All Blog
ฉันรักเธอรัก ตอนที่ 6 (ต่อ)



แพรวไพลินเดินออกจากร้านกาแฟ สีหน้าหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดี เพราะโทร.หาเป็นไทเท่าไหร่ก็ไม่ติด

“โอ๊ย พี่ไทจะปิดเครื่องทำไม ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนเนี่ย”
แพรวไพลินเดินสวนกับสังวรณ์ ที่กำลังจะเข้าไปในร้านพอดี
“คุณแพรวไพลิน แฟนเป็นไทใช่มั้ยครับ”
“ใช่ค่ะ คุณ...”
“ผมสังวรณ์ เราเคยเจอกันแล้วที่ห้องซ้อมของคุณยูกิ จำได้มั้ยครับ”
“อ๋อ นักข่าวคนนั้นนั่นเอง”
“ประทานโทษนะครับ ผมไม่ใช่นักข่าว แต่เป็นเจ้าของสื่อบันเทิงในประเทศไทยมากมาย รวมถึงเป็นเจ้าของบริษัทออแกไนซ์ชื่อดังด้วย”
“ค่ะ”
“แนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกที ผม ซี ซังวอน”
“คุณพ่อเป็นเกาหลีเหรอคะ ถึงได้ชื่อแบบนี้”
สังวรณ์โดนแพรวไพลินเบรคหัวทิ่ม
“ดูท่าทางคุณแพรวจะเป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์นะครับ ทักซะกันเองเชียว แล้วนี่มาคนเดียวเหรอครับ”
“มากันสิบเอ็ดคนค่ะ กะว่าพอทานกาแฟเสร็จก็จะไปทั้งทีมเตะบอลต่อ...ก็เห็นอยู่ว่ามาคนเดียว ยังจะถามอีกนะคะ”
“แหม เฟรนด์ลี่จริงๆด้วย…ถ้าไม่มีธุระที่ไหน เราไปหาอะไรทานหน่อยดีมั้ยครับ”
แพรวไพลินมองไม่พอใจ
“เราจำเป็นต้องผูกมิตรกันขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“คุณนี่ไม่ทันคนจริงๆ”
“หมายความว่าไง”
“วันที่ผมเจอคุณครั้งแรกที่ห้องซ้อมเต้น ดูปร้าดเดียวก็รู้ว่าคุณน่ะไม่ชอบยูกิ แต่คุณคงวิเคราะห์ไม่ได้สินะ ว่า ผมนะจะเป็นคนที่แยกยูกิออกจากแฟนคุณได้”
“จะทำยังไง”
“ก็ลองมาคุยกันหน่อยจะเป็นไรล่ะคุณแพรว”
แพรวนิ่งคิดตามคำพูดสังวรณ์ แล้วเธอก็ตกลง”
“ที่ไหนก็ว่ามา”
สังวรณ์ยิ้มพอใจ

เต็นท์ถูกกางเสร็จเรียบร้อย เป็นไทกับนับดาว ช่วยกันก่อกองไฟที่หน้าเต็นท์ เขาใส่เชื้อไฟเข้าไป นับดาวเอากระดาษแข็งพัด เอาหน้าก้มลงไปเป่า จนไฟติด
“นี่ไง ติดแล้ว สมแล้วที่เรียนเนตรนารีมา”
เป็นไทแปลกใจ
“ที่ญี่ปุ่นมีเนตรนารีด้วยเหรอครับ”
นับดาวพูดภาษาญี่ปุ่นมั่วๆ
“ดาไลอิมะ”
“แปลว่าอะไรน่ะครับ”
“ความลับค่ะ”
เป็นไทงุนงง
“แค่เรื่องเนตรนารีแค่นี้ก็ต้องเป็นความลับด้วย”
นับดาวหน้าแหย
“จริงๆฉันก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรหรอก มันคุ้นปากก็พูดไปมั่วๆ”
“มามุกแบบนี้อีกแล้ว โอเค ไม่อยากบอกก็ได้”
“กะแล้วเชียวว่าต้องไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่ออยู่แล้ว คุณเป็นคนญี่ปุ่นจะไม่รู้ภาษาตัวเองได้ไง”
“แล้วถ้า...ฉันไม่ใช่คนญี่ปุ่นล่ะ” นับดาวถามหยั่งเชิง
“ก็ดีสิ พองานจบเราก็ยังมีโอกาสได้เจอกันมากกว่า”
นับดาวยิ้มที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้น
“แต่จะเป็นไปได้ยังไง ยังไงคุณก็ต้องกลับประเทศคุณอยู่แล้ว”
นับดาวและเป็นไทต่างก็ยิ้มเศร้าๆ

สองหนุ่มสาวก้มหน้าเงียบ ปล่อยให้บรรยากาศรอบข้างทำงาน เธอแอบมองเขาแล้วตัดสินใจจะบอกความจริงกับเขา เธอเอามือลูบหน้า ปัดผมรวบรวมความกล้า
“คุณไท ฉันมีเรื่องจะบอก...”
เป็นไทเงยหน้าขึ้นมา เห็นนับดาวหน้าเปื้อนถ่านเป็นปื้นเต็มหน้า เขาก็หัวเราะออกมา นับดาวงงว่าเขาหัวเราะทำไม
“หัวเราะอะไรน่ะ”
“ก็หน้าคุณน่ะ...เป็นแผนที่อมริกาเลย”
“ทำไม” นับดาวเอามือดำๆจับหน้าตัวเอง หน้ายิ่งเลอะไปใหญ่ “ตรงไหนเลอะตรงไหน”
เป็นไทหัวเราะร่วน
“ตอนนี้มันกลายเป็นแผนที่โลกแล้ว”
“ทำไมล่ะ” นับดาวแบมือก็เห็นมือตัวเองดำปี๋ “โอ๊ย...มือยังขนาดนี้ หน้าจะขนาดไหน”
เป็นไทหัวเราะ แต่ก็มาช่วย
“เดี๋ยวผมจัดการให้”
เป็นไทเอื้อมมือหยิบผ้าเช็ดหน้า เข้าไปเช็ดให้นับดาวอย่างทนุถนอม เธอแอบมองหน้าเขาในระยะใกล้ เขาช่างอ่อนโยนกับเธอจริงๆ เป็นไทเช็ดหน้าสัมผัสที่อ่อนโยน
“ผมมีอะไรจะให้คุณด้วย หลับตาสิ”
“หลับตาเลยเหรอ จะดีเหรอ”
“เถอะน่า”
นับดาวหลับตาลง เป็นไทค่อยๆโน้มลงที่หน้า เธอใจเต้นรัว เป็นไทก้มลงมาหาเธอทำปากจู๋ ยื่นปากจะจูบ แต่แล้วเธอก็ตื่นจากภวังค์ด้วยการสะกิดของเป็นไท
“คุณเป็นอะไรไปน่ะ”
นับดาวหลุดจากภวังค์
“คุณไม่ได้จะ...”
นับดาวทำปากจู๋ เป็นไทมองงงๆ
“ผมให้ผ้าเช็ดหน้าคุณ เพราะมันคงซักไม่ออกแล้ว…แล้วไหนเมื่อกี้ว่ามีเรื่องอะไรจะบอกนะครับ”
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก”
นับดาวมองเขาอย่างเซ็งๆ

ที่ร้านอาหารหรู สังวรณ์กับแพรวไพลิน นั่งกินข้าวด้วยกัน
“มีข้อเสนออะไรก็ว่ามา ฉันไม่อยากเสียเวลามากนัก”
“ผมจะทำให้งานแฟนคุณล้มไม่เป็นท่า”
“ช่างกล้าพูด คิดว่าฉันจะยอมปล่อยให้คุณทำอย่างงั้นเหรอ ไม่รู้รึไงว่าที่พี่ไทชนะประมูลเพราะเงินของฉัน”
“ผมรู้ แต่ตอนนั้นมันไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนจ่ายเงินคุณไม่รู้นี่ว่า ระหว่างเป็นไทกับยูกิจะมีซัมติงรองกัน”
แพรวไพลินเงียบ คล้อยตาม
“ถ้าเป็นไทมันประสบความสำเร็จกับคอนเสิร์ตไอยูกิครั้งนี้ มันต้องมีสาวๆมารุมทึ้งมันเต็มไปหมด แถมยังมีโอกาสหาเงินมาใช้หนี้คุณได้เร็วขึ้นด้วย แล้วคุณยังต้องการให้คอนเสิร์ตมันประสบความสำเร็จอีกเหรอ”
แพรวไพลินลำบากใจ แต่ก็รู้สึกอย่างนั้น

