|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เจ็บแขน+วัด+Stagflation
ยังอยู่ในโหมดเบื่อคนทะเลาะกันอยู่ครับ
ช่วงนี้ชีวิตมีแต่ทรงกับทรุดเหมือนตลาดหุ้นบ้านเรา ..... เมื่อวานเพิ่งกลับไปหาหมอกระดูกคนเดิมเพื่อไปฉีดสเตียร์รอยเข็มที่สองที่หลัง ...... เมื่อวานอาการที่แขนกำเริบ มันเจ็บมากครับ เมื่อวานเจ็บคนน้ำตาร่วง ...... ตอนฉีดหมอบอกว่าฉีดยาเข็มนี่น่ะเจ็บนะขอบอก ผมก็คิดในใจว่าเอาเหอะ มันคงไม่แย่เท่าตอนเราปวดหรอกมั๊ง ^ ^" ...... พอฉีดจริง ๆ ก็โครตเจ็บเลยครับ แต่เราเก็กท่าทำนิ่งเหมือนว่าจะหล่อซะเต็มประดา หมอผู้หญิงอีกคนนึงบอกว่า โห นิ่งมากเลยค่ะ เก่งมากค่ะเก่งมาก! (หมอครับ คำชมแบบนี้ถ้าชมผมตอนผมสัก 5 ขวบคงฟังแล้วปลื๊มล่ะครับ )..... ตอนแรกบอกหมอว่าหมอ ขออีกสัก 3 เข็มได้ไหมหมอ จิ้มมันทุกจุดที่ปวดเลย หมอไม่ยอม
วันนี้ก็เป็นไข้หวัดอีก แต่ก็ยังต้องถ่อสังขารมาทำงานเพราะว่าเรายังส่งงานไม่ครบ กะว่าวันนี้จะปั่น ๆ ๆ ๆ ๆ ให้เสร็จแล้วแจ้งลาป่วยมันล่วงหน้า เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ 
จะว่าไปตอนนี้เศรษฐกิจแย่ เพราะเราเอาแต่ทะเลาะกัน ใครเขาจะมาลงทุน เรากันเองยังไม่อยากจะลงทุนเลยเพราะไม่มั่นใจว่ามันจะเจ้งหรือเปล่า
วันนั้นเล่นเน็ตไปเจอกระทู้ที่โพสรูปเงินของซิมบับเว่ที่ห้องเฮฮาหว้ากอนคร โห๊ะ ๆ ๆ ๆ แบงค์ใบนึงเป็นพันล้านดอลล่าห์ ^ ^
ซิมบับเว่กำลังประสบภาวะที่เรียกว่า Hyperinflation ครับ (ภาวะเงินเฟ้อขึ้นรุนแรง) ..... มันเกิดจากการบริหารประเทศที่ผิดพลาดของประธานาธิปดีมูกาเบ้มาตลอด 20 ปี เงินเฟ้อพุ่งจากราว ๆ 5% เมื่อราว 20 ปีที่แล้วเป็น 11 ล้าน% เมื่อเดือนที่แล้วครับ หมายความว่าถ้าคุณมีเงิน 11 ล้านซิมบับเวียนดอลล่าห์เมื่อตอนต้นเดือน ตอนสิ้นเดือนมันจะมีค่าเป็น 0 พอผ่านไปสักพักธนาคารกลางก็จะประกาศตัดศูนย์ตัวท้ายทิ้งไปสัก 3 - 4 ตัวเพราะมันยาวจนพิมพ์ใส่แบงค์ไม่พอ ..... Hyperinflation เคยเกิดหลายครั้งในหลายประเทศ อย่างตอนหลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เยอรมันก็เคยเจอ Hyperinflation ซึ่งหนังสือพิมพ์ที่เคยมีราคา 8 มาร์คกลับเพิ่มขึ้นเป็น 80 ล้านมาร์คในเวลาไม่นาน ช่วงนั้นชาวเยอรมันนิยมใช้เงินแทนฟืนเพราะต้องขนเงินเป็นตะกร้า ๆ ไปซื้อฟืนซึ่งไม่คุ้มค่า และเงินที่ใช้ซื้อฟืนมันมีมากเสียจนเผาเงินแล้วไหม้ไฟนานกว่าฟืน 

วิธีแก้ Hyperinflation ทำได้หลายวิธีครับ .... เงินมันคือกระดาษ แต่ที่มันมีค่าก็เพราะมันมีสินทรัพย์อ้างอิง เช่นทองคำ โลหะมีค่า หรือเงินตราต่างประเทศ .... แต่ในซิมบับเว่นั้นเงินกระดาษมันหมดค่าลงไปเร็วมาก คนซิมบับเว่จึงต้องเก็บออมในรูปของสินทรัพย์ เช่นบ้าน ที่ดิน ไปจนถึงทองคำหรือสินค้าต่าง ๆ .... ความจริงทุกวันนี้คนซิมบับเว่ก็เริ่มแลกเปลี่ยนของกันโดยตรงโดยไม่ใช้เงินกันแล้วล่ะครับ ...... ทางแก้ที่ประเทศที่เคยเจอเขาเคยแก้กันมาก็คือ ยกเลิกระบบการใช้เงินไปเลย แล้วอาจจะใช้เงินต่างชาติเช่น US Dollar แทนชั่วคราว หรืองดเว้นการใช้จ่ายภาครัฐให้มาก หรือจัดตั้งคณะกรรมการกำหนดค่าเงิน หรือ Currency Board (เป็นระบบที่เราเคยใช้ก่อนลอยตัวค่าเงินบาทพร้อมต้มยำกุ้ง) ..... แต่โดยรวมแล้ว ซิมบับเว่จะต้องแย่ไปอีกนาน เพราะเขาก็มีปัญหาการเมืองเหมือน ๆ กับไทยตอนนี้เลยครับ ... เลยไม่มีใครจากทั้งสองฝ่ายจะมาสนใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพราะมัวแต่แย่งอำนาจกัน 
แต่อย่าเพิ่งดีใจไป ตอนนี้ประเทศเราเจอกับภาวะที่เรียกว่า stagflation ครับ ...... คำนี้เกิดจากการนำคำสองคำมารวมกันนั้นคือคำว่า stagnation ที่หมายถึงภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง กับคำว่า Inflation ซึ่งหมายถึงเงินเฟ้อ .... เนื่องจากโดยปกติแล้ว เงินเฟ้อจะพุ่งสูงในตอนที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างรุนแรง (แบบเวียดนามที่เศรษฐกิจโต 9% แต่เงินเฟ้อพุ่งไป 25%) แต่เงินเฟ้อจะต่ำในตอนที่เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำ (เหมือนกับช่วงหลายปีก่อนในญี่ปุ่น) ...... เศรษฐกิจขยายตัวได้ต่ำเพราะเรามัวแต่ทะเลาะกันในขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่เงินเฟ้อก็พุ่งเพราะน้ำมันกับราคาอาหารแพงเอา ๆ .... ประชาชนอย่างเรา ๆ เลยต้องถูกลดเงินเดือนในขณะที่ก๋วยเตี๋ยวหน้าปากซอยดันขึ้นราคา

ลองมองไปรอบตัวสิครับ ข้าวของขึ้นเอา ๆ แต่เศรษฐกิจดันแย่ ..... การที่จะลดเงินเฟ้อก็คือการขึ้นดอกเบี้ย เพราะเมื่อดอกเบี้ยสูง ๆ คนก็อยากฝากเงินไว้ในธนาคาร คนกู้ก็กู้ยากขึ้น เงินจึงออกมาในระบบน้อยลง จึงทำให้เงินมันมีค่ามากขึ้น (เงินเฟ้อยิ่งมาก=ค่าของเงินยิ่งตก แบบในซิมบับเว่) แต่การทำอย่างงี้ก็ทำให้ต้นทุนของคนที่จะกู้เงินมาซื้อของหรือมาลงทุนเพิ่มขึ้น คนเลยไม่ค่อยจะลงทุนหรือบริโภคกัน ....... มันเลยมีสงครามนโยบายระหว่างธนาคารแห่งประเทศไทยกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจขยายตัวให้ได้มาก ๆ จึงอยากให้ดอกเบี้ยต่ำ ๆ แต่ธนาคารแห่งประเทศไทยต้องดูแลเงินเฟ้อไม่ให้เกินกรอบที่กำหนด จึงต้องขึ้นดอกเบี้ย ..... ธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยมาสองครั้ง ทำให้ดอกเบี้ยเิงินฝากและเงินกู้เพิ่มสูงขึ้นนิดหน่อยในปัจจุบัน ลองไปดูในธนาคารที่ทุก ๆ ท่านฝากเงินสิครับ 
ความจริงหลังจากวิกฤติต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจของไทยปรับตัวไปมาก มีการวางกฏเกณฑ์และวินัยทางการเงินที่ดี ทำให้ปัจจุบันพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยนั้นแข็งแกร่ง ธนาคารมั่นคง การส่งออกโตพรวด ๆ ได้ดุลการค้ามาเป็นสิบปีติดต่อกัน เงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูงจนเขากำลังคิดที่จะเอาเงินในตุ่มไปตั้งกองทุนแบบเทมาเส็ก ..... แต่ทุกวันนี้มันโตได้ไม่มากอย่างที่ควรจะเป็น เพราะปัญหาทางการเมืองอย่างเดียว ทำให้คนไม่กล้าลงทุน ประชาชนไม่กล้าใช้จ่าย ถ้าพวกเราไม่ทะเลาะกันเอง เศรษฐกิจไทยจะโตรวด ๆ มากกว่านี้แน่เพราะพื้นฐานเราดีมาก .... เราหยุดนิ่งมาเกือบ 3 ปีแล้ว มาเลเซียกับเวียดนามก็ผ่อนแรงลงมานิดหน่อยแต่ปัญหาเขาไม่หนักเท่าเรา นอกนั้นเขาแข่งกันโตพรวด ๆ ๆ .... แม้แต่ลาวก็ยังเศรษฐกิจโต 9% กว่า

