All Blog
ฉันรักเธอนะ ตอนที่ 13



รจนายืนรดน้ำต้นไม้อยู่ วราพรรณเดินมาส่งนับดาวไปทำงาน

“ตั้งใจทำงานนะ”
“นี่แกคิดว่ามาส่งลูกไปโรงเรียนอยู่รึไง”
“แกก็เข้าใจฉันหน่อยสิวะ ฉันบ้างานมาตลอด ไม่เคยว่างขนาดนี้มานานแล้ว”
“ฟุ้งซ่าน ว่างั้น”
วราพรรณพยักหน้ารับ
“งั้นแกก็ตามหายูกิสิ ถนัดไม่ใช่เหรอ เรื่องสะกดรอยน่ะ”
รจนาที่ยืนรดน้ำต้นไม้อยู่พูดแทรกขึ้นมา
“งั้นวันนี้ก็ไปทำธุระให้ย่าหน่อยละกัน”
“ธุระอะไรย่า” วราพรรณถาม
“ไปรับของจากเพื่อนเก่านะ”
“จากเพื่อนเก่า แล้วทำไมไม่ไปรับเองล่ะย่า จะได้เจอเพื่อน”
“ไม่ค่อยสนิทน่ะ”
“งั้นก็เอาสิ”
วราพรรณไม่ได้คิดอะไรมาก แต่รจนาแอบกังวลใจเล็กน้อย นับดาวไม่ได้สงสัยอะไรเดินออกไปทำงาน

นับดาวแต่งตัวเตรียมทำงาน เธอเข็นรถเข็น vip ของเธอออกมา เจอผู้จัดการเดินเข้ามาพอดีก็ตกใจ
นึกว่าจะโดนว่าเรื่องงาน
“ไปไงมาไงคะเนี่ย”
ผู้จัดการมองหน้านับดาวอย่างตั้งใจ
“คือเรื่องห้องน้ำที่ชั้นหนึ่ง พอดีว่าคนใช้เยอะมาก ทำความสะอาดลำบากน่ะค่ะ ฉันก็เลยกะว่าจะไปทำความสะอาดตอนนี้เลย เพราะสายๆแบบนี้คนคงไม่เยอะมาก”
“ไม่ต้องไป”
“ผู้จัดการหมายความว่า...” นับดาวเข้าใจว่าจะโดนไล่ออก
“ใช่”
“แต่ฉันเพิ่งเริ่มมาทำงานได้วันเดียวเองนะ ยังไม่รู้กฎว่าอะไรเคร่งครัดบ้าง ฉันรับรองว่าคราวหน้าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”
“อะไรของเธอน่ะ พูดซะยาวเลย”
“ผู้จัดการไม่ได้กำลังจะไล่ฉันออกหรอกเหรอ”
“อะไรของเธอน่ะ ตามฉันมานี่”
“มีอะไรเหรอคะ”
ผู้จัดการเดินนำนับดาวออกไป นับดาวไม่ได้คำตอบ เดินตามไปอย่างงงๆ

ซีซีเดินซื้อของอยู่ในห้างสรรพสินค้า แล้วก็บังเอิญเจอกับไคคุงพอดี ทั้งคู่ผงะเล็กน้อยที่ได้เจอกันอีก
“คุณ...”
ไคคุงมองจับพิรุธซีซี
“มองฉันแบบนี้ทำไม”
“ก็จะดูว่า คุณโกหกเรื่องที่ยูกิหนีไปแล้วรึเปล่าน่ะสิ”
“นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายวันแล้ว ยังไม่เจอยูกิอีกรึไง”
“ไม่...”
“ฉันไม่รู้เรื่องแล้วนะ จริงๆยูกิก็น่าจะไปหาคุณสิ”
“ไม่มีใครมาหาทั้งนั้นแหละ”
“กลับญี่ปุ่นไปแล้วรึเปล่า”
“อย่างน้อยก็น่าจะโทรมาบอกกันบ้างสิ คุณแน่ใจนะ ว่าคุณไม่ได้ฆ่ายูกิทิ้งไปแล้ว ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณ”
“บ้ารึไง หน้าฉันดูโหดร้ายขนาดนั้นเลยรึไง”
ไคคุงกับซีซีจ้องหน้ากัน ต่างไม่ไว้ใจกันเท่าไหร่

ผู้จัดการพานับดาวเข้ามาในห้อง ซึ่งมีคนนั่งหันหลังให้เธออยู่ นับดาวยังไม่เห็นว่าเป็นใคร
“นับดาวมาแล้ว”
นับดาวมองผู้หญิงที่หันหลังให้เธอ ผู้หญิงคนนั้นก็ค่อยๆหันมา คือยูกินั่นเอง ผู้จัดการและยามาดะมองนับดาวกับยูกิทึ่งในความเหมือน พอยูกิหันมานับดาวเห็นยูกิแล้วเธอยังงงๆ นึกว่ากระจก
“นึกว่าอะไร ให้มาลองกระจกใหม่นี่เอง”
นับดาวทำท่าประหลาดๆตลกๆ ยูกิก็ไม่ทำด้วย นับดาวรู้ว่าไม่ใช่กระจก
“ไม่ใช่กระจก”
“เธอคือนับดาวใช่มั้ย”
นับดาวช็อค
“ยูกิ...ตัวจริงรึเปล่า”
ยูกิพยักหน้า
“บอกทีสิว่าฉันไม่ได้ฝันไป”
ยูกิยิ้มหวานให้ ยามาดะเดินมาหยิกแก้มนับดาว นับดาวเจ็บ หลุดจากภวังค์
“บ้า มาหยิกฉันทำไมเนี่ย”
“ก็คุณบอกให้บอกทีว่าไม่ใช่ฝัน ผมก็ช่วยไง”
“มีน้ำใจมาก”
“เจ็บมั้ยล่ะ”
“จะเหลือเหรอ”
“งั้นก็ไม่ได้ฝัน”
นับดาวงงกับยามาดะ
“ยามาดะเค้าเป็นแบบนี้แหละ ซื่อๆ ตรงไปตรงมา อย่าถือสาเค้าเลย”
“พูดง่ายนี่”
“ได้เจอกันซะทีนะ ฉันมีเรื่องอยากจะรู้เต็มไปหมด”
“ฉันก็รอวันนี้เหมือนกัน”
ทั้งคู่มองหน้ากัน อย่างคนที่รอคอยพบกันมานาน

องอาจเข้ามาหาเป็นไทที่ห้องทำงาน เป็นไทเงยหน้าจากโต๊ะทำงาน
“ผมมีเรื่องจะปรึกษาหน่อยครับ”
“ว่ามาสิ”
“เราต้องแถลงข่าวยกเลิกคอนเสิร์ตนะครับ”
“เรื่องนั้นผมรู้”
“คุณไทพร้อมจะแถลงข่าวเมื่อไหร่ดีละครับ”
“คุณพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”
“ถ้างั้นเป็นพรุ่งนี้ดีมั้ยครับ”
เป็นไทรู้สึกใจหายเหมือนกัน เขาชะงักไปชั่วครู่
“ได้ พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้”
เป็นไทเหม่อออกนอกหน้าต่าง กลุ้มใจ
“แล้วเรื่องยูกิที่เราต้องส่งตัวเธอกลับ”
“คุณเจอเธอรึยังล่ะ”
องอาจส่ายหน้า
เป็นไทกลุ้มใจ
“ว่ากันทีละเรื่องก่อนละกัน”
เป็นไทถอนหายใจยาว ยังหาทางออกให้ปัญหาไม่ได้

นับดาวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้ยูกิฟังทั้งหมด ยูกิกับยามาดะฟังอย่างตั้งใจ นับดาวเล่าเรื่องจบ หยิบ แก้วน้ำขึ้นมาดื่มอย่างกระหาย เพราะพูดมาเยอะ ยูกินิ่งคิด...
“งั้นสายตาแปลกที่ฉันถูกมองก็แปลว่า...”
“เค้าคิดว่าเธอเป็นฉันน่ะสิ”
“นี่เธอทำลายสิ่งที่ยูกิสร้างมาทั้งหมดเลยนะเนี่ย” ยามาดะโวย
“ฉันขอโทษ ฉันรู้ว่าฉันขอโทษเท่าไหร่มันก็ทดแทนกันไม่ได้ แต่ฉันอยากบอกว่าฉันรู้สึกผิดจริงๆ จะให้ฉันทำอะไรชดใช้ให้ก็ได้ทั้งนั้น”
“มันก็ต้องแบบนั้นล่ะ ลองพูดอย่างอื่นมาสิ” ยามาดะมองไม่พอใจ
“ช่างเถอะ เรื่องมันผ่านไปแล้ว”
“เอ่อ...อีกเรื่องที่ฉันไม่ได้บอกคุณคือ เงินค่าตัวคุณน่ะ ฉันเอาไปผ่าตัดย่านะ แต่เงินที่ยังเหลือฉันยังเก็บไว้ทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเงินที่ฉันยืมไปฉันจะทำงานหามาใช้คืนให้”
ยามาดะถอนหายใจ
“เหลือเกินจริงๆนะเธอเนี่ย”
“ช่างมันเถอะ ฉันไม่ติดใจอะไรหรอก” ยูกิบอก
“แต่ฉันมีเรื่องอยากจะขอร้องเธออีกอย่าง” นับดาวเข้าเรื่องทันที
“ที่ทำไว้ยังไม่พออีกเหรอ”
นับดาวชำเลืองมองยามาดะ เกรงๆ แต่ก็พูดต่อ
“ฉันอยากให้เธอขึ้นแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้”
ยูกิแปลกใจ
“แต่เธอบอกเองว่าต้นสังกัดเค้ายกเลิกแล้ว”
“เธอเป็นนักร้องอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เค้าต้องฟังเธออยู่แล้ว”
ยูกินิ่งคิด
“นะ นะ ช่วยหน่อยนะ ฉันไม่อยากให้คุณไทต้องเสียใจอีกแล้ว ฉันจะยอมเป็นทาสรับใช้เธอไปจนชั่วชีวิตเลย จริงๆนะ”
ยามาดะขัดทันที
“อย่ายุ่ง...ตำแหน่งนั้นผมจองแล้ว”
นับดาวมองยามาดะเกรงๆ แล้วส่งสายตาอ้อนวอนให้ยูกิไม่ยอมลดละ ยูกินิ่งคิด

วราพรรณนั่งที่โต๊ะอาหาร หันมองไปรอบตัว หาคนที่รจนาให้มาพบ แต่เธอก็ไม่เห็นใคร
“หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้ แล้วเพื่อนย่าจะรู้ได้ไงว่าต้องเอาของมาให้เรา”
วราพรรณก้มลงดูเมนูอาหาร ระหว่างเธอก้ม สังวรณ์ก็เดินเข้ามาทักทายเธออย่างเยือกเย็น
“สวัสดีวราพรรณ เป็นไง ยังสบายดีอยู่มั้ย”
วราพรรณเงยหน้าขึ้นเห็นสังวรณ์ก็สะดุ้งเฮือก เธอแอบบ่นคนเดียว
“ย่านะย่า...ทำกันแบบนี้ได้ไงเนี่ย”
“ตกใจอะไร ผมยังไม่ได้ตายซักหน่อย แม้คุณจะพยายามทำให้เป็นแบบนั้นก็เถอะ”
วราพรรณมองซ้ายมองขวาจะลุกหนี สังวรณ์กดไหล่ให้นั่งลงอย่างรวดเร็ว พร้อมหยิบตะเกียบบนโต๊ะไปจ่อที่ท้องวราพรรณไว้ใต้โต๊ะ
“หยุดอยู่กับที่เลยนะ ไม่งั้นเจอดีแน่”
วราพรรณมองตะเกียบที่จ่อพุงเธออยู่ เธอใจแข็ง ไม่กลัว
“ทำไม จะเอาตะเกียบหนีบให้พุงเขียวเลยรึไง”
สังวรณ์เข้ม
“นึกว่าฉันเป็นเพื่อนเล่นเธอรึไง ฉันเอาจริงนะ”
“หนีบน่ะเหรอ”
“นี่ต่างหาก”
สังวรณ์หยิบคัตเตอร์ออกมาชู เลื่อนใบมีดโชว์ความคม เสียงแกร๊กๆของมันฟังดูสยองไม่น้อย วราพรรณเริ่มกลัวขึ้นมา
“ที่นี้เข้าใจแล้วใช่มั้ย ว่าถ้าตุกติกจะโดนอะไร”
วราพรรณนิ่ง ใจสั่น เหลือบมองใบมีดคมๆ สังวรณ์หัวเราะสะใจ แล้วเขาก็เอาคัตเตอร์เฉียววราพรรณไปมา วราพรรณสะดุ้ง แต่สังวรณ์กลับเอาคัตเตอร์ไปเหลาตะเกียบให้แหลมแทน
“คอยดู...คอยดู หาว่าจะเอาตะเกียบหนีบให้เขียวใช่มั้ย”
วราพรรณมองสังวรณ์อย่างงงๆ
“ตกลงเอาคัตเตอร์มาเหลาตะเกียบให้แหลมเนี่ยเหรอ”
สังวรณ์โชว์ตะเกียบที่แหลมเป็นปลายดินสอให้วราพรรณดู
“เป็นไง คราวนี้กลัวรึยังล่ะ”
สังวรณ์เอาตะเกียบแหลมไปจี้ท้องวราพรรณที่ใต้โต๊ะอีกครั้ง วราพรรณถอนหายใจระอา
“ควรจะกลัวดีมั้ยเนี่ย”
สังวรณ์มองเหี้ยมๆ

ยูกิเดินไปเดินมาคิดอย่างใช้ความคิด นับดาวก็เดินตามด้วย ยูกิหยุดเดินที นับดาวก็มีความหวัง คิดว่ายูกิตัดสินใจได้แล้ว แต่ยูกิก็เดินต่อ นับดาวก็เดินตาม จนยูกิหงุดหงิด
“เลิกเดินตามฉันซักทีได้มั้ย ฉันไม่มีสมาธิ”
นับดาวจ๋อย
“สมน้ำหน้า”ยามาดะพูด
“ฉันขอเวลาส่วนตัวคิดหน่อยละกัน เธอจะไปทำอะไรก็ไปทำเถอะ”
“โดนไล่เลย สม”
“คุณด้วยยามาดะ ฉันขออยู่คนเดียว”
ยามาดะก็จ๋อยพอกัน ทั้งคู่พากันเดินออกไปจากห้อง ปล่อยให้ยูกิอยู่คนเดียว แล้วออกมาเดินวนเวียนอยู่หน้าห้องไปมา กังวลใจ เธอแอบดูประตูห้องเป็นระยะ
เมื่อเวลาผ่านไป...นับดาวนั่งรอที่หน้าห้อง แต่ไม่มีวี่แววที่ยูกิจะออกมาเลย ยามาดะเดินเข้ามายื่นถุงขนมให้ นับดาวส่ายหน้าปฏิเสธ เธอมองยามาดะ แล้วเธอก็เดินออกไป

เย็นนั้น...นับดาวยืนอยู่หน้าออฟฟิศเป็นไท เธอแอบมองเป็นไทที่กำลังนั่งกลุ้มใจผ่านหน้าต่างอย่างเศร้าๆ...เป็นไทนั่งเครียดอยู่ริมหน้าต่าง แล้วเขาก็บังเอิญมองออกไปข้างนอกเห็นเหมือนนับดาวไกลๆ เขารีบมองที่กระจกอย่างตั้งใจอีกที คล้ายๆว่าจะเป็นนับดาว แต่เธอกำลังจะเดินออกไปแล้ว เป็นไทรีบวิ่งออกจากห้องทันที...เป็นไทวิ่งมาที่หน้าออฟฟิศหอบเหนื่อย แต่ก็ไม่มีวี่แววของนับดาวแล้ว เป็นไทเศร้าสลดลง
ทางด้านวราพรรณ ถูกสังวรณ์เอาตะเกียบจี้ให้ขับรถไป
“นี่จะให้ฉันพาไปไหนเนี่ย”
“ไปหายูกิไง”
“ฉันไม่รู้หรอกว่ายูกิอยู่ไหน”
“อย่ามาโกหก เธอยังซ่อนยูกิไว้ ฉันรู้”
“ฉันไม่รู้จริงๆว่ายูกิอยู่ไหน คิดว่าฉันไม่อยากเจอรึไงยูกิน่ะ แต่ต่อให้ฆ่าฉันให้ตายฉันก็ไม่รู้หรอก”
“เธอปล่อยยูกิไปแล้วรึไง”
“ฉันไม่ได้จับตัวเธอไว้ตั้งแต่แรกต่างหาก”
สังวรณ์หงุดหงิด
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย”
“คุณก็ทำคุณเป็นไทพังไม่เป็นท่าแล้ว คุณจะเอาตัวยูกิไปทำไมอีก”
“แล้วถ้ายูกิมันกลับไปหาไอ้เป็นไทเล่า”
“คุณเป็นไทเค้าจะแถลงข่าวยกเลิกคอนเสิร์ตพรุ่งนี้แล้ว ไม่รู้เรื่องเลยรึไง ถึงยูกิกลับไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว”
“จริงเหรอ คอนเสิร์ตจะล่มแล้วใช่มั้ย” สังวรณ์ยิ้มดีใจ
“สะใจคุณแล้วไม่ใช่รึไง งั้นก็เลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว”
“พูดง่ายนี่ เธอทำกับฉันไว้แสบแค่ไหน มันจะหายกันง่ายๆแบบนี้น่ะเหรอ”
สังวรณ์จ้องหน้าวราพรรณ ไม่ยอมให้เธอหลุดมือไปง่ายๆ

