bloggang.com mainmenu search

วันนี้แวะเที่ยวในกรุงถิ่นที่คุ้นเคยที่สุดก็คือแถวจุฬาครับ เที่ยวบ้านของจิม ทอมป์สัน "ราชาผ้าไหมไทย" ที่เข้ามาทำกิจการผ้าและส่งเสริมผ้าไหมไทยจนมีชื่อเสียงติดตลาดโลก เรียกว่าเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ช่วยทำให้ซอฟท์พาวเวอร์ของไทยโด่งดังไกลถึงต่างแดน การที่ความรุ่งเรืองหลายอย่างเกิดจากต่างชาติก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะครับ ต่างชาติหลายคนมีความสัมพันธ์กับกิจการระดับโลก หรือนำนวัตกรรมจากภายนอกเข้ามาในสยามเพื่อขยายตลาด ก็ทำให้สังคมพัฒนาตามกันไปเป็นลำดับ นี่แหละโลกาภิวัฒน์

คุณจิมได้ติดต่อค้าขายกับชุมชนบ้านครัวที่อยู่ริมคลองแสนแสบ ชุมชนนี้เป็นกองทหารอาสาจามสมัยสงครามเก้าทัพที่เข้ามาอยู่ในกรุงเทพ มีความสามารถในการทอผ้าไหมด้วยสีธรรมชาติ คุณจิมได้ใช้สีเคมีผสมเพื่อให้สีสดมากขึ้นก่อนผลักดันเข้าตลาดสิ่งทอระดับโลก ปัจจุบันชุมชนนี้เปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นกันแล้ว แต่ก็มีบางครัวเรือนยังทำผ้าไหมอยู่นะครับ เพียงแต่ไม่เกี่ยวข้องกับจิม ทอมป์สัน แล้ว

คุณจิมสร้างเรือนไทยไว้ที่ริมคลองแสนแสบตรงข้ามกับชุมชนบ้านครัว ปัจจุบันคือสุดซอยเกษมสันต์ 2 ตรงข้ามสนามกีฬาแห่งชาติ โดยยกเรือนไทยไม้สักมาจากที่อื่น 6 หลังประกอบกัน (ส่วนใหญ่เป็นเรือนเก่าจากอยุธยา) และปรับปรุงให้เหมาะกับการใช้ชีวิตวิถีตะวันตก สร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ.2502 มีข้าวของเครื่องใช้และของสะสมของคุณจิมมากมาย บ้านหลังนี้เคยใช้เป็นที่รับแขกคนดังจากต่างแดนมากมายที่เดินทางมาเยือนคุณจิมด้วย หลังจากคุณจิมหายสาบสูญไปในปี พ.ศ.2510 ก็มีการตั้งมูลนิธิ เจมส์ เอช ดับเบิลยู ทอมป์สัน ขึ้น เพื่อดูแลทรัพย์สินมากมายและสืบทอดกิจการของคุณจิมอย่างถูกต้อง



พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เปิดทุกวัน เวลา 9.00 - 18.00 น. ค่าเข้าชม 200 บาทเท่ากันทั้งคนไทยและคนต่างชาติ เด็กอายุต่ำกว่า 22 ปีคนละ 100.- เด็กต่ำกว่า 10 ขวบ ฟรี ตัวเรือนหลักจะเปิดให้ชมเป็นรอบ มีไกด์บรรยายให้ฟังแบ่งเป็นรอบภาษาไทย และรอบภาษาอังกฤษ ถ้ามาไม่พอดีรอบ จะเดินเล่นในสวน ดูร้านขายของ หรือเดินออกไปชมแกลเลอรี่ด้านหน้าก่อนก็ได้นะครับ แล้วค่อยกลับมา

(ภาพในบล็อกนี้ถ่ายด้วยมือถือทั้งหมด มันจะมีความปลอมจากแอพเยอะหน่อยนะครับ)

ในบ้านสามารถถ่ายรูปได้ แต่ต้องระวังไม่แตะต้องสิ่งของ พิงระเบียง หรือเข้าไปในโซนที่เขาไม่ให้เข้านะครับ ของสะสมในบ้านมีทั้งพระพุทธรูปเก่าแก่ องค์ที่เก่าที่สุดย้อนไปถึงสมัยทวารวดี พระบฏอายุหลายร้อยปี เครื่องปั้นดินเผาโบราณ ฯลฯ นอกจากศิลปะไทยแล้วยังมีของประเทศเพื่อนบ้านอย่างไม้สลักนัตของเมียนม่า หรือเครื่องเบญจรงค์ของจีนด้วย

ภาพนี้คือห้องทานข้าวที่รับแขกบ้านแขกเมือง กรอบหน้าต่างทำเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมูเพื่อความแข็งแรงมั่นคง โต๊ะมีสลักลาย จปร. แสดงว่าเคยเป็นเฟอร์นิเจอร์ในราชสำนักด้วย


ห้องนี้สะสมเครื่องถ้วย และเทวรูปศิลปะขอม


ห้องรับแขกที่อยู่กลางบ้าน เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดที่ต่อเรือนไม้เข้าด้วยกัน มีทั้งเศียรพระ พระแท่น และตู้ลายรดน้ำ โซนด้านในห้ามเดินเข้าไปนะครับ  


ห้องนอน มีหมอนผ้าไหมที่ใช้สีย้อมสดใสเป็นจุดขายของแบรนด์จิมทอมป์สัน หน้าห้องนอนมีห้องน้ำที่ว่ากันว่าเป็นชักโครกแห่งแรกของประเทศไทยด้วย แต่ปิดอยู่นะครับ


ของสะสมภายในตัวบ้าน ไม่รู้ว่ายุคนั้นจับจองโบราณวัตถุกันยังไง บางชิ้นก็รับซื้อของโจร (ที่แน่ๆ คือเศียรพระพุทธรูปที่สกัดออกมาจากเขาถมอรัตน์เมืองศรีเทพ) ถ้าใครเที่ยววังต่างๆ ที่ตอนนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชมแล้วจะเห็นว่าในบ้านของเชื้อพระวงศ์หลายๆ คนก็มีโบราณวัตถุอยู่เยอะเลยครับ ที่นี่ยังดีที่เก็บรักษาดีและให้คนทั่วไปเข้าชมได้ไม่ยาก บางครั้งชิ้นที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มากๆ กรมศิลป์ก็จะซื้อคืนจากเอกชนพวกนี้ด้วยครับ

 

เรือนเล็กด้านล่างก็มีของสะสมให้เข้าชม
ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่บรรยายด้วยครับ เข้าชมได้อิสระเลย

 

สวนที่จำลองป่ามาอยู่ในบ้าน คุณจิมเคยเป็ทหารและถนัดลุยป่า
พอปลดประจำการก็ชอบเดินป่าเป็นงานอดิเรก
และได้เลือกพันธุ์ไม้เมืองร้อนมาประดับสวนได้อย่างสวยงาม

 


ด้านหน้ามีร้านอาหาร Jim Thompson A Thai Restaurant ยังไม่เคยลองเลยครับ เมนูเด่นคือข้าวแช่

 

ออกจากบ้านมาแวะอีกที่นึงครับ Jim Thompson Art Center (JTAC) อยู่ก่อนถึงบ้านจิม ทอมป์สัน 60 เมตร เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปี 64 อยู่ภายใต้การดูแลของมูลนิธิฯ เช่นกัน เป็นที่จัดแสดงผลงานศิลปะ ห้องสมุด ห้องประชุม และอื่นๆ สำหรับเป็นชุมชนให้ผู้สนใจในศิลปะมาพบปะแลกเปลี่ยนกัน


ชั้น G เป็นที่จอดรถครับ ถ้าจะดูแกลเลอรี่อย่างเดียวขึ้นลิฟต์ไปชั้น 3 เลยก็ได้

ชั้น 1 เป็นร้านค้าและคาเฟ่

ชั้น 2 เป็นที่จัดกิจกรรม สวน และห้องสมุด William Warren ตั้งชื่อตามวิลเลียม วอเรน ผู้เขียนหนังสือชีวประวัติจิม ทอมป์สัน


ชั้น 3 เป็นอาร์ตแกลเลอรี่ เปิดเวลา 10.00 - 18.00 น. ค่าเข้า 50 บาท แต่ถ้าซื้อบัตรเข้าชมบ้านมาแล้ว เข้าได้เลยครับ

ตอนนี้จัดแสดงนิทรรศการงานถ่ายภาพของ Germaine Krull หญิงแกร่งผู้เป็นช่างภาพและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง เดินทางไปหลายประเทศ เคยเข้ามาอยู่ในประเทศไทยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (1946-1966) และเก็บภาพประวัติศาสตร์ไว้มากมาย ได้ร่วมกับจิม ทอมป์สัน และนายทุนอีกหลายคน ร่วมซื้อกิจการโรงแรมโอเรียนเทลมาบริหารอยู่พักหนึ่งด้วย
 

อีกห้องหนึ่งสำคัญเลยครับ ช่วงนี้จัดนิทรรศการ News From Yesteryear เป็นชีวประวัติจิม ทอมป์สัน (ควรเป็นนิทรรศการถาวรในตึกนี้ไปเลย) จัดแสดงประวัติ เอกสารต่างๆ รูปถ่าย ภาพยนตร์สารคดี และหนังสือที่ลงเรื่องราวของจิม ทอมป์สันไว้ กลางห้องเป็นผ้าไหมสีเขียวมะนาว สีชมพูช็อกกิ้งพิ้งค์ และสีส้มสด เป็นสามสีที่เลือกจากบรรดาสีที่คุณจิมโปรดปราน มีหนังสือที่คุณสมโพธิเขียนถึงคุณจิมสมัยที่เป็นช่างภาพให้คุณจิมด้วย ต่อมาคุณสมโพธิได้ใช้ฝีมือถ่ายภาพ ถ่ายพระพุทธรูปและใช้เป็นต้นแบบในการสร้างอุลตร้าแมนร่วมกับซึบุราย่าด้วยนะครับ ...นี่แหละ ซอฟท์พาวเวอร์จากไทยทั้งนั้น




งานจัดแสดงตั้งแต่ 24 มิ.ย. - 2 ต.ค. 65 ยังมีเวลาให้ไปชมก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิทรรศการอื่นๆต่อไปนะครับ

ตอนที่ไปเมื่อเดือน เม.ย. เป็นงานแสดง Shadow Dancing กับห้องที่ให้ผู้เข้าชมแสดงความเห็นถึงคนในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก
 

ชั้น 4 ดาดฟ้า เป็นปูนเปล่าๆ แต่คนก็ขึ้นมาถ่ายรูปกันเยอะเหมือนกัน เห็นบ้านจิมทอมป์สันจากมุมสูงด้วยครับ

 

ก่อนจบบล็อกนี้มาทำความรู้จักกับคุณจิมกันสักหน่อยครับ...
 
จิม ทอมป์สัน ชื่อเต็มคือ เจมส์ แฮร์ริสัน วิลสัน ทอมป์สัน เกิดในปี พ.ศ.2449 ที่สหรัฐ เคยทำงาน CIA ให้กับกองทัพในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง (ตอนนั้นเรียกว่า OSS) ได้เดินทางไปหลายประเทศ หลังจบสงครามได้รับตำแหน่งเป็นหัวหน้าสถานียุทธศาสตร์ในกรุงเทพ เพื่อฟื้นฟูสถานเอกอัคราชทูตขึ้นใหม่

คุณจิมติดใจวิถีชีวิตและศิลปะของประเทศไทยมาก หลังสิ้นสุดสงครามโลกเขาได้ปลดประจำการและเลือกใช้ชีวิตในประเทศไทย เขาเห็นงานผ้าไหมทอมือที่แม้กำลังผลิตจะสู้ใช้เครื่องไม่ได้ แต่ก็มีเอกลักษณ์ คุณจิมได้ผลักดันไหมไทยอย่างเป็นรูปธรรม โดยร่วมกับชุมชนบ้านครัวผลิตผลงานไปเสนอขายที่สหรัฐบ้านเกิด และได้ลงนิตยสาร Vogue จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว เขาตั้งบริษัทอุตสาหกรรมไหมไทยขึ้นในปี พ.ศ.2491 ทำกิจการโรงแรมโอเรียลเทลช่วงหนึ่ง และปลูกบ้านฝั่งตรงข้ามชุมชนบ้านครัวในปี พ.ศ.2502 แต่หลายฝ่ายเชื่อกันว่าช่วงนี้คุณจิมก็ยังคงรับงานให้กองทัพสหรัฐอยู่ โดยเฉพาะช่วงต้นยุค 2500 ที่การต่อสู้กับคอมมิวนิสต์ทวีความรุนแรงมากขึ้น

คุณจิมหายสาบสูญไปขณะท่องเที่ยวในป่าที่มาเลเซียในปี พ.ศ.2510 การหายตัวของคุณจิมยังคงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือคู่แข่งทางธุรกิจ บ้างก็ว่าเกี่ยวข้องกับงาน CIA บ้างก็ว่าโดนโจรแถวนั้นฆ่าตาย ฯลฯ แม้คุณจิมจะไม่อยู่แล้ว แต่ผ้าไหมไทยที่จุดกระแสติดก็ยังคงเป็นที่นิยมไปทั่วโลก อีกทั้งคุณจิมยังได้ทิ้งมรดกไว้มากมายให้แก่คนรุ่นหลัง และมูลนิธิฯ ก็สานต่อเจตนารมณ์เป็นส่วนหนึ่งในการดึงเอกลักษณ์หลายอย่างของท้องถิ่นออกมาให้จับต้องได้ และสร้างเป็นซอฟท์พาวเวอร์ของประเทศไทยต่อไป

 



 
Create Date :17 สิงหาคม 2565 Last Update :17 สิงหาคม 2565 20:52:33 น. Counter : 2307 Pageviews. Comments :61