22.10 พระสูตรหลักถัดไป คือสันทกสูตร [พระสูตรที่ 26]
การสนทนาธรรมนี้ต่อเนื่องมาจาก
22.9 พระสูตรหลักถัดไป คือสันทกสูตร [พระสูตรที่ 26]

ความคิดเห็นที่ 3-98
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 00:17 น.

              ๑. อันตรากถานี้เกิดขึ้นแล้วแก่เทวดาชั้นดาวดึงส์
อธิบายว่า
              อันตรา = ระหว่าง, กถา = ถ้อยคำ
              น่าจะแปลว่า ถ้อยคำที่สนทนาระหว่างกัน

              ๒. เทวดาชั้นดาวดึงส์ปรารถนาจะพบเห็นพระองค์ ขอเชิญพระองค์จง
อภิรมย์อยู่ในเทวดาทั้งหลายด้วยเทวานุภาพเถิด.
อธิบายว่า
              เทวดาชั้นดาวดึงส์ปรารถนาจะพบเห็นพระองค์อยู่ที่นี่ (เทวโลก)
(อยู่ที่เทวโลก พบเห็นสนทนาได้ง่ายและบ่อย)
ขอเชิญพระองค์จงอภิรมย์อยู่ร่วมกับเทวดาทั้งหลายด้วยเทวานุภาพเถิด.
หรือขอเชิญพระองค์จงอยู่ที่นี่ร่วมกันเทวดาทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของเทวดา
(ของท้าวสักกะ)
              ๓. ในข้อนั้น ภิกษุผู้มีศีลเมื่อไม่กระทำความเพียรด้วยคิดว่า
เราไม่อาจได้พระอรหัต ชื่อว่าย่อมตัด. กัลยาณวัตรย่อมชื่อว่าอันผู้ทุศีลตัดแล้ว.
พระเสกขบุคคลทั้ง ๗ ย่อมให้เป็นไป. ย่อมชื่อว่าอันพระขีณาสพให้เป็นไปแล้ว.
              ขอบพระคุณค่ะ
11:24 PM 9/19/2013
อธิบายว่า
              กัลยาณวัตรนี้หมายถึงพรหมจรรย์ในพระศาสนานี้
              ภิกษุผู้มีศีลเมื่อไม่กระทำความเพียรด้วยคิดว่า เราไม่อาจได้พระอรหัต
ชื่อว่าย่อมตัด. เพราะตัดโอกาสที่ตนเองจะบรรลุได้ เพราะตนเองมีศีล แต่เมื่อย่อหย่อน
ในธรรมเครื่องขัดเกลายิ่งๆ ขึ้นไป จะหมดโอกาสที่จะบรรลุได้ คือตัดโอกาสนั่นเอง
หากภายหลังได้ความสังเวชใจ แล้วกระทำความเพียร ก็อาจสามารถบรรลุได้.
              กัลยาณวัตรย่อมชื่อว่าอันผู้ทุศีลตัดแล้ว. ผู้ทุศีลเป็นอันตัดกัลยาณวัตรแล้ว
ไม่มีโอกาสจะบรรลุมรรคผลแล้ว.
              พระเสกขบุคคลทั้ง ๗ ย่อมให้เป็นไป. คือพระเสขบุคคลบำเพ็ญสมณธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมอยู่ เพื่อบรรลุคุณวิเศษเบื้องสูงต่อๆ ไปได้
กัลยาณวัตรย่อมเป็นไปอยู่ เพราะการปฏิบัติของพระเสกขบุคคล.
              ย่อมชื่อว่าอันพระขีณาสพให้เป็นไปแล้ว. กล่าวให้เป็นประโยคสมบูรณ์ก็คือ
กัลยาณวัตร ย่อมชื่อว่าอันพระขีณาสพให้เป็นไปแล้ว คือบำเพ็ญกัลยาณวัตรสมบูรณ์
ครบถ้วนแล้ว ไม่มีกิจอะไรๆ เพื่อให้บรรลุอรหัตอีก.