ยามาดะเปิดประตูห้องยูกิเข้ามา ซีซีตามเขาดข้ามาด้วย ยูกิที่กำลังนอนอยู่ก็สะดุ้งตื่น
“ใช้ชีวิตสบายเหลือเกินนะ”
ยูกิแปลกใจ
“ซีซี”
“ท่าทางดูไม่เดือดร้อนอะไรเลยนะ คิดว่าลาพักร้อนมาเที่ยวทะเลรึไง”
“อะไรของเธอ ก็เธอให้ฉันมาอยู่ในสภาพนี้เองนี่”
ซีซีหันไปหายามาดะ
“วันๆให้มันทำอะไรบ้าง”
“ไม่มีอะไรนอกจากดูแลตัวเอง”
“แกมันโง่รึไง ทำไมไม่ให้มันทำอะไรแทนแกเล่า”
“ผมทำเองได้”
ซีซีไม่พอใจ
“เออ ดี...ไม่ชอบพึ่งใครงี้ ฉันเลยจับมันมานั่งๆนอนๆ เลี้ยงระบบปิด จะได้ไม่ติดโรค ไม่มีหมัด ไม่มีไรหู...แกคิดว่าเลี้ยงแมวอยู่รึไง เช้าให้อาหาร เย็นให้อาหาร บ่ายเปิดประตูให้ไปเดินเล่น”
“กลางวันแมวจะนอน กลางคืนต่างหากที่จะออกไปข้างนอก” ยามาดะแย้ง
“แกไม่ต้องเอาข้อมูลจริงมาพูดกับฉัน นี่ฉันกำลังประชด...พรุ่งนี้ให้มันไปตักน้ำจืด ทำความสะอาดให้เกลี้ยง เก็บขยะบนชายหาดให้หมด”
“ไม่ให้เค้าปั่นไฟให้ใช้ด้วยเลยล่ะ” ยามาดะแระชด
“ได้ด้วยเหรอ”
ยามาดะเซ็งๆ
“ประชด”
“นั่นแหละ” ซีซีหันไปหายูกิ “แกได้ยินแล้วใช่มั้ยว่าต้องทำอะไรบ้าง แล้วจากนี้ไปมันก็เป็นหน้าที่ประจำของแกด้วย”
ยูกิเบื่อๆ ยามาดะมองอย่างเห็นใจยูกิ

นับดาวเดินออกจากเต็นท์มา เห็นเป็นไทนอนหลับอยู่บนเปล เธอแอบดูเขานอนหลับ แล้วถอนหายใจ ขณะเดียงกันนั้น เธอเห็นยุงตอมเขาเธอเอามือปัดให้อย่างห่วงใย ก่อนจะมองออกไปที่ทะเล
“ยูกิ จริงๆเราก็คงอยู่ไม่ไกลกัน แต่ฉันไม่รู้จะไปช่วยเธอได้ยังไง แต่ฉันสัญญานะว่าจะหาทางไปช่วยเธอให้ได้”
นับดาวถอนหายใจอีกทีให้กับชีวิตตัวเอง

แพรวไพลินอาบน้ำแต่งชุดนอนออกมาหน้ากระจก เธอเห็นกรอบรูปคู่ระหว่างเธอกับเป็นไทก็นิ่งคิดถึงคำพูดของสังวรณ์ เสียงของสังวรณ์ลอยเข้ามาในห้วงคำนึงที่ว่าถ้าเป็นไทประสบความสำเร็จเขาก็จะทิ้งเธอแน่ๆ แพรวไพลินนึกย้อนไป ถึงสิ่งที่เธอคุยกับสังวรณ์ที่ผ่านมา
“คุณจะให้ฉันทำอะไรบ้างก็ว่ามาเลยดีกว่า”
“นี่ก็แปลว่าเราจะร่วมมือกัน”
“ฉันจะฟังแล้วเก็บไว้พิจารณา”
“คืออย่างนี้ ผมอยากให้คุณสังเกตที่หน้าอกของยูกิหน่อย ว่ามีตำหนิรูปปานจันทร์เสี้ยวที่หน้าอกข้างซ้ายมั้ย”
“นี่คุณรู้มั้ยฉันเป็นใคร ให้ไปเที่ยวไล่สำมโนประชากร ก็เสียเบอร์หมดสิ”
“แต่มันจะทำให้รู้เลยนะ ว่ายูกิที่คุณเห็นอยู่ ตัวปลอมหรือตัวจริง”
แพรวไพลินงง
“ตัวปลอมคืออะไร ทำไมมีตัวปลอมด้วย”
“มันเป็นข้อสงสัยที่ผมลองตั้งขึ้นมา แล้วมองเห็นความเป็นไปได้ของมันอยู่”
“ทำไมต้องเป็นฉันด้วย”
“เพราะคุณเข้าถึงตัวยูกิง่ายกว่าผม”
แพรวไพลินนิ่งคิด แววตาสังวรณ์แสดงถึงความเป็นต่อ
“ก็ลองคิดดูดีๆละกัน ว่าอยากให้แฟนมีอนาคตไกลแล้วไปหาคนอื่น หรือดักดานอยู่กับคุณไปชั่วชีวิต”
แพรวไพลินงงๆ เหมือนถูกด่า

แพรวไพลินวางกรอบรูปคู่ระหว่างเธอกับเป็นไทลง
“ทุกอย่างที่แพรวทำ ทำเพราะรักพี่ไทนะคะ”
แพรวไพลินแววตามุ่งมั่น
“ยูกิ แล้วเราจะได้เห็นกัน ว่าใครแน่กว่าใคร”

เช้าวันใหม่...เป็นไทตื่นนอนขึ้นมาจากเปล เขาปิดขี้เกียจปวดหลัง แล้วก็เห็นว่าที่พื้นบริเวณที่เขานอน มีซากยากันยุงที่ถูกจุดอยู่ เขายิ้มออกมา เป็นไทเดินไปที่เต็นท์จะไปปลุกนับดาว เขาเปิดเต็นท์เข้าไป นับดาวกำลังหลับอย่างหมดสวย อ้าปากหวอ เขามองเธอด้วยความเอ็นดูและรอยยิ้ม เป็นไทเอามือจับปอยผมออกจากหน้าของเธอ
“คุณเป็นไม่เหมือนกับที่ผมคิดไว้เลย”
นับดาวพลิกตัวทำปากเคี้ยวแจ๊บๆ ไม่มีเกรงใจ เป็นไทมองแล้วยิ้ม
“แต่ผมก็ชอบที่คุณเป็นแบบนี้มากกว่า”
นับดาวพลิกตัวอีกเอามือมาฟาดหัวเขาพอดี เป็นไทเจ็บ นับดาวรู้สึกตัว ลุกเด้งขึ้นมา
“คุณมาทำอะไรในนี้”
เธอมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ เป็นไทรีบเฉไฉ
“ก็คุณนอนกรนเสียงดังออกไปข้างนอกเลย ใครจะนอนได้”
“พูดเป็นเล่น”
“จริงๆ ผมก็เลยจะเข้ามาปลุก เกรงใจชาวบ้านเค้า”
“แล้วทำไมไม่ปลุก”
“ผมเห็นคุณหลับน้ำลายเยิ้ม มีความสุขเลยไม่อยากปลุก”
นับดาวเอามือเช็ดคราบน้ำลายที่ปาก
“บ้า...ไม่เคย ฉันนอนเรียบร้อยจะตาย ไม่เคยน้ำลายไหล หรืออ้าปากหวอเลยนะ เวลาตื่นสวยยังไงก็ยังงั้นเลย”
“โอเค ไม่เคยก็ไม่เคยครับ คุณเจ้าหญิงนิทรา”
เขายิ้มให้ เธอเขินๆ เป็นไทจะออกไปจากเต็นท์หันมาพูดกับเธอ
“ขอบคุณนะครับสำหรับยากันยุง”
เป็นไทออกไป นับดาวยิ่งเขินหนัก
“ฉันเป็นเจ้าหญิง...”
เธอหันไปเห็นหมอนที่ตัวเองหนุนมีคราบน้ำลายเป็นดวงๆ ก็หน้าเสียไปทันที

เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น วราพรรณรับสายจากเลขาเป็นไทด้วยความดีใจ
“ว่าไงนะคะ ทางบริษัทคุณ คัดเลือกให้ฉันได้สัมภาษณ์ยูกิเป็นการส่วนตัวเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ พอดียูกิมีคิวว่างบ่ายนี้ ยูกิเลยจะให้สัมภาษณ์เปิดใจเป็นกรณีพิเศษ ขอโทษนะคะที่ไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้า”
“ไม่เป็นไรค่ะ เวลากี่โมงคะ...ได้ค่ะ จะรีบไป”
วราพรรณหันไปบอกสังวรณ์ณ์ที่คอยเงี่ยหูฟังอยู่
“ฉันได้รับเลือกให้สัมภาษณ์ยูกิเป็นกรณีพิเศษ เดี๋ยวจะถามอย่างที่คุณอยากรู้มาให้”
วราพรรณรีบหยิบกระเป๋าออกไป สังวรณ์ตะโกนบอกไล่หลัง
“ถ้าคุณทำได้ ผมจะเลื่อนตำแหน่งให้”
“งั้นเตรียมตำแหน่งรอไว้ได้เลย”
วราพรรณฉีกยิ้มกว้าง

เลขาเป็นไทเดินนำวราพรรณมาที่ห้องทำงานขององอาจ
“รอซักครู่นะคะ คุณยูกิเพิ่งซ้อมเต้นเสร็จ ถ้าเป็นไปได้ ตอนนี้คุณยูกิเข้ามา อยากให้คุณช่วยทำเซอร์ไพรส์เธอ ด้วยการเต้นเพลงของเธอได้มั้ยคะ”
“ฉันเต้นไม่เป็นหรอก”
“แค่เซอร์ไพรส์เล็กๆ น้อยๆ ที่เธออุตส่าห์สละเวลามาคุยกับคุณ”
“งั้นฉันจะพยายามแล้วกัน”
เลขาเป็นไทเดินออกไป วราพรรณกรี๊ดออกมาแบบไม่มีเสียงด้วยความดีใจ พูดกับตัวเอง
“ไม่คิดไม่ฝันจะได้สัมภาษณ์ใกล้ชิดนักร้องระดับโลกอย่างนี้ มีหวังงานนี้เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แน่ ๆ”
วราพรรณเต้นออกลิงออกข้างด้วยความดีใจ โดยไม่รู้ว่ามีกล้องวีดีโอถ่ายอยู่ด้านหลัง วราพรรณกระโดดเหยง ๆ เต้นแร้งเต้นกาด้วยความดีใจ องอาจ เลขา และพนักงานคนอื่นที่เดินผ่านไปผ่านมามองจอมอนิเตอร์ที่ด้านนอกห้อง เป็นภาพที่วราพรรณเต้นแร้วเต้นกาอยู่ก็พากันยิ้มขำในพฤติกรรม ของเธอ
วราพรรณเต้นจนกางเกงในเข้าวิน จึงดึงออกมา ก่อนจะจัดเสื้อในและผมเผ้าให้เรียบร้อย ทดสอบกลิ่นปาก เดินไปที่ประตูชะเง้อมองหายูกิ ด้วยความตื่นเต้น
“เมื่อไหร่จะมาซักที”
เธอหันมาเห็นกล้องวีดีโอตั้งอยู่ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีรีบเดินเข้าไปดู
“กล้องเปิดอยู่ งั้นเมื่อกี๊ก็หมายความว่า...”
วราพรรณวิ่งออกมาเห็นเลขาเป็นไทและพนักงานคนอื่น ๆ หัวเราะขำ ก่อนเธอจะเห็นจอ TV ที่ต่อภาพจากกล้องวีดีโอในห้องออกมาให้คนข้างนอกดู ถึงได้รู้ตัวว่าถูกหลอก เธอหันไปเอาเรื่องเลขาเป็นไทที่นั่งอยู่ทันที
“ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
ทันใดนั้นเสียงองอาจก็ดังขึ้น
“อย่าไปว่าเค้าเลยคุณ”
วราพรรณหันไปเห็นองอาจเดินยิ้มเข้ามา
“คุณควรจะขอบคุณเค้าดีกว่า”
“ขอบคุณเรื่องอะไร”
“ก็ที่เค้าทำให้คุณเป็นที่รู้จัก แทนที่คนจะรู้จักคุณแค่ในออฟฟิศเล็ก ๆ ที่คุณทำงานอยู่ แต่ตอนนี่คุณเป็นที่รู้จักกันทั้งออฟฟิศของผม แล้วอีกไม่นานก็คงจะทั่วประเทศ เผลอ ๆ อาจจะเป็นทั่วโลกก็ได้ ถ้าผมนำคลิปนี้ลงยูทูป”
องอาจโชว์แผ่นที่เพิ่งไรท์เสร็จให้ วราพรรณโกรธที่ถูกหลอก
“อีตาบ้า เอาคืนมาเดี๋ยวนี้”
องอาจชักมือหลบไม่ยอมให้
“ก็ไหนคุณบอกว่า การละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของคนอื่นเป็นเรื่องธรรมดา”
“ฉันไม่เคยพูดอย่างนั้น แล้วที่สำคัญฉันกับยูกิต่างกัน ฉันคนธรรมดาแต่เค้าเป็นคนของประชาชน”
“แล้วคนของประชาชน ไม่สมควรได้รับความเป็นส่วนตัวหรือไง ไม่นับเรื่องพาดหัวเสีย ๆ หาย ๆ ให้คนอ่านเข้าใจผิดอีก ทำอย่างนี้เท่ากับหลอกลวงประชาชน”
“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเพราะสุดท้ายคุณก็ทำเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตัวเองเหมือนกัน”
“ไม่จริง ผมทำเพื่อปกป้องคนอื่น แต่คุณทำเพื่อประโยชน์ของตัวเอง”
“แน่ใจ...งั้นเราได้เห็นดีกันแน่”
“นี่ขู่ผมเหรอ”
“คนอย่างฉันไม่เคยขู่”
วราพรรณเดินออกไป องอาจมองอย่างเจ็บใจ

วราพรรณกลับมาที่ออฟฟิต เธอเข้าไปนั่งที่โต๊ะทำงานเสิร์ชหาเว็บไซด์แฟนคลับของยูกินญี่ปุ่น
“เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับฉัน”
วราพรรณอัพโหลดภาพหน้าปกหนังสือที่แสกนไว้ ลงเว็บแฟนคลับยูกิในประเทศญี่ปุ่น
“ให้มันรู้ไปว่าคนอย่างนายไม่แคร์ผลประโยชน์ของตัวเอง”
วราพรรณกดเอนเทอร์ ภาพหน้าปกหนังสือนินทาดาราขึ้นโชว์หราในหน้าเว็บแฟนคลับยูกิ
ในประเทศญี่ปุ่น

