|
โชคดี ในความมีโชคร้าย

สวัสดีค่ะ พี่ Eddy ^^
"ดีใจที่บังเอิญได้เจอ blog ของพี่ ในยามที่รู้สึกว่าทุกข์มากๆ แล้วได้เรียนรู้เรื่องการภาวนาค่ะ
รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจิตหวั่นไหวง่ายมาก ไม่อยากจะคิดในบางสิ่ง ยิ่งพยายามไม่คิด ก็ยิ่งคิดสุดๆไปเลย
เหมือนมีกรรมเก่าเยอะ เพราะจิตใจไม่เหมือนคนอื่น จะชอบรู้สึกผิดเยอะมาก ในเรื่องที่คนอื่นไม่เป็น อย่างเช่น ถ้าเสียเวลาไปกับการทำอะไรบางอย่าง ก็จามานั่งคิดกลับไปกลับมาทั้งวัน
รู้สึกว่าเป็นคนย้ำคิดย้ำทำค่ะ แต่ไม่ได้คิดว่า เป็นอาการทางการแพทย์นะคะ เพราะหนูก็พอจะมีความรู้พื้นฐานอยู่บ้าง คือรู้สึกว่า ถ้าดูแลจิตตัวเองดีๆ คงพอจะเอาชนะได้
ทุกวันนี้ทุกข์มากเลยค่ะ เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตมาก ตั้งแต่จบก้อมาเรียนต่อที่ต่างประเทศ มาอยู่ได้ปีกว่าๆแล้ว ไม่รู้ว่าทุกข์อะไรนักหนาค่ะ
เพราะเรื่องจิตคิดวนไปวนมา เสียเวลา ย้ำคิดย้ำทำ ทั้งๆที่ไม่อยากจะเป็น แต่มันแวบมาเรื่อยๆจนแพ้ไปเอง อ่าน journals ก็ทำไม่ได้ค่ะ
ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ depressed ไปหลายรอบมากค่ะ ช่วงศุกร์ถึงอาทิตย์ที่ผ่านมา นอนเยอะมาก คือไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร นอกจากคิดวนไปวนมา ร้องไห้ ว่าทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ด้วย พอนอนเยอะ ก็เสียเวลาขึ้นมาอีก เป็นอย่างนี้จนอยากจะตัดขาดจริงๆค่ะ
อาจจะเป็นเพราะว่าหนูเป็นคนไม่ดีจริงๆก็ได้ค่ะ ขอสารภาพตรงๆว่า เป็นคนที่ไม่ชอบเห็นคนอื่นดีกว่าตัวเอง รู้ทั้งรู้ว่าคิดแบบนี้ริษยา แต่ทำไมชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นไม่รู้
เวลามีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาทีไร เศร้าใจทุกทีเลยค่ะ รู้สึกว่านี่เราบาปอีกแล้วหรอ
ขอโทษที่หนูรบกวนด้วยนะคะ ทุกวันนี้ทุกข์มากๆ จนคิดว่าถ้าใจยังเป็นแบบนี้ จะเรียนได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาไร้ค่าเหลือเกินค่ะ
ขอบคุณพี่ Eddy มากๆค่ะ"
จุดอ่อนคุณมีเรื่องเดียว คือ "ความคิด" ครับ
มองในแง่นึง คุณก็โชคดีในความโชคร้าย เพราะถ้าพี่บอกคุณว่า จิตคนเรา มันเป็นตัวของมันเอง มันไม่ใช่ตัวใช่ตนของเราอะไรจริงๆจังๆ คุณอาจจะพอเชื่อได้ไม่ยาก เพราะคุณเห็นแล้วว่า คุณไม่เคยสั่งอะไรมันได้เลย
จะให้มันทำแบบที่เราชอบ มันก็ไม่ฟัง จะห้ามไม่ให้มันทำสิ่งที่เราไม่ชอบ มันก็ไม่เชื่อ
อันนี้เป็นธรรมที่มีคุณมาก ถ้ามองเห็นด้วยสตินะ ชื่อว่า "อนัตตา" รู้แจ้งอนัตตานี่ บรรลุธรรมได้เลยนา อย่าล้อเล่นไป
พระพุทธเจ้าบอกว่า หน้าที่ต่อทุกข์ คือให้รู้ รู้ไว้อย่างเดียว หน้าที่ต่อเหตุแห่งทุกข์ คือความอยากทั้งหลาย คือให้ละเสีย
สำนวนเขาพูดว่า ทุกข์ ให้รู้ สมุทัย ให้ละ
คำว่าทุกข์ พระพุทธเจ้าท่านแจกแจงว่า กาย กับ ใจ นี่แหละ คือตัวทุกข์
ฉะนั้น อย่าพยายามไปบังคับจิตให้ดี ให้เสียเวลา แต่ให้ "รู้ทัน" จิตที่ไม่ดีทั้งหลาย เพื่อจะได้เห็นความจริงของมัน
ฝึกมีสติ รู้ทันความคิดตัวเอง ด้วยใจที่เป็นกลาง ใจที่เป็นกลาง เป็นกุญแจสำคัญนะ
คุณไปสวดมนต์นะครับ หลับตา นึกถึงพระพุทธเจ้าว่าท่านยืนอยู่ต่อหน้าเรา แล้วกราบท่าน ด้วยใจอ่อนน้อม กราบแล้วรู้สึกตัว เห็นร่างกายมันก้มกราบ มันเงยขึ้น รู้สึกไว้
แล้วก็สวดมนต์ บทง่ายๆ ที่คุณรู้จัก นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อิติปิโส ภะคะวา อะไรก็ได้ ไม่สำคัญ
สำคัญที่จิตใจ ให้น้อมมาอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อยู่กับคุณงามความดี
แล้วระหว่างที่สวด ให้คอยสังเกตใจที่ไหลออกจากบทสวด ไหลไปอยู่ที่อื่น คิดเรื่องอื่น สงสัยเรื่องอื่น คิดถึงคนอื่น คิดถึงเรื่องในอดีต คิดเรื่องอนาคต คิดเรื่องบทสวดในปัจจุบัน