รถเข้าจอดที่หน้าสถานีตำรวจ วราพรรณไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามาที่นี่ทำไม
“มาที่นี่ทำไม”
“เธอเคยทำให้ฉันติดคุก และเสียชื่อเสียงจำไม่ได้เหรอ”
สังวรณ์หยิบกระเป๋าตังค์ตัวเองขึ้นมา ดึงเงินออกจากกระเป๋าจนหมด ใส่กระเป๋ากางเกงตัวเองไว้ แล้วเอากระเป๋าตังค์ยัดใส่กระเป๋าวราพรรณ แล้วก็เอาหัวตัวเองโขกกับคอนโซลรถจนเลือดไหล จัดเสื้อผ้าตัวเองให้ดูเยิน แล้วบังคับให้วราพรรณลงจากรถ
“จำไว้นะ ถ้าเธอบอกตำรวจว่าฉันใส่ร้ายเธอ ..เพื่อนเธอ เจ็บหนักแน่”
วราพรรณถอนหายใจจำยอม

บนโรงพัก สังวรณ์ทำหน้าสำออยขึ้นแจ้งความ โดยมีวราพรรณเดินเข้าไปด้วย มองพฤติกรรมสังวรณ์เอือมระอา
“ช่วยด้วยครับ ผมโดนปล้นชิงทรัพย์ พวกมันรุมผมเป็นแก๊งค์เลยครับ แต่ผมจับมาได้แค่คนเดียว” สังวรณ์ผลักวราพรรณไปยืนหน้าตำรวจ
ตำรวจมองวราพรรณ
“คนนี้น่ะเหรอที่ปล้นคุณ”
“ครับ ไม่เชื่อลองค้นตัวมันดูสิครับ”
ตำรวจค้นตัววราพรรณ เจอกระเป๋าตังค์ของสังวรณ์ เข้าแผนของสังวรณ์ ตำรวจหยิบประเป๋าตังค์มาเปิดดู หันหาสังวรณ์
“นี่ของคุณรึเปล่า”
สังวรณ์ทำรับมาแล้วดีใจมาก
“ใช่ของผมจริงๆด้วย”
วราพรรณมองสังวรณ์อย่างเวทนาในการกระทำ ยอมเดินเข้าห้องขังโดยไม่พูดอะไร สังวรณ์ถ่ายรูปวราพรรณถูกครั้งเป็นที่ระลึก แล้วก็โบกมือลา
“ขอให้สนุกกับการนอนในคุกนะ”
สังวรณ์เดินจากไปอย่างสบายใจ

ซีซีกับไคคุงนั่งดื่มเหล้าที่ผับเดียวกัน ทั้งคู่นั่งคนละโต๊ะ แต่นั่งฝั่งตรงข้ามกัน ต่างก็จ้องตากันตลอด ดวลเครื่องดื่มกัน พออีกฝ่ายกระดก อีกฝ่ายก็กระดกตาม กระทั่งเมา ไคคุงย้ายไปนั่งโต๊ะเดียวกัน พูดคุยกันราวกับคนสนิทกัน
“ฉันบอกก็ไม่เชื่อ ว่ายายยูกิไม่ได้อยู่กับฉัน”
“ใครจะไว้ใจตัวแสบอย่างคุณได้ จริงมั้ยล่ะ”
“ยายยูกิมันหนีไป ทิ้งฉันไว้ ทิ้งคุณไว้” ซีซีหัวเราะ
“ทำไมยูกิไม่กลับมาหาผม ทำไม”
“ก็เพราะคุณน่ะซื่อบื้อ”
“ซื่อบื้อ...เหรอ ผมมีทุกอย่างที่ผู้หญิงต้องการเลยนะ ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้”
“คุณมา ยูกิ”
ไคคุงเมาแล้วซบซีซี เธอเองก็เมาซบไคคุงเช่นกัน

วันรุ่งขึ้น...องอาจมาช่วยประกันตัววราพรรณออกจากโรงพัก ทั้งคู่เดินคุยมาด้วยกัน
“ทำไมนึกถึงผม”
“ไม่รู้เหมือนกัน มันนึกไม่ออกจริงๆว่าจะมีใครช่วยได้”
“คุณอย่าหนีประกันนะ”
วราพรรณแอบค้อน
“เอาน่า”
“แต่ผมคงช่วยได้ไม่ทุกอย่างหรอกนะ”
องอาจยื่นหนังสือพิมพ์บันเทิงให้เธอ วราพรรณเปิดดู เห็นข่าวเธอพาดหัวหราว่า นักข่าวจอมแฉตกต่ำจนต้องขโมยของ ติดคุก วราพรรณเห็นข่าวแล้วถอนหายใจ
“เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป เหมือนกับข่าวอื่นๆ”
“ฉันคงยากที่หางานช่วงนี้สินะ”
องอาจมองวราพรรณเห็นใจ
“วันนี้มีงานแถลงข่าวยกเลิกคอนเสิร์ตยูกินะ ถ้าคุณสนใจก็เชิญ”
องอาจพูดเศร้าๆเช่นกัน

รจนากำลังเก็บของที่เกลื่อนกลาดบ้าน ยูกิเดินเข้ามาในบ้าน รจนาหันไปเห็น
“ไปไหนมาแต่เช้าน่ะ มาๆเข้ามาช่วยเก็บบ้านหน่อย รกไปหมด”
ยูกิงงๆ ยืนเก้ๆกังๆ รจนาเอากองในกล่องใหญ่มายืนให้ยูกิถือ ยูกิรับไว้
“เอาไปวางในครัวไป เกะกะ”
ยูกิงงแต่ก็ทำตามคำสั่ง นับดาวเดินลงมาอีกทางนึง
“มีอะไรให้กินบ้างเนี่ยย่า”
รจนางง หันไปดูอีกทางที่ยูกิอยู่ หันไปมา นับดาวหันไปเห็นยูกิ
“คุณยูกิ”
“นี่ดาราเหรอ...”
นับดาวพยักหน้า
“นี่คุณยูกิ คุณยูกินี่ย่าฉันเอง”
ยูกิยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะ”
รจนารับไหว้ แล้วหันไปหานับดาว
“มัวยืนทำอะไรอยู่ ไปช่วยคุณยูกิเค้าถือของสิ” รจนาหันบอกยูกิ “เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำให้นะคะ”
นับดาวแอบน้อยใจย่าตัวเอง

นักข่าวมานั่งเต็มห้องประชุมเป็นไท องอาจจัดแจงให้การต้อนรับ
“ตกลงวันนี้จะแถลงข่าวดีหรือข่าวร้ายกันแน่”
องอาจยิ้มๆกับนักข่าว
“รอคุณไทมาตอบดีกว่าครับ”
องอาจลำบากใจอยู่เหมือนกัน เขาหันไปบอกประชาสัมพันธ์
“ถ้านักข่าวครบแล้ว แจ้งผมด้วยนะ ผมจะไปเชิญคุณไท”
องอาจมองไปรอบเห็นนักข่าวตั้งกล้อง วางไมค์ไว้รอเป็นไทมาเต็มไปหมด

นับดาวกับยูกินั่งอยู่ในห้องด้วยกัน
“คือฉัน...”
“อย่างเพิ่งพูด ขอทำใจก่อนได้มั้ย”
นับดาวสูดลมหายใจเข้าออก 3 ครั้งติดกัน เหมือนนักกีฬาก่อนลงแข็ง
“โอเค ว่ามา”
“ฉันคิดว่า...”
นับดาวเอามืออุดหูทำเสียงบลาๆๆๆ ไม่อยากได้ยินสิ่งที่ยูกิพูด ยูกิชะงัก
“ขอโทษ ฉันยังไม่พร้อม เอาเป็นว่าใบ้ก่อนได้มั้ยว่าดีหรือไม่ดี”
ยูกิทำหน้าระอา
“อ่ะก็ได้ พูดมาเลยก็ได้”
“ฉันตกลงจะช่วย”
“กะแล้วไงว่าต้องไม่ช่วย ฉันรู้ว่าฉันทำเรื่องวุ่นวายไว้เอง ฉันก็ควรจะแก้เอง” นับดาวคิดได้ “เอ๊ะ เมื่อกี้ว่าไงนะ”
“ช่วยไง ฉันโทรไปคุยกับต้นสังกัด ซึ่งเค้าก็ตกลงแล้วด้วย”
“จริงเหรอ...”
นับดาวดีใจวิ่งไปกอดยูกิ เต้น เต้น เต้น แล้วก็นึกได้
“แต่เหมือนว่าคุณไท จะแถลงข่าวยกเลิกคอนเสิร์ตวันนี้นี่”
วราพรรณเปิดประตูเข้ามาในห้องพรวด นับดาวกับยูกิตกใจ
“นับดาว คุณไทจะแถลงข่าวแล้ว” วราพรรณเห็นยูกิ เหวอเลย
“งั้นเรารีบไปเถอะ”
“ยูกิมาไง”
“รีบไปกันก่อนเถอะ เดี๋ยวค่อยเล่าทีหลัง” นับดาวตัดบท
ทั้งสามคนรีบออกไปจากห้อง

เป็นไทนั่งเครียดอยู่ในห้อง องอาจมาตามเป็นไท
“นักข่าวมาพร้อมหมดแล้วครับคุณไท”
เป็นไทพยักหน้ารับ แล้วลุกจากที่นั่ง เดินออกไปพร้อมองอาจ
ในห้องประชุมอัดแน่นไปด้วยนักข่าว เป็นไทเดินเข้ามายิ้มเนือยๆให้กับทุกคน เขานั่งประจำที่ แสงแฟลชแว้บเข้ามาประปราย
เป็นไทยกมือสวัสดีนักข่าวเป็นพิธี เขาเอามือแตะไมค์เช็คว่ามันได้ถูกเปิดแล้ว
“สวัสดีครับสื่อมวลชนทุกท่าน ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรามากมายขนาดนี้ มาเริ่มกันเลยดีกว่าละกันนะครับ... ก็อย่างที่ได้เห็นข่าวได้ลงไปนะครับ...ทำให้มีคนโทรมาถามกันมากมายเลยว่าตกลงเรื่องยูกินั่นมันยังไง ยังจะมีคอนเสิร์ตอยู่อีกมั้ย ขอตอบทีละประเด็นแล้วกันนะครับ เนื่องจากคอนเสิร์ตครั้งนี้มันใหญ่มาก จึงแบ่งการทำงานออกเป็นหลายฝ่ายด้วยกัน จึงทำให้มีการเข้าใจผิดกันได้ง่าย ข่าวหลายๆข่าวที่ออกไปก็เกิดจากสาเหตุนั้นละครับ เรื่องยูกิตัวจริง ตัวปลอมก็เหมือนกัน เกิดจากความเข้าใจผิดจากการไม่ได้ปรึกษากันในหลายๆฝ่ายครับ เรื่องมันก็มีแค่นั้น”
“แต่ก็มีคนที่หน้าตาเหมือนยูกิอยู่จริงๆ” นักข่าวถาม
“มีจริงครับ แต่อย่างที่ผมได้บอกไปด้วยการที่เราทำงานกันหลายฝ่ายทำให้บางคนอาจจะไปเจออะไรที่เข้าใจผิด”
“แปลว่าคุณไทจะปฏิเสธเรื่องที่จ้างยูกิตัวปลอมมา”
“ผมไม่ได้จ้างแน่นอนครับ”
“งั้นหมายความว่า ยูกิตัวปลอมจงใจมาทำให้ทีมงานสับสน”
“เอ่อ เรื่องนี้ไม่มีใครตั้งใจจะทำอะไรไปทั้งนั้นละครับ แล้วมันจบไปแล้วด้วย”
“กับนักข่าวชื่อดังที่เป็นคู่กรณีกันละครับ”
“จบแล้วครับ เราเคลียร์กันเรียบร้อย ไม่มีอะไรครับ ทุกอย่างเป็นแค่ข่าว”
“งั้นเป็นการสร้างข่าวเพื่อสร้างกระแสรึเปล่า”
“ไม่ใช่อีกเหมือนกันครับ...ผมว่าเราเปลี่ยนไปประเด็นต่อไปกันเลยดีกว่า”
เป็นไทรู้สึกกดดันมากขึ้น

วราพรรณพายูกิซ้อนมอเตอร?ไซด์มาถึงบริษัทเป็นไท เธอจอดรถ จะรีบเข้าไป แต่นับดาวกลับพลาดทำรถล้ม ทับตัวเอง ล้มกับพื้นไปกับวินมอไซค์ วราพรรณกับยูกิจะช่วยเธอ
“ฉันไม่เป็นไร ไปช่วยคุณไทก่อนดีกว่า ไม่ต้องห่วง”
วราพรรณกับยูกิรีบเข้าไปข้างใน นับดาวมองตามอย่างเป็นห่วง
“พี่ รถผม ใครรับผิดชอบเนี่ย” วินมอไซค์โวย
“อย่าเรื่องมากนักเลยน่า ฉันก็เจ็บตัวแล้วไง”
“แน่ะ”
นับดาวมองเข้าไปด้านในบริษัทเป็นไทอย่างห่วงๆ
“ขอให้ทันด้วยเถอะ”

ด้านใน...เป็นไทกำลังแถลงข่าวต่อเรื่องคอนเสิร์ต
“เรื่องคอนเสิร์ตยูกิที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้านั้น ผมได้พูดคุยกับทางต้นสังกัดแล้วว่าทางเราจำเป็นต้อง...”
เป็นไทยังไม่จะบอกอะไร ประตูห้องก็เปิดขึ้น เป็นยูกิที่เปิดประตูเข้ามา
“เรื่องคอนเสิร์ต คงต้องให้ฉันเป็นคนพูดดีกว่ามั้งคะ เพราะฉันคือคนที่รู้ดีที่สุด”
เป็นไท องอาจ และนักข่าวในห้องต่างตกใจ ไม่คิดว่ายูกิจะมา นักข่าวยกกล้องขึ้นถ่าย แฟลชวูบวาบไม่หยุดไปทั้งห้อง องอาจรีบหาเก้าอี้มาให้ยูกินั่งข้างเป็นไท ยูกินั่งลงอย่างสง่า
“ต้องขอโทษด้วยที่ฉันมาเลท ขอโทษคุณไทด้วยนะคะ ...”
“นี่ยูกิตัวจริงรึเปล่าเนี่ย” นักข่าวถาม
“ตัวจริงเสียงจริงเลยค่ะ หรืออยากให้ฉันแถลงข่าวเป็นภาษาญี่ปุ่นดี ว่าไงคะคุณไท”
เป็นไทยังเหวอ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นยูกิตัวจริงรึเปล่า
“ฉันบอกตรงนี้เลยนะคะว่า เรื่องคอนเสิร์ตเรายังจัดเหมือนเดิม ไม่ได้เลื่อนหรือยกเลิกอย่างที่เป็นข่าวค่ะ สำหรับแฟนๆที่ซื้อตั๋วแล้ว กำลังรอพบฉัน ไม่ต้องกังวลนะคะ เราได้เจอกันแน่”
เป็นไทและองอาจต่างงงทั้งคู่ นักข่าวต่างถ่ายรูปกันแว้บวับไม่หยุด ยูกิยิ้มให้กล้องอย่างเป็นกันเอง
“งั้นข่าวลือที่ว่ายูกิถูกจับตัวไปก็ไม่เป็นความจริงน่ะสิ”
“ฉันนั่งอยู่ตรงนี้แล้ว คิดว่าจริงรึเปล่าละคะ”
ยูกิยิ้มให้นักข่าวถ่ายรูป นับดาวยืนอยู่หน้าห้องประชุม ได้ยินสิ่งที่ยูกิพูด เธอยิ้มออกมา โล่งใจที่ช่วยเป็นไทได้
“ทีนี้ ฉันก็ต้องกลับไปอยู่ในโลกจริงๆของฉันซักที”นับดาวยิ้มเศร้าๆ
วราพรรณเดินมาตบไหล่
“กลับกันมั้ยเรา”
นับดาวเดินออกไปเศร้า โดยมีวราพรรณเดินตามไป

เป็นไทพายูกิมาที่ห้องทำงาน ก่อนเข้าห้องยูกิมองซ้ายมองขวาหานับดาวกับวราพรรณแต่ไม่เห็น
“มองหาใครเหรอครับ”
“เปล่าค่ะ”
“นี่ไม่น่าเชื่อเลยนะครับที่จะเกิดปาฏิหาริย์แบบนี้ขึ้นได้”
ยูกิยิ้ม
“นี่แหละ เค้าเรียก ค้นดีผีคุ้ม”
เป็นไทมองยูกิที่ท่าทางจากต่างนับดาว เขาเหมือนจะดีใจ แต่ก็รู้สึกแปลกๆ

ซีซี นอนกับไคคุงอยู่บนเตียง ทั้งคู่ยังหลับ ไม่รู้เรื่อง ไคคุงเริ่มรู้สึกตัว เขาบิดขี้เกียจแล้วหันไปเจอซีซีหลับอยู่ข้างๆ ไคคุงตกใจ สะดุ้งสุดตัว ทำเอาซีซีรู้สึกตัวด้วยเช่นกัน เธอเห็นไคคุงก็ตกใจ
“นี่มันอะไรกันเนี่ย คุณทำอะไรฉัน”
“ผมต้องถามคุณสิ ว่าคุณทำอะไรผม”
“บ้าไปใหญ่แล้ว”
“นี่มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ไงเนี่ย”
ไคคุงลุกขึ้นแต่งตัว ไม่แคร์ซีซี
“ผมไม่น่ามาใกล้ผู้หญิงมารยาอย่างคุณเลย”
“ไอ้บ้า”
ซีซีหยิบอะไรได้ก็หยิบปาไคคุงหมด ทั้งหมอน ผ้าห่ม รีโมททีวี ไคคุงหลบไปแต่งตัวไป ไม่สนใจ
“ผมไม่รับผิดชอบอะไรหรอกนะจะบอกให้ เราเมากันทั้งคู่”
“ไอ้เลว”
รีโมทที่ซีซีปาหล่นลงพื้น ทีวีเปิดขึ้นมาเอง เป็นข่าวที่ยูกิกับเป็นไทแถลงข่าว ว่าจะมีคอนเสิร์ตต่อไป ไคคุงและซีซีต่างอึ้งกับข่าว
“ยูกิกลับมาแล้ว”
ไคคุงดีใจจะออกไปจากห้อง แต่เขาก็หันมาบอกซีซี
“เรื่องวันนี้ ถือซะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นละกันนะ”
ซีซีเจ็บใจ
“แกอีกแล้วยูกิ แกทำชีวิตฉันเป็นแบบนี้”
ซีซีมองยูกิที่ยิ้มแย้มอยู่ในทีวี มองประตูที่ไคคุงเพิ่งออกไป เธอคิดอะไรได้ขึ้นมา
“ดี...ถ้าฉันทำลายเธอไม่ได้ ฉันก็จะแย่งความรักไปจากเธอ”
ซีซีไม่ลดละการต้องการเอาชนะออกจากใจเธอเลย

เป็นไทกับยูกิมากินอาหารด้วยกันที่ร้านหรู เป็นไทมองยูกิที่กินสุภาพ เรียบร้อย ไม่เหมือนนับดาวตอนที่พบกันแรก ที่ไม่เพียงแต่กินมูมมาม ยังสั่งใส่ถุงกลับบ้านด้วย
“มองอะไรคะ”
“ยูกิกินสุภาพจังเลยนะครับ”
“คุณไทก็ไม่ได้ทานเลอะเทอะนี่คะ”
เป็นไทยิ้มๆ
“ครับ...คุณยูกิหายไปไหนมาครับ”
“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ มันไม่น่าสนุกเท่าไหร่ แล้วนับดาวละคะ เป็นฉันได้ดีมั้ย”
“คุณรู้เรื่องนั้นด้วย”
“ไม่รู้ได้ยังไงล่ะ ก็นับดาวเค้าเป็นคนเล่าให้ฉันฟัง”
“คุณเจอนับดาวแล้วด้วย”
“ถ้าฉันไม่เจอเค้า ฉันคงไม่กลับมาแสดงคอนเสิร์ตครั้งนี้”
เป็นไทนิ่งไป
“เขาน่ะ อ้อนวอนฉันอยู่นั่นว่าให้ฉันโทรไปขอต้นสังกัดให้ ไม่อยากให้คุณไทเดือดร้อน”
เป็นไทยังคงนิ่งเงียบ ยูกิแปลกใจ
“เงียบเลย เป็นอะไรรึเปล่าคะ”
“ยังไงก็ต้องขอบคุณยูกิที่ช่วยผม”
เป็นไทยิ้มเป็นพิธี แต่ใจเขาลอยไปที่อื่นแล้ว

ค่ำนั้นเป็นไทมาส่งยูกิที่ล็อบบี้โรงแรม
“ขอบคุณมากเลยนะครับ สำหรับวันนี้”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
ยามาดะที่รออยู่เดินเข้ามาหา หึงยูกิมองเป็นไทไม่ไว้ใจ เป็นไทไม่แน่ใจว่ายามาดะคือใคร
“เอ่อ...นี่คือ...”
“ลืมแนะนำไปค่ะ นี่ยามาดะ มากับฉัน ยามาดะนี่คุณไท” ยูกิแนะนำ
“สวัสดีครับ”
เป็นไททักทาย แต่ ยามาดะนิ่ง ทำเข้มใส่
“ท่าทางจะเป็นมิตรนะครับ”
นับดาวในชุดเมทเดินมาเห็นพอดีเธอแอบมองทั้งสามคนไกลๆ เห็นเป็นไทกับยูกิจับมือลากัน เป็นไทยิ้มแย้ม
นับดาวมองภาพนั้นใบหน้าเศร้าๆ
เป็นไทจอดรถหน้าบ้านรจนา แล้วนิ่งคิดถึงตอนที่เขากับนับดาวจากกันที่เชียงใหม่ ตอนนั้นนับดาวเข้ามากอดเขาร้องไห้...เป็นไทถอนหายใจรวบรวมความกล้า

“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
เป็นไทเปิดประตูลงจากรถ เข้าไปในบ้าน เห็นรจนากำลังนั่งดูละครหลังข่าวอยู่ เขาเดินเข้าไป รจนาทักทายนึกว่าเป็นนับดาว โดยไม่หันไปมอง
“ไหนบอกวันนี้กลับดึกไง”
“นับดาวจะกลับดึกเหรอครับ”
รจนาตกใจ หันไปตามเสียง
“ทำคนแก่ตกใจนะคุณน่ะ มาไม่ให้ซุ้มให้เสียง”
“นับดาวไปไหนเหรอครับ”
“ทำงานมันน่ะสิ กลับดึก”
“งานอะไรน่ะครับ”
“งานที่โรงแรมไง”
“โรงแรม…ทำไมคุณปล่อยให้เค้าไปทำงานแบบนั้น”
“ก็มันบอกว่ามันยืมเงินใครมาซักอย่าง ตอนไปเชียงใหม่ มันต้องหาเงินไปใช้เค้า”
“หาเงินใช้หนี้ผม ก็ไม่เห็นต้องทำงานแบบนั้นเลยนี่”
“แล้วจะให้ทำแบบไหน ไอ้นับดาวมันเลือกงานไม่ได้หรอกนะ มันไม่จบปริญญา”
“ก็มีงานตั้งเยอะแยะให้ทำ ไม่เห็นต้องทำลายศักดิ์ศรีตัวเองแบบนี้เลย”
“ห๊า...เป็นแม่บ้านนี่มันเสียศักดิ์ศรีตรงไหน ฉันก็เคยทำมาก่อนนะจะบอกให้”
“แม่บ้าน…ที่แท้ก็แม่บ้านเองเหรอ”
เป็นไทยิ้มออกมาได้

นับดาวทำความสะอาดห้องจัดเลี้ยงอยู่คนเดียว มีผู้จัดการยืนชี้นิ้วสั่ง
“เอาให้สะอาดนะ”
“ถ้าทำพรุ่งนี้จะสะอาดกว่านี้อีกค่ะ”
“ไม่ต้องมาต่อรองเลยเธอน่ะ วันนี้หายไปไหนมาทั้งวันยังไม่สำนึกอีก ทำไป ไม่เสร็จไม่ต้องกลับ เข้าใจมั้ย”
“อีกตั้งเยอะนะคะ”
“นี่อย่าคิดว่าตัวเองหน้าเหมือนดารา แล้วจะมีสิทธิพิเศษนะ เพราะจริงๆ เธอก็ยัง เป็นแค่แม่บ้านอยู่วันยันค่ำ”
นับดาวไม่พอใจนัก แต่ก็ก้มหน้าทำไป ผู้จัดการเดินออกไปจากห้อง เป็นไทเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไป เขาถอยหลับมาดู เห็นนับดาวกำลังทำความสะอาดพื้นอยู่เลย เป็นไทมองเธอทั้งเวทนาทั้งเอ็นดู เป็นไทมองซ้ายมองขวาไม่เห็นใคร เขาเดินเข้าไปในห้อง แต่ไม่เห็นนับดาวแล้ว เป็นไทเดินหาตามโต๊ะต่างๆ แล้วอยู่ๆ นับดาวก็โผล่ออกมาจากใต้โต๊ะหนึ่ง ทั้งคู่ต่างตกใจ หัวใจเต้นแรงที่ได้เจอกันอีก
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อ...มาดูห้องจัดเลี้ยง”
“มาดูอะไรดึกป่านนี้”
“งานเร่ง”
นับดาวพยักหน้า
“อืม”
ทั้งคู่ต่างลำบากใจที่ได้พบกัน
“นี่...ไม่ต้องมาทำไม่พูดถึงนะ เธอติดหนี้ฉันอยู่”
“ไม่ลืมหรอกน่า นี่ก็ทำงานใช้นี่คุณอยู่นี่ไง ไม่เบี้ยวหรอกน่า”
“ดี...เก็บได้ยิ่งเร็วก็ยิ่งดี”
เป็นไทเขินแต่ทำเป็นเดินไว้ฟอร์มออกไป นับดาวมองตาม แอบยิ้มที่ได้เจอเป็นไทอีกครั้ง พอลับหลัง เป็นไทก็แอบยิ้ม ดีใจออกมาเช่นกัน

