|
คำถามจากนักเรียนหลายสำนัก
ถาม: ไปฝึกมาหลายที่แต่ละที่ให้ทิศทางต่างๆกันไป เราจะรู้ได้ยังไงว่าทิศทางไหนที่ถูกที่สุดคะ
ตอบ: การที่แต่ละที่สอนต่างกันเป็นเรื่องธรรมดาครับ ก็เหมือนติวเตอร์สอนวิชาเดียวกัน แต่เทคนิคต่างกันเป็นธรรมดา วิธีทำโจทย์เริ่มต้นอาจต่างกันได้ ไม่สำคัญ ขอให้คำตอบถูกก็พอ
สมัยพุทธกาล อาจารย์ใหญ่คือพระพุทธเจ้า ท่านก็สอนคนมากมาย แต่ละคนแต่ละพวกมีจริตต่างกัน ท่านก็สอนด้วยวิธีต่างกัน
บางคนท่านให้พิจารณากายเป็นอสุภะ ดูความเสื่อมของสังขาร บางคนท่านให้พิจารณาเวทนา ดูความทุกข์ในกายใจ บางคนท่านให้เจริญมรณสติ บางคนท่านให้นั่งภาวนาด้วยการลูบผ้า
แต่ไม่ว่าจะให้กรรมฐานอะไร ล้วนอยู่บนพื้นฐานและจุดหมายเดียวกัน เราถึงควรต้องรู้หลักน่ะครับ ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไร มันไม่มีวิธีที่ถูกที่สุดหรอกครับ มีแต่ที่เหมาะสุดสำหรับจริตเรา จริตบางคนแต่ละช่วงเวลา บางทียังไม่เหมือนกันเลยก็มี
สำหรับฆราวาส คนทั่วๆไป พระพุทธเจ้า ท่านสอน เรื่อง ทาน ศีล ภาวนา เพื่อนำไปสู่จุดหมายแรกก่อนเลย คือ การรู้ความจริงว่า "ตัวเรา" ไม่มี สามารถทำลายความยึดมั่น ถือมั่น สำคัญผิด ว่ามีตัวมีตนในกายในจิตนี้
ดังนั้น จะทำลายตัวนี้ได้ ก็ต้องเจริญสติด้วยวิธีอะไรสักอย่าง ขอแค่ให้เป็นกรรมฐานที่ยังเกี่ยงข้องกับกายหรือจิต เพื่อจะให้เกิดสติ สมาธิ ความตั้งมั่น เห็นกายใจทำงานแยกส่วนกัน ถ้าเห็นตัวหลังนี่ได้ ก็เรียกว่าจิตเดินปัญญาแล้ว
ไม่ว่าจะเรียนสำนักไหน กรรมฐานอะไร จะตั้งต้นด้วยการดูกาย ดูเวทนา หรือดูจิต ถ้าจะทำลายความยึดมั่นสำคัญผิดได้ ก็ต้องอาศัยปัญญา
อยู่ๆ จิตจะทำลายอวิชชาเองไม่ได้ ต้องอาศัยปัญญามาทำลาย อยู่ๆ จิตจะมีปัญญาขึ้นเองไม่ได้ ต้องมีจิตที่ตั้งมั่น เพราะเมื่อมีจิตที่ตั้งมั่น ถึงจะเห็นไตรลักษณ์ได้ ถึงจะมีปัญญา อยู่ๆ จิตจะตั้งมั่นเองก็ไม่ได้นะ ต้องฝึกให้มีทั้งสติและสมาธิ อยู่ๆ จิตมีสมาธิ มีสติได้เองมั้ย ไม่ได้นะ ก็ต้องเจริญสติก่อน มันมาเป็นลำดับๆอย่างนี้
ฉะนั้น ถ้าสำนักไหนสอนแล้ว นำไปสู่จุดนี้ ใช้ได้หมดครับ แต่ถ้าสอนแล้วเพื่อจะไปสวรรค์ไปเที่ยวโน่นนี่ ก็ไม่ใช่ละ ถ้าเขาไม่ได้สอนแบบนี้ แปลว่า ไม่น่าไว้ใจ เนี่ย ถ้ารู้หลัก มันจะง่ายนะ รู้เลยว่า ใช่ไม่ใช่ ถาม:เค้าสอนค่ะ แต่มีอีกส่วนนึงที่เข้ามาคือการดูเรื่องกรรมของแต่ละคนค่ะ เพื่อที่จะรู้ว่ากรรมไหนเป็นตัวที่ทำให้ติดในการปฏิบัติต่อค่ะ
ตอบ: พี่ไม่พูดว่าใครถูกผิดยังไงนะ แต่โดยความเห็นส่วนตัว ความเข้าใจเรื่องกรรม มันมีประโยชน์แค่สองอย่าง
คือหนึ่ง ให้รู้เรื่องบาปบุญคุณโทษ จะได้ไม่ทำชั่วและกลัวผลของบาป และสอง ให้เชื่อว่าทุกอย่างเป็นเหตุเป็นผล เพราะมีสิ่งนี้ สิ่งนั้นจึงมี ไม่ใช่เกิดมาลอยๆ ไม่ได้สอนเรื่องกรรม เพื่อให้ไปวุ่นวายกับมัน
ฉะนั้น บางทีเราก็ต้องอาศัยโยนิโสมนสิการพิจารณาด้วยความแยบคายอยู่บ้างเหมือนกัน
ครูบาอาจารย์ดีๆเก่งๆ ท่านจะไม่พูดว่า ต้องเชื่อเราเท่านั้น เราถูกที่สุด วิธีของเราดีที่สุด คนอื่นสอนผิด แต่ท่านจะบอกว่า ให้เชื่อพระพุทธเจ้ามากกว่าเชื่ออาจารย์
มีพระสูตรเล่าว่า สมัยพุทธกาล มือระดับพระสารีบุตร ก็ยังเคยให้กรรมฐานลูกศิษย์ไม่ตรงจริตเลยนะ แก้กันอยู่สี่เดือนก็ไม่ได้ แต่ท่านไม่ได้ห่วงศักดิ์ศรี ไม่ได้กลัวเสียฟอร์ม เมื่อดูแล้วว่าสอนไม่ได้ ก็เมตตาพามาให้พระพุทธเจ้าสอนแทน
ถ้าพระสารีบุตร อัครสาวกระดับซุปเปอร์จีเนียส ยังพลาดได้ ก็อย่าคิดว่า กรรมฐานของครูบาอาจารย์เรายุคนี้ จะดีที่สุดคนเดียวนะ
ตอบเท่านี้แล้วกันนะครับ
Create Date : 12 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2554 9:40:05 น. |
|
11 comments
|
Counter : 1510 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ธนัช IP: 124.120.226.214 วันที่: 12 กรกฎาคม 2554 เวลา:20:05:20 น. |
|
|
|
โดย: auyza วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:00:25 น. |
|
|
|
โดย: LoveOnly วันที่: 13 กรกฎาคม 2554 เวลา:2:32:44 น. |
|
|
|
โดย: Ara IP: 58.8.59.12 วันที่: 14 กรกฎาคม 2554 เวลา:10:42:11 น. |
|
|
|
โดย: babooloo วันที่: 2 ตุลาคม 2554 เวลา:22:00:04 น. |
|
|
|
โดย: aomzon (aomzon ) วันที่: 8 ตุลาคม 2554 เวลา:10:06:28 น. |
|
|
|
โดย: bookza วันที่: 11 ตุลาคม 2554 เวลา:10:20:59 น. |
|
|
|
โดย: YoKoSoHoShi วันที่: 14 ตุลาคม 2554 เวลา:1:48:47 น. |
|
|
|
| |
|
|