักข่าวหรือเปล่า”
วราพรรณบ่นกับตัวเอง
“เรื่องมากอย่างนี้สงสัยเป็นเกย์แหงๆ”
“ว่าอะไรนะ”
วราพรรณยิ้มหวาน
“ฉันเป็นนักข่าวอิสระไม่มีสังกัดค่า”
“ผมจำคุณได้แล้ว คุณมันยัยทอมร้านเช่าชุดสูทนั่นเอง”
วราพรรณจ้องหน้า...
“นี่นายเองเหรอ”
“วันก่อนด่าผม ผมยังไม่ได้คิดบัญชี เชิญคุณออกไปจากที่นี่ดีกว่า ก่อนที่ผมจะเรียกรปภ.มาจับตัวคุณออกไป”
“นี่ขู่เหรอ นายมีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉัน”
“สิทธิ์อะไรไม่รู้ รู้แต่ว่าทำได้”
องอาจหันไปเรียกรปภ. วราพรรณหันไปเห็นรปภ.ท่าทางขึงขังวิ่งตรงมาที่ตนก็ตนใจ
“ฝากไว้ก่อนเถอะ”
วราพรรณยิงฟันใส่องอาจ องอาจยิงฟันกลับ วราพรรณเดินออกไปอย่างไม่สบอารมณ์

วราพรรณเดินมานั่งตรงขอบฟุตปาธ อย่างไม่พอใจ
“ป่านนี้แล้วยังไม่ได้ข้อมูลยูกิ ถ้าหัวหน้ารู้ ฉันตายแน่”
ทันใดนั้นก็มีรถตู้มาจอด ทีมงานชายวิ่งเข้ามาเปิดประตูรถ ล่ามหญิงเดินลงมา พร้อมกระเป๋าถือ และหอบหนังสือญี่ปุ่นหอบใหญ่
“สวัสดีครับ พี่ปุ๊ ล่ามญี่ปุ่นของคุณยูกิใช่มั้ยครับ”
“ยูก” วราพรรณได้ยินชื่อยูกิก็มีความหวังขึ้นมา
ทีมงานจะพาล่ามเข้าไป ในสตูดิโอ แต่ว่าล่ามทำหนังสือหอบใหญ่ หล่นพื้นกระจาย วราพรรณรีบวิ่งเข้าไปช่วยเก็บ หนังสือทำทีตีสนิททันที
“หล่นหมดเลย ช่วยเก็บนะพี่...”

วราพรรณทำเนียน หอบหนังสือ เดินตามล่ามญี่ปุ่น กับทีมงานเข้ามาในบริเวณสตูดิโอมุมหนึ่ง
“พี่ปุ๊รอตรงนี้ก่อนนะครับ...”
วราพรรณวางหนังสือลงให้
“พี่จะรับอะไร ชา กาแฟ โอวัลติน น้ำแดง น้ำปั่น โอเลี้ยง เก๊กฮวย จับเลี้ยง...ไม่มีนะ...”
“อ้าว!”
ทีมงาน กับล่ามร้องออกมาพร้อมกัน
“แล้วจะพูดทำไม”
วราพรรณยิ้ม
“ล้อเล่น ๆ แหม ก็ไม่อยากให้พี่เครียดกันน่ะ เห็นพี่ปุ๊เป็นล่ามให้คุณยูกิ แบบนี้ต้องงานหนักแน่เลย เพราะพี่เป็นคนเดียวที่คุยกับคุณยูกิรู้เรื่องที่สุดใช่มั้ยล่ะ”
ล่ามส่ายหน้า
“ไม่ใช่”
“อ้าว!”
“ไม่ได้พูดญี่ปุ่นซักคำเลยด้วย”
วราพรรณงง
“เฮ้ย อะไรกัน แล้วคุยกันรู้เรื่องได้ยังไงล่ะพี่...”
“โอ๊ยก็คุยภาษาไทยนี่แหละ รายนั้นเค้าพูดภาษไทยเก่งจะตาย ถ้าไม่บอกนึกว่าเป็นคนไทย นี่พี่ก็มาสวยๆ ตามที่บริษัทแม่เขาจ้างไว้แสตนบายเท่านั้นแหละ”
ทีมงานหญิงเดินเข้ามาบอกทีมงานชาย
“พี่ฟู่คะ ไปบรีฟสคริป์ให้คุณยูกิฟังด้วยนะคะ”
ทีมงานชายกับล่ามเดินไป วราพรรณทำท่าเดินตามไปด้วยเนียนๆ”
“ฉันไปด้วย”
แต่ทีมงานหญิงขยับเข้ามาขวางหน้าไว้
“หญิง เข้าไม่ได้นะคะ”
“ฉันมากับพี่ปุ๊...”
“เป็นผู้ติดตามก็เข้าไม่ได้ค่ะ เชิญรอข้างนอกนะคะ”
ทีมงานหญิงหันเดินไป วราพรรณเซ็ง
“โธ่ เอ๊ย ทำไงดีเนี้ย”
วราพรรณนึกๆ แล้วนึกได้ หันไปตะโกนบอกทีมงานหญิง
“นี่รู้จักโปรดิวเซอร์ชื่อองอาจหรือเปล่าล่ะ!! ฉันเป็นแฟนเขานะ!!”
ทีมงานหญิง หันมามองหน้าวราพรรณด้วยความอึ้งสงสัย