ความคิดเห็นที่ 3-99
GravityOfLove, 20 กันยายน เวลา 00:35 น.

ท้าวสักกะทรงริษยาพระเจ้านิมิราช แล้วเชื่อมโยงกับประโยคนี้อย่างไรคะ
"ขอเชิญพระองค์จงอยู่ที่นี่ร่วมกันเทวดาทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของเทวดา
(ของท้าวสักกะ)"


ความคิดเห็นที่ 3-100
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 00:46 น.

GravityOfLove, 4 นาทีที่แล้ว
ท้าวสักกะทรงริษยาพระเจ้านิมิราช แล้วเชื่อมโยงกับประโยคนี้อย่างไรคะ
"ขอเชิญพระองค์จงอยู่ที่นี่ร่วมกันเทวดาทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของเทวดา
(ของท้าวสักกะ)"
12:35 AM 9/20/2013

              เน้นคำว่า ด้วยอานุภาพของเทวดา ก็คือ
              เป็นอยู่อย่างมีความสุข ด้วยการอาศัยผู้อื่น.
              เมื่อกล่าวอย่างนี้ ก็เป็นการบอกให้รู้ว่า ต้องอาศัยผู้อื่น
              บุคคลผู้มีปกติสันโดษ และไม่อาศัยผู้อื่นหากไม่จำเป็นจริงๆ
ก็จะปฏิเสธการเชื้อเชิญด้วยอาการอย่างนั้น.

ความคิดเห็นที่ 3-101
GravityOfLove, 20 กันยายน เวลา 00:51 น.

เข้าใจแล้วค่ะ ขอบพระคุณค่ะ

ความคิดเห็นที่ 3-102
GravityOfLove, 20 กันยายน เวลา 00:58 น.

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕
             มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ราชวรรค
             ๓๓. มฆเทวสูตร เรื่องพระเจ้ามฆเทวะ
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473&bgc=aliceblue&pagebreak=0

             สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ที่อัมพวัน ของพระเจ้ามฆเทวะ
ใกล้เมืองมิถิลา
             ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแย้มพระสรวลให้ปรากฏ ณ สถานที่แห่งหนึ่ง
             ท่านพระอานนท์คิดว่า อะไรหนอเป็นเหตุ อะไรเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระภาค
ทรงแย้มพระสรวล พระตถาคตทั้งหลายไม่ทรงแย้มพระสรวลโดยหาเหตุมิได้
             จึงทูลถามว่า เพราะอะไรจึงทรงแย้มพระสรวล
             พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
             เรื่องเคยมีมาแล้ว ในเมืองมิถิลานี้ ได้มีพระราชาพระนามว่ามฆเทวะ
             ทรงประกอบในธรรม เป็นพระธรรมราชา เป็นพระมหาราชาผู้ทรงตั้งอยู่ในธรรม
(กุศลกรรมบถ ๑๐) ทรงประพฤติราชธรรมในพราหมณ์คหบดี ในชาวนิคมและชาวชนบท
             ทรงรักษาอุโบสถทุกวันที่ ๑๔, ๑๕ และ ๘ ค่ำแห่งปักษ์
//84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=กุศลกรรมบถ_10

