|
สุดหรู " โรงแรมเมืองมังกร " คืนละ 1,000,000 บ.
อดีตจวนผิงซีอ๋อง ในเขตบ่อชังผิงของปักกิ่ง ได้ถูกปรับปรุงให้กลายเป็นโรงแรมที่หรูหราที่สุดในจีน และได้เปิดให้บริการแล้วด้วยราคาที่แพงลิบ ถึงคืนละ 220,000 หยวน / ประมาณ 1,100,000 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ เดือนกันยายน 2550) โดยตั้งเป้าหมายให้เป็นที่พักของบรรดามหาเศรษฐีจากทั่วโลก
จวนอ๋องแห่งนี้มีพื้นที่ประมาณ 5,000 ตารางเมตร สามารถเข้าพักได้ 20 คน ภายในตกแต่งด้วยเครื่องประดับที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ โดยทำการเลียนแบบให้เหมือนจวนอ๋องโบราณ อาทิ เตียงมังกร ที่ใช้มือแกะสลักที่มีมังกรประดับอยู่จำนวน 999 ตัว มูลค่า 1.8 ล้านหยวน เครื่องเล่นแผ่นเสียงอายุร้อยกว่าปี ไข่มุกเขียวสมัยราชวงศ์ชิง
นอกจากนี้ระเบียงด้านนอกยังมี เจ้าหน้าที่ รปภ. ที่แต่งกายเลียนแบบทหารองครักษ์ พนักงานต้อนรับแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่เลียนแบบสมัยราชวงศ์ชิง รูปแบบการให้บริการ จะเลียนแบบมาจากพิธีการในพระราชวังสมัยราชวงศ์ชิง ลูกค้าไม่เพียงแต่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายวัฒนธรรมจีน แต่ยังได้ทดลองรับการปรนนิบัติระดับท่านอ๋องอีกด้วย ขณะนี้จวนผิงซีอ๋อง มีกิจกรรมสืบหาทายาทรุ่นเหลนของท่านอ๋อง เพื่อเชิญให้มาตัดริบบิ้นเปิดกิจการอย่างเป็นทางการ พร้อมกับเชิญให้เข้าพักเป็นแขก VIP รายแรก แต่ตอนนี้ยังหาทายาทคนดังกล่าวไม่เจอ (ข้อมูล ณ ก.ย. 50) ทางโรงแรมจึงอยู่แค่ช่วงทดลองเปิดบริการ โดยส่วนต่างๆ ของจวนได้เปิดให้บริการแล้วทั้งหมด ยกเว้นห้องนอนของท่านอ๋อง
" พนักงานต้อนรับแต่งกายเลียนแบบนางกำนัลในสมัยราชวงศ์ชิง "
" จวนผิงซีอ๋อง ในยามค่ำคืน "
" ความสง่างามในตอนกลางคืน "
*** ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ
- ผู้จัดการออนไลน์ (www.manager.co.th) - ซินหัวเน็ต (XINHUANET)
Create Date : 05 เมษายน 2551 | | |
Last Update : 5 เมษายน 2551 18:57:02 น. |
Counter : 935 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
" อักขระนารี " ภาษาเฉพาะผู้หญิงที่....เจียงหย่ง
เมื่อหลายพันปีที่ผ่านมา ในประเทศจีนปรากฏภาษาๆ หนึ่ง ซึ่งจะสอนกันเฉพาะในหมู่สตรี เพื่อบอกเล่าหรือระบายความรู้สึกนึกคิดต่างๆ ที่ต้องการเก็บงำเป็น 'ความลับ มาในวันนี้ เมื่อบริบทของสังคมเปลี่ยนไป ผู้หญิงสามารถพูดและทำสิ่งต่างๆ ได้ตามใจปรารถนา ภาษานี้จึงค่อยๆเลือนหายไปตามธรรมชาติ ทำให้เห็นว่า "ภาษาเป็นดั่งกระจกบานใหญ่ ที่สะท้อนสภาพสังคมได้เป็นอย่างดี" เฉกเช่นที่เราสามารถเรียนรู้ชีวิตผู้คนในยุคสมัยต่างๆ ผ่านทางภาษาที่อุบัติขึ้นในยุคสมัยนั้นๆ ณ อำเภอเจียงหย่ง เมืองหย่งโจว มณฑลหูหนัน ในภาคกลางของประเทศจีน มีวัฒนธรรมการใช้อักขระจีนของชนชาติส่วนน้อย ที่สื่อสารกันในเฉพาะกลุ่มผู้หญิง และเป็นประเพณีสืบทอดจากยายสู่แม่ และแม่สู่ลูกสาว มาเป็นเวลากว่าพันปีแล้ว
" ตัวอย่างตัวหนังสือจีนในปัจจุบัน (แถว 1 , 3 และ 5 จากซ้าย) เทียบกับ อักขระนารี (แถวที่ 2 ,4 และ 6) ซึ่งแปลได้ว่า คุณต้องส่งฉันกลับบ้าน , คุณต้องมีใจรักและเจตจำนงที่มุ่งมั่น , เกิดเป็นมนุษย์ปุถุชน มีใครบ้างไม่คิดถึงบ้านเกิด ตามลำดับ "
รหัสลับของผู้หญิง อักขระนารี หรือเรียกในภาษาจีนกลางว่า หนี่ว์ซู (女书) มีอีกชื่อว่า หนี่ว์จื้อ (女字) เป็นตัวอักขระจีนที่ใช้กันในกลุ่มชนชาติส่วนน้อย มาแต่โบราณ เช่น ชาวจ้วง, ต้ง และไป่เยี่ยว์ ซึ่งมีถิ่นอาศัยกระจายอยู่ในมณฑลหูหนัน, กว่างซี(กวางสี), กุ้ยโจว บริเวณตอนกลางและใต้ของประเทศ นักวิชาการหลายคนเชื่อว่า ถิ่นกำเนิดตัวอักขระพิเศษนี้อยู่ในอำเภอเจียงหย่ง และคาดว่าอาจมีประวัติศาสตร์ยาวนานถึง 2,000 ปี จากหลักฐานชี้ชัดว่า ถิ่นที่ใช้ภาษานี้มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ นักภาษาศาสตร์จีนจึงเชื่อว่า อักขระดังกล่าวมีวิวัฒนาการมาจากการผสมผสาน อักษรของวัฒนธรรมชนชาติต่างๆ อาทิ ฉู่เหวินจื้อ, ปาเหวินจื้อ และ เยี่ยว์เหวินจื้อ นอกจากนี้ บางท่านยังสันนิษฐานว่า อักขระดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับจารึกโบราณบนกระดองเต่า หรือ เจี๋ยกู่เหวิน' ที่มีอายุกว่า 3,000 ปีด้วย อักขระรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูนที่สง่างาม มีขีด 4 แบบเป็นองค์ประกอบหลัก ได้แก่ จุด เส้นนอน เส้นเอียง และเส้นโค้ง คาดว่า มีทั้งหมดราว 1,000 - 5,000 ตัว โดยสามารถใช้เป็นภาษาพูดที่สื่อความรู้สึกข้างใน และความยากเข็ญของผู้หญิง ตลอดจนถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิต หรือใช้คุยเรื่องสัพเพเหระ หนี่ว์ซู มีรูปแบบภาษาเขียนเป็นหลัก บางส่วนเป็นเพลงกลอนและเพลงพื้นบ้าน เนื่องจากในสมัยโบราณ ผู้หญิงไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าเรียนในโรงเรียนเหมือนผู้ชาย และยังอยู่ภายใต้การปกครองของเพศชาย ในขณะที่เด็กชายในเจียงหย่งได้เรียนภาษาราชการ เด็กสาวก็ใช้ภาษาดังกล่าวเป็นทางออกในการสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันระหว่างกัน โดยมียายและแม่เป็นครู และงานฝีมือของพวกเธอ ก็กลายเป็นตำราเรียนและสมุดการบ้าน
การใช้ภาษาเฉพาะในหมู่หญิงสาวในอำเภอเจียงหย่ง บางครั้งก็นำมาซึ่งความเสี่ยงและอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะในช่วงยุค ปฏิวัติวัฒนธรรม ซึ่งการกระทำดังกล่าวถูกวิพากษ์ว่าเป็น กากเดนของระบบศักดินา ดังที่ หญิงสาวคนหนึ่งในอำเภอนี้ถูกกล่าวหาว่าเป็นจารชน และถูกตำรวจนอกพื้นที่จับตัวไป หลังจากตำรวจตรวจพบชิ้นงานที่มีอักขระพิศวง ที่เขาอ่านไม่เข้าใจในกระเป๋าเดินทางของเธอ นักวิชาการจีนต่างชี้ว่า ความเป็นระบบสัญลักษณ์ที่มีลักษณะเฉพาะของสตรีเพศ และไม่เหมือนที่ใดในโลกของอักขระผู้หญิงนี้ ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสื่อกลางระหว่างเพื่อนหญิงด้วยกัน ในการแสดงถึงความรู้สึกนึกคิดในห้วงลึกของอารมณ์ ซึ่งเพศชายยากที่จะเข้าใจได้ ขณะที่นักจิตวิทยาชาวตะวันตก เสนอว่า รูปแบบการสื่อสารดังกล่าว เป็นการขยายช่องว่างทางภาษาที่เป็นความลับของผู้หญิง ในสังคมชายเป็นใหญ่
แม่เฒ่าคนสุดท้ายของ อักขระนารี
ข่าวการถึงแก่กรรมของคุณยายหยังห้วนอี๋ ในวัย 98 ปี เมื่อปลายเดือนกันยายน พ.ศ.2547 ได้นำความสูญเสียทางวัฒนธรรมมาสู่วงการภาษาศาสตร์ และกระตุ้นให้สื่อมวลชนของจีนตื่นตัว หันมาสนใจภาษาประหลาดนี้กันอย่างครึกโครม เนื่องจากแม่เฒ่าผู้ได้ชื่อว่าเป็นปูชนียบุคคลด้าน อักขระนารี คนสุดท้าย ที่เก็บงำความรู้เรื่องอักษรดังกล่าวไว้มากมายและมีความน่าเชื่อถือที่สุด โดยไม่มีลูกหรือหลานคนใดรับช่วงความเชี่ยวชาญพิเศษนี้จากท่านเลย คุณยายหยัง เกิดที่หมู่บ้านหยังเจีย ในอำเภอเจียงหย่ง เรียนรู้การอ่านและเขียน อักขระนารี ตั้งแต่ยังเล็ก เมื่ออายุ 14 ปี (ก่อนแต่งงาน) เธอเคยเขียนจดหมายโต้ตอบกับเพื่อนสาวรุ่นพี่ชื่อ 'เกาหยินเซียน" สาวจากหมู่บ้านซิ่งฝู ซึ่งเป็นเจ๊ใหญ่ หนึ่งใน สตรีเจ็ดพี่น้องร่วมสาบาน ที่ร่ำเรียนและสืบทอดการใช้ อักขระนารีสื่อความนัย ในหมู่บ้านของเธอ ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้สาบานตนเป็นพี่น้องกัน แต่ในวัยเยาว์ คุณยายหยังก็ได้เรียนภาษาผู้หญิงจากคุณเกาอยู่ถึง 3 ปี จนเกิดเป็นมิตรภาพอันลึกซึ้ง ปลายทศวรรษที่ 90 แห่งศตวรรษที่แล้ว หญิงสาวเจ็ดพี่น้องได้เสียชีวิตลง อำเภอเจียงหย่งจึงเหลือแต่ 'หยังห้วนอี๋' ที่สามารถอ่านเขียนและร้องเพลงด้วยภาษาผู้หญิงได้เพียงคนเดียว และเธอก็กลายเป็นบุคคลที่ถ่ายทอดอักขระพิเศษนี้สืบมาทั้งในหมู่บ้าน และละแวกใกล้เคียง
" คุณยายหยัง กำลังอธิบายถึงความหมายใน อักขระนารี "
ปี ค.ศ.1995 แม่เฒ่าหยังได้รับเชิญไปร่วมในงานสัมมนาสตรีสากล ที่จัดขึ้นโดย องค์การสหประชาชาติ หรือ ยูเอ็น ที่มหาวิทยาลัยชิงหัวในกรุงปักกิ่ง โดยคุณยายหยัง ได้นำผลงานวรรณกรรมทั้งบทกวี จดหมาย และบทร้อยแก้วต่างๆ ไปแสดงด้วย
ซึ่งนักภาษาศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว ได้เก็บรวบรวมงานเขียนของแม่เฒ่าไว้เพื่อการศึกษาวิจัย ซึ่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาได้ตีพิมพ์ผลงานดังกล่าวออกสู่สาธารณชน ผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาศาสตร์กล่าวว่า ภาษาผู้หญิงที่แม่เฒ่าหยังใช้ มีมาตรฐานตามประเพณีดั้งเดิม ซึ่งไม่พบว่าได้รับอิทธิพลจากภาษาฮั่น หรือภาษาจีนกลางแต่อย่างใด ทั้งนี้เนื่องจากคุณยายไม่เคยเข้าโรงเรียนนั่นเอง คุณยายหยังห้วนอี๋ เคยให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ว่า ตอนที่ฉันเรียนภาษาผู้หญิง ก็เพื่อใช้เขียนจดหมาย และแลกเปลี่ยนความรู้สึกนึกคิด กับพวกพี่ๆ น้องๆ ผู้หญิง ฉันใช้มันเขียนความคิดที่แท้จริงที่ฝังลึกอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ แต่สมัยนี้ ไม่มีความจำเป็นต้องเรียนภาษานี้อีกต่อไปแล้ว
" หน้า โรงเรียนอักขระนารี ในอำเภอเจียงหย่ง ซึ่งเคยเปิดสอนลูกหลานชนส่วนน้อยในท้องถิ่น แต่ต่อมาต้องปิดตัวลง เพราะประสบปัญหาทางการเงิน "
งานอนุรักษ์ภาษาถิ่น ความหวังริบหรี่ นอกจากการถึงแก่กรรมของคุณยายหยัง จะดับอนาคตการศึกษาเรื่องภาษาผู้หญิงแล้ว ปัจจุบัน ต้นฉบับวรรณกรรมอักขระนารี ก็ยังเป็นงานเขียนที่หายากมากด้วย เนื่องจากในประเพณีของชนส่วนน้อยเชื่อว่า หากผู้หญิงเสียชีวิตลงจะนำงานฝีมือ ซึ่งส่วนใหญ่มีอักขระนารีประดับอยู่ เผาหรือฝังไปพร้อมกับศพด้วย ทั้งนี้ งานศึกษาวิจัยที่ทำอยู่ อาศัยการสัมภาษณ์เจ้าของงานศิลปะเหล่านี้เป็นสำคัญ ตามที่เจ้าหน้าที่หอจดหมายเหตุ แห่งมณฑลหูหนัน ระบุว่า มีต้นฉบับงานเขียนอักขระเช่นนี้อย่างน้อย 100 ชิ้นเก็บรักษาอยู่ในต่างประเทศ และกำลังเป็นที่สนใจไปทั่วโลก ซึ่งทางการจีนกำลังเอาจริงเอาจังกับการอนุรักษ์ ภาษาถิ่นที่กำลังจะสาบสูญนี้ โดยมีการเก็บรวบรวมผ้าเช็ดหน้า พัด ภาพเขียน ลายสือศิลป์ ผ้าพันคอ กระเป๋าถือ และผ้ากันเปื้อน ที่มีการจารึกหรือปักลวดลายด้วยอักขระพิศวงนี้ ซึ่งปัจจุบันนี้ หอจดหมายเหตุของมณฑลหูหนัน สามารถรวบรวมงานมีค่าได้ถึง 303 ชิ้น จากอำเภอเจียงหย่ง ซึ่งบางชิ้นมีอายุเก่าแก่นับย้อนไปถึงต้นทศวรรษ 1900 สมัยราชวงศ์ชิง และมีที่ผลิตในช่วงยุค 1960 1970 รวมถึงผลงานของ ' โจวซั่วอี้ ' ข้าราชการปลดเกษียณวัย 79 ปี ชายคนแรกที่ใช้เวลากว่าครึ่งศตวรรษศึกษา อักขระนารี และกำลังเรียบเรียงพจนานุกรมศัพท์ภาษาผู้หญิง ประกอบคำอธิบายด้านไวยากรณ์ด้วย.
***ขอขอบคุณ (Thank You) ที่มาของข้อมูล, บทความและภาพประกอบ - ผู้จัดการออนไลน์ 19 พฤศจิกายน 2547 //www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9470000082274 - หย่งโจวซิตี้ ดอท คอม / ซินหัวเน็ต / พีเพิลเน็ต / เชียนหลงเน็ต
Create Date : 15 กันยายน 2550 | | |
Last Update : 15 กันยายน 2550 16:24:22 น. |
Counter : 902 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|