ฉะนั้นเลิกทะเลาะกันได้หรือยังครับ? 
ดังนั้น เพื่อความสงบในจิตใจ เรามาดูรูปวัดกันดีกว่าครับ ........ ภาพเหล่านี้ผมถ่ายมาจากหลาย ๆ ที่หลาย ๆ วัน เอามาให้ดูแก้เหงาครับ
ปล. ...... บทความนี้มั่วได้ใจจริง ๆ เอานั่นเอาโน้นมายำรวมกัน
รูปทั้งหมดนี้ถ่ายมาจากหลาย ๆ ที่น่ะครับ เช่นภาพนี้ถ่ายที่วัดพระธาตุดอยสิเทพ

อย่างภาพนี้ถ่ายที่วัดหลวงพ่อโสธร ฉะเชิงเทรา

โบสถ์หลังนี้ราคาเหยียบพันล้านนะครับ สร้างเป็นสิบปี แต่สวยมากจริง ๆ

ส่วนรูปนี้เสาชิงช้า พอดีเดินผ่านไปแล้วเห็นมุมพอใช้ได้

ภาพนี้ถ่ายที่วัดท่าการ้อง ตอนที่นั่งรถจักรไอน้ำไปเที่ยวอยุธยา เขาเรียกว่าหลวงพ่อยิ้ม เพราะพระพักตร์ของท่านยิ้ม ไม่เหมือนศิลปะอยุธยาอื่น ๆ ที่พระพักตร์จะบึ้ง

วัดนี้จำชื่อไม่ได้แล้วฮะ เป็นวัดเดียวในอยุธยาที่พระพุทธรูปไม่ถูกกองทัพพม่าเผา

ส่วนอันนี้คือวัดพระศรีสรรเพชร วันนั้นใครเผาอะไรก็ไม่รู้ ควันเต็มไปหมด เลยได้แต่รูปอย่างงี้มา

สุดท้าย วัดเบญจมบพิตร หรือ Marble Temple สร้างจากหินอ่อนอิตาลีที่เหลือจากการสร้างพระที่นั่งอนันตสมาคม สามารถหารูปดูได้ที่เหรียญ 5 บาทของท่าน

สำหรับวันนี้ จบเพียงเท่านี้ คุณพระคุ้มครองทุกท่าน สวัสดีครับ
  
Create Date : 09 กันยายน 2551 |
Last Update : 9 กันยายน 2551 17:27:10 น. |
|
16 comments
|
Counter : 3551 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:14:56:45 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:15:04:46 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:15:16:16 น. |
|
|
|
โดย: จูหน่านพ วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:17:14:40 น. |
|
|
|
โดย: จูหน่านพ วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:17:18:19 น. |
|
|
|
โดย: sherlork (prasopchai ) วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:18:01:06 น. |
|
|
|
โดย: MeMoM วันที่: 9 กันยายน 2551 เวลา:21:24:22 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 10 กันยายน 2551 เวลา:16:50:03 น. |
|
|
|
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:9:34:12 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:11:40:54 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:13:10:31 น. |
|
|
|
โดย: MeMoM วันที่: 11 กันยายน 2551 เวลา:23:21:53 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:1:22:31 น. |
|
|
|
โดย: unsa วันที่: 12 กันยายน 2551 เวลา:1:48:10 น. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @

|
|
|
|
| |
|
|
ถ้าหนูย้ายไปอยู่ซิมบับเวได้เป็นเศรษฐีแน่ๆ จะว่าไปปีนี้เป็นปีแรกที่หนูรู้สึกว่าเงินเฟ้อมากมาย บ่าสุดไปซื้อกล้วยหักมุก 2 ลูก 15 โอว ตอนเด็กๆแม่ซื้อให้สามลูก 10 เองอะ