นับดาวแต่งหน้า แต่งตัวเรียบร้อย เป็นไทเดินเข้ามาคุยด้วย
“ตื่นเต้นมั้ยครับ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ กลัวพลาด”
“ไม่ต้องกลัวครับ ถ้าพลาดก็เทคได้”
“นั่นสินะ แต่ยังไงฉันก็อยากโชว์ฝีมือให้เต็มที่ สมกับที่ฉันเป็นแชมป์ชงชาจากฮอกไกโด”
“ผมน่ะ ชอบพิธีชงชาแบบญี่ปุ่นมานานแล้ว ไม่คิดว่าจะได้เห็นของจริงซักที มันเป็นศิลปะที่งดงามมาก แล้วยิ่งเป็นยูกิทำด้วย”
“ก็ชมกันเกินไป ฉันก็ไม่ได้เก่งอะไรมากมายหรอกค่ะ”
“ผมขอเป็นหนึ่งคนที่ได้ลองชิมชาของคุณนะครับ”
นับดาวเขิน
“ถ้างั้นฉันจะทำสุดฝีมือเลยค่ะ”
นับดาวเขิน เดินออกไป เป็นไทมองตามยิ้มๆ

วราพรรณเดินเข้าไปในสตูโออัดรายการ เห็นองอาจยืนคุยกับทีมงานทางด้านหลัง ไม่เห็นหน้า ทีมงานอื่นเข้าไปบอกบอกองอาจ
“พี่องอาจฮะ ...ทุกอย่างพร้อมแล้วนะฮะ...”
วราพรรณทำหน้าดีใจจะเข้าไปหา
“คุณองอาจ!!”
แต่พอองอาจหันมา วราพรรณเห็นหน้าว่าเป็นคนที่เคยทะเลาะกันเลย เหวอ องอาจยังไม่เห็นวราพรรณ
“เออ งั้น ไปบอกให้ยูกิสแตนด์บายรอได้เลย”
วราพรรณ เซ็ง
“อี เอ๊ย ไอ้องอาจ ที่แท้แกก็เป็นอีตาโปรดิวเซอร์เกย์นี่เอง”
องอาจหันจะเดินออกมา วราพรรณรีบคว้าถุงข้าวกล่องทีมงานยกขึ้นบังหน้า พอองอาจเดินพ้นไป วราพรรณค่อยถอนใจโล่งอก...แล้วทำหน้ายี้ใส่
“แหวะ ถ้าไม่สืบเรื่องยูกิ ฉันไม่มีทางเสียปากบอกเป็นแฟนแกหรอก เกย์เฒ่า แอ๊บแมน”
องอาจที่กำลัง เดินไป จามเสียงดังลั่นขึ้นมา
“ฮัดชิ้วววว ฮึยย ใครนินทาวะ...”
องอาจหันกลับไปมองทาง วราพรรณ อย่างไม่ได้ตั้งใจ วราพรรณสะดุ้งปิดปากตัวเอง รีบหันหน้าหนี แล้วรีบหยิบถุงข้าวขึ้นมาทำท่าจะหิ้วไปแจกทีมงาน อย่างเนียนๆ ดเสียงหญิงเล็กแหลม
“ข้าว...ข้าวมาแล้วค้า ทุกคน”
กล่องข้าวกล่องหนึ่ง หล่นลง องอาจมองเห็น รีบเข้าไปหยิบแล้วตาม เข้าไปหาวราพรรณ
“นี่น้อง ข้าวหล่น”
วราพรรณหน้าตื่น รีบเดินหนีอย่างเร็วไม่ยอมหันกลับไปรับกล่องข้าว

