|
GPS นิพพาน จุดหมายการเดินทาง หรือ ภาระ

วันแรกของปีใหม่ทั้งที ผมเลยถือโอกาสเปิดกลุ่มย่อยใหม่ในชื่อ "ธนาคารความสุข part 3" เพื่อให้จำนวนบล็อกในกลุ่มเดิมมันโหลดไม่ยากเกินไป และเปลี่ยนชื่อหัวข้อกลุ่มเดิมให้สอดคล้องกัน เพื่อจะได้ไม่สับสนว่ามันต่างกันอย่างไร
เมื่อวานมีอีเมล์มาถามคำถาม ส่งท้ายปลายปี ผมตอบไปตอบมา เอ๊ะ มันเอามาเป็นบล็อกได้หลายอันเลย
เลยถือโอกาสเลือกส่วนหนึ่งมาประเดิมกลุ่มย่อยอันใหม่เสียในบัดดล
ถ้าคนเราปฏิบัติธรรมโดยตั้งใจว่าจะไปนิพพานมันดูเกินจริงไปมั้ยค่ะ คือตัวเองตั้งใจว่าจากนี้ไปจะอยู่ในคำสอนของพระพุทธเจ้าจะปฏิบัติให้ได้เท่าที่ตัวเองสามารถทำได้ค่ะ
- pleza
ถ้าคิดอยากไปนิพพานแล้วไม่มีสติ ลงมือปฏฺิบัติด้วยความอยากได้นิพพานตลอดเวลา อันนี้ภาวนาไปอีกร้อยชาติก็ไม่ถึงครับ
แต่ถ้าเราดูจิตดูใจเป็น อยากไปนิพพานแล้วรู้ทันใจที่มีความอยากผุดขึ้นมา แล้วค่อยลงมือภาวนาต่อ ก็ไม่เสียหาย พอรู้ทันแล้วให้วางใจใหม่ว่า เรามีนิพพานเป็นจุดหมาย ไม่ใช่เป็นภาระ คือเอาไว้เพื่อให้เรามีทิศทางในการภาวนา ให้รู้ว่ายังไม่หลงทาง
เหมือนเราจะออกเดินทาง ก็ต้องรู้ว่าปลายทางต้องการไปไหน ไม่ใช่สักแต่ขับรถไป ไม่มีจุดหมาย เพราะบอกว่ามีจุดหมายไม่ได้ ไม่ใช่นะ มันต้องรู้ก่อนว่าตั้งใจจะไปเชียงใหม่ ไต้หวัน มัณฑะเลย์ ชเวดากอง หรือหนองสาหร่าย
การรู้จุดหมาย จะช่วยให้เราตรวจสอบได้ว่า เรากำลังหลงทางหรือมาถูกทางแล้ว เช่นจะไปเชียงใหม่ แต่ขับไปเจอเพชรบุรี หรือกาญจนบุรี ก็ต้องรู้แล้วนะ ว่าไม่ใช่ละ ต้องกลับไปเริ่มใหม่
สมัยนี้เขามีเครื่องมือช่วยนำทางเรียก GPS ย่อมาจาก Global Positioning System ขอแค่รู้จุดหมายที่จะไป คุณกดจึ๊กๆๆ เครื่องจะนำทางคุณได้ว่า ไปทางนี้ๆๆ เลี้ยวซ้ายสองที เลี้ยวขวา ข้ามสะพานปุ๊บเลี้ยวซ้ายเลย อ้าวๆ เลยแล้วไอ้โง่ 
อันหลังนี่คงไม่มีเครื่องระบบไหนเขาทำนะครับ จิตพวกเรามักจะพูดเอง ฮา...