ให้คอยรู้ทันว่า ใจมันคิดนะครับ คุณจะเห็นความคิดมันวิ่งไปวิ่งมา หรือค่อยๆโผล่มาคุยกะเราในหัว ตามนิสัยเดิมของมัน ไม่เป็นไร ไม่ห้าม ไม่เกลียดมัน แค่รู้ทันว่า ใจคิด
คิดดี คิดไม่ดี เราไม่สนใจ ไม่ให้คะแนนเรื่องที่คิด เรานับคะแนนที่การรู้ทันความคิดตัวเอง ทีละหนึ่งๆๆๆๆๆ
ที่ไม่สนใจว่าจะคิดดี คิดไม่ดี เพราะมันก็เป็นแค่ความคิด มันแสดงความไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่ใช่ตัวตนที่แท้ เท่าๆกัน
นับหนึ่งไว้อย่างเดียว ไม่ต้องไปอยากให้มันเลิกคิด แต่ถ้าคุณรู้ทันความคิด คุณจะเห็นเอง ว่าความคิด มันทำให้เราทุกข์ไม่ได้ ถ้าเรามีสติ รู้ทันมัน
ทำอย่างนี้บ่อยๆ สวดมนต์แล้วรู้ใจ อย่างน้อยวันละสองรอบ เช้าเย็น ครั้งละสักสิบนาที สิบห้านาที ถ้าว่างๆแต่อยู่ข้างนอกบ้าน ก็ไม่ต้องกราบ เช่นนั่งรถเมล์ ก็นึกถึงบทสวด แล้วคอยรู้ทันใจที่คิดอีก
เดินไปไหน ก็รู้สึกตัว รู้การเคลื่อนไหวของกาย เหมือนดูหุ่นยนต์มันเคลื่อนไป แล้วใจมันคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ ก็รู้ทัน
ช่วงแรกๆ มันจะเผลอไหลไปนาน กว่าจะรู้ตัวว่าคิดไป ก็ช่างมัน รู้แล้วก็เริ่มนับหนึ่งใหม่ ทำแบบนี้นะครับ
ใช้ชีวิตปกติ แต่อยู่กับชีวิตธรรมดา ด้วยสติ ความรู้สึกตัว อิจฉา ก็รู้ใจที่อิจฉา รู้ทัน ไม่ห้าม เหมือนเราดูนางร้ายในละคร
อย่าลืมว่า จิตมันไม่ใช่เรานะครับ การที่เราดูมัน เหมือนดูคนอื่นทำโน่น ทำนี่ ก็ยุติธรรมดีแล้ว
แล้วก็ไม่ต้องเครียดครับ ทำแบบที่พี่ว่า เจ็ดวัน คุณจะพบความเปลี่ยนแปลง
แล้วมาเล่าให้ฟังนะครับ ว่าทำแล้วเป็นไงมั่ง
สุขสันต์วันที่จิตยังคิดอยู่ครับ
Create Date : 28 กรกฎาคม 2553 |
Last Update : 28 กรกฎาคม 2553 22:08:25 น. |
|
41 comments
|
Counter : 2376 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: nus IP: 113.53.95.197 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:33:04 น. |
|
|
|
โดย: Atamandra IP: 125.24.179.184 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:35:08 น. |
|
|
|
โดย: valentino_14 IP: 58.9.198.142 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:3:02:15 น. |
|
|
|
โดย: ผักบุ้ง IP: 117.47.9.184 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:19:24:46 น. |
|
|
|
โดย: phenprapa IP: 115.87.37.10 วันที่: 31 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:28:49 น. |
|
|
|
โดย: plapla IP: 124.122.171.49 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:16:49:19 น. |
|
|
|
โดย: ปุณ punchalak IP: 124.122.171.49 วันที่: 1 สิงหาคม 2553 เวลา:18:04:41 น. |
|
|
|
โดย: Faiae IP: 113.53.232.210 วันที่: 5 สิงหาคม 2553 เวลา:7:23:32 น. |
|
|
|
โดย: LittlePoohBear IP: 61.90.17.84 วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:16:47:46 น. |
|
|
|
โดย: candy17 IP: 1.46.46.35 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:20:34:20 น. |
|
|
|
โดย: L J IP: 74.205.150.112 วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:7:15:26 น. |
|
|
|
โดย: am^^ IP: 58.8.129.203 วันที่: 16 สิงหาคม 2553 เวลา:14:34:23 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:15:25 น. |
|
|
|
โดย: veerar วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:0:36:32 น. |
|
|
|
โดย: brackleyvee วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:3:04:06 น. |
|
|
|
โดย: ยัยลีลี วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:7:39:03 น. |
|
|
|
