Group Blog
 
All blogs
 
คุยกันวันอาทิตย์ 1


(ขอบคุณภาพประกอบสวยๆจากคุณแป๋ว SevenDaffodils ครับ)

มีคำถามค้างอยู่จากหลายท่าน บางอันก็หลายเดือนแล้ว ขอรวบมาตอบทุกวันอาทิตย์ก็แล้วกันนะครับ

ถาม 1. "ผมเป็นเกย์ครับ ผมรู้ตัวมาได้สักระยะหนึ่งครับ ผมไม่สามารถจะมีอะไรกับผุ้หญิงได้ครับ และผมไม่อยากแต่งงานเพื่อบังหน้า หรือเพื่อคุณพ่อคุณแม่ครับ

แต่เนื่องด้วยผมลูกคนเดียวครับ คุณพ่อคุณแม่ก็คาดหวังมาก และถามไถ่ผมทุกวันเมื่อไรจะแต่งงาน...ผมรู้คำตอบตัวเอง แต่ผมไม่กล้าที่จะบอกคุณพ่อคุณแม่โดยตรงครับ

ตอนนี้ผมเรียนต่ออยู่ครับ และใกล้จะจบ พอมามีปัญหาตรงนี้ทำให้ผมไม่อยากกลับไปทำงานที่บ้าน อยากไปทำงานที่อื่นเพราะเหตุผลที่เขาต้องถามน่ะครับ นี้คือประเด็นหลักเลยครับ แต่ใจผมก็ยังอยากดูแลท่านน่ะครับ เพราะนี้คือคิดว่าทางออกหนึ่งของผมกับการแก้ปัญหา ไม่รู้ว่าจะถูกต้องหรือเปล่า คุณ aston27 คิดว่าผมต้องทำอย่างไรครับ
"

ตอบ 1.
ผมดีใจที่คุณตั้งใจว่า จะไม่แต่งงานเพื่อบังหน้าครับ เพราะมันแก้ปัญหาระยะสั้น แต่บั่นทอนในระยะยาว

อีกอย่าง มันจะเป็นบาปกรรมกับผู้หญิงที่เราแต่งงานด้วยมาก แถมยังผิดศีลข้อโกหก อีกต่างหาก

ที่คุณทำ มันเหมือนหนีปัญหาไปเรื่อยๆน่ะครับ ถ้าสบายใจก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณเองก็ไม่มีความสุข ผมว่า เราเผชิญหน้ากับความจริงดีกว่า

ความจริงอาจจะทำให้เรา หรือใครบางคนเจ็บปวดบ้าง แต่ก็เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง ขณะที่การโกหกหรือต้องปิดบัง มันเจ็บปวดนาน และทำใจยากกว่านะ

พ่อแม่ส่วนมาก อาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง ที่จะยอมรับสิ่งที่คุณเป็น แต่บางคนก็เข้าใจ โดยเฉพาะสมัยนี้ และหลายคนก็ใจกว้างที่จะให้ลูกมีความสุข ตราบเท่าที่ลูกเป็นคนดีนะ



ถาม 2. "คุณเอ๊ดคิดว่า ทุกปัญหา มีทางออก จริงไหมคะ....มีซักปัญหามั้ยที่ไม่มีทางออก และถ้าปัญหานั้นกระทบต่อความสุขอันดับ1ของเรา จะทำยังไงดีคะ

วันนี้รู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในบ้านที่มีความขัดแย้งที่ฝังลึกมานานมาก ทัศนคติไม่ตรงกันอย่างรุนแรง แต่วันอื่นที่ผ่านมาก็เป็นไปแบบ ทุกคนกดๆมันเอาไว้หมด ช่วงที่สุขก็มีมากกว่านะคะ

แต่วันนี้มันระเบิดลง เสียใจจังเลยค่ะ เป็นความเสียใจที่เห็นคนที่เรารักทุกฝ่ายเจ็บปวด ตอนนี้พยายามตั้งสติอยู่ เผื่อว่าสติจะทำให้คิดหาทางออกได้ ...แต่ไม่แน่ใจ แล้วก็กลัวมากด้วย ว่ามันจะไม่มีทางออกนั้น
"


ตอบ 2.
ผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออกครับ แต่ไม่ใช่ทุกทางออกจะเป็นสิ่งที่เรายอมรับได้ต่างหาก

บ่อยครั้งที่เราเห็นทางออกแล้ว แต่ไม่กล้าเดินไปทางนั้น เพราะมันมีขวากหนามบางอย่างขวางอยู่

ส่วนมากเราพยายามมองหาทางออกที่มันได้อย่างใจทุกคน หรือไม่มีใครเจ็บปวดเลย หรือไม่มีใครต้องเสียสละเลย ซึ่งมันยากนะ

กระทั่งไอ้ที่เขาพูดกันว่า Win-Win น่ะ ส่วนมากมันก็พบกันครึ่งทาง เท่านั้นแหละ

ทางออกที่ดี ไม่ใช่ทางที่ทุกคน "ได้" 100% นะ แต่เป็นเลือกทางที่ทุกคน "เสีย" น้อยที่สุด ต่างหาก