แต่ถ้าไม่รู้จุดหมาย มี GPS มันก็ช่วยไม่ได้นะ ฉะนั้น ถ้าจะมีนิพพานเป็นจุดหมายก็ควรศึกษาเส้นทางไปนิพพานว่าไปยังไง
(ในใจคุณผู้อ่านพูดว่า) คุณแอสตั้นพูดยังกะมี GPS ของนิพพาน จะบอกว่าไม่มีก็เหมือนๆจะมีนะ เพียงแต่คุณต้องเรียนหลักปฏฺิบัติให้แม่นเท่านั้นแหละ เพราะพระพุทธเจ้าท่านใจดี บอกวิธี ขั้นตอนให้หมดแล้ว
พูดโดยย่อ เราจะไปถึงนิพพานได้เมื่อเราทำลายความเป็น "เรา" หมดไปนั่นแหละ พอรู้อย่างนี้ ก็ต้องรู้ว่า "เรา" อยู่ที่ไหน ถึงจะไปทำลายได้ คนส่วนมากยึดเอากายใจของตัวเอง เป็นตัว"เรา" ถูกไหมครับ ฉะนั้น จะทำให้ตัวเรามันหายไป ไม่ใช่ไปฆ่าตัวตายนะ อันนั้นแค่หนีกายเนื้ออันนี้ได้ ทว่าจิตก็ยังอยู่
แล้วไอ้ที่เรายึดเหนี่ยวแน่นว่าเป็น "ตัวเรา" จริงๆ ก็คือ "จิต" เสียด้วย อันนี้ลองไปสังเกตดูนะครับ
สำหรับวิธีที่ทำลายความยึดมั่นว่ามี "ตัวเรา" ซึ่งมีเฉพาะในศาสนาพุทธนี่แหละ ที่เขาเรียก วิปัสสนา ถามว่า อะไรเป็นตัวการทำให้จิตหลงเข้าใจผิดๆ ว่ามี"ตัวเรา"ถาวรอยู่จริงๆ คำตอบคือ "ความไม่รู้" ศัพท์เทคนิคเรียก "อวิชชา" ผมเรียกว่า ตัวพาโง่
ดังนั้น การจะทำให้จิตเขาหมดความยึดมั่นว่ามีตัว"เรา" หรือหายโง่ ก็ต้องทำให้จิตมัน "รู้" ขึ้นมา เรียกว่า รู้เพื่อแก้ความไม่รู้ของจิต อันนี้แหละคือวัตถุประสงค์ของการเรียนวิปัสสนา
ที่ครูบาอาจารย์ท่านบอกจนปากเปียกปากแฉะว่า วิปัสสนาเป็นการเรียนรู้ความจริง ว่าด้วยตัว"เรา" ก็เพราะเหตุนี้
ถามว่า จะเรียนรู้ความจริงได้จบหลักสูตร ต้องทำไงเหรอคุณแอสตั้น ตอบว่า ก็ต้องเห็นความจริงของกายใจจนแจ่มแจ้งเสียก่อน
พูดถึงตรงนี้ บางคนก้มลงไปดูบอดี้ตัวเอง แล้วบอกว่า อ่ะ ดูกายแล้ว ก็ไม่ใช่นะ จะเห็นความจริงแจ่มแจ้งได้ เราต้องมีเครื่องมือสองตัว ตัวแรกเรียกว่า "สัมมาสติ" และตัวสองคือ "สัมมาสมาธิ" จะมีเครื่องมือสองตัวนี้ได้ ก็ต้องทำเหตุเอา ไม่ใช่สั่งหรือบังคับให้เกิด เพราะความจริงอย่างนึงที่เราจะต้องเรียนให้เห็นคือจิตเป็นอนัตตา แปลว่า มันไม่อยู่ใต้อำนาจของเรา มันทำงานของมันได้เอง
ฉะนั้น เราไม่ได้ฝึกเพื่อบังคับ หรือสั่งให้จิตมีสัมมาสตินะครับ วิปัสสนาไม่มีการสั่งจิตนะ เราอาศัยหลักการทำเหตุ เช่นอยากให้จิตเกิดสัมมาสติ ก็ต้องทำเหตุที่เอื้อให้จิตมีสติ
แล้วจะมีสติต้องทำเหตุยังไง สติ แปลว่า "ความระลึกรู้ ระลึกได้" ในอภิธรรมสอนว่า "การจดจำสภาวะได้ เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ" แปลไทยเป็นไทยว่า จิตจะเกิดสติได้ ต้องจดจำสภาวะได้
จะจำตัวไหนได้ ก็ต้องหมั่นคอยสังเกตสภาวะตัวนั้นไว้บ่อยๆ บางสำนวนเรียกว่าคอยพิจารณา บางสำนวนเรียกว่า ให้คอยรู้กาย คอยรู้ใจ ผมเรียกสั้นๆตามครูบาอาจารย์ว่า ให้คอยรู้สึกตัว นั่นแหละ โดยเหตุนี้ วิธีง่ายๆที่จะไปนิพพานได้ก็คือ ฝึก"รู้สึกตัว" บ่อยๆเข้าไว้ รู้สึกถึงการมีอยู่ของกาย รู้สึกถึงการมีอยู่ของใจบ่อยๆ ให้จิตคุ้นเคยจะรู้สึกตัว
ที่เหลือจิตมันจะค่อยๆมีสติ จนพัฒนาเป็นสัมมาสติ แล้วจะมีสัมมาสมาธิโดยอัตโนมัติ เห็นความจริงของกายใจขึ้นได้เอง เมื่อรู้ความจริงของสิ่งที่เรียกว่าตัวเรามากพอ ก็จะเกิดปัญญา ทีละน้อยๆ วันหนึ่ง ปัญญาที่สะสมก็จะทำลายความไม่รู้และยึดมั่นในตัวตนลงไปได้ หน้าที่เรา มีแค่ รู้สึกตัว และทำเหตุที่เอื้อต่อการรู้สึกตัว เรียกว่า "ภาวนา" อันนี้ตอบข้อสงสัยที่หลายท่านถามบ่อยๆ ว่าภาวนาแปลว่าท่องซ้ำๆหรือเปล่า
จะให้การภาวนาง่ายขึ้น ก็ต้องทำเหตุที่ช่วยทำลายอัตตา ความยึดมั่นในตัวตนลง นั่นคือการทำทาน ถือศีล ซึ่งเจตนาจริงๆคือเพื่อ "ลดอัตตา" ทั้งนั้น อย่างเราให้ทาน ก็เพื่อให้งกน้อยลง เห็นแก่ตัวน้อยลง นี่ก็ลดอัตตา เรารักษาศีล ไม่ตามใจกิเลส คนเรามีกิเลส เพราะเรารักตัวเอง กลัวตัวเองถูกทำร้าย อยากทำร้ายคนอื่นโกงคนอื่น เพื่อให้ตัวเองดี ศีลจึงมีไว้เพื่อช่วยลดอัตตาด้วยเหตุนี้ ส่วนภาวนา ก็คือการเจริญสติ วิปัสสนาอย่างที่อธิบายมา รวมถึงการทำสมถะ ก็ทำเพื่อให้จิตได้พักผ่อน มีเรี่ยวแรงเจริญสติต่อไป ไม่ใช่ทำเพื่อเอาดี เอาวิเศษ เอาสวรรค์วิมานอะไรทั้งนั้น
ฉะนั้น อะไรที่ทำแล้ว ไม่เกี่ยวกับการลดทอนอัตตา แปลว่าเรามาผิดทาง อะไรที่ทำแล้ว อัตตามันกลับใหญ่โตขึ้น แปลว่า เรามาผิดทาง อะไรที่มันไม่ได้เอื้อต่อการเจริญสติ จนเห็นไตรลักษณ์ ความจริงของกายใจ เช่นไปเพ่ง บังคับ กดข่ม ก็แปลว่า เรามาผิดทาง เห็นประโยชน์ของการมีนิพพานเป็นจุดหมายแล้วใช่ไหมครับ เราใช้ประโยชน์แค่เอาไว้เป็นเครื่องบอกทาง ตรวจสอบ แต่ไม่สนใจว่าจะถึงเมื่อไหร่ มีหน้าที่สร้างเหตุอย่างเดียว ย้ำว่า การเดินทางอย่างมีจุดหมาย ไม่ใช่เดินทางด้วยความอยากนำหน้านะ พวกหลังนี่จะหาทาง "ทำ" หาทาง บังคับให้จิตดี จิตเก่ง จิตว่าง ภาวนาไปก็จะถามตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่จะถึงๆๆๆๆๆๆ เมื่อไหร่จะบรรลุ ๆๆๆๆ
ตอบให้ว่า ถ้ายังอยากอยู่แล้วไม่รู้ทัน ก็ไม่บรรลุแน่ๆ เพราะที่อยากบรรลุ เบื้องหลังก็เพราะตัณหา อยากไปนิพพาน เพราะอยากให้ตัวเอง "มีความสุข"
มันยังมีตัวเราอยู่ เห็นไหมครับ 
ถามว่าแล้วมันเกินจริงไหม ที่จะตั้งเป้าหมายไว้อย่างนั้น ตอบว่า ไม่ได้เกินจริงหรอกครับ พวกเราที่มาสนใจเรื่องปฏฺิบัติ ส่วนมากมีของเก่ากันมาทั้งนั้น จะมากจะน้อย ไม่มีใครรู้หรอก
แต่ถ้าตั้งเป้าหมายไว้ ชาตินี้จะไปไม่ถึงก็ไม่เสียหาย อย่างผมเองเคยประเมินตัวเองแล้วมีมานะอัตตาว่า ท่าทางชาตินี้จะยากอยู่ ขอโสดาบันให้ปลอดภัยไว้ก่อน ก็ดีใจแล้ว
แต่ถึงวันนี้ ผมไม่รู้ ไม่สนใจว่าจะได้ไม่ได้ ผมมีหน้าที่ภาวนา ก็ภาวนาไปลูกเดียว
GPS นิพพาน มีไว้ ก็แค่เอาไว้กันหลงทาง สำนวนพระท่านเรียก โยนิโสมนสิการ แต่บอกไม่ได้ว่า เมื่อไหร่จะถึง อีกไกลไหม ฯลฯ
