Group Blog
 
All blogs
 
หิว โหด หิน เรื่องกิน โกรธ กับกิเลส



ผมเป็นคนมีสุขนิสัยในการทานอาหารค่อนข้างแย่
ถ้ามีแม่เป็นนักโภชนาการคงโดนบ่นเช้าบ่นเย็นเพราะทานไม่ค่อยเป็นเวลา
จนชวนสงสัยว่า ทำไมถึงไม่เป็นโรคกระเพาะมาถึงปูนนี้

ส่วนหนึ่งเพราะผมมีทัศนคติว่าการกินเป็นภาระของมนุษย์
และเป็นกิจกรรมสนองกิเลสได้ง่าย
บางวันผมไม่ทานอะไรเลยเพราะนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ทำงานทั้งวัน
ก็ยังแอบรู้สึกดีรู้สึกเก่ง ว่าเรามีความสามารถในการอดอาหาร

ผมสังเกตว่า วันไหนไม่ได้ทานมื้อเที่ยง ผมจะต้องทานมากขึ้นในมื้อเย็น
ซึ่งเป็นภัยสำหรับคนต้องการห่างไกลพุงอย่างผม

หลายท่านหันมาสนใจปฏิบัติธรรม ก็มีลักษณะคล้ายกันคือ
มุ่งหวังตั้งใจจะเอาชนะกิเลส ด้วยการกดข่มมันไว้ หรือเพิกเฉยเสีย

เช่นอยากทาน ก็พยายามเอาชนะด้วยการอดอาหาร
หรือโกรธใคร ก็พยายามระงับความโกรธด้วยการบังคับใจไม่ให้โกรธ
ด้วยวิธีใช้สมาธิข่มไว้บ้าง ใช้ความคิดกดทับมันไว้บ้าง

ครูบาอาจารย์ท่านเรียกกรรมฐานแบบนี้ว่า หินทับหญ้า
คือกำจัดหญ้า โดยการเอาหินไปวางทับไว้ พอหญ้าไม่โดนแดด ก็ตายไป
แต่เพียงแค่ชั่วคราวนะครับ ยกหินออกไปเมื่อไหร่ หญ้าก็งอกขึ้นใหม่ได้เช่นเดิม

ที่เป็นอย่างนั้นได้เพราะรากของหญ้ามันยังอยู่
เราเอาหินไปทับไว้ ก็เพียงแค่กำจัดผลของมันได้ชั่วคราว
เมื่อเหตุยังไม่หมด ผลก็เกิดได้อีก เมื่อมีปัจจัยเหมาะสม
เหมือนผมอดอาหารได้ก็บางมื้อบางวัน
ผมไม่มีทางอดได้ตลอดไปหรอก ใครเคยถือศีล 8 จะเข้าใจดี

พูดแบบนี้บางท่านนึกค้านในใจ อาจเพราะเคยได้ยินข่าว
เรื่องโยคีในอินเดียที่เข้าสมาธิแล้วไม่ทานอะไรเลยได้เป็นปีๆ

บางคนตื่นเต้นยินดี แต่ใครที่นั่งสมาธิเก่ง จะทราบว่ามันไม่แปลก
เพราะสมาธิขั้นก้าวหน้ามากๆ จะทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญน้อยมาก
เหมือนคุณเข้าโหมด Sleep ในโน๊ตบุ๊คของคุณ เพื่อรักษาแบตเตอรี่ยังไงยังงั้น
เครื่องยังเปิดมั้ย เปิดอยู่ แต่แทบจะไม่ได้ใช้แบตเลย

แต่คำถามคือ เราจะเข้าฌานอยู่ในสมาธินั้นตลอดไปได้หรือเปล่า
เราจะปล่อยให้โน๊ตบุ๊คอยู่ใน SLEEP MODE โดยไม่ใช้งานมันเลยได้นานแค่ไหน

ถามว่า ถ้าอย่างนั้นต้องทำอย่างไร ตอบว่า พระพุทธเจ้าท่านเคยลองผิดลองถูกมาหลายวิธีครับ
ก่อนจะทรงค้นพบทางสายกลาง ในการเอาชนะกิเลส
ทางสายกลางที่ว่า คือความพอดี ไม่ตึง ไม่หย่อนจนเกินไปในการปฏิบัติ

ท่านบอกว่า ไม่พึงไหลไปในกามตามกิเลส แต่ก็ไม่พึงบังคับกดข่มไว้
คือการคอยรู้ทันกิเลสทั้งหลายแต่ไม่ปฏิเสธมัน ไม่สรรเสริญแต่ก็ไม่รังเกียจ

เช่นอยากทาน รู้ทันใจที่อยาก เมื่อมีสติแล้วก็ทานตามสมควร
ไม่ทานเพื่อสนองตัณหา แต่ทานเพื่อหล่อเลี้ยงร่างกาย