ส่วนเรื่องบ้านคุณ ถ้าความเป็นครอบครัวมันยังอยู่ ก็ไม่เป็นไรหรอก ระเบิดลงแล้ว สายสัมพันธ์ยังอยู่ก็ใช้ได้ บางทีอาจจะดีตรงที่ เราได้ยินสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเก็บไว้ในใจจริงๆ

บางทีครอบครัวคุณอาจจะต้องการคนประสาน และถ้าคุณมีสติ มีเมตตา อุเบกขา ใช้ปัญญาอีกหน่อย คุณอาจจะเป็นศูนย์กลางให้ทุกคนกลับมาทำความเข้าใจกันใหม่ได้นะ

แค่ต้องใช้เวลาหน่อยน่ะ



ถาม 3. "หนูเรียนโทอยู่ค่ะปี 3 แล้ว งานก็ยังไม่ก้าวหน้านัก แต่มีรุ่นน้องที่เข้ามาที่หลังอาจารย์ที่ปรึกษาเดียวกันทำงานได้ก้าวหน้าไปมากแล้ว ก็ดีใจกับน้องเค้านะค่ะ ไม่อยากเครียดนะค่ะ ก็พยายามคิดว่างานไม่เหมือนกัน

แต่มีบาง part ที่เหมือนกันเค้าก็ทำได้สำเร็จก่อน บางทีเลยแอบเครียด เจอเหตุการณ์แบบนี้เกือบทุกวันเลยท้อมากเลยค่ะ ไม่รู้จะคิดยังไงดี จะได้ไม่เครียด งานตัวเองจะได้ก้าวหน้าด้วย เพราะบางทีมีผลทำให้อยากหยุดทำงานไปเลยนะค่ะ พอจะมีคำแนะนำไหมคะ
"

ตอบ 3.
การแข่งขันที่มีประโยชน์ และให้คุณกับเรา คือการแข่งกับตัวเองครับ แข่งเพื่อเอาชนะข้อด้อย และนิสัยที่ไม่ดีทั้งหลายของเรา ไม่ใช่เพื่อเอาชนะใคร หรือแข่งกับใคร

ลองวางใจใหม่ แล้วมีใจยินดีกับความสำเร็จ ก้าวหน้าของคนอื่นบ่อยๆ อิจฉา รู้ว่าอิจฉา มีสติรู้ทันไป ก็ไม่เป็นไร แล้วเริ่มเอาใหม่ เอาความสำเร็จ ก้าวหน้าของคนอื่น มาเป็นแบบอย่างที่ดีให้เรามีแรงกระตุ้นตัวเอง

เพื่อชนะตัวเอง ไม่ใช่ชนะคนอื่น เพราะเราจะสำเร็จ ไม่สำเร็จ มันอยู่ที่เราเอง ไม่ได้เกี่ยวกับคนอื่นเลย

อย่าลืมหัดรู้ทันใจตัวเองนะ เครียด รู้ว่าเครียด แล้วยิ้มที่รู้ทันใจตัวเองไว้ แล้วไปเดินเล่นสัก 5 นาที เดินไป รู้สึกตัวไป ใจมันคิดอีกก็รู้ทันอีก

ท้อ ก็รู้ทันใจที่ท้อ มันท้อเองนะ สั่งก็ไม่ได้ว่า เลิกท้อได้แล้ว ได้แต่ทำเหตุ คือมีสติ รู้ทัน แล้วให้กำลังใจตัวเองไว้บ่อยๆ

ตนเป็นที่พึ่งเแห่งตนนะครับ ^^



ถาม 4. "ผมอยู่เชียงใหม่ วันนี้ไปวัดอุโมงค์มา

เดินรอบบริเวณแล้วถามตัวเองว่า มาทำไมแล้วได้อะไรกลับไปบ้าง บางคนมาเที่ยวถ่ายรูป มากับแฟนหรือคลายร้อนพักผ่อนก็ว่ากันไป

แต่ผมมาค้นหาจิตและสัจธรรม เหมือนอย่างที่คุณastonว่า อยู่ไหนก็สามารถค้นหาจิตได้ เพียงแต่เรารู้สภาวะจิต ไม่กดข่มหรือปรุงแต่งมัน ปล่อยให้มันเป็นไปแต่ไม่ไหลตาม วางสถานะเป็นกลาง

และจากการเดินดูโดยรอบ ผมก็ได้รู้ว่าทุกอย่างมันไม่เที่ยง พระพุทธรูปปูนปั้น สถูปเจดีย์ ปลาที่ลอยตาย หรือต้นไม้แห้งเฉา ทุกสิ่งอย่างสารพันล้วน เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป

อันนี้ผมเอามาใช้ควบคุมตัวเองได้ด้วยนะคับจากที่เคยเป็นคนโมโหง่ายฉุนเฉียว ใจร้อนก็เย็นลง ด้วยคิดว่าทุกอย่างที่มากระทบอารมณ์เดี๋ยวก็หายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า มีสติขึ้นเยอะ

แต่จะถามว่าเวลาจะคุยกะใครเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมีคนอยากจะคุยด้วยเลยอ่าคับ....เขาว่าผมเพี้ยนบอกให้ไปบวชซะ ผมบอกว่าผมบวชแล้วแต่ไม่ใช่ทางกาย แต่ผมบวชจิต แล้วคุณล่ะ...ทีนี้ว่าผมบ้าไปเลยอ่ะคับ
"

ตอบ 4.
สมัยพุทธกาล เคยมีอาจารย์ชื่อสัญชัยปริพาชก เป็นอาจารย์ของ อุปติสสะ และโกลิตะ ซึ่งภายหลังมาบวชกับพระพุทธเจ้า และได้ชื่อใหม่ว่า พระโมคคัลลานะ กับพระสารีบุตร

ตอนที่อุปติสสะ ได้โสดาบัน แล้วกลับไปชวนโกลิตะมาเรียนกับพระพุทธเจ้า ก็ชวนอ. สัญชัยมาด้วย อ.สัญชัยไม่ยอมมา

พอชวนมากๆ อ.สัญชัย ถามกลับว่า "พวกเธอว่า โลกนี้มีคนโง่ หรือคนฉลาดมากกว่ากัน" ทั้งคู่ตอบว่า คนโง่มีมากกว่า อ.สัญชัยเลยบอกว่า

"ถ้างั้นปล่อยให้คนฉลาดไปหาพระพุทธเจ้า ส่วนพวกคนโง่จะได้มาหาเรา เราพอใจจะมีบริวารมากกว่าพระพุทธเจ้า"

เรื่องธรรมะอะไรนี่ มันไม่ใช่ของแบกะดิน ชนิดที่ต้องไปง้อให้ทุกคนมาเรียนขนาดนั้น มันเป็นเรื่องของคนมีปัญญาที่รู้ว่า ชีวิตเป็นของไร้สาระ ที่ควรจะหาสาระจากมันให้ได้

ผมเองพูดกับคนรอบข้างเรื่องธรรมะน้อยมากนะ แต่จะเลือกพูดกับบางคนที่เขามาถามเท่านั้น ไม่ถาม ผมก็ทำตัวปกติ ไม่พูดอะไร ไม่พยายามแสดงว่า ผมรู้ธรรมะนะ เพราะผมรู้ว่า ไม่ใช่ทุกคน จะชอบฟัง ไม่ใช่ทุกคนจะสนใจ

ฉะนั้น ที่คุณเจอ ก็ปกติแล้วนะ :) เอาไว้เป็นบทเรียนว่า เราสนใจของเราไปพัฒนาจิตใจเราเองน่ะดีแล้ว ถึงเวลาธรรมะจะจัดสรรเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตรมาให้เราเอง

แต่ระวังกิเลสของคนดี อย่างอติมานะ ความถือดี ว่าเรามีดีกว่าคนอื่น คนอื่น ไม่ดีเหมือนเรา อันนี้ก็ต้องคอยรู้ทันนะครับ

ไว้เจอกันใหม่ อาทิตย์หน้า สุขสันต์วันหยุดนะครับ ^^








Create Date : 03 ตุลาคม 2553
Last Update : 6 ตุลาคม 2553 8:19:31 น. 5 comments
Counter : 1272 Pageviews.

 
มาทักทายสวัสดึคุณ Aston27 ครับ


โดย: ธนัช IP: 124.120.229.126 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:15:26:00 น.  

 
จะแวะมาอ่านทุกวันอาทิตย์คะ

ขอบคุณมากคะ


โดย: มุทิตา IP: 172.168.1.152, 124.120.212.15 วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:18:41:48 น.  

 
สัญญาแล้วนะคะ ว่าจะมาทุกวันอาทิตย์


โดย: ผักบุ้ง IP: 114.128.216.211 วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:19:15:12 น.  

 
มีคนมารออ่านแล้วว
แอมมาวันว่างแล้วกันค่ะ
แหะแหะ

ป.ล.แอมเคยคิดจะเขียนคำถามถามพี่เอ๊ดเหมือนกัน
แต่พอเข้ามาบล็อกพี่แล้วก็อ่านบล็อกเก่าๆ
ก็คิดได้บ้าง ได้คิดบ้าง
แล้วก็สบายใจ ไอ้ที่ว่าจะถามก็เลยไม่รู้จะถามอะไร

ไงก็ขอบคุณพี่เอ๊ดอยู่ดีที่เขียนบล็อกไว้เยอะแยะมากมาย

และสงสัยว่าแอมต้องไปหาซื้อธนาคารความสุขสองเล่มมาใหม่
เพราะว่าให้คนนู้นคนนี้ยืมบ้าง ให้แบบให้ไปเลยก็มี
จนตอนนี้พอตัวเองจะหยิบมาอ่านเลยไม่มีซะแล้ว

^^


โดย: am^^ IP: 61.90.11.104 วันที่: 5 ตุลาคม 2553 เวลา:16:00:03 น.  

 
ดีค่ะ วันอาทิตย์หน้า จะมาใหม่


โดย: candy17 IP: 1.46.19.58 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:2:02:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.