             เมื่อล่วงกาลมานาน พระเจ้ามฆเทวะ รับสั่งกับช่างกัลบก (ช่างตัดผม) ว่า
             ถ้าท่านเห็นผมหงอกเกิดบนศีรษะของเราเมื่อใด พึงบอกเราเมื่อนั้น
             เมื่อล่วงกาลมานาน ช่างกัลบกได้เห็นพระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรของ
พระเจ้ามฆเทวะ จึงกราบทูลว่า
             เทวทูตปรากฏแก่พระองค์แล้ว พระเกศาหงอกเกิดบนพระเศียรแล้วเห็น
ปรากฏอยู่ (เทวทูต ในที่นี้หมายถึงทูตแห่งความตาย)
             พระเจ้ามฆเทวะตรัสให้ใช้แหนบถอนออก แล้วให้วางบนพระหัตถ์
             ต่อจากนั้น ทรงพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก แล้วโปรดให้
พระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่มาเฝ้า แล้วรับสั่งว่า
             เทวทูตปรากฏแก่เราแล้ว ผมหงอกเกิดที่ศีรษะแล้วปรากฏอยู่
             ก็กามทั้งหลายที่เป็นของมนุษย์ เราได้บริโภคแล้ว
             เวลานี้เป็นสมัยที่จะแสวงหากามทั้งหลายที่เป็นทิพย์
             เจ้าจงครองราชสมบัตินี้ ส่วนเราจักปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะ
ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
             แล้วตรัสสอนพระราชกุมารองค์ใหญ่ให้ประพฤติวัตรนี้เหมือนพระองค์
อย่าได้เป็นบุรุษคนสุดท้ายของพระองค์เลย
             ครั้งนั้น พระเจ้ามฆเทวะครั้นพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก
และทรงพร่ำสอนพระราชกุมารผู้เป็นพระราชบุตรองค์ใหญ่ในการที่จะเป็น
พระราชาให้ดีแล้ว
             ก็ทรงปลงพระเกศา (ผม) และพระมัสสุ (หนวด) ทรงนุ่งห่มผ้ากาสายะ
เสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ที่มฆเทวัมพวันนี้
             ท้าวเธอทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา ทรงแผ่ไปทุกทิศ
             ทรงมีพระหฤทัยประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา อันไพบูลย์
เป็นมหัคคตะ หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน แผ่ไปทั่วโลก
โดยมุ่งประโยชน์แก่สัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน
             พระเจ้ามฆเทวะทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี
             ทรงดำรงความเป็นอุปราช ๘๔,๐๐๐ ปี
             เสวยราชสมบัติ ๘๔,๐๐๐ ปี
             แล้วเสด็จออกจากพระราชนิเวศน์ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
ประพฤติพรหมจรรย์อยู่ที่มฆเทวัมพวันนี้ ๘๔,๐๐๐ ปี
             พระองค์ทรงเจริญพรหมวิหาร ๔ เมื่อสวรรคตได้เสด็จเข้าถึงพรหมโลก
//84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=เทวทูต
//84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=พรหมวิหาร_4