หรือใครที่โกรธ ให้รู้ทันใจที่กำลังโกรธด้วยความเป็นกลาง
ยอมรับในสภาวะนั้นโดยไม่พยายามกดข่มมัน
เห็นใจที่เร่าร้อนเพราะโดนโทสะแผดเผา แล้วถือศีล 5 ไว้
ไม่ก่นด่าออกไปด้วยโทสะ แต่ไม่มุ่งหวังจะบังคับกดข่มไม่ให้โกรธเลย

ตรงกันข้าม เราสามารถนำความโกรธ มาเป็นบทเรียน เป็นแบบฝึกหัดในการเจริญสติ
เห็นอนิจจังความไม่เที่ยงของจิตที่โกรธ เห็นทุกขังความบีบคั้นเป็นทุกข์ในจิตที่กำลังโกรธ
หรือเห็นอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตน เห็นใจมันโกรธได้เอง โดยเราไม่ได้สั่ง บังคับก็ไม่ได้

ศาสนาพุทธสอนให้เรากำจัดกิเลสกำจัดทุกข์ที่ต้นเหตุของมัน ไม่ใช่ที่ปลายเหตุ
จะกำจัดหญ้าต้องกำจัดที่ต้นตอของมัน ไม่ใช่ตัดแต่ใบ หรือเอาหินทับไว้

การเจริญสติก็เช่นกัน เราเจริญสติเพื่อจะได้เกิดจิตที่ตั้งมั่น รู้ความจริงของกายใจ
เห็นไตรลักษณ์จนจิตมีปัญญา เพิกถอนความหลงผิดคิดว่าตัวตนมีอยู่
ไม่ใช่เพื่อให้สามารถบังคับกายไม่ให้ทุกข์ บังคับใจไม่ให้มีกิเลส

เราไม่เอาหินไปทับหญ้า ไม่ได้ปฏิเสธหญ้า แต่เราเอาดินออกไปจากหญ้า
หญ้าหมดดินจะหยั่งราก กิเลสไร้ตัวตนจะหยั่งลง
ก็คงไม่มีหญ้ารกให้รำคาญ แลไม่มีกิเลสต้องให้คอยกำจัด
เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นนะครับ ท่องไว้

ยังไงก็สุขสันต์วันที่ยังมีหญ้าให้ถอนไปก่อนก็แล้วกันนะครับ


Create Date : 11 กรกฎาคม 2553
Last Update : 11 กรกฎาคม 2553 12:02:56 น. 4 comments
Counter : 1550 Pageviews.

 
บ่อยๆ ที่เวลาหิวแอมมักออกอาการโหด
ตอนยังไม่ได้กินก็ไม่รู้
แต่พอได้กินแล้วรู้เลยว่า
ตะกี้ที่หงุดหงิดเพราะโมโหหิวนั่นเอง

^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 11 กรกฎาคม 2553 เวลา:21:51:23 น.  

 
อ่านแล้วโดนจังเลยค่ะ เพราะชอบเอาชนะความโกรธด้วยการไม่โกรธ แต่แอบเก็บไว้ในใจ พอสะสมนานๆ มันก็ระเบิด!!! (ออกแนวเก็บกด) เหมือนกับเวลาหิวตอนดึก ก็ข่มใจไม่ให้หิว แต่สุดท้ายก็แพ้ความหิวอยู่ดี กินระเบิดแบบไม่ยั้งคิด ท้ายที่สุดคือ กินเกินพอดี แล้ว อ้วน -*-


โดย: memee IP: 58.9.21.157 วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:49:55 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณเอ้ด

ตอนแป๋วอ่านบล็อกนี้ครั้งแรก จำได้ว่าชอบมากเลย อ่านไปพยักหน้าหงึกหงักว่าเห็นด้วยตามไปด้วย

ขำน้องแอม ^^
แป๋วไม่สามารถเลยค่ะ
อดอาหารไม่ทานอะไรเพราะงานยุ่งหน้าคอม
ถ้าคิดเยอะๆล่ะก็ ขอชอคโกแลตร้อนสักถ้วยหัวสมองวิ่งฉิว

แวะมาบอก FB ให้แฟนานุแฟนของคุณเอ้ดตามคำขอค่ะ
ลองค้น mkanchavatee at hotmail.com
อย่าลืมเปลี่ยน at เป็น @ นะคะ


โดย: SevenDaffodils วันที่: 12 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:43:06 น.  

 
ทดสอบๆ
ทดสอบเพราะอยากทดสอบ
ทดสอบโดยรู้ว่ากำลังทดสอบ
ทดสอบให้รู้..
ว่าทดสอบแล้วจะผ่านการทดสอบ
หรือ..ไม่ผ่านการทดสอบ : )


โดย: jinny IP: 10.2.6.106, 58.137.199.121 วันที่: 13 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:03:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.