Group Blog
 
All blogs
 
Charlie St.Cloud เมื่อชีวิตถึงคราวต้องก้าวข้าม



ผมเป็นคนเดินเก่งมาตั้งแต่เล็กครับ
ด้วยเหตุว่าขวบปีแรกๆที่โตมา บ้านผมไม่ได้ฐานะดีขนาดจะมีรถขับ

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะสมัยผมยังเด็ก เชียงใหม่มีรถนับคันได้
บ้านไหนมีรถนี่ ต้องฐานะดีจริงๆ
ผมเลยโตมาด้วยการเดินไปโรงเรียนทุกวัน จนกระทั่งถึงป.หก

พอย้ายมาเรียนมัธยมที่กรุงเทพ ผมก็เคยเดินจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน
กลับบ้านที่อาคารสงเคราะห์ทุ่งมหาเมฆบ่อยๆ เพื่อประหยัดค่ารถเมล์
คิดเป็นระยะทางก็หลายกิโลอยู่ เพราะสมัยนั้นยังไม่ได้ตัดถนนนราธิวาสฯ

ยังนึกเสียดายว่า ถ้ารู้วิธีเดินด้วยสติความรู้สึกตัวได้ตั้งแต่ตอนนั้น
ผมอาจจะบรรลุโสดาบันไปแล้วก็ได้ (ฮา)

การเป็นคนเดินเยอะ ทำให้ผมเห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า
ไม่มีใครเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่ยกเท้าก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่เดิม

คงเหมือนกับชีวิตเรา ที่หากไม่ก้าวข้ามเรื่องในอดีตไปบ้าง
ก็เท่ากับเรากำลังจมปลักอยู่กับที่เดิม ยากจะก้าวไปไหนได้

Charlie St.Cloud เป็นหนังที่กำลังจะเข้าฉายในอเมริกา
ส่วนบ้านเรา ผมยังไม่แน่ใจว่าเขาจะเอาเข้าโรงไหม
แต่ที่แน่ใจได้ คือเป็นหนังที่วัยรุ่นและผู้ใหญ่หลายคนควรดู
อันนี้ไม่ได้เดา แต่ดูมากับตาแล้ว ที่สิงคโปร์

Zac Efron พระเอกจากหนัง 17 Again รับบทชาร์ลี หนุ่มนักกีฬาเรือใบ
ผู้มากพรสวรรค์ในการล่องเรือ ขนาดที่เลือกจิ้มได้ว่าจะรับทุนมหาวิทยาลัยไหน

ชาร์ลีอาศัยอยู่กับแม่ที่แสดงโดย คิม เบซิงเจอร์ ดาราที่เคยติดดันดับเซ็กซี่
และแซม น้องชาย ที่ติดพี่ชายเหมือนตุ๊กแกเกาะตังเม

วันหนึ่ง รถที่ชาร์ลีขับไปเกิดอุบัติเหตุ แซมน้องชายเสียชีวิต
เขารอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ และทำให้เขามีความสามารถพิเศษ
คือมองเห็น พูดคุยติดต่อกับคนตายได้

เขาพบว่าวิญญานของน้องชายยังวนเวียนอยู่ในสุสาน
เขาเลยทิ้งอนาคต ทิ้งทุนการศึกษาของเยล และสแตนฟอร์ด ทิ้งการล่องเรือ
มาทำงานเป็นสัปเหรอ เพื่อจะได้เจอแซม ทุกตอนเย็นช่วงก่อนพระอาทิตย์ตกดิน

ชาร์ลี ทำอย่างนั้นอยู่ห้าปี ไม่มีขาดลามาสาย จนกระทั่งวันหนึ่ง..
เขาต้องตัดสินใจเลือก ระหว่างการก้าวข้ามความผิดพลาดในอดีต
เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อคนที่ยังมีชีวิต

หรือจะสละชีวิตที่เหลือให้คนที่รัก.... แต่ตายไปแล้ว

ในบรรดาพวกเราทุกคน บางคนเคยก้าวข้ามบางอย่างในชีวิตมาแล้ว
บางคนยังติดอยู่กับอะไรบางอย่าง ที่ใครเคยทำกับเรา ที่เราเคยทำกับเขา
บางคนกำลังตัดสินใจว่าจะก้าวข้ามไป หรือจะหยุดไว้ตรงนี้

ผมอยากบอกว่า.. ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จนะครับ
ไม่มีใครคิดแทนใครได้ว่า อะไรดีที่สุดสำหรับเรา
ไม่ได้ต้องการบอกว่า ชีวิตต้องเดินหน้าตลอดเวลา
เพราะบางเวลามันก็ต้องรู้จักหยุดกับที่บ้าง (ใครจะเดินตลอดล่ะ)

แต่ในฐานะลูกของพระพุทธเจ้า ผมอยากเตือนว่า
ชีวิตนี้สั้นนักหนา อย่าหายใจทิ้งๆขว้างไปกับความทุกข์

ไม่ได้บอกให้ปฏิเสธทุกข์นะ พระพุทธเจ้าท่านสอนให้อยู่กับทุกข์
ยอมรับทุกข์ และรู้เท่าทันมันด้วยสติ

พูดง่ายๆว่า หายใจแล้วมีสติเห็นทุกข์ เห็นกายเห็นใจตามความจริง

การก้าวข้าม เรื่องไม่น่าจดจำ ความผิดพลาดในอดีตน่ะ ไม่ยากหรอก
ผมไม่ได้แกล้งพูดให้กำลังใจนะ เพราะแค่จิตตื่น มีสติ ทุกข์ก็หล่นหายแล้ว

แต่จะก้าวข้ามสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
และการโดนความไม่รู้มันหลอกว่า นี่คือตัวเราของเรา นี่สิสำคัญ

เพราะถ้ายังเวียนว่ายตายเกิด มันก็ยังต้องมีเรื่องให้เราก้าวข้ามกันไปไม่รู้จบ
ชาตินี้ว่าข้ามกันเมื่อยแล้วนะ ชาติหน้าอาจจะยิ่งกว่าก็ได้ ใครจะรู้ล่ะ

ดีที่สุด คือเจริญสติภาวนากันให้มันเบ็ดเสร็จเด็ดขาดกันไป
ไหนๆจะเหนื่อยก้าวข้ามแล้ว ข้ามทุกข์ ข้ามสังสารวัฏ ข้ามอวิชชากันเลยไม่ดีเหรอ

สุขสันต์วันที่ยังมีโอกาสก้าวข้ามกันทุกคนก็แล้วกันนะ





Create Date : 17 กรกฎาคม 2553
Last Update : 17 กรกฎาคม 2553 11:51:49 น. 23 comments
Counter : 3129 Pageviews.

 
ถ้าเราคิดจะก้าว แล้วมีมือเล็กๆมาดึงไว้ละคะ ...หนูกำลังหมายถึง "ลูก" ที่เขาก็ปรารถนาจะมีทั้งแม่และพ่อในขณะเดียวกัน

ชีวิตครอบครัวเราจะว่าสุขก็สุข เพราะก็ยังอยู่พร้อมหน้ากัน แต่จะว่าไม่สุขก็ไม่สุข เพราะมันเป็นครอบครัวที่ความสันพันธ์ของคนที่เป็นพ่อแม่ "ไม่เหมือนเดิม" และคงจะไม่กลับมาเหมือนเดิม

ทุกวันนี้หนูคิดว่าทำใจได้มาก...ใช้ชีวิต(เหมือน)เป็นปกติสุข แต่บางครั้งจิตโดนกระทบหนักๆมันก็แกว่งนะคะ : )

รบกวนพี่ช่วยให้ข้อคิดหน่อยนะคะ


โดย: jdnoi IP: 124.122.178.94 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:16:25 น.  

 
...บางครั้งบางเรื่องที่ทุุกข์หนักหนาสาหัส เมื่อเราข้ามผ่านมาได้ ในวันหนึ่งเมื่อมองกลับไปเราจะเห็นว่ามันเรื่องนิดเดียว หรือยิ้มให้กับมันได้ ใช่มั๊ยคะ^^


โดย: Arin IP: 118.173.218.250 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:12:19:49 น.  

 
เมื่อก้าวข้ามไปแล้ว ไม่ได้หมายถึงอุปสรรคหมดไป แต่ต้องมีเรื่องใหม่ให้ก้าวข้ามไปอีก ต้องก้าวข้ามพร้อมกับการมีสติ


โดย: phenprapa IP: 115.87.38.72 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:07:52 น.  

 
"LIFE IS FOR LIVING"
แค่ประโยคนี้ก็กินใจแล้วค่ะ
หนังเรื่องนี้น่าดูจัง

บล็อกนี้ก็น่าอ่านด้วยนะคะ อุปมาอุปมัยชัดเจนแจ่มแจ้ง ^^
"ไม่มีใครเดินไปข้างหน้าได้ โดยไม่ยกเท้าก้าวออกจากจุดที่ยืนอยู่เดิม"

แต่จะก้าวกันแต่ละทีก็ต้องมีแรง
จะให้มีแรงก็ต้องฝึกฝนให้กาย ใจ ปัญญา มีกำลัง
ตอนนี้ขอใช้โอกาสฝึกฝนตัวเองให้มีกำลังพอที่จะก้าวข้ามโอฆะนี้ล่ะค่ะ

ขอบคุณสำหรับอีกบล็อกดีๆนะคะพี่ :)


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.41.124 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:13:50:06 น.  

 
คุณ jdnoi

เรื่องแบบนี้พูดยากนะ ผมไม่ค่อยกล้าชี้นำใครด้วย

การก้าวข้าม อาจจะไม่ได้หมายถึงการแยกทางกับใคร แต่อาจหมายถึงการข้ามความบาดหมางขัดแย้งที่เคยมี หรือกำลังมี เพื่อจะได้เริ่มต้นใหม่

อันนี้ไม่ได้พูดถึงกรณีที่มันปรับกันลำบาก เปลี่ยนกันไม่ได้จริงๆ ซึ่งผมว่าโจทย์ชีวิตแต่ละคน มันไม่เหมือนกันครับ

กรณีเดียวกัน เกิดขึ้นกับคนต่างกัน วิธีการจัดการรับมือก็คงต่างกันไป แต่ที่เหมือนกันก็คือ อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือสติ เป็นพอ



โดย: aston27 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:15:00 น.  

 
อืมมม...ค่ะ อย่าให้อารมณ์อยู่เหนือสติ...

แต่บอกตามตรง...บางครั้งสติมันก็หล่นลงไปอยู่ต่ำกว่าอารมณ์ค่ะ เกิดภาวะจิตตก...เป็นเหตุให้ต้องวกกลับมาคิดเรื่องเดิมว่า..ทำไมชั้นจะต้องอยู่บ้านเดียวกับคนนี้วะ พี่เข้าใจไหมคะ มันวนน่ะค่ะ

ก็โอเค..ถูกอย่างที่พี่ว่าค่ะ ...ชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีใครคิดแทนใครได้ว่า อะไรดีที่สุดสำหรับเรา

ขอบคุณค่ะที่ให้สติ : )


โดย: jdnoi IP: 124.122.179.254 วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:52:35 น.  

 
การที่ต้องอยู่กับอะไรที่ไม่เป็นที่พอใจ สุขใจทุกวัน แน่นอนเราต้องใช้ความพยายามในการอดทนเพิ่มขึ้น เราต้องใช้สติเพิ่มขึ้น พิจารณาเพิ่มขึ้น และยังต้องมองไปถึงการเปลี่ยนแปลงของสสารให้มากขึ้นอีก เพราะสสารเป็นตัวชี้นำสถานการณ์ ชี้นำความรู้สึก สสารอยูในรูปแบบของบุญกรรมที่มากับเรา เมื่อคุณเลือกที่จะจัดการกับสิ่งที่เป็นอยู่ให้เหมาะสมที่สุดซึ่งอาจจะไม่ดีที่สุด สิ่งที่จะช่วยคุณจัดการชีวิตได้ดีที่สุดคือ ความเมตตา พระธรรมข้อนี้เชื่อมโยงทุกสรรพสิ่งเข้าด้วยกันทำให้เกิดความยอมรับและเข้าใจ และเมื่อนั้นคุณจะใช้ความพยายามในการอดทนน้อยลง ความรู้สึกเป็นทุกข์ก็จะน้อยลง เกิดความสุขอันเป็นปกติธรรมดา คุณจะรู้ว่า ธรรมะนำพาชีวิตให้เป็นปรกติสุข


โดย: รศนา IP: 113.53.152.148 วันที่: 18 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:22:25 น.  

 
ชอบค่ะ ทำให้คิดได้อีกแล้ว


โดย: บัว IP: 169.252.4.21 วันที่: 20 กรกฎาคม 2553 เวลา:15:08:40 น.  

 


ตุ๊กแกเกาะตังเม

ชอบบล็อก วันนี้จริง ๆ
สวัสดีวันพุธค่า


โดย: myover วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:10:51:39 น.  

 
พี่ดู INCEPTION รึยังค่ะ สนุกดีค่ะ


โดย: เป่าจิน IP: 61.47.19.72 วันที่: 23 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:54:33 น.  

 
ขอบคุณที่แชร์เรื่องราว LIFE IS FOR LIVING ค่ะ


โดย: L J IP: 114.108.227.10 วันที่: 27 กรกฎาคม 2553 เวลา:7:51:46 น.  

 
เข้ามาพักที่นี่ทีไร ไม่เคยผิดหวังเลยค่ะ

...ขออนุญาตนำบางส่วนของบทความนี้ ไป post ใน fb ได้เปล่าค๊ะ ..

มีหลายช่วงที่เป็นคำตอบให้ตัวเอง .. และอาจเป็นคำตอบให้เพื่อนๆ อีกหลายๆ คนค่ะ

สุขสันต์วันพุธค่ะ ^__^


โดย: myouzhny วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:55:20 น.  

 
อนุญาตครับ ^^

ถ้าให้ดีก็ใส่ลิงค์ให้เขามาอ่านอันเต็มได้นะครับ ^^


โดย: aston27 วันที่: 28 กรกฎาคม 2553 เวลา:22:09:43 น.  

 
ขอบคุณมากค่ะ
^____^


โดย: myouzhny วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:1:35:02 น.  

 
การก้าวผ่านไปในเวลาที่เหมาะสมและ ทันเวลา ดีกับจิตใจทุกๆคน นะคะ


โดย: candy17 IP: 1.46.46.35 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:20:25:28 น.  

 
พึ่งได้แวะเข้ามา..เป็นบ้านที่อบอุ่นจริงๆเลยนะคะ กำลังทุกข์ใจ กำลังไมสบายใจ กับการที่ต้องจะเสียสามีที่รักให้กับเด็กที่คุยกันทางMSN.แค่ไม่กี่วัน..พอได้อ่านก็ได้แรงใจขึ้นมาบ้าง จะพยายามประคับประคองครอบครัวไปให้ได้ดีที่สุด เพื่อลูกๆค่ะ จะก้าวข้ามมันไปให้ได้..


โดย: แอร์ IP: 118.172.123.64 วันที่: 17 สิงหาคม 2553 เวลา:8:09:21 น.  

 
แอบมาติดตามผลงาน แอบเห็นคอมเม้นต์ ข้างบน อยากให้กำลังใจนะคะ เราถือว่าเราโชคดีแล้วค่ะ ที่หลุดพ้นจากคนที่ไม่แน่นอน ต่อไปนี้เราจะมีความสุขกับตัวเราเอง คนรอบๆข้างเราจะเป็นกำลังใจให้เรานะคะ แต่กำลังใจที่สำคัญที่สุดคือตัวเราเอง สู้ๆค่ะ


โดย: อ. อะตอม วันที่: 22 สิงหาคม 2553 เวลา:19:47:08 น.  

 
Life for Living
เห็นด้วยนะ สุดยอดเลยล่ะ
ผมแปลมันว่า..ถ้ายังหายใจได้ ชีวิตก็ยังมีโอกาสงดงามฯ


โดย: Ar@p IP: 58.9.107.35 วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:16:23:22 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ : )


โดย: ananya IP: 124.120.89.164 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:37:01 น.  

 
"แต่จะก้าวข้ามสังสารวัฏ การเวียนว่ายตายเกิด
และการโดนความไม่รู้มันหลอกว่า นี่คือตัวเราของเรา นี่สิสำคัญ"

กลับมาอ่านซ้ำอีกครั้ง ก็ยิ่งรู้สึกโดนกับประโยคนี้

ขอบคุณค่ะ (^/\\^)


โดย: ต้นอ้อ -^_^- IP: 58.8.35.89 วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:0:14:53 น.  

 
อยากอ่านเหมือนกันนะ แต่กลัวร้องไห้อะ


โดย: Cartoon IP: 192.168.110.21, 202.57.189.99 วันที่: 26 มีนาคม 2554 เวลา:15:37:25 น.  

 
โดยส่วนตัวชอบบทพูดตอนท้ายของเรื่อง ชอบที่พระเอกบอกถึงความรู้สึกว่าเสียใจแค่ไหนตั้งแต่วันที่น้องชายจากไปว่า "I hurt as bad as the day you died."
แล้วน้องก็บอกกลับว่า "You hurt because you're alive."

ตรงใจมาก มองอีกด้านหนึ่งมันคงรู้สึกแปลกถ้าเราไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเพราะการมีชีวิตนี่แหละที่ทำให้เราได้เห็นความรู้สึกต่างๆ หากเราเห็นแล้วทำได้อย่างที่พี่บอก มันก็จะเป็นแต้มต่อของการมีชีวิต

ดูเรื่องนี้แล้วคิดถึงเหตุการณ์ที่พ่อเสียไปจากอุบัติเหตุ

อนุโมทนานะคะ


โดย: sunset IP: 182.52.81.32 วันที่: 17 เมษายน 2554 เวลา:18:32:48 น.  

 
@Sunset สาธุครับ :)


โดย: aston27 วันที่: 25 เมษายน 2554 เวลา:9:18:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.