องอาจรีบวิ่งตาม ยื่นกล่องข้าวให้แต่วราพรรณไม่รับ องอาจ เลยวิ่งขึ้นไปแซง ดักหน้า
“น้อง ข้าวๆ เฮ้ยย น้องไม่ได้ยินเหรอ”
วราพรรณที่ก้มหน้าก้มตา วิ่งไม่ทันมองว่า องอาจไปดักหน้าแล้ว ก็เลย ชนเข้ากับองอาจเข้าอย่างจัง องอาจล้มหงายหลังลงไปกับพื้น วราพรรณล้มตามลงไปคร่อมตัวไว้ ...
ทั้งสองมองหน้ากันตะลึง เหมือนมีเคมีบางอย่างที่ต้องกัน วราพรรณมองตาองอาจแล้วรู้สึกเขิน รีบเบือนหน้าหนี กอดองอาจหลับหูหลับตาร้องลั่น
“อ๊าย ไอ้โรคจิต วิตถาร ปล่อยฉันนะ ปล่อยๆๆ”
“อ๊อยย ยายบ้า!! เธอแหละกอดฉัน”
วราพรรณชะงัก มองดูตัวเอง กอดองอาจอยู่จริงๆด้วย องอาจขำๆแซวยิ้มๆ
“ยายทอมกลับใจ จะปล้ำข่มขืนฉันเหรอ”
วราพรรณทั้งเขิน ทั้งเสียหน้า รีบสะบัดลุกขึ้นมา โวยต่อ
“ทุเรศ!...เรื่องอะไรฉันจะไปลวนลามอีแอบโรคจิตอย่างนายให้เสียเวลา...”
องอาจลุกตามขึ้นมา
“นี่เธอ ...พูดอย่างนี้หมายความว่าไง เธอว่าใครเป็นเกย์ฮ้า”
“ก็นายน่ะสิ เป็นเกย์ความจำเสื่อมเหรอไง ถึงไม่รู้ว่าตัวเองเป็นน่ะ”
วราพรรณหันจะเดินออกไป องอาจคว้าแขนดึงไว้
“เดี๋ยว!! ยายทอมปากกรรไกร นึกจะด่าแล้วเดินหนีไปง่ายๆเหรอ”
“ทำไม นายจะทำอะไรฉัน”
“จับส่งตำรวจ”
“เฮ้ย แค่ฉันว่านายเป็นเกย์เนี่ยนะ”
“ฉันไม่ปัญญาอ่อนอย่างเธอหรอก...”
“แล้วมาจับทำไมล่ะ ปล่อยฉันนะ”
วราพรรณ พยายามจะดึงมือออก
“ไม่ปล่อย”
องอาจดึงมือไว้ไม่ปล่อย
“ตอนแรกเธอบอกเป็นแฟนคลับ ต่อมาเป็นนักข่าว ตอนนี้ก็เป็นเด็กส่งข้าวอีก ใครส่งเธอมา มีเป้าหมายอะไรไม่ทราบ”
“บอกให้โง่เหรอ”
“งั้นก็ไปโรงพัก”
“ไม่ไปโว้ย!!”วราพรรณตวาดลั่นแล้ว ต่อยองอาจเข้าหน้า
“อ๊อยยย”
องอาจผงะ ร้องเจ็บ วราพรรณรีบวิ่งหนีออกไปเลย
“เฮ้ย! ยายทอมใจทมิฬ จะหนีไปไหน”
องอาจวิ่งตามไป วราพรรณวิ่งเลี้ยวผ่านมุมตึกมาหยุดหันรีหันขวางจะไปไหนดี เห็นประตูห้องหนึ่งรีบเปิดเข้าไปแอบ องอาจวิ่งผ่านมุมตึกมาหยุดหันรีหันขวางมองไม่เห็นใคร
“เผลอแป๊บเดียว หายไปไหนแล้ว”
วราพรรณที่แอบอยู่ในห้องตัดต่อถอนหายใจ
“เกือบไปแล้ว”
วราพรรณหันมาเห็นเจ้าหน้าที่ห้องตัดต่อมองหน้างง ๆ วราพรรณยิ้มแหย ๆ
“ห้องน้ำไปทางไหนคะ”

วราพรรณโผล่หน้าออกประตูมาหันซ้ายหันขวาไม่เห็นองอาจ ค่อย ๆ หันหลังปิดประตู
ทำท่าจะเดินออกไป แต่องอาจก็ย้อนกลับมาเสียก่อน วราพรรณรีบผลุบกลับไปในห้องตัดต่อเหมือนเดิม ยิ้มแหย ๆ กับทุกคน
“คือฉันขออยู่ในห้องนี้แป๊บนึง คือว่า...โอ๊ย หน้ามืด เป็นลม”
วราพรรณแกล้งเป็นลมล้มลง เจ้าหน้าที่ห้องตัดต่อเห็นรีบเข้ามาดูอย่างเป็นห่วง
ด้านนอก องอาจเดินบ่นมาอย่างไม่สบอารมณ์
“อย่าให้เจอนะ ได้เห็นดีกันแน่”

องอาจเดินผ่านห้องตัดต่อก็นึกเอะใจขึ้นมา หันไปมอง












Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 0:17:00 น.
Counter : 467 Pageviews.

1 comments
  
มาอ่านละครด้วยคน
โดย: devilmanb วันที่: 12 มีนาคม 2555 เวลา:11:00:07 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]