สายวันใหม่ ไคคุงมาหายูกิที่ออฟฟิศเป็นไท กำลังจะเดินเข้าไป องอาจเปิดประตูออกมาพอดีถึงกับผวา ยกมือตั้งกาด
“เฮ้ย อย่าเข้ามานะ มีสวนจริงๆ”
“อย่ามาไร้สาระ ฉันไม่อยากเสียเวลากับแก ยูกิอยู่ไหน”
“คุณมาเช้าขนาดนี้ คิดว่าเค้าจะแปรงฟันอยู่ออฟฟิศรึไง”
“นี่อย่ามากวนประสาทได้มั้ย”
“ผมพูดจริงๆ ถ้าจะมาเช้าแบบนี้ ผมแนะนำให้เอาปาท่องโก๋หรือโจ๊กมาขายด้วย”
“แล้วยูกิพักที่ไหน”
“ผมไม่รู้”
ไคคุงกระชากคอเสื้อองอาจ
“ยูกิพักอยู่ไหน”
“ต่อให้คุณต่อยผมร่วงไป ผมก็ไม่ตรัสรู้ขึ้นมาได้หรอกนะ ผมไม่ได้เป็นคนดูแลศิลปิน”
“ได้...งั้นฉันนั่งรอที่นี่”
“ตามใจ”
องอาจเดินออกไป แอบยิ้มออกมาพูดคนเดียว
“คงได้เจอหรอก วันนี้เค้าไปห้องซ้อมกันต่างหาก”
องอาจเดินไปขึ้นรถ ปล่อยไคคุงยืนอยู่อย่างนั้น

เป็นไทมานั่งรอยูกิที่ล็อบบี้โรงแรม สายตาเค้ามองหานับดาวจนผู้จัดการเดินผ่านมาพอดี
“โทษนะครับ รู้จักพนักงานทำความสะอาดที่ชื่อนับดาวมั้ยครับ”
“มีอะไรรึเปล่าครับ เธอทำห้องคุณสกปรกเหรอ”
“เปล่าครับ ผมแค่อยากทราบว่า ปกติเธอทำงานอยู่ที่ไหน”
“ทำงานอยู่ห้องชั้นวีไอพีโน่นล่ะ กว่าจะลงมาก็คงเย็นๆครับ”
“ขอบคุณครับ”
ผู้จัดการเดินผ่านไป เป็นไทเดินไปที่ลิฟท์

นับดาวเคาะประตูห้องพักหนึ่ง
“ทำความสะอาดค่ะ”
ชายคนหนึ่งอยู่คนเดียวนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาจากห้องน้ำ เปิดประตูให้ นับดาวเห็นก็ตกใจ เขิน ไม่กล้ามองเต็มตานัก
“ขอทำความสะอาดค่ะ”
“เชิญครับ...แม่บ้านที่นี่หน้าตาดีเชียว”
นับดาวเริ่มกลัวพฤติกรรมชายคนนี้ นับดาวรีบเข้าไปทำความสะอาดทันที เพื่อจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด ชายคนนั้นนั่งมองนับดาวทำความสะอาดทั้งที่นุ่งผ้าเช็ดตัวอย่างนั้นด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
นับดาวจัดเตียงเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอจะรีบออกไปจากห้องนี้ ชายคนนั้นยังนั่งมองเธอ
“เรียบร้อยแล้วค่ะ”
นับดาวก้มหน้างุด จะเดินออกไป แต่เธอก็ถูกเรียกไว้...เป็นไทเดินมาตามทางเห็นรถเข็นทำความสะอาดจอดอยู่หน้าห้องหนึ่ง เป็นไทเดินไป...นับดาวหันไปตามเสียงเรียกของชายคนนั้น
“แล้วผ้าเช็ดตัวจะให้ใช้เช็ตเก่าเหรอ ปกติแม่บ้านจะเปลี่ยนให้ด้วยนี่”
นับดาวหันไปมองชายคนนั้นกลัวๆ ชายคนนั้นยืนทำท่าเหมือนจะปลดผ้าเช็ดตัวออก นับดาวรีบหันหน้าหนีทันที
“คือผ้าเช็ดตัวตอนนี้ยังอบไม่เสร็จค่ะ ตอนบ่ายจะนำมาเปลี่ยนให้ละกันนะคะ”
นับดาวรีบเดินออกมาทางประตูห้อง เป็นไทเดินมาหน้าห้องพอดี นับดาวสะดุ้งเมื่อเจอเขา เป็นไทก็ตกใจไม่น้อย นับดาวทำตัวไม่ถูกแต่เธอก็กลัวชายในห้องนั้นมากกว่า เธอเลยเดินเข็นรถเข็นไปทันที เป็นไทหันไปมองในห้องเห็นชายคนนั้นนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัว เขาก็เป็นห่วงนับดาวขึ้นมาทันที รีบเดินตามไปคว้าแขนเธอไว้
“ผู้ชายคนนั้น เค้าทำอะไรคุณ”
“เปล่า”
“เค้าทำอะไรคุณ”
“ไม่ได้ทำ”
“ได้...งั้นผมจะไปถามมันเอง”
เป็นไทหันเดินกลับจะไปที่ห้องชายคนนั้นทันที นับดาวรีบหันกลับมาคว้ามือเขาไว้
“ไม่มีอะไรจริงๆ เชื่อฉันเถอะ ฉันแค่กลัวไปเอง”
เป็นไทสงบลง

เป็นไทพานับดาวมาคุยที่ล็อบบี้ ถามด้วยสีหน้าเครียดๆ
“คิดได้ไงมาทำงานแบบนี้ เห็นมั้ยว่ามันอันตราย คุณเป็นผู้หญิง”
“นึกว่าคนอย่างฉันมันมีทางเลือกมากนักรึไง” นับดาวโต้
“ไปลาออกเลยนะ”
“แล้วฉันจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้คุณ ไหนจะหนี้ยูกิอีก”
“ยังจะเถียงอีก...ก็บอกว่าให้ออกไง”
“แน่ะ...คุณไม่ใช่เจ้านายฉันซักหน่อย จะมาให้ออกได้ไง”
“ตอนนี้เธอเป็นพนักงานออฟฟิศฉันแล้ว ฉันมีสิทธิ์ให้เธอไปลาออกจากงานเก่า...เดี๋ยวนี้”
“ห๊า...พนักงานออฟฟิศคุณ หมายความว่าไง”
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไปทำงานกับผม”
“นี่คุณทำแบบนี้เพราะห่วงฉัน”
เป็นไทยังปากแข็ง
“เปล่าซะหน่อย ผมแค่เห็นว่าคุณทำงานที่นี่ เงินเดือนก็ไม่เท่าไหร่ เมื่อไหร่กว่าจะใช้หนี้หมด สู้ผมเอาคุณไปโขกสับเองไม่ดีกว่ารึไง”
นับดาวหน้ามุ่ย
“ไม่ทำก็อย่าทำนะ...แต่ก็คิดให้ดีละกัน เงินเดือนก็เยอะกว่า มีสวัสดิการให้ด้วย ผมก็หักหนี้คุณจากเงินเดือนคุณได้เลย มีเงินเหลือเก็บ โอ๊ย...ไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว”
นับดาวครุ่นคิด เป็นไทเห็นนับดาวยังเงียบ
“มีข้าวให้กินฟรีสามมื้อด้วยนะ...”
นับดาวยังเงียบอีก
“มี...”
เป็นไทพูดได้แค่นั้น นับดาบรีบขัดขึ้น
“พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้ว ตกลง...จริงๆแค่คุณพูดว่าอยากให้ฉันทำงานด้วย ก็ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นแล้วล่ะ”
นับดาวเดินออกไป เธอไม่ได้ยินสิ่งที่เธออยากได้ยิน เป็นไทมองตาม

นับดาวเปลี่ยนจากชุดแม่บ้าน มาเป็นชุดปกติแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ วราพรรณเดินมาหาเธอพอดี
“อยู่นี่เอง”
“มาทำไมเนี่ย”
“พักรึยัง ฉันว่าง หาเพื่อนไปกินข้าว”
“ไม่ว่าง”
“ไม่ว่างแล้วทำไมเปลี่ยนชุดแบบนี้ล่ะ ทำอย่างกับหมดเวรแล้ว”
“ลาออกแล้ว”
วราพรรณแปลกใจ
“ทำไมล่ะ เค้าใช้งานแกหนักมากเหรอ”
นับดาวส่ายหน้า
“ฉันจะไปทำงานกับคุณไท”
“เฮ้ย...พูดเป็นเล่น”
“หน้าฉันดูล้อเล่นใช่มั้ย”
“แต่แก...เขาไม่เกลียดแกแล้วเหรอวะ”
“ถ้าแกมีคนที่อยากอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา แล้วโอกาสมันมาถึงแล้ว แกจะปฏิเสธลงเหรอ”
“ให้ฉันตอบอย่างคนไม่รู้เหตุผลอะไรเลยนะเว้ย ฉันว่ามันจะยิ่งทำให้แกเจ็บปวดว่ะ”
“แล้วถ้าฉันตอบว่าฉันยอมเจ็บล่ะ”
“ก็แปลว่า...ไม่ว่าฉันจะพูดว่าอะไร ฉันก็ห้ามแกไม่ได้”
นับดาวยิ้มเศร้าๆ
“ขอบคุณนะที่เข้าใจ”
“นี่แปลว่าฉันต้องกินข้าวคนเดียวใช่มั้ยเนี่ย”
นับดาวพยักหน้ารับ วราพรรณมองเพื่อนเคืองๆ

ยูกิกับยามาดะเดินมาหาเป็นไทที่นั่งอยู่ที่ล็อบบี้
“มานานรึยังคะเนี่ย” ยูกิทักทาย
เป็นไทยิ้มแย้ม
“ไม่นานหรอกครับ...ว่าแต่วันนี้คุณยามาดะจะไปด้วย”
“ไม่อยากให้เค้าอยู่ห้องคนเดียว กลัวจะเหงา” ยูกิบอก
ยามาดะไม่ค่อยพอใจ
“ผมไปด้วยไม่ได้รึไง”
“แหม...มองโลกในแง่ร้าย”
ยูกิหันมาบอกยามาดะ
“คุณไทเค้าไม่ได้หมายความยังงั้นหรอก”
ยามาดะมองเป็นไท ไม่ค่อยไว้ใจนัก ยูกิตัดบท
“ไปกันดีกว่าค่ะ”
ยูกิก้าวพลาดเสียหลักไปนิดทำให้เซ เป็นไทประคองไว้ ยามาดะมองไม่ค่อยพอใจ นับดาวกับวราพรรณเดินเข้ามาเห็นพอดี นับดาวมองเศร้าๆ
“นั่นไง เจอดอกแรกเข้าแล้วไง” วราพรรณบอกเซ็งๆ
นับดาวนิ่ง วราพรรณมองหน้า
“แน่ใจนะว่าจะไม่ถอนตัว”
“ฉันลาออกไปแล้ว ฉันไม่มีทางเลือกแล้วล่ะ”
“ก็เป็นซะอย่างงี้ เวลาเจ็บฉันก็ต้องมาคอยปลอบอีก”
นับดาวถอนหายใจเดินเข้าไปหาเป็นไทกับยูกิปล่อยวราพรรณมองดูอยู่ไกลๆ ยูกิทักนับดาวอย่างเป็นมิตร
“อ้าว นับดาว”
ยูกิมองเป็นไท กับนับดาวสลับไปมา เป็นไทตัดสินใจพูดขึ้น
“ผมจะให้เค้าเป็นพนักงานที่ออฟฟิศผม”
“ดีเลยค่ะ” ยูกิหันไปหานับดาว “ดีใจด้วยนะนับดาว”
นับดาวยิ้มๆ แอบชำเลืองมองเป็นไท ยามาดะมองนับดาวอย่างนึกรู้ว่านับดาวแอบชอบเป็นไทแน่ๆ

ที่ห้องซ้อมเต้น แดนเซอร์ทั้งหลายเตรียมวอร์มร่างกายอยู่เป็นไทเดินนำทุกคน เข้ามาในห้องซ้อม องอาจที่วอร์มอยู่กับแดนเซอร์ทั้งหลายเห็นทั้งหมดก็เข้าไปทัก
“มาถึงพอดีเลยคุณไท”
องอาจทักทายไล่ไปทีละคน
“สวัสดีคุณยูกิ คุณยามาดะ แล้วก็คุณยู...” องอาจงง หันกลับมามองยูกิคนแรก “เดจาวู”
เป็นไทหันไปหาองอาจ
“ไม่ต้องงงหรอก นับดาวจะมาเป็นผู้ช่วยของเรา จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระคุณด้วย”
“พูดเป็นเล่น”
“คุณอยากจะให้เธอช่วยอะไร ก็ได้เลย”
นับดาวยิ้มรับอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก องอาจพยักหน้าชวนเป็นไทเข้าไปด้านหลัง

เป็นไทเดินเข้ามาด้านหลังกับองอาจ
“นี่คิดจะทำอะไรน่ะคุณไท”
“ก็แค่เห็นคุณงานยุ่ง เลยอยากให้คุณมีผู้ช่วยซักคน”
“อย่าเอาผมเป็นข้ออ้างหน่อยเลย คิดอะไรอยู่กันแน่”
เป็นไทท่าทางมีพิรุธ
“ไม่ได้คิดอะไรเลย”
“นั่นแน่...ตกลงว่าแน่นอนแล้วใช่มั้ยคนนี้น่ะ”
“ก็บอกว่าไม่ได้อะไรไง”
“ไม่ได้อะไรได้ไงคนเรา ก็เห็นโกรธๆอยู่ อยู่ๆก็เอาเค้ามาทำงานด้วยซะงั้น”
เป็นไทชักฉุน
“นี่จะสร้างศัตรูใช่มั้ยเราน่ะ”
องอาจทำหน้ายียวน
“แหม ๆๆๆ ล้อเล่นแค่นี้ก็ต้องโกรธด้วย...ดีแล้ว มีคนมาช่วยผม ผมจะใช้ให้หนำเลยคอยดู”
องอาจเหลือบตามองว่าเป็นไทว่าอะไรมั้ย เป็นไททำไม่สน
“อยากใช้อะไรก็ใช้ไปสิ มาบอกอะไรผม”
เป็นไทเดินออกไป องอาจมองตาม

คนอื่นๆกำลังเตรียมจะซ้อมเต้น นับดาวกับยามาดะยืนมองอยู่ องอาจกับเป็นไทเดินเข้ามา องอาจก็เริ่มงานการใช้แรงงานนับดาวทันที
“นับดาว คุณไม่ได้ทำอะไรอยู่ใช่มั้ย”
“คุณองอาจมีอะไรเหรอคะ”
“ฉันอยากให้เธอไปซื้อน้ำมาปากซอยให้ทีมงานหน่อยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“ต้องเดินไปนะ”
“ได้สิคะ”
เป็นไทปราม
“เราก็มีน้ำแล้วองอาจ จะไปซื้อมาทำไมอีก”
“มันหมดพอดีครับ” องอาจหันบอกนับดาว “เร็วๆด้วยนะ”
นับดาวรีบออกไปซื้อน้ำ รีบวิ่งออกจากตึกไป

นับดาววิ่งกลับมาถือน้ำมาหลายแพ็ค ทั้งหนัก ทั้งเหนื่อย วิ่งทุลักทุเลเข้าตึกเปิดประตูเข้าห้องซ้อมมาเอาน้ำวาง เธอหอบเหนื่อย เหงื่อไหลหยด
“น้ำมาแล้วค่ะ”
นับดาวมาถึงยังไม่ทันได้นั่งพัก องอาจก็สั่งโน่น สั่งนี่ ให้เธอทำทั้งเช็ดกระจกในห้องซ้อม เก็บขยะ กวาดห้อง ถูห้อง นับดาวทำทุกอย่างไม่เคยบ่น เป็นไทแอบมองดูอย่างสงสาร องอาจเองก็แอบดูเป็นไทว่าเขาห่วงนับดาวมั้ย แต่เป็นไทพอเห็นองอาจมองมา ก็ทำเป็นไม่สนใจนับดาวสนใจแต่ยูกิแทน องอาจมองอย่างรู้ทัน นับดาวยังเหนื่อยอยู่ แต่องอาจก็ยังเดินมาใช้เธออยู่ดี
“พอดีว่าเค้าขนเสื้อผ้ามาไว้ที่ชั้นล่างพอดีน่ะ เธอช่วยไปขนขึ้นมาหน่อยนะ”
นับดาวปาดเหงื่อ
“ได้ค่ะ”
นับดาวเหลือบตาดูเป็นไท กำลังพันผ้ายืดที่เข่าให้ยูกิที่หน้าใส สวยงามยิ้มยินดี ยามาดะก็มองอย่างไม่พอใจเหมือนกัน นับดาวอิจฉายูกิที่มีเป็นไทดูแล
ขณะเดียวกัน ไคคุงจอดรถ เดินลงมาหน้าตาขึงขัง เขาถอดแว่นตากันแดดออก มองขึ้นไปที่ตึกด้วยแววตา
มุ่งมั่น
“คิดว่าจะขวางฉันไม่ให้เจอยูกิได้เหรอไอ้เป็นไท...ไม่ว่ายูกิอยู่ที่ไหน ฉันก็ตามเจอทั้งนั้นแหละ”
ไคคุงเดินเข้าไปในตึก

นับดาวเดินมาถึงชั้นล่างเห็นลังเสื้อผ้าขนาดใหญ่ 2-3 ลังก็ตกใจ
“นี่ให้ขนคนเดียวเลยเหรอเนี่ย”
ยามาดะเดินเข้ามาหา นับดาวหันไปเห็น
“นึกว่าจะใจร้าย ที่แท้ก็ส่งคุณมาช่วยนี่เอง มาเร็ว มาช่วยกันขน”
“ผมไม่ได้มาช่วย ผมจะมาคุยกับคุณ”
นับดาวประชด
“แหม ท่าทางเป็นคนมีน้ำใจนะเนี่ย”
“ผมรู้ว่าคุณชอบคุณเป็นไท”
นับดาวชะงัก
“นี่เค้าเรียกมือไม่พายยังเอาเท้าราน้ำอีก”
“ทำไมไม่กันคุณเป็นไทให้ห่างจากยูกิล่ะ”
“นี่คุณหวังจะพึ่งฉัน โดยที่ไม่ลงแรงเลยรึไง ฝันไปเถอะ”
“คุณรู้มั้ยว่าผมต้องเจอคู่แข่งมากขนาดไหน ตลอดเวลาที่ผมชอบยูกิ”
“แล้ว...”
“คุณไม่เข้าใจ ยูกิไม่ใช่คุณนี่ จะไม่ได้มีใครมาสนใจน่ะ”
นับดาวถูกแทงใจดำก็โมโห
“ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันกับยูกิก็หน้าตาเหมือนกันแท้ๆ บอกมาหน่อยซิว่าทำไม ฉันกับยูกิถึงต่างกันขนาดนั้น”
“ผมก็ไม่รู้ คุณคงไม่มีเสน่ห์มั้ง”
“อะไรคือเสน่ห์”
“ก็พวก แรงดึงดูดทางเพศ อะไรแบบนั้น”
“ไม่จริงหรอก ฉันว่าฉันก็พอมีอยู่บ้างนะ”
ไคคุงเดินเข้ามาขัดจังหวะการคุยของทั้งคู่พอดี ไคคุงเห็นนับดาวก็วิ่งถลาเข้ามาหา ยามาดะเห็นไคคุงก็ตกใจรีบหันหน้าหลบ
“ยูกิ...ยูกิจริงๆใช่มั้ยเนี่ย ผมคิดถึงคุณมาก”
ไคคุงเข้ากอด นับดาวดีใจที่ไคคุงเข้ามากอด สะกิดให้ยามาดะหันมาดูอย่างภูมิใจ ยามาดะมองไม่เต็มตานัก กลัวไคคุงจำเขาได้
“นี่ไง...ไหนว่าฉันไม่มีแรงดึงดูดทางเพศ”
ไคคุงจับได้ว่าไม่ใช่ยูกิ ผลักนับดาวออก
“นี่ไม่ใช่ยูกินี่ เธอเป็นตัวปลอมใช่มั้ย” ไคคุงรังเกียจ “ยูกิอยู่ไหน”
นับดาวอายๆยามาดะที่เพิ่งอวดไปเมื่อกี้ ยามาดะเองไม่สบายใจที่ไคคุงมา

ยูกิกำลังซ้อมเต้นอยู่....
“ยูกิ”
เสียงเรียกจากไคคุง ทำให้เธอหยุดเต้นแล้วหันไปตามเสียง
“ไคคุง”
ไคคุงวิ่งถลาเข้ามากอดยูกิแน่นตามความคิดถึง ยามาดะ เป็นไท องอาจ มองเป็นตาเดียว องอาจเดินรี่มาพานับดาวออกไปนอกห้องทันที
“ใครให้คุณพาเค้ามาที่นี่น่ะ”
“ฉันไม่ได้พามา เค้ามาของเค้าเอง ฉันลงไปขนของ เค้าก็มาถึงแล้ว”
“นั่นแหละ แล้วพามาหายูกิทำไม”
“ก็เค้าเป็นแฟนยูกิไม่ใช่เหรอ”
“คุณยังไม่รู้ฤทธิ์นายนี่ว่ามันร้ายขนาดไหน”
“ฉันไม่กล้าตัดสินใครหรอก ยังไงเค้าก็เป็นแฟนยูกิ ให้ยูกิจัดการเองดีกว่า”
“เดี๋ยวก็ได้วุ่นวายไปกันใหญ่ คอยดู”
นับดาวมองหน้าแล้วถามขึ้น
“นี่คุณองอาจ คุณว่าฉันมีแรงดึงดูดทางเพศมั้ย”
“อะไรเนี่ย ถามอะไรไม่เข้าท่า”
องอาจถอนหายใจ แล้วเดินหนีไป ทิ้งนับดาวยืนเซ็งอยู่อย่างนั้น

เป็นไท ยามาดะ ไคคุง ยืนล้อมยูกิอยู่ ยามาดะไม่กล้าสบตาไคคุง ยูกิแนะนำ
“นี่คุณเป็นไท เป็นคนดูแลคอนเสิร์ตครั้งนี้ค่ะ”
“ผมกับคุณไคคุงเคยเจอกันแล้วครับ ใช่มั้ยครับคุณไคคุง”
“ครับ เราคุยถูกคอกันมาก”
เป็นไทกับไคคุงมองหน้ากัน ต่างปิดบังความจริงที่เคยมีเรื่องกันมาก่อน
ยูกิแปลกใจ
“อ้าว เหรอคะ แปลว่าไคคุงมาเมืองไทยนานแล้วสิเนี่ย”
“นานยิ่งกว่านานซะอีกครับ” เป็นไทประชด
ยูกิหันไปแนะนำยามาดะ
“ส่วนนี่ก็ยามาดะค่ะ”
ไคคุงมองหน้ายามาดะ
“ตอนแรกผมก็ว่าผมคุ้นๆกับหน้าคุณยามาดะ แต่ตอนนี้ผมคุ้นชื่อด้วยซะแล้วสิ”
“จะไม่คุ้นได้ไงล่ะคะ ก็ยามาดะเคยเรียนโรงเรียนกับเราตอนมัธยม”
ไคคุง นึกถึงยามาดะตอนที่เรียน ม.ต้นที่ส่งจดหมายรักให้ยูกิขึ้นมาทันที ส่วนเป็นไทก็นึกถึงตอนที่ไคคุงเคยเล่าเรื่องที่เขาขัดขวางทำให้ยามาดะถูกไล่ออกจากโรงเรียนตอนที่อยู่ญี่ปุ่น ไคคุงตกใจที่ยามาดะมาปรากฏตัวอีก เป็นไทก็ตกใจ เขารู้ถึงลางไม่ดีที่จะเกิดขึ้น ยามาดะเองก็กังวลอย่างบอกไม่ถูก มีแต่ยูกิที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ในขณะที่นับดาวขนลังเสื้อผ้าอย่างทุลักทุเล ยูกิที่ล้อมด้วย เป็นไท ไคคุง ยามาดะ เดินผ่านไปโดยไม่สนใจเธอ นับดาวมองตาละห้อย









Create Date : 24 มีนาคม 2555
Last Update : 24 มีนาคม 2555 1:37:11 น.
Counter : 252 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

มิกัง
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]