เสียงโทรศัพท์ดังไม่ยอมหยุดจากห้องทำงานเป็นไท องอาจถือแก้วโกโก้ในมือ รีบเข้ามารับก่อนที่จะตัดสายไป
“ฮัลโหล...เอ่อ คุณไทยังไม่เข้าออฟฟิศเลยครับ ไม่ทราบจากไหนครับ ถ้าคุณไทเข้ามาผมจะให้ติดต่อกลับไป...ผู้บริหารสูงสุด ค่าย J.O.Y. ไทยแลนด์...อูย สวัสดีครับท่านมีเรื่องอะไรถึงโทรมาเองเลย...ข่าว ทราบครับทราบ...ครับ แล้วผมจะให้คุณไทติดต่อท่านกลับไปให้เร็วที่สุดเลยครับ” องอาจวางสาย “งานเข้าแล้วไง”
องอาจถือแก้วโกโก้เดินจะออกจากห้อง เป็นไทกับนับดาวก็เดินเข้ามาพอดี องอาจชนเข้ากับนับดาวอย่างจังโกโก้ในแก้วของอาจหกเลอะเสื้อนับดาวที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างจัง
“ขอโทษครับยูกิจัง ขอโทษครับ”
องอาจพยายามจะเช็ดให้ แต่เลอะบริเวณเนินอก เป็นไทคว้ามือองอาจไว้ไม่ให้เช็ด
“ผมว่ายูกิไปเปลี่ยนเสื้อจะดีกว่าครับ เราคงมีเสื้อทีมเหลืออยู่บ้าง”
“ขอโทษด้วยจริงๆครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินไม่ดูเอง”
นับดาวเดินแยกไป องอาจมองหน้าเป็นไท
“หวงจริงๆเลยนะครับคุณไท คนนี้เนี่ย”
“มันไม่สุภาพ คุณจะไปเช็ดให้เค้าได้ไง”
องอาจจ๋อยไปรีบเปลี่ยนเรื่อง
“เออคุณไทครับ เมื่อกี้ทางต้นสังกัดของยูกิโทรมา ให้คุณไทโทรกลับไปด่วนเลยครับ”
เป็นไทตกใจ
“เค้าบอกมั้ยว่าเรื่องอะไร”
“เรื่องข่าวครับ”
เป็นไทเครียดขึ้นมาทันที
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวทางนี้ผมจัดการเอง”
“โอเคครับ”
องอาจเดินออกจากห้อง เป็นไทหน้าเครียดไปที่โต๊ะ

องอาจเดินออกจากห้อง เจอกับแพรวไพลินที่เดินเข้ามาพอดี เขารีบเอาตัวขวางไม่ให้เธอเข้าไป
“เข้าไม่ได้เด็ดขาดเลยครับตอนนี้”
“อะไร...ฉันเป็นแฟนทำไมจะเข้าไม่ได้”
“ขืนเข้าไปตอนนี้ คุณแพรวน่ะจะตายคนแรกเลย”
“ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“เรื่องเครียดระดับประเทศเลยนะครับ อย่าเข้าไปจะดีกว่า”
“มีนายกอยู่ข้างในเหรอ”
“เอาเป็นว่า อย่าเข้าไปจะดีกว่าครับ”
“แล้วนี่ ยูกิ เข้ามารึเปล่า”
“ไปเปลี่ยนเสื้ออยู่ในห้องน้ำมั้งครับ มีอะไรรึเปล่า”
“เปล่า”
แพรวไพลินยิ้มอย่างมีเสศนัย ก่อนจะเดินแยกไปจากองอาจ

นับดาวเดินบ่นออกจากห้องน้ำ สวมเสื้อตัวใหม่แล้ว มือถือเสื้อที่เลอะออกมาด้วย
“เป็นคราบไปถึงพุงเลยนะเนี่ย ต้องอาบน้ำซะละมั้งแบบนี้”
แพรวไพลินเดินอาดๆเข้ามาในห้องน้ำ
“อยู่นี่เอง”
นับดาวงง
“อะไร ทำไม เกิดอะไรขึ้น”
“ถามจริงๆเถอะนะ เธอคือยูกิตัวจริงรึเปล่า”
นับดาวตกใจ
“อะไรนะ ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง”
“โอเค ไม่ต้องตอบก็ได้ ฉันมีวิธีที่จะรู้ได้ก็แล้วกัน”
นับดาวตกใจ
“คือ...คือ...ฉัน...”
แพรวไพลินเดินพุ่งเข้ามาหาแววตาร้ายกาจ จ้องเขม็ง แล้วกระชากคอเสื้อนับดาวก้มเข้าไปดูด้านใน แล้วเธอก็ต้องตกใจ ตาค้าง
“เธอ...เธอ...มัน...”
นับดาวตกใจ งงไปหมด
“คือ ฉัน...อะไร...ยังไง ฉันควรจะพูดว่าไงดี”
แพรวไพลินหน้าตื่น
“เธอเป็นยูกิตัวจริง จริงๆด้วย”
นับดาวชะงักอึ้ง
“ห๊ะ”
“ปานนั่น มีอยู่จริงๆ”
นับดาวอึ้งงง
“ปาน”
“คอยดูเถอะ ฉันไม่ยอมหยุดแค่นี้แน่”
แพรวไพลินเดินไม่พอใจออกไปจากห้องน้ำ ปล่อยนับดาวยืนงงอยู่คนเดียว
“ฉันเป็นยูกิตัวจริงเหรอ...ปานอะไร”
นับดาวไม่เข้าใจเธอพยายามจะล้างคราบเหนียวที่เหนอะคราบโกโก้ออกจากตัว เธอดึงคอเสื้อลงต่ำ เห็นรอยคราบโกโก้เลอะที่เนินอกเป็นรูปคล้ายๆพระจันทร์ เธอเอาน้ำป้ายๆออก
“ปานอะไร ไม่เห็นเข้าใจเลย”
นับดาวยังงงกับพฤติกรรมของแพรวไพลินต่อไป

แพรวไพลินร้อนใจเดินไปเดินมาโทรศัพท์หาสังวรณ์ เมื่อสังวรณ์เห็นเบอร์แพรวไพลินโทรมาก็กดรับ
“ว่าไงคุณแพรว”
“นี่จะรับโทรศัพท์ให้มันเร็วๆไม่ได้รึไง”
“ใจเย็นๆสิครับ มีอะไรทำให้ร้อนใจไม่ทราบ”
“เรื่องปานบ้าบออะไรนั่น ฉันดูให้แล้วนะ”
“แหม...ทำงานเร็วดีจริงๆ ผมล่ะมองคนไม่ผิด”
“ไหนบอกว่ามันเป็นยูกิตัวปลอมไง ฉันเห็นปานมันเต็มสองตาเลย”
สังวรณ์ตะลึง
“พูดเป็นเล่น ปานรูปพระจันทร์หน้าอกข้างซ้ายนะ”
“นี่ ฉันไม่ได้โง่นะ บอกว่าเห็นก็เห็นสิ”
“งั้นก็แปลว่าเป็นยูกิตัวจริง”
“แล้วไหนบอกเป็นยูกิตัวปลอมไง มั่วได้อีกนะเนี่ย”
“ผมก็แค่สันนิษฐาน”
“แล้วนี่จะทำไงต่อไปเนี่ย”
“ผมมีแผนบี”
“อะไร แผนบี”
“ถ้ามันเป็นยูกิตัวจริงละก็ เราก็ลักพาตัวยูกิตัวจริง แล้วก็จ้างตัวปลอมไปเสียบแทนไง รับรองคราวนี้ งานล่มแน่ๆ”
“แล้วจะไปหาคนหน้าเหมือนยายยูกินี่จากไหน ทำยังกับมันหาง่ายๆงั้นแหละ”
“หึ หึ”
สังวรณ์ยิ้มตาวาวนึกถึงตอนที่ไปเจอนับดาวที่งานเลี้ยงรุ่น
“ผมรู้จักอยู่คนนึง”
สังวรณ์หน้าตาและสายตาเจ้าเล่ห์

เป็นไทนั่งหน้าเครียดอยู่บนโต๊ะ องอาจกับนับดาวเดินเข้ามา
“คุณไทเรียกเราใช่มั้ยครับ”
“ใช่...เชิญคุณยูกินั่งก่อนครับ”
นับดาวเดินไปนั่งตามคำเชิญ
“มีอะไรเหรอครับคุณไท หน้าเครียดเชียว”
เป็นไทถอนหายใจ
“คือแบบนี้นะครับยูกิ เมื่อกี้ผมได้คุยกับทางต้นสังกัดของคุณ”
“อ๋อ ค่าย G.E.I.”
“J.O.Y. ครับ แหม ผิดทุกตัว”
เป็นไทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณคงจะตลกไม่ออกแล้วละครับ ทางค่ายใหญ่ที่ญี่ปุ่น เขาเรียกเราเข้าไปคุยเกี่ยวกับกระแสข่าวลบที่ออกมาติดๆกัน”
เป็นไทโยนหนังสือนินทาดาราทั้ง 2 เล่ม ที่เป็นภาพปาปารัชชี่ของยูกิกับเขา และของนับดาวกับสังวรณ์ ลงบนโต๊ะ
องอาจตกใจ
“คุณพระ นี่จะถึงขั้นแบนคอนเสิร์ตมั้ยครับเนี่ย”
“ผมพยายามจะไม่ให้เป็นงั้น”
“ถ้างั้นคุณไทกับยูกิก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่น”
“ไม่ถึงขนาดนั้น พอดีว่า คุณชินอิจิ CEO ของ J.O.Y. กำลังเดินทางมาประชุมแผนการตลาดเอเชียที่เชียงใหม่”
นับดาวตื่นเต้น
“เราต้องไปเชียงใหม่เหรอ”
องอาจงงๆ
“ทำอย่างกับไม่เคยไปนะครับจริงๆครอบครัวคุณก็มีบ้านพักตากอากศอยู่ที่เชียงใหม่นี่ แถมคุณยังเคยมาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วย”
นับดาวรีบเปลี่ยนท่าที
“นั่นสิ...คือจริงๆ แค่คิดถึงเพื่อนที่นั่นน่ะค่ะ”
เป็นไทหันมาบอกอย่างไม่สบายใจ
“ผมต้องขอโทษคุณยูกิจริงๆที่ทำให้เกิดเรื่องแบบนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ถือซะว่าได้ไปเที่ยว”

นับดาวดูท่าทางไม่เดือดร้อนกับใครเค้าเลย แต่องอาจกับเป็นไทหน้าเครียด
รจนากำลังนั่งดูทีวีอยู่ นับดาวระริกระรี้เข้ามาฮัมเพลงญี่ปุ่นของยูกิด้วย ในมือถือข้าวของมาเต็มไปหมด รจนาชำเลืองตามองหลานที่อารมณ์ดีเข้ามาในบ้าน ไม่ค่อยพอใจกับการร้องเพลงต่างชาติเท่าไหร่

“เราก็รู้ไม่ใช่เหรอ ว่าย่าไม่ชอบพวกนิยมต่างชาติ”
นับดาวหยุดร้องเพลงทันที
“แหม ทำเครียดไปได้ย่าก็...นี่หนูซื้อของมาฝากย่าเพียบเลยนะ ดูสิ ของบำรุงสุขภาพทั้งนั้นเลยนะ” นับดาวพูดพร้อมหยิบของจากถุง “นี่รังนก นี่ก็ซุปไก่ น้ำผึ้ง แล้วย่าก็อย่ากินน้ำเย็นนะ เดี๋ยวคอจะแย่ นี่แอบพูดก่อนหมอกำหนดก็เสี่ยงพอแล้ว”
“ทำไมต้องซื้อของมาเยอะแยะแบบนี้ด้วย ทำอย่างกับจะไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว กลัวย่าไม่มีอะไรกินยังงั้นแหละ”
“คือ...หนูต้องไปทำงานน่ะย่า...”
“งานอะไร ไอ้งานหลอกลวงชาวบ้านนั่นน่ะเหรอ”
นับดาวหน้างอ
“ย่าอ่ะ อย่าว่านักสิ เดี๋ยวอีกไม่นานมันก็คงจบแล้ว”
“ให้มันจริงเถอะ”
“พรุ่งนี้หนูจะไปเชียงใหม่นะย่า”
“ห๊า”
“ไปธุระ ไปทำงาน ย่าดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกัน”
รจนาน้อยใจ
“ใช่สิ ย่ามันไม่สำคัญเท่าการได้เป็นดาราจอมปลอมนี่”
“หนูไม่ได้ไปเที่ยวนะย่า ไปทำงานจริงๆ งานด่วนด้วย”
“งั้นก็ปล่อยให้ย่าเฉาตายอยู่บ้านเถอะ”
นับดาวเข้าไปกอดย่า
“หนูก็อยากพาย่าไป แต่มันเป็นงานบริษัท หนูเกรงใจเค้า”
“เชอะ”
นับดาวไม่สบายใจที่ย่างอน แต่เมื่อเธอหันไปเห็นซองหมากฝรั่งในถุง เธอก็หยิบซองหมากฝรั่งขึ้นมา
“หนูมีวิธีพาย่าไปเชียงใหม่แล้ว”
รจนาแอบดีใจ หันมาหา นับดาวชูซองหมากฝรั่ง
“นี่ไง หนูจะส่งฉลากไปชิงโชค ผู้โชคดีได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ฟรีกับแพนเค้กเลยนะ ดูหมีแฟนด้านะ อยากดูป่าว”
รจนาเซ็งกับวิธีของนับดาว

เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้ง แล้วประตูห้องสังวรณ์ก็เปิดออกมา วราพรรณเดินเข้ามา
“คุณมาก็ดีแล้ว”
“คุณซังวอนเรียกฉันมีอะไรเหรอคะ”
“นี่จะกลับบ้านรึยังเนี่ย”
“กำลังจะกลับค่ะ”
“ดี งั้นคุณช่วยหาข้อมูลเรื่องนึงให้ผมหน่อย”
วราพรรณแอบบ่น
“แล้วจะถามว่าจะกลับบ้านรึยังทำไมเนี่ย”
สังวรณ์ ยื่นรูปรจนาให้ดู
“รู้จักนักร้องคนนี้มั้ย”
วราพรรณดูรูปแล้วตกใจ
“นักร้องคนนี้...”
“ผมลืมไป คุณคงจะเกิดไม่ทันสินะ เขาเป็นนักร้องดังสมัยกรุงแตกน่ะ”
“แล้วนักร้องคนนี้เค้าทำไมเหรอคะ”
“ผมอยากได้ที่อยู่เขาหน่อย”
“ที่อยู่...คุณซังวอนคิดจะทำอะไรคนแก่คะ”
“คุณจะบ้าเหรอ คุณเห็นผมเป็นคนหื่นขนาดนั้นเลยเหรอ”
วราพรรณไม่ตอบ เพราะหน้าสังวรณ์แม้จะนิ่งๆ ไม่ได้ตั้งใจหื่นแต่ดูหื่นมาก
“ผมสนใจในตัวหลานของเค้ามากกว่า”
“หลาน...”
“ใช่...ได้ข่าวว่าหน้าตาดี”
“เอามาเป็นเด็กเสี่ยเหรอ”
“เอามาเป็นดาราสิ เธอนี่คิดอะไรของเธอ”
“ดาราเหรอ”
วราพรรณยิ้ม ดีใจที่นับดาวจะได้เป็นดารา ส่วนสังวรณ์ก็ยิ้มเช่นกัน ที่แผนการของเขาได้เริ่มต้น

นับดาวจัดกระเป๋าเสื้อผ้าด้วยความตื่นเต้น เธอใช้กระเป๋าเดินทางของยูกิที่ได้มาจากองอาจ เธอหยิบของมากมายใส่กระเป๋า ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องเอาไป เธอก็โยนใส่กระเป๋าไปด้วย เช่น เสื่อ หม้อหุงข้าว ไฟฉาย และสารพัด ทำกระเป๋าปิดไม่ลง รวมทั้งหนังสือแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเชียงใหม่ด้วย
“เอาไปแค่นี้เอง ทำไมปิดไม่ลงล่ะ นี่ยังขาดกะทะกับกาต้มน้ำเลยนะเนี่ย”
นับดาวเปิดกระเป๋ามามองดูของที่ตัวเองเอาไป ต้องเลือกออก เธอเลือกไม่ถูกเลยทีเดียว
“เอาอะไรออกดีล่ะ หม้อหุงข้าวก็จำเป็น ถ้าหิวข้าวขึ้นมาทำไง เชียงใหม่ไม่มีข้าวขายหรอกมั้ง เสื่อนี่ก็จำเป็นเผื่อไม่มีที่นั่ง ไฟฉายนี่สำคัญใหญ่ เผื่อเครื่องบินตกไปติดเกาะจะได้ทำสัญญาณ sos ได้ กระเป๋าใบมันเล็กไปนะเนี่ย”
นับดาวกำลังกลุ้มใจกับกระเป๋าที่ปิดไม่ลง โทรศัพท์ที่วางบนเตียงของเธอสั่น เป็นชื่อของวราพรรณ นับดาวไม่ได้สนใจ
วราพรรณ ที่พยายามโทรหานับดาว แต่ก็ไม่มีคนรับ วางหูอย่างเซ็งๆ
“เออ แกนะแก ข่าวดีที่รอมาทั้งชีวิตแท้ๆ ไม่ยอมรับ”
วราพรรณ ตัดสินใจเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป

นับดาวหอบกระเป๋าพะรุงพะรังมาจากในบ้าน รจนาเดินตามมองอย่างระอา
“นี่กะจะไปตั้งรกรากที่โน่นเลยรึไง ดูขนของเข้า”
“เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมสิย่า”
“แกกะว่าเชียงใหม่เขาจะเกิดสงคราม เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพงรึไง”
“โอเคเอาไปแค่ใบเดียวก็ได้” นับดาววางกระเป๋าเล็กๆน้อยๆลง “แล้วนี่ย่าอย่าลืมกินยาด้วยล่ะ ข้าวน่ะพอถึงเวลาก็กินเลย จะได้ไม่เป็นโรคกระเพาะ”
“ย่าไม่ได้โดนขังอยู่ในห้องใต้ดินนะ หิวอะไรย่าก็ออกมาหากินเองได้อยู่แล้ว ไม่ต้องรอให้เรามาสอนหรอก”
“ก็หนูเป็นห่วงนี่ เกิดมาไม่เคยจากบ้านไปไหนเกินสามวันมาก่อนเลย”
“นี่ก็แค่อาทิตย์เดียวเองไม่ใช่เหรอ มากกว่าตอนไปเข้าค่ายเนตรนารีไม่เท่าไหร่”
“อวยพรให้หน่อยสิย่า”
รจนาทำปากแข็ง ฝืนๆ
“ก็โชคดีละกัน”
นับดาวโผเข้ากอด
“ย่าก็เหมือนกันนะ”
นับดาวหยิบซองหมากฝรั่งออกมา
“หนูไม่ลืมหรอกนะ ที่สัญญากันว่าจะพาย่าไปเชียงใหม่กับแพนเค้ก”
“คงได้ไปหรอกมั้งนั่น”
“ไปละนะย่า”
นับดาวขึ้นรถแท็กซี่ที่จอดอยู่ รจนามองหลานอย่างอดห่วงไม่ได้ แท็กซี่วิ่งออกไป นับดาวทำมือถือตกไปที่พื้น เธอก้มลงไปเก็บ เลยไม่เห็นวราพรรณที่ขี่มอเตอร์ไซค์สวนเข้ามา

รจนายังไม่ทันเข้าบ้าน วราพรรณก็ขี่มอเตอร์ไซค์เข้ามาจอดหน้าบ้าน
“ย่า นับดาวล่ะ”
“มันเพิ่งออกไปเมื่อกี้เอง”
“ไปไหน”
“ไปทำงานต่างจังหวัด”
“นี่มันเดือดร้อนถึงขั้นต้องหนีหนี้ไปต่างจังหวัดเลยเหรอ”
“ใช่ที่ไหนเล่า มันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ”
“งั้นกลับกี่โมง”
“ไม่ได้หมายความว่าจะกลับวันนี้”
“แล้ววันไหนล่ะย่า”
“อาทิตย์หน้าโน่นละมั้ง”
“แย่ละ”
“ทำไม มีเรื่องอะไร”
“ก็เจ้านายหนูเขาจะมาคุยกับนับดาววันนี้”
สังวรณ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้านรจนา
“นั่นไง มาพอดี”
สังวรณ์ลงจากรถ วราพรรณยกมือไหว้ สังวรณ์พยักหน้ารับ
“สวัสดีครับคุณรจนา”
รจนาหันกระซิบวราพรรณ
“เจ้านายเรานี่เป็นใคร”
“เจ้าของหนังสือพิมพ์ และรายการทีวีน่ะป้า”
รจนาพยักหน้ารับ
“แล้วนี่หลานคุณป้าไปไหนละครับเนี่ย”
สังวรณ์มองหานับดาว รจนากับวราพรรณมองหน้ารู้กันว่านับดาวไม่อยู่

องอาจเปิดประตูเข้ามาในห้องเป็นไท เห็นคนนั่งอยู่ที่เก้าอี้เป็นไท ถือแฟ้มเอกสารบังหน้าอยู่ องอาจตกใจ
“อ้าวคุณไท นี่ยังไม่เดินทางอีกเหรอครับเนี่ย”
แพรวไพลินเอาแฟ้มวางบนโต๊ะ องอาจเห็นตกใจเป็นแพรวไพลินนี่เองที่นั่งอยู่
“เดินทางอะไร พี่ไทจะไปไหน”
“คุณแพรว ทำผมตกอกตกใจหมด”
“ฉันถามว่าพี่ไทจะไปไหน ฉันได้ยินนะที่คุณบอกจะเดินทางอะไรนั่น”
“หูแว่วแล้วครับ ผมไม่ได้พูดอะไรเลย”
“นี่ ฉันไม่ได้เป็นโรคประสาทนะ บอกมา”
“ไม่อะไรจะพูดเลยครับ ปิดการประชุมเท่านี้”
“ถ้าพี่ไทไม่ได้ไปไหนแล้วทำไมไม่มาทำงาน”
“ผมไม่รู้ครับ”
องอาจจะเดินหนีออกนอกห้อง แพรวไพลินมาขวางหน้า
“ไม่บอกใช่มั้ย ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่า คุณกล้าเอาตำแหน่งงานคุณเป็นประกันมั้ย”
องอาจหน้าตึง
“นี่คุณแพรว”
“เอาซิ ไม่บอกก็ไม่ต้องบอกแต่ฉันจะไล่คุณออก แล้วก็ทำจดหมายแจ้งทุกบริษัทด้วยว่าไม่ให้รับคุณเข้าทำงาน”
องอาจอึดอึดกับสิ่งที่แพรวไพลินกดดัน

