bloggang.com mainmenu search

ทริปปีใหม่ครั้งนี้พาเที่ยวเชียงรายโซนที่ไม่เคยไปครับ "เวียงกาหลง" และ "เวียงป่าเป้า" เมืองโบราณทางใต้ของเมืองเชียงรายที่อ่านพบเมื่อไหร่ก็ให้บรรยากาศลับแลนอกเส้นทางท่องเที่ยวหลัก แต่นอกจากประวัติศาสตร์แล้ว วัดวาอารามที่พัฒนาขึ้นในระยะหลังก็ชวนให้น่าไปเยือนอยู่

เวียงกาหลง สร้างขึ้นราวปี พ.ศ.1500-1600 เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรพุกามในยุคนั้น และต่อมาได้เป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรล้านนา และเป็นแหล่งผลิตเครื่องถ้วยที่สำคัญเพราะเป็นบริเวณที่มีดินสีขาวเนื้อละเอียด

ปัจจุบันเวียงกาหลงอยู่ในเขต อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ตรงนี้เป็นเมืองวัฒนธรรมเวียงกาหลงที่มีคำขวัญ "เมืองวัฒนธรรม แดนพุทธภูมิ ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไล" พื้นที่ 15 ตารางกิโลเมตร มีทั้งวัด คูเวียง พิพิธภัณฑ์ ไร่ชา และอื่นๆ อีกมากมายกระจายอยู่ แลนด์มาร์คแรกที่ควรมาคือแม่พญากาเผือก (ท้าวมติกามหาพรหม) ผู้ให้กำเนิดพระโพธิสัตว์ 5 องค์ ซึ่งในกาลต่อมาได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทั้งห้าในภัทรกัปป์

 

เจ้าพ่อเจ้าแม่เวียงกาหลง
ที่ผู้คนในพื้นที่นับถือเป็นเทวดาบรรพบุรุษผู้คุ้มครองเมือง

 

คูเวียงและกำแพงเมืองเป็นคันดินสองชั้นรอบเมือง

 

ร้านขายผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าขึ้นชื่อคือชากาขาว
ราคาแรงกว่าชาดังๆ บนดอยแม่สลองอีก ซื้อมายังไม่ได้ลองครับ

 

ไร่ชาที่ผลิตชากาขาว

 


วิหารหลวงวัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลง อยู่ห่างออกมาจากตัวชุมชนพอสมควรเลยครับ บริเวณนี้มีการขุดพบกรุพระเครื่องที่ชื่อ "พระยอดขุนพล" จึงสร้างวัดและตั้งชื่อตามพระเครื่องและชื่อเวียงว่า "วัดพระยอดขุนพลเวียงกาหลง" ส่วนบนภูเขาด้านหลังที่เห็นลิบๆ นั่นคือองค์พระใหญ่และเจดีย์ของวัดพระธาตุม่อนพระเจ้าหลาย เป้าหมายต่อไปครับ


วิหารหลวงโปร่งสูง ลมพัดเย็นสบาย สร้างโดยพระอาจารย์ธรรมสาธิต ผู้พัฒนาพื้นที่เวียงกาหลงให้เป็นแปลงเกษตรอินทรีย์และสถานที่ปฏิบัติธรรม ได้สร้างวัดพระยอดขุนพลถวายพระพุทธพจนวราภรณ์ (จันทร์ กุสโล) อดีตเจ้าคณะภาคที่มาเป็นประธานโครงการค่ายพัฒนาคุณธรรมของชุมชนนี้


ขับมาทางตะวันตกจะมี วัดพระเจ้าหลวงม่อนพระเจ้าหลาย ที่ตั้งบนเนินเขา มีสิ่งก่อสร้างของวัดกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ แต่วันนี้ขอพาแวะสองสถานที่สำคัญคือพระธาตุ และองค์พระใหญ่ครับ

พระธาตุม่อนพระเจ้าหลาย เป็นพระธาตุเก่าแก่ไม่ทราบที่มา ตามตำนานว่ากันว่าบนเนินนี้มีถ้ำที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูปเก่าแก่มากมายแต่ปัจจุบันถ้ำที่ว่าโดนหินใหญ่ปิดไปแล้ว (ก็ตำนานอะนะ) เป็นที่มาของชื่อม่อนพระจ้าหลาย ส่วนพระธาตุองค์ใหม่นี้สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2554 สูง 49 เมตร ได้พบเจ้าอาวาสหลวงพ่อถวิลพาแขกกลุ่มนึงมาบรรยายความเป็นมาของพระธาตุด้วย ท่านอัธยาศัยดีนะครับ ภายในมีองค์พระธาตุเก่า (ได้รับการบูรณะในปี พ.ศ.2495) และพระพุทธรูปมากมายที่มีคนมาทำบุญถวายไว้ แต่ละองค์มีหมายเลขระบุ ใครถวายองค์ไหนไว้ ผ่านไปหลายปีก็กลับมาหาพระที่เคยถวายไว้ได้นะ ภายในมีภาพคนดังมาร่วมทำบุญมากมายเลยครับ ทั้งพี่เบิร์ด ตู่ ป้อม บิ๊กแป๊ะ และบิ๊กโจ๊ก


ขับรถขึ้นไปเนินทางตะวันตกของพระธาตุเรียกว่า ม่อนพระงาม จะมีพระพุทธรูปปางประธานพรองค์ใหญ่ ทางขึ้นชันนิดๆ แต่ไม่เกินแรงรถดีเซล ด้านบนมีลานจอดรถได้นะครับ อีกหน่อยคงมีร้านค้าชุมชนเพิ่มตามมา แต่ตอนนี้อ้างว้างห่างไกลผู้คนมากๆ ตรงนี้ไกลจากตัวเมืองเชียงรายตั้ง 100 กม. ไม่คิดว่าจะมีวัดอลังการในถิ่นลับแลแบบนี้เลย


ยังมีอีกวัดที่น่าสนใจเช่นกันแต่ตอนนั้นไม่ได้แวะคือวัดพระธาตุแม่เจดีย์ เป็นอีกวัดเก่าแก่และมีพิพิธภัณฑ์เก็บของเก่าไว้มากมายด้วยครับวัดนี้ ถ้ามีโอกาสมาอีกต้องไม่พลาด

ขับรถขึ้นเหนือไปทางแม่สรวย ที่แยกแม่ขะจานมีร้านดังขายขนมจีนน้ำเงี้ยวครับ น้ำเงี้ยวซี่โครง มีอาหารเหนืออย่างขนมจีนน้ำเงี้ยว น้ำยากะทิ น้ำลอ ข้าวซอย ข้าวกั้นจิ้น จุดขายคือข้าวซอยและขนมจีนมีซี่โครงหมูให้เลือกใส่ด้วย หน้าร้านมีร้านขายไส้อั่วและร้านกาแฟติดกัน สะดวกดี


พออิ่มแล้วก็แวะชมโบราณสถานในเวียงป่าเป้ากันครับ เมืองนี้เพิ่งสร้างขึ้นราว 100 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยในปี พ.ศ.2401 เจ้าอินทวิชยานนท์ผู้ครองเมืองเชียงใหม่คนที่ 7 ได้ให้พระยาชัยวงศ์คุมผู้คนไปถางที่รกร้างสร้างเป็นเมืองขึ้นเรียกว่าเมืองเฟยไฮ และต่อมาในปี พ.ศ.2430 ได้ขยายเมืองขึ้นไปทางเหนือ โดยถางป่าที่เต็มไปด้วยต้นเป้า (สมุนไพรเปล้าน้อย) กลายเป็นเวียงป่าเป้า จากนั้นในปี พ.ศ.2444 เกิดกบฏเงี้ยวที่เมืองเชียงราย หลังปราบกบฏได้แล้วส่วนกลางจัดสรรอำนาจใหม่ โดยให้เวียงป่าเป้าไปขึ้นกับอำเภอแม่พริก ก่อนแม่พริกจะไปขึ้นกับแม่สรวย และเวียงป่าเป้ากลายเป็นอำเภอเวียงป่าเป้าจนถึงปัจจุบัน

พระธาตุเวียงฮ่อ เป็นพระธาตุเก่าแก่ของเวียงป่าเป้า บูรณะเมื่อราว 100 ปีที่ผ่านมา ปัจุบันเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษา และมีการบวชเรียนให้เด็กด้อยโอกาสรวมทั้งชาวเขาในพื้นที่ช่วงฤดูร้อน


พระธาตุจอมผ่อ อยู่ในวัดอรัญญวิเวกคีรี เป็นหนึ่งในพระธาตุ 9 จอมของเชียงราย (ตั้งไว้ส่งเสริมการท่องเที่ยว) สร้างในปี พ.ศ.2263 ผ่านการบูรณะสามครั้ง ครั้งล่าสุดแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2546 มีการขุดพบโบราณวัตถุมากมายทั้งในพื้นที่วัดและองค์พระธาตุ เชื่อกันว่าถ้าได้กราบไหว้และตั้งจิตอธิษฐานจะเหมือนลืมตาพบแสงสว่างในชีวิต ตามชื่อจอมผ่อ (มอง) บริเวณวัดร่มเย็น ตัวโบสถ์เป็นเรือนไม้สวยงามตามแบบช่างท้องถิ่น


ขับเข้ามาถึงเขตอำเภอแม่สรวย (อ่านว่า แม่-สวย) ใกล้จะถึงเมืองเชียงรายแล้วครับ แต่นี่ก็เป็นอีกที่ที่ยังไม่เคยมา อำเภอนี้โด่งดังเรื่องแหล่งท่องเที่ยวอ่างเก็บน้ำ และพื้นที่ซึ่งมีความเป็นธรรมชาติอยู่มาก วัดเก่าๆ ไม่ค่อยมีนะครับ ถ้าพูดถึงแม่สรวยก็ต้องวัดนี้เลย วัดแสงแก้วโพธิญาณ ของครูบาอริยชาติ เป็นวัดของมหานิกายที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวในพื้นที่นี้เป็นอย่างมากด้วยสถาปัตยกรรมสิ่งปลูกสร้างที่สวยงาม (เวลามาวัดแบบนี้ก็ทำบุญเป็นค่าเข้าชมนะครับ) วัดนี้เกิดจากนิมิตของครูบาอริยชาติที่เห็นป่าบนภูเขามีดอกบัวบาน จึงต้องการสร้างวัดที่สวยงามเหมือนเห็นแสงแก้วเรืองรองเป็นดอกบัว ให้ชื่อว่าวัดแสงแก้วโพธิญาณ (บัวที่ผุดพ้นน้ำแล้วเปล่งแสง) เจ้าของที่ดินทำเลงามบนเนินบ้านป่าตึงงามได้ยกที่ดิน 19 ไร่ ให้พระครูสร้างเป็นวัดขึ้นