Group Blog
 
All blogs
 
ทุกข์ร้อนๆจ้า



(ภาพประกอบโดยความเอื้อเฟื้อของคุณ SevenDaffodils ครับ)

อากาศช่วงนี้ร้อนได้ใจ ค่าไฟแพงหน่อยนะครับ
หลายคนบ่นอุบ ว่าทำให้ไม่สบายตัว มัวทุกข์กาย
และหงุดหงิดทรมาน พาลทุกข์ใจ

ผมเริ่มเขียนบล็อกมาไม่กี่ปี มีคนเขียนมาปรึกษาปัญหาเป็นหลักร้อย
แม้ว่าปัญหาที่ว่า จะมีเนื้อหา ที่มา มีเหตุปัจจัยต่างกันบ้าง เหมือนกันบ้าง
แต่ทุกคนมีสิ่งหนึ่งซึ่งเหมือนกัน คือ เขาเขียนมาเพราะมี “ทุกข์”

การค้นหาวิธีจัดการกับทุกข์ เป็นสิ่งที่มนุษย์เสาะหามาทุกยุคสมัย
ตั้งแต่ก่อนพระพุทธเจ้าจะประสูติ จนหลังจากท่านปรินิพพานไป

สมัยที่เราเรียนพุทธศาสนาในโรงเรียน เรามักจะได้ท่องว่า
พระพุทธเจ้าสอนอริยสัจ 4 มีทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค

บางคนไม่ทันได้คิดอะไร ครูให้ท่อง เราก็ท่องไว้จะได้ไปสอบ
แต่คนที่ช่างสงสัยก็จะมีคำถามว่า ศาสนาพุทธนี่แปลก
จะให้เรียนเรื่องสัจจะ ความจริง ทั้งที ทำไมจะต้องให้เราเรียนเรื่องทุกข์
ในเมื่อชีวิตมันมีทั้งสุขและทุกข์ เราเรียนสุขอย่างเดียว ไม่ได้หรือ

คำตอบคือ ท่านไม่ได้จำกัดหรอกครับ เพราะนิยามคำว่าทุกข์ ในทางพุทธ
ไม่ใช่เพียงแค่ ทุกขเวทนาที่เกิดกับกายหรือใจ อย่างที่เราทุกข์เพราะอากาศร้อน
แต่ทุกข์ ในอริยสัจ พระพุทธเจ้าท่านแจกแจงไว้ว่า

ความเกิด ความแก่ ความเจ็บ และความตายเป็นทุกข์
การประสบกับสิ่งที่ไม่รัก การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก และความไม่สมปรารถนาก็เป็นทุกข์
ความเศร้าโศกร่ำไรรำพัน ความไม่สบายกาย ความไม่สบายใจ ความคับแค้นใจก็เป็นทุกข์
ที่สำคัญท่านทรงขมวดท้ายว่า "ว่าโดยย่ออุปาทานขันธ์ทั้ง 5 คือทุกข์"

บางคนอ่านถึงคำว่า อุปาทาน ขันธ์ 5 แล้วเกิดอาการงง จนวิงเวียนจะเป็นลม
ดมยาหม่องตราลิงถือลูกท้อ จนลิงกินท้อหมดต้นก็แล้ว กินยาหอมห้า หก เจ็ดเจดีย์ก็แล้ว

ครูบาอาจารย์ท่านเลยย่อสรุปให้อีกว่า กายกับใจเรานั่นแหละ เป็นตัวทุกข์
เพราะขันธ์ 5 ย่อลงมา ก็เหลือ กาย กับใจ

ถ้ามีกาย ก็แปลว่าเกิดมาแล้ว ยังไงก็ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย
ถ้ามีใจ ยังไงก็ต้องเจอสิ่งที่ไม่รัก พลัดพรากจากสิ่งที่รัก และผิดหวังฯลฯ
พูดง่ายๆว่า มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่จะต้องเจอกันทุกคน