วราพรรณยกน้ำมาเสิร์ฟสังวรณ์และรจนา
“บ้านเงียบจัง ตกลงหลานคุณป้าอยู่ไหนเนี่ย” สังวรณ์มองไปรอบๆ
รจนามองสังวรณ์อย่างไม่ค่อยชอบหน้า
“มันไม่อยู่หรอก มีธุระอะไร”
“อ้าว ไม่อยู่ แล้วจะให้ผมเข้ามาในบ้านสภาพแบบนี้ทำไมเนี่ย”
วราพรรณสะกิดสังวรณ์ ให้ดูหน้ารจนาที่สีหน้าไม่พอใจ สังวรณ์รีบพูดแก้
“หมายถึงว่าบ้านมันเงียบ ผมไม่ค่อยชินน่ะ”
“มีอะไรก็คุยกับฉันนี่ ฉันกับหลานคุยกันทุกเรื่อง”
“ทำตัวเป็นผจก.ดาราตั้งแต่หลานยังไม่ดังเลยทีเดียว”
รจนาไม่พอใจ
“ขอโทษทีนะย่า คุณซังวอนเขาก็เป็นแบบนี้แหละ อย่าถือสาเลย”
“งั้นก็มาคุยเรื่องงานเลยละกันจะได้ไม่เสียเที่ยว”
“ก็ว่ามาสิ”
“คือผมอยากจะติดต่อหลานคุณมาเป็นดับเบิ้ลแคสของดาราชื่อดังคนหนึ่ง อ้อลืมไปดับเบิ้ลแคสคืออะไร อาจจะไม่เข้าใจ ก็คือนักแสดงแทนของโมเดลจริงๆนั่นเอง”
รจนาตกใจ
“จะให้เป็นแคส แคส อะไรของใคร”
สังวรณ์ตอบเสียงดังฟังชัด
“ของดาราญี่ปุ่นชื่อดัง ไอ ยูกิ เพราะหลานคุณน่ะมีลักษณะที่คล้ายเธอมาก”
“ยูกิเหรอ”
รจนานึกถึงรายการทีวีที่นับดาวไปออกก็ตกใจ
“ไม่ได้ๆ ไม่เอาๆเด็ดขาด”
รจนารีบเดินขึ้นไปบนบ้านทันที ปล่อยให้วราพรรณกับสังวรณ์นั่งงง
“ไหนบอกว่าจะเอาเพื่อนฉันเป็นดาราไงคะ ทำไมกลายเป็นดับเบิ้ลแคสได้”
“มันก็ต้องค่อยๆไต่เต้าไปสิ แต่รับรองดังแน่”
“งั้นเดี๋ยวหนูคุยให้ค่ะ รับรองว่าสำเร็จแน่”
“ดี ฝากเรื่องด้วย แล้วไหนเรื่องรูปที่ผมให้คุณหามาให้ ผมอยากจะเห็นหน้านับดาวนี่ชัดๆหน่อย”
วราพรรณยื่นรูปที่เคยถ่ายให้นับดาวไว้ ให้สังวรณ์ดู สังวรณ์เห็นแล้วก็ยิ้มพอใจ
“เหมือนอย่างไม่มีที่ติ ดี ถ้าติดต่อได้นะ ผมจะเลื่อนตำแหน่งให้คุณทันทีเลย”
วราพรรณยิ้มแก้มปริ

แพรวไพลิน อึ้งเมื่อองอาจบอกให้รู้ว่าเป็นไทไปไหน
“เชียงใหม่ พี่ไทไปเชียงใหม่สองต่อสองกับยายยูกิน่ะเหรอ”
องอาจพยักหน้า
“เป็นแบบนี้ทุกทีเลย แล้วแกปล่อยให้ไปได้ยังไง”
“แล้วผมมีสิทธิอะไรไปคัดค้านครับ มีหวังโดนไล่ออกทั้งขึ้นทั้งล่อง”
“บินเมื่อไหร่”
“ก็คงใกล้ๆแล้วละครับ”
แพรวไพลินหยิบกระเป๋าแล้วรีบออกไปทันที
“ขอโทษนะครับคุณไท ผมจำเป็นจริงๆ”
องอาจรีบตามแพรวไพลินออกไป

นับดาวกับเป็นไทมาเจอกันที่สนามบิน ต่างคนต่างก็ยิ้มให้กัน
“เตรียมของมาครบนะครับ ไม่ลืมอะไรนะ”
“ไม่ใช่แค่ครบค่ะ เกินด้วย”
“ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ที่ทำให้คุณมีแต่ข่าว” เป็นไทบอกอย่างไม่สบายใจ
“ไม่เห็นเป็นไรเลย คุณไม่ได้เป็นคนถ่ายรูปส่งไปซักหน่อย”
“แต่ผมน่าจะดูแลคุณให้ดีกว่านี้”
“แค่นี้ยังไม่ดีอีกเหรอ ฉันแทบจะไม่ต้องเดินเองอยู่แล้วนะ”
“ไม่ดีหรอกครับ ผมรู้ตัว”
“ดีไมดีฉันเป็นคนตัดสินนะคะ...แล้วนี่เราต้องทำอะไรต่อไปคะเนี่ย”
นับดาวตื่นตาตื่นใจกับสนามบิน

นับดาวกับเป็นไทต่อคิวเช็คอินที่เคาน์เตอร์โหลดกระเป๋า ถึงคิวนับดาวพอดี
“ของเหลวเกิน 10 มิลลิลิตร ห้ามนำขึ้นเครื่องนะคะ”
“ห๊ะ”
นับดาวไม่เข้าใจ เป็นไทจึงช่วยถาม
“ในกระเป๋าที่จะเอาขึ้นเครื่องของคุณมีของเหลวเกิน 10 ม.ล. รึเปล่า”
“เอ่อ...”
นับดาวเทกระเป๋าสะพาย เต็มไปด้วยของเหลว น้ำใบบัวบก น้ำกระเจี๊ยบ ปลากระป๋อง สารพัด
“สิบมิลลิลิตรนี่มันแค่ไหนละคะ”
เป็นไทกับพนักงานเคาน์เตอร์เห็นแล้วก็ตกใจ
“นี่เค้าคิดว่าที่ เชียงใหม่ ไม่มีอะไรขายเหรอคะ” พนักงานถามเป็นไท
“...เอาไปไม่ได้เหรอคะ”
นับดาวถาม เป็นไทงงงกับการกระทำของเธอ
“นี่คุณแกล้งมุกหรือไม่รู้จริงๆเนี่ย คุณเดินทางไปทัวร์ต่างประเทศออกบ่อย กฎพื้นฐานของการขึ้นเครื่องบิน คุณน่าจะรู้สิ”
“แหะ แหะ”
นับดาวยกน้ำในขวดขึ้นดื่มอั่กๆ หน้าเจื่อนๆไป เป็นไทมองอย่างสงสัย

แพรวไพลินเดินเข้ามาในสนามบิน มองซ้ายมองขวาหานับดาวกับเป็นไท เธอเห็นที่บอร์ดแจ้งว่าเครื่องบินไฟล์ทไปเชียงใหม่สแตนบายด์เตรียมขึ้นเครื่องได้แล้ว แพรวไพลินรีบวิ่งไปที่ประตูทันที องอาจเดินตามเข้ามาติดๆ
นับดาวกับเป็นไทเดินเข้าไปด้านใน แพรวไพลินเห็นวิ่งมา จะตามเข้าไปเจ้าหน้าที่ห้ามไว้
“เข้าไม่ได้นะครับ”
“แค่พวกคุณปล่อยฉันเข้าไป ฉันก็เข้าไปได้แล้วเนี่ย”
“เข้าได้เฉพาะผู้เดินทางเท่านั้น”
แพรวไพลินชะเง้อมองเป็นไทที่เดินหายไป
“พี่ไท...พี่ไทออกมานี่นะ แพรวไม่ให้พี่ไปกับยูกินะ พี่ไท”
เป็นไทไม่ได้ยิน เดินเข้าไปกับนับดาว แพรวไพลินยิ่งร้อนรน พยายามจะเข้าไปให้ได้ องอาจเข้ามาห้ามเธอไว้
“เข้าไปไม่ได้หรอกคุณแพรว รอเขากลับมาจะดีกว่า”
“ปล่อยนะ เห็นมั้ยพี่ไทเดินเข้าไปแล้ว”
“ปล่อยไม่ได้หรอกครับ”
“รู้มั้ยฉันลูกใคร”
“คุณแพรวจะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย ได้...แล้วคุณแพรวรู้มั้ยผมพ่อใคร”
แพรวไพลินงง
“ห๊ะ”
“งงอะดิ...บอกแล้วอย่าให้ผมใช้ไม้นี้”
“ได้ ไม่ให้ฉันเข้าไปใช่มั้ย”
แพรวไพลินมองหน้าเจ้าหน้าที่กับองอาจแค้นๆ
“จะเอาแบบนั้นใช่มั้ย คอยดูละกัน”
แพรวไพลินมองหน้าเจ้าหน้าที่กับองอาจ แล้วเดินจ้ำออกไป องอาจกับเจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ

แพรวไพลินเดินจ้ำมาที่เคาน์เตอร์ขายตั๋ว
“เอาตั๋วไปเชียงใหม่ใบนึง”
“เดินทางเมื่อไหร่ดีคะ”
“เดี๋ยวนี้”
“ห๊ะ...”
“เดี๋ยวนี้ไง ไม่ได้ยินรึไง”
พนักงานเช็คในคอม
“ตั๋วไปเชียงใหม่เร็วสุด จะเป็นวันพรุ่งนี้ช่วงเช้านะคะ”
“แล้ววันนี้มันไม่บินกันแล้วรึไง”
“มีบางเที่ยวบินงดเพราะสภาพอากาศค่ะ”
“เออ งั้นฉันจองใบนึง แล้วเที่ยวบินที่เร็วสุดมีไปไหน เอาอีกใบนึงด้วย”
พนักงานงงๆ

องอาจขอโทษขอโพยเจ้าหน้าที่ที่อยู่ประตูทางเข้า
“ขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้วุ่นวาย”
เจ้าหน้าที่ยิ้มๆ องอาจกำลังจะเดินออกไป แพรวไพลินก็เดินถือตั๋วเครื่องบินมาพอดี แพรวไพลินยื่นตั๋วให้องอาจดู
“เป็นไง คราวนี้เข้าได้รึยัง”
องอาจดูตั๋ว
“โอ้โห คุณแพรวจะไปภูเก็ตทำไมน่ะครับ”
“เรื่องของฉัน”
แพรวไพลินดึงตั๋วมาจากมือองอาจแล้วเอาไปยื่นให้เจ้าหน้าที่ ส่งสีหน้าเยาะเย้ยให้เจ้าหน้าที่และองอาจ
“เป็นไง คราวนี้ฉันผ่านไปได้แล้วใช่มั้ย”
เจ้าหน้าที่ดูตั๋ว
“เชิญครับ”
“แต่ฉันไม่ไป”
แพรวไพลินฉีกตั๋วเยาะเย้ยองอาจกับเจ้าหน้าที่
“เป็นไงเจ็บใจมั้ยล่ะ ให้ฉันผ่านไปได้แล้วใช่มั้ย แต่ฉันไม่ไป” แพรวไพลินหัวเราะสะใจ “ให้มันรู้ซะบ้างว่าใครเป็นใคร”
เจ้าหน้าที่กับองอาจมองหน้ากันงงๆ ไม่เข้าใจการกระทำของแพรวไพลินที่เดินเชิดๆไป
“นี่มันบ้าหรือมันดีวะเนี่ย เราควรเจ็บใจด้วยเหรอ...อะไรของเค้า”
องอาจกับเจ้าหน้าที่มองหน้ากันงงๆ

ที่บ้านพักริมทะเล...ยูกิถูบ้านอยู่งกๆ ซีซีเดินมาจ้ำจี้จ้ำไชเธอ
“นี่ อย่าให้เหลือฝุ่นแม้แต่นิดเดียวนะ ถ้าฉันเจอฝุ่นอยู่ตรงไหน ฉันจะให้เธอเริ่มทำใหม่หมด”
ยูกิมองอย่างไม่พอใจเท่าไหร่ แต่ก็ทำความสะอาดต่อไป ซีซีนั่งเอกเขนกบนเปล กินขนม เธอแกล้งยูกิโดยโปรยเศษขนมตกลงพื้น
“อุ๊ย แย่จัง”
ยูกิมองไม่พอใจนัก แต่เธอก็เข้าไปกวาดเศษขนมที่หก แต่พอเธอกวาดเสร็จ แล้วเดินไปทำความสะอาดที่อื่น ซีซีก็แกล้งทำขนมหกอีก ยูกิต้องเดินมากวาดซ้ำๆ ยามาดะแอบมองอย่างสงสาร

ช่วงบ่าย ยูกิต้องแบกน้ำจืดที่ไปตักมาสองถังบนคาน เดินเซไปเซมาเพราะความหนัก เธอเดินมาจนใกล้โอ่งที่เก็บน้ำแล้ว แต่ซีซีก็เดินเข้ามาทำเดินชน จนยูกิล้ม น้ำหกบนทรายจนหมด ยูกิมองน้ำที่ซึมผ่านทรายอย่างเจ็บใจ
“อุ๊ย ขอโทษนะ ไม่ได้ตั้งใจน่ะ ไปตักมาใหม่ละกัน ก็แค่เดินไปหลังเกาะโน่นนนนเท่านั้นเอง”
ยูกิเจ็บใจ แต่เธอก็สะกดอารมณ์ตัวเองไว้ ยามาดะแอบมองอย่างเห็นใจ
ยูกิเดินย้อนจะไปที่แหล่งน้ำอีกครั้ง แบกถังน้ำบนคานเปล่าๆ เหงื่อโทรมกาย แต่เธอก็เห็นมีถังน้ำที่บรรจุน้ำเต็มสองถังวางไว้กลางทาง ยูกิหันมองซ้าย มองขวา แต่ก็ไม่มีใคร ยูกิยิ้ม รู้อยู่แก่ใจว่าใครทำให้เธอ ยูกิยกน้ำขึ้นคานทั้งสองข้าง วางถังเปล่าไว้แทน ตะโกนลอยๆ
“ขอบคุณนะ”
ยามาดะที่แอบดูอยู่ ยิ้มอยู่หลังต้นไม้

ที่สนามบินเชียงใหม่ รถตู้จากโรงแรมมาจอดรับเป็นไท กับนับดาว มีบอดี้การ์ดเตรียมคุ้มกันหนาแน่น นับดาวตื่นเต้นกับการได้เดินทางไปต่างจังหวัดครั้งแรกในชีวิต หันซ้ายหันขวา เอากล้องขึ้นมาถ่ายตั้งแต่สนามบิน
บอดี้การ์ดพูดเป็นภาษาญี่ปุ่น
“เชิญขึ้นรถเลยครับ”
เป็นไทถามนับดาว
“เขาว่ายังไงน่ะครับยูกิ”
“ห๊ะ...อะไรนะ”
“เมื่อกี้คนหน้าเข้มเขาพูดว่าอะไร”
นับดาวงงๆ พูดมั่วๆ
“บอกให้ขึ้นรถเถอะ”
บอดี้การ์ดหันมาบอกเป็นภาษาญี่ปุ่นอีก
“เดี๋ยวพวกคุณต้องเข้าไปคุยกับบอสพรุ่งนี้นะ”
“เขาว่ายังไงอีก”
นับดาวพูดมั่วๆ
“ก็บอกว่า เขามารอเรา 2 ชั่วโมงแล้ว อากาศร้อนจัง”
“เหรอ จริงๆผมว่าก็ไม่ร้อนนะ อากาศกำลังดี”
“นั่นสิเนอะ คนนี้เขาขี้ร้อนน่าดู แหะ แหะ”
นับดาวกับเป็นไทขึ้นรถ บอดี้การ์ดปิดประตูแล้วไปนั่งข้างคนขับ รถตู้ขับออกไป

เป็นไท กับนับดาวมาเดินเล่นด้วยกัน นับดาวตื่นเต้นกับทุกอย่างที่เห็นไปหมด เมื่อมานั่งในร้านอาหารพื้นเมือง เธอชี้เมนู
“คุณไท...นี่อาหารอะไรน่ะ”
เป็นไทจ้องหน้า
“คุณทำแบบนั้นได้ยังไง”
“ทำอะไร”
“ทำเหมือนไม่รู้จักที่นี่ ทั้งที่ครอบครัวคุณก็มีบ้านพักตากอากาศอยู่ที่นี่ แถมเคยมาใช้ชีวิตที่นี่ด้วย”
นับดาวเฉไฉ
“ก็คนมันไม่ได้กลับมาที่นี่นาน ก็ต้องตื่นเต้นที่ได้กลับมาเป็นธรรมดา”
“คุณน่าจะรู้จักข้าวซอยอยู่แล้วนี่”
“จำได้สิ กินบ่อย เอาสองชามเลย”

นับดาวทำเฉไฉ เป็นไทมองนับดาวอย่างเอ็นดู แต่ก็อดสงสัยนับดาวไม่ได้









Create Date : 12 มีนาคม 2555
Last Update : 12 มีนาคม 2555 0:33:30 น.
Counter : 269 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]