โดย: หน่อยอิง วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:8:33:31 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:9:14:48 น. |
|
|
|
โดย: nootikky วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:10:10:41 น. |
|
|
|
โดย: Lin IP: 58.8.177.90 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:10:15:17 น. |
|
|
|
โดย: แม่ส้มแป้น วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:10:18:41 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:11:19:41 น. |
|
|
|
โดย: KhunPa_Pui วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:11:56:07 น. |
|
|
|
โดย: no filling วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:16:01:18 น. |
|
|
|
โดย: คนขับช้า วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:18:52:44 น. |
|
|
|
โดย: Better late than Never IP: 111.84.144.138 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:19:49:36 น. |
|
|
|
โดย: pinkyrose วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:22:19:53 น. |
|
|
|
โดย: My_Sanctuary IP: 1.46.59.76 วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:22:52:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 สิงหาคม 2553 เวลา:23:23:00 น. |
|
|
|
โดย: อนุชา IP: 125.26.240.214 วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:5:41:05 น. |
|
|
|
โดย: sweet little beezz IP: 110.164.241.124 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:0:07:41 น. |
|
|
|
โดย: ผักบุ้ง IP: 114.128.224.204 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:13:34:46 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 29 สิงหาคม 2553 เวลา:15:09:01 น. |
|
|
|
โดย: แอบเปิ้ล IP: 58.8.41.228 วันที่: 21 มกราคม 2554 เวลา:16:59:38 น. |
|
|
|
โดย: aston27 วันที่: 31 มกราคม 2554 เวลา:17:19:56 น. |
|
|
|
| |
|
|
ตอนนี้เลยค่ะ พี่ Eddy
รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนจิตหวั่นไหวง่าย ไม่อยากจะคิดในบางสิ่ง ยิ่งพยายามไม่คิด ก็ยิ่งคิดค่ะ
รู้สึกว่าเป็นคนย้ำคิดย้ำทำค่ะ คิดถึงแต่เรื่องเดิมๆ คิดถึงแต่เหตุการณ์ คิดถึงแต่คนที่ทำให้เราเสียใจ คิดตลอดเวลา ทั้งๆที่ตัวเราเองก็ตัดสินใจ เดินออกมาจากตรงนั้นแล้ว แต่ใจก็ยังคิดถึงเรื่องเดิมๆตลอดเวลา คิดว่าทำไมเค้าต้องทำกับเราแบบนี้ ทำไมเราตัดสินใจลาออกจากงานเพราะคนๆเดียว ที่ไม่รักเรา มันคิดมาอย่างนี้เจ็ดเดือนแล้วค่ะ พี่ eddy
ทุกวันนี้ทุกข์มากเลยค่ะ เป็นอุปสรรคต่อการใช้ชีวิตมาก ไม่รู้ว่าทุกข์อะไรนักหนาค่ะ
เพราะเรื่องจิตคิดวนไปวนมา เสียเวลา ย้ำคิดย้ำทำ ทั้งๆที่ไม่อยากจะเป็น แต่มันแวบมาเรื่อยๆ อ่านหนังสือธรรมะก้อแล้ว ก็ยังทำไม่ได้ค่ะ
บางครั้งจิตใจก้อให้อภัยเค้า แต่บางครั้งก็ไม้ให้อภัย ตอนนี้นอนเยอะมาก คือไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร นอกจากคิดวนไปวนมา ว่าทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ด้วย พอนอนเยอะ ก็เสียเวลาขึ้นมาอีก เป็นอย่างนี้จนอยากจะตัดขาดจริงๆค่ะ
บางครั้งก็คิดอิจฉา โกรธ ที่เค้าทำกับเราแบบนี้และ เอาเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนใหม่ของเค้า เวลามีความรู้สึกแบบนี้ขึ้นมาทีไร เหนื่อยใจทุกทีเลยค่ะ อยากหลุดพ้นจากความรู้สึกแบบนี้ ขอโทษพี่ Eddy ที่รบกวนด้วยนะคะ ทุกวันนี้ทุกข์มากๆ จนคิดว่าถ้าใจยังเป็นแบบนี้ จะดำเนินชีวิตต่อไปได้อย่างไร ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาไร้ค่าเหลือเกินค่ะ
ขอบคุณพี่ Eddy มากๆค่ะ