ผมรู้แค่ว่า ถ้ายังเดินถูกทาง สักวันก็ถึงแหละครับ ไม่ชาตินี้ ก็ชาติหน้า ไม่ชาติหน้า ก็อีกกี่ชาติไม่รู้ รู้แต่ว่า ถ้าไม่ทำก็โง่แล้ว
สวัสดีปีใหม่อีกที สุขสันต์วันที่ทุกท่านมีจุดหมายในชีวิตครับ
Create Date : 01 มกราคม 2553 |
Last Update : 14 มกราคม 2553 8:46:49 น. |
|
19 comments
|
Counter : 2101 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 114.128.209.3 วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:16:54:05 น. |
|
|
|
โดย: นายเป้ IP: 124.120.161.110 วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:22:25:14 น. |
|
|
|
โดย: oTm IP: 206.53.152.41 วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:23:02:17 น. |
|
|
|
โดย: preeyada (chaordic ) วันที่: 1 มกราคม 2553 เวลา:23:36:51 น. |
|
|
|
โดย: นก IP: 10.123.101.115, 202.129.10.218 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:9:52:33 น. |
|
|
|
โดย: aritsumemoon IP: 124.122.189.17 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:11:31:22 น. |
|
|
|
โดย: เป่าจิน วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:12:24:12 น. |
|
|
|
โดย: สายเผลอ IP: 58.8.144.47 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:21:58:38 น. |
|
|
|
โดย: คนเก่าๆ IP: 222.123.230.160 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:22:39:10 น. |
|
|
|
โดย: NorthStar IP: 118.172.161.254 วันที่: 2 มกราคม 2553 เวลา:22:48:04 น. |
|
|
|
โดย: oui IP: 124.121.10.16 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:9:29:34 น. |
|
|
|
โดย: do the right thing IP: 113.53.45.210 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:10:18:00 น. |
|
|
|
โดย: วาง ว่าง เว้น IP: 125.25.174.51 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:10:56:20 น. |
|
|
|
โดย: bow IP: 125.25.28.179 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:16:36:42 น. |
|
|
|
โดย: ดีพร้อม IP: 125.25.111.237 วันที่: 3 มกราคม 2553 เวลา:18:49:17 น. |
|
|
|
โดย: huiming IP: 61.90.167.124 วันที่: 4 มกราคม 2553 เวลา:13:12:08 น. |
|
|
|
โดย: am^^ IP: 58.8.130.7 วันที่: 6 มกราคม 2553 เวลา:9:58:29 น. |
|
|
|
โดย: P2wichai วันที่: 14 มกราคม 2553 เวลา:0:07:37 น. |
|
|
|
| |
|
|
และประเดิมกลุ่มย่อยใหม่กันเลยทีเดียว :D
"โยนิโสมนสิการ" เป็น GPS
งั้น.. "สติปัฏฐาน ๔" น่าจะเป็นพาหนะหรือป่าวคะ
แล้วก็เชื้อเพลงอีกนิ..
ฟุ้งซ่านแระ ^^"
สวัสดีปีใหม่อีกรอบค่ะพี่ ^^