ฉะนั้นเวลาเรียนศึกษาปฏิบัติภาวนา เพื่อจะได้รู้ทุกข์
ท่านถึงสอนให้เรารู้อยู่ที่กาย และจิตใจ ของตัวเอง ไม่เกินจากนี้
และท่านไม่ได้จำกัดว่า ให้รู้เฉพาะเวลามีทุกข์ แต่มันเป็นสุขก็รู้ มันเป็นทุกข์ก็รู้

ที่สำคัญ ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ “ความทุกข์” หรอก
อย่างความแก่เป็นทุกข์ แต่ถ้าเรามีสติ เรายอมรับได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ
ความแก่ก็ยังเป็นทุกข์ แต่มันไม่มีคนทุกข์ เห็นไหมครับ

หรือพ่อแม่ คนที่เรารักตายจากไป ก็เป็นทุกข์
แต่ถ้าเรามีสติ มีปัญญา ยอมรับได้ว่าความตายเป็นเรื่องธรรมดา
การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ก็ยังเป็นทุกข์อยู่เหมือนเดิม
แต่มันไม่มีผู้ทุกข์ ไม่มีใครทุกข์ เห็นไหมครับ

ผมเคยสังเกตว่า เวลามีสุขผมก็จะเห็นทุกข์อยู่ในนั้น
เพราะถ้าใจปรุงสุขแล้วขาดสติ หลงในสุข ยึดมั่นในสุข
อยากให้สุขนานๆสุขนิรันดร์ นั่นก็ชื่อว่ากําลังเป็นทุกข์แล้ว

ผมเขียนแบบนี้ใน facebook ก็มีคนถามมาว่า ...
“อย่างงี้ นิ่งๆ ไม่สุข ไม่ทุกข์ น่าจะดีกว่ามั๊ย...”

ตอบว่า เหมือนจะดีกว่า แต่มันผิดธรรมชาติครับ
แล้วอะไรที่ฝืนธรรมชาติ ก็เป็นทุกข์อีกนั่นแหละ

ชาวพุทธมีความสุขได้นะครับ สำนวนครูบาอาจารย์ท่านว่า ก็คนมันมีบุญอ่ะ
บุญให้ผลใจก็เป็นสุข เพียงแต่ต้องรู้ทัน อย่าโลภอย่าหลงอย่าไหลในสุข จนขาดสติ

ชาวพุทธปฏิบัติ เพื่อความเข้าใจในธรรมชาติ
อยู่กับธรรมชาติ อยู่กับสุข กับทุกข์ตามธรรมชาติได้โดยไม่ทุกข์มาก
จนถึงที่สุดแห่งทุกข์ เป็นสุขแท้ ที่พ้นจากทุกข์ทั้งปวง เรียกว่า นิพพาน

ฉะนั้น เราไม่ได้ปฏิเสธความสุขนะครับ แต่เบื้องต้น ให้เข้าใจ ระลึกไว้เสมอว่า
ถ้าเป็นสุขเวทนา หรือทุกขเวทนา มันไม่เที่ยงหรอก
สุขก็แค่ของชั่วคราว ทุกข์ก็ของชั่วคราว เสมอกัน

ถ้ารู้เท่าทันใจที่สุข ใจที่ทุกข์ เปลี่ยนแปลงไปมาไว้เสมอๆ
วันหนึ่งก็จะเห็นความจริง เห็นธรรม เข้าถึงนิพพานได้ครับ ^^

สุขสันต์วันที่กายร้อน แต่ใจร้อนบ้างไม่ร้อนบ้างนะครับ




Create Date : 31 พฤษภาคม 2553
Last Update : 31 พฤษภาคม 2553 8:51:37 น. 9 comments
Counter : 2444 Pageviews.

 
"ถ้ารู้เท่าทันใจที่สุข ใจที่ทุกข์ เปลี่ยนแปลงไปมาไว้เสมอๆ
วันหนึ่งก็จะเห็นความจริง เห็นธรรม เข้าถึงนิพพานได้"
ขอบคุณจริงๆและปฏิบัติตามอยู่ค่ะ
และก็ได้ผลจริงๆด้วยจากทุกข์มาก ก็น้้้อยลง..จนเห็นได้ชัดค่ะ


โดย: noi IP: 61.91.248.100 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:15:11 น.  

 
ดีใจที่วันนี้มีบล็อกใหม่อีก

สถานการณ์ขณะนี้ ต้องการธรรมะมากยิ่งขื้นครับ


โดย: wchn IP: 125.24.134.237 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:25:53 น.  

 
ถูกต้อง

ถ้าฝนตกมากทุกวันน้ำคงเจิ่งนองมากจนเราอยู่ไม่ได้
ถ้าแดดร้อนมากทุกวันคงแห้งแล้งมากจนเราอยู่ไม่ได้

แต่ฝนตกบ้างแดดร้อนบ้าง เราจึงอยู่ได้

เสียงเค้าว่ากันพรรณนั้น จ๊ะ


โดย: บ้าได้ถ้วย วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:26:42 น.  

 
คุณแอสตั้นพอจะอธิบายหลักธรรมที่เรียกว่าปฏิจจสมุปบาทให้เข้าใจง่ายๆ ได้ไหมคะ อ่านซ้ำกี่รอบๆ ก็ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี
....

หรือบางทีดิฉันอาจจะผิดตั้งแต่พยายามจะ "เข้าใจ" โดยการคิดตามหลักเหตุและผล แต่ไม่ได้ปฏิบัติการตามรู้กายใจอย่างต่อเนื่องก็ได้


โดย: ภารดี IP: 137.205.214.3 วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:15:29:44 น.  

 
แวะมาเพราะ Ignite แล้วเพิ่งรู้ว่าคุณแอสตั้นเป็นเพื่อนบ้านกันในบลอกแก๊งค์

ผมเองชอบศึกษาธรรมะเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีคำถามอะไร หลักๆก็มีแค่ สติทัน รู้ทัน ที่เหลือก็เลยพอถูไถไปได้ :)

ทุกข์นั้นเกิดดับไปเรื่อยนะครับ

ยังไงจะรอฟังจะรอฟังในงาน Ignitethailand ครับ


โดย: granun วันที่: 12 มิถุนายน 2553 เวลา:3:54:18 น.  

 
วันนี้ดีใจได้อ่านบล็อคใหม่ ดีใจรู้ว่าดีใจค่ะ


โดย: L J IP: 203.111.236.18 วันที่: 13 มิถุนายน 2553 เวลา:14:50:08 น.  

 
เวลามีความสุข (ทางโลก) มันลืมหมดเลยค่ะ ถึงจะคอยดึงๆ รั้งๆ ไว้แล้วก็ตาม

แต่ถ้าทุกข์เมื่อไหร่ สติก็จะมาดีขึ้น เพราะมันจำเป็น ไม่งั้นทำการทำงานไม่ได้ ไปๆ มาชักจะชอบทุกข์ซะแล้ว ตอนนี้เลยกลายเป็นเหมือนพวกซาดิสท์เลย

เฮ้อ ไม่รู้จะทำยังไงกับตัวเองดี


โดย: กะทิ IP: 122.154.23.3 วันที่: 17 มิถุนายน 2553 เวลา:12:56:16 น.  

 
ทำใจไม่ให้มีทุกข์ ไม่ง่ายเลยค่ะ ตั้งใจทำดีทุกอย่างกับคนที่เรารักมากที่สุด เพื่อที่จะมีวันดีๆให้กันนานๆ แต่สุดท้ายประโยคที่ได้ยินจากปากเค้าคือ การก่อกวนความสงบในชีวิต รู้สึกเสียใจมากเลยค่ะ


โดย: pumkin IP: 125.24.237.43 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:17:55:12 น.  

 
อุปาทาน ขันธ์ 5 คือ สัมผัสทั้ง 5 ของมนุษย์ปรกติที่ทุกคนมีใช่ไหมคะ ที่ว่าความทุกข์
1. ตา คือเห็นสิ่งทำให้เกิดทุกข์
2. ปาก คือ คำพูดที่ทำให้เกิดความทุกข์
3. หู คือ การได้ยินสิ่งที่ก่อให้เกิดทุกข์
4. ลิ้น คือการเกิดกิเลส ที่อยากจะรับ รสต่างๆ
5. กาย คือ การหิว การอยากได้ อยากมี


โดย: moojew IP: 203.144.220.243 วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:11:43:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.