             พระราชบุตรของพระเจ้ามฆเทวะ ก็ได้ทรงปฏิบัติเช่นเดียวกับ
พระเจ้ามฆเทวะ
             พระราชบุตรพระราชนัดดา (หลาน) ของพระเจ้ามฆเทวะก็สืบวงศ์นั้นมาอีก
๘๔,๐๐๐ ชั่วกษัตริย์ โดยมีพระเจ้านิมิราชเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชบรรพชิต
เหล่านั้น
             เทวดาชั้นดาวดึงส์ผู้นั่งประชุมกัน ณ สภาชื่อสุธรรมา สนทนากันว่า
             เป็นลาภของชนชาววิเทหะหนอ ชนชาววิเทหะได้ดีแล้วหนอ
ที่พระเจ้านิมิราชของเขาเป็นพระราชาประกอบในธรรม ฯลฯ
             ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพตรัสเรียกเทวดาชั้นดาวดึงส์มาว่า
             ท่านทั้งหลายปรารถนาจะเห็นพระเจ้านิมิราชหรือไม่?
             เทวดาชั้นดาวดึงส์ทูลว่า ข้าพระองค์ทั้งหลายปรารถนาจะเห็น
             สมัยนั้น ในวันอุโบสถที่ ๑๕ พระเจ้านิมิราชทรงสนานพระกาย
ทั่วพระเศียรแล้ว ทรงรักษาอุโบสถ เสด็จขึ้นปราสาทประทับนั่งอยู่ชั้นบน
             ครั้งนั้น ท้าวสักกะเสด็จไปปรากฏเฉพาะพระพักตร์พระเจ้านิมิราช
แล้วได้ตรัสเล่าเรื่องที่เทวดาชั้นดาวดึงส์ประชุมกันสรรเสริญพระองค์
และปรารถนาจะเห็นพระองค์
             แล้วท้าวสักกะก็ทูลเชิญพระเจ้านิมิราชเสด็จชั้นดาวดึงส์
             พระเจ้านิมิราชทรงรับด้วยอาการนิ่งอยู่.
             ท้าวสักกะทรงทราบว่า พระเจ้านิมิราชทรงรับเชิญแล้ว ทรงหายไป
ในที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้านิมิราช มาปรากฏในเทวดาชั้นดาวดึงส์
ตรัสเรียกมาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ มาเพื่อให้ไปรับพระเจ้านิมิราช.
             มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ของท้าวสักกะ มารับพระเจ้านิมิราช แล้วทูลถามว่า
             ทางสำหรับสัตว์ผู้มีกรรมชั่ว เสวยผลของกรรมชั่วทางหนึ่ง (นรก)
             ทางสำหรับสัตว์ผู้มีกรรมดี เสวยผลของกรรมดีทางหนึ่ง (สวรรค์)
             พระองค์จะเสด็จโดยทางไหน?
             พระเจ้านิมิราชตรัสว่า จงนำเราไปโดยทางทั้งสองนั่นแหละ
(ทรงให้ไปนรกก่อน)
             มาตลีเทพบุตรนำเสด็จพระเจ้านิมิราชถึงสุธรรมาสภา ท้าวสักกะตรัสว่า
             เทวดาชั้นดาวดึงส์ปรารถนาจะพบเห็นพระองค์ ขอเชิญพระองค์จง
อภิรมย์อยู่ในเทวดาทั้งหลายด้วยเทวานุภาพเถิด
             (ขอเชิญพระองค์จงอยู่ที่นี่ร่วมกันเทวดาทั้งหลาย ด้วยอานุภาพของเรา
ท้าวสักกะเถิด)
             พระเจ้านิมิราชตรัสว่า
             อย่าเลย ขอจงนำหม่อมฉันกลับไปยังเมืองมิถิลาในมนุษย์โลกนั้นเถิด
หม่อมฉันจะได้ประพฤติธรรมอย่างนั้นในพราหมณ์คหบดี ชาวนิคมและชาวชนบท
และจะได้รักษาอุโบสถทุกวันที่ ๑๔, ๑๕ และที่ ๘ แห่งปักข์
             ท้าวสักกะจึงตรัสให้มาตลีเทพบุตรนำพระเจ้านิมิราชกลับไปโลกมนุษย์
             เมื่อล่วงกาลมานาน  เมื่อเทวทูตปรากฏแก่พระเจ้านิมิราช
             พระเจ้านิมิราชพระราชทานบ้านส่วยแก่ช่างกัลบก ทรงพร่ำสอนพระราชบุตร
องค์ใหญ่พระนามว่ากฬารชนก ในการที่จะเป็นพระราชาให้ดี แล้วพระเจ้านิมิราชก็
ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
             แต่พระเจ้ากฬารชนกนั้นมิได้ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
             ท้าวเธอทรงตัดกัลยาณวัตร (วัตรอันดีงาม) นั้นเสีย
             ทรงเป็นบุรุษคนสุดท้ายแห่งราชบรรพชิตนั้น
             พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
             สมัยนั้น เราเป็นพระเจ้ามฆเทวะ เราตั้งกัลยาณวัตรนั้นไว้ให้ประชุมชน
ผู้เกิด ณ ภายหลังประพฤติตาม
             แต่กัลยาณวัตรนั้นไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย เพื่อคลายกำหนัด
เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้ เพื่อนิพพาน
             เป็นไปเพียงเพื่ออุบัติในพรหมโลกเท่านั้น
             ส่วนกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย
เพื่อคลายกำหนัด เพื่อดับสนิท เพื่อสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อตรัสรู้
เพื่อนิพพานโดยส่วนเดียว
             กัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้ในบัดนี้คือ มรรคมีองค์ ๘ เป็นอริยะ คือ
             สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ
สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ
//84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=มรรคมีองค์_8

             เธอทั้งหลายจะพึงประพฤติตามกัลยาณวัตรที่เราตั้งไว้แล้วนี้
             เธอทั้งหลายอย่าเป็นบุรุษคนสุดท้ายของเราเลย
             เมื่อยุคบุรุษใดเป็นไปอยู่ แต่ปล่อยกัลยาณวัตรเห็นปานนี้ขาดสูญไป
ยุคบุรุษนั้นชื่อว่า เป็นบุรุษคนสุดท้ายของบุรุษเหล่านั้น
             พระผู้มีพระภาคได้ตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว
             ท่านพระอานนท์ยินดีชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค

[แก้ไขตาม #3-103]

ความคิดเห็นที่ 3-103
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 16:07 น.

GravityOfLove, 14 ชั่วโมงที่แล้ว
             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่ม ๕
             มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ราชวรรค
             ๓๓. มฆเทวสูตร เรื่องพระเจ้ามฆเทวะ
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473&bgc=aliceblue&pagebreak=0

             ย่อความได้ดี มีข้อติงเล็กน้อย ดังนี้ :-
             แล้วท้าวสักกะก็ทูลเชิญพระเจ้านิมิราชเสด็จชั้นดาวดึงส์
             มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ของท้าวสักกะ มารับพระเจ้านิมิราช แล้วทูลถามว่า

             ควรแสดงความให้ชัดเจนว่า ท้าวสักกะเสด็จมาทูลเชิญเสด็จครั้งหนึ่ง
มาตลีเทพบุตรมาเพื่อรับเสด็จอีกครั้งหนึ่ง ดังนี้ :-
             แล้วท้าวสักกะก็ทูลเชิญพระเจ้านิมิราชเสด็จชั้นดาวดึงส์
             พระเจ้านิมิราชทรงรับด้วยอาการนิ่งอยู่.
             ท้าวสักกะทรงทราบว่า พระเจ้านิมิราชทรงรับเชิญแล้ว ทรงหายไป
ในที่เฉพาะพระพักตร์พระเจ้านิมิราช มาปรากฏในเทวดาชั้นดาวดึงส์
ตรัสเรียกมาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ มาเพื่อให้ไปรับพระเจ้านิมิราช.
             มาตลีเทพบุตรผู้รับใช้ของท้าวสักกะ มารับพระเจ้านิมิราช แล้วทูลถามว่า

ความคิดเห็นที่ 3-104, 3-105
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 16:21 น.

             คำถามในมฆเทวสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473

             1. เมื่อศึกษาพระสูตรนี้ได้อะไรบ้าง?
             2. ได้ศึกษาเนมิราชชาดกที่อรรถกถาอ้างอิงไปด้วยหรือไม่? อย่างไร?

             เนมิราชชาดก
//84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=28&A=3442&Z=3860

ความคิดเห็นที่ 3-106
GravityOfLove, 20 กันยายน เวลา 19:29 น.

             ตอบคำถามในมฆเทวสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473

             1. เมื่อศึกษาพระสูตรนี้ได้อะไรบ้าง?
             ๑. พระผู้มีพระภาคเมื่อครั้งเป็นพระโพธิสัตว์ ได้เป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้ามฆเทวะ
แห่งเมืองมิถิลา (เป็นบุคคลแรกที่ตั้งกัลยาวัตรดังกล่าว)
             และต่อมาได้เป็นกษัตริย์ชื่อพระเจ้านิมิราช
(เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายที่ทรงปฏิบัติตามกัลยาวัตรนั้น)
             ๒. พระเจ้ามฆเทวะ ตั้งกัลยาณวัตรไว้ว่าเมื่อเห็นผมหงอกบนศีรษะแล้ว
ให้มอบราชสมบัติแก่พระราชโอรสองค์ใหญ่ ให้บ้านส่วยแก่ช่างกลบก แล้ว
ทรงออกผนวชเป็นบรรพชิต เจริญพรหมวิหาร ๔ เมื่อสวรรคตได้เข้าถึงพรหมโลก
             ๓. วงศ์ของพระเจ้ามฆเทวะ ได้สืบวงศ์ต่อกันมา ๘๔,๐๐๐ ชั่วกษัตริย์
(หย่อน ๒ องค์) มีพระเจ้านิมิราช เป็นพระราชาองค์สุดท้ายที่ออกผนวชเป็นบรรพชิต
ทุกพระองค์ทรงเล่นเป็นกุมาร ๘๔,๐๐๐ ปี เสวยสมบัติ ๘๔,๐๐๐ ปี เป็นบรรพชิต
๘๔,๐๐๐ ปี
             ๔. พระเจ้านิมิราช มีพระราชบุตรนามว่า กฬารชนกะ ผู้ตัดวัตรอันงาม
ที่พระเจ้ามฆเทวราชทรงตั้งไว้
             ๕. พระโพธิสัตว์ทุกๆ พระองค์ทรงเห็นคนแก่ คนเจ็บ คนตายและ
บรรพชิตก่อน ทรงสังเวช แล้วออกบวช
             ๖. กัลยาณวัตรที่พระโพธิสัตว์บัญญัติไว้นั้น เป็นไปเพื่อเข้าถึงพรหมโลก
             กัลยาณวัตรที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติในบัดนี้นั้น เพื่อบรรลุนิพพาน
คือมรรคมีองค์ ๘
             ๗. พระเจ้านิมิราช ทรงมีคุณ ๒ ประการ ที่ยิ่งกว่าพระราชาทุกพระองค์ คือ
ทรงสละทรัพย์ในประตูทั้ง ๔ ประตูละหนึ่งแสนทุกวัน และทรงห้ามผู้มิได้รักษา
อุโบสถเข้าเฝ้า
             ๘. พระโพธิสัตว์เสด็จไปยังเทวโลกด้วยอัตตภาพมนุษย์ ๔ ครั้ง คือ
             เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเจ้ามันธาตุราชครั้งหนึ่ง
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=373&p=1
             เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเจ้าสาธินครั้งหนึ่ง
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=1994&p=1
             เมื่อเสวยพระชาติเป็นคุตติลวีณวาทกพราหมณ์ครั้งหนึ่ง
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=336
             เมื่อเสวยพระชาติเป็นพระเจ้านิมิครั้งหนึ่ง
//84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=28&i=525

             ๙. ภิกษุผู้มีศีล เมื่อไม่กระทําความเพียรด้วยคิดว่า เราไม่อาจได้พระอรหัต
ชื่อว่าย่อมตัดกัลยาวัตรที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้
             ๑๐. ปักษ์ ในที่นี้หมายถึงปาฏิหาริกปักษ์ คือ
             วัน ๗ ค่ำ และวัน ๙ ค่ำ ด้วยการรับและส่งอุโบสถศีลวัน ๘ ค่ำ,
             วัน ๑๓ ค่ำ และวัน ๑ ค่ำ ด้วยการรับและส่งอุโบสถศีลวัน ๑๔ ค่ำ ในวันเดือนขาด,
วัน ๑๔ ค่ำและวัน ๑ ค่ำด้วยการรับและส่งอุโบสถศีลวัน ๑๕ ค่ำ ในวันเดือนเต็ม
------------------------
             2. ได้ศึกษาเนมิราชชาดกที่อรรถกถาอ้างอิงไปด้วยหรือไม่? อย่างไร?
             ไม่ได้ศึกษาอย่างละเอียดค่ะ ดูผ่านๆ เห็นว่าช่วงแรกเหมือนกับในอรรถกถา
             ส่วนหน้าถัดๆ ไปเป็นการดูนรก สวรรค์ ก็ดูผ่านๆ
             หน้าสุดท้ายอ่านตรงทรงประชุมชาดกค่ะ

ความคิดเห็นที่ 3-107
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 23:19 น.

GravityOfLove, 3 ชั่วโมงที่แล้ว
             ตอบคำถามในมฆเทวสูตร
//84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=7249&Z=7473
...
7:28 PM 9/20/2013

             ตอบคำถามได้ดีครับ
             กัลยาวัตร แก้ไขเป็น กัลยาณวัตร.

ความคิดเห็นที่ 3-108
ฐานาฐานะ, 20 กันยายน เวลา 23:23 น.

             คำถามเบาๆ ว่า
             คำนวณคร่าวๆ ว่า กัลยาณวัตรที่พระราชาพระนามว่ามฆเทวะ
ทรงตั้งไว้นี้ ดำรงอยู่นานกี่ปีมนุษย์.

ความคิดเห็นที่ 3-109
GravityOfLove, 21 กันยายน เวลา 09:12 น.

             ทรงเล่นเป็นพระกุมารอยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี
             ทรงดำรงความเป็นอุปราช ๘๔,๐๐๐ ปี
             เสวยราชสมบัติ ๘๔,๐๐๐ ปี
             ทรงผนวชเป็นบรรพชิต ๘๔,๐๐๐ ปี
วงศ์ของพระเจ้ามฆเทวะ ได้สืบวงศ์ต่อกันมา ๘๔,๐๐๐ ชั่วกษัตริย์  (หย่อน ๒ องค์)
             = (84,000 x 4 ) x (84,000 - 2)
             = 336,000 x 83,998
             ตอบว่า 28,223,328,000 ปี

ความคิดเห็นที่ 3-110
ฐานาฐานะ, 21 กันยายน เวลา 14:45 น.

             คิดคร่าวๆ ไม่น่าจะคูณ 4
             เพราะเหตุว่า พระราชาพระองค์ก่อนบวชแล้ว
พระราชาองค์ถัดมา ก็ขึ้นครองราชเลย ไม่ใช่เพิ่งประสูติ
เช่น
001 84000 1 << ประสูติ-ทรงเล่นเป็นพระกุมาร
002 84000 2 << ทรงดำรงความเป็นอุปราช
003 84000 3 << เสวยราชสมบัติ
004 84000 4 << ทรงผนวชเป็นบรรพชิต
005 84000 5 << ทรงสวรรคตแล้ว
------------------------------------------------------------
001 84000 1
002 84000 2 84000 1
003 84000 3 84000 2 84000 1
004 84000 4 84000 3 84000 2 84000 1
005 84000 5 84000 4 84000 3 84000 2 84000 1
006 84000 5 84000 5 84000 4 84000 3 84000 2
007 84000 5 84000 5 84000 5 84000 4 84000 3
008 84000 5 84000 5 84000 5 84000 5 84000 4
009 84000 5 84000 5 84000 5 84000 5 84000 5
010 84000 5 84000 5 84000 5 84000 5 84000 5

ความคิดเห็นที่ 3-111
GravityOfLove, 21 กันยายน เวลา 15:08 น.

จริงด้วยค่ะ (แต่ว่าดูแผนภาพคุณฐานาฐานะไม่ออก)
คำนวณใหม่ว่า
(84,000 x 4) + [84,000 x (84,000 - 3)] = 7,056,084,000 ปี

ความคิดเห็นที่ 3-112
ฐานาฐานะ, 21 กันยายน เวลา 15:17 น.

             แผนภาพ :-
             แนวตั้งที่ 1 คือ พระราชาองค์ที่ 1
             แนวตั้งที่ 2 คือ พระราชาองค์ที่ 2 ...
             คำนวณคร่าวๆ คือ 84000 คูณ 84000 = 7,056,000,000 ปี

ย้ายไปที่



Create Date : 14 ธันวาคม 2556
Last Update : 22 มิถุนายน 2557 11:40:59 น.
Counter : 506 Pageviews.

0 comments

แก้วมณีโชติรส
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



ธันวาคม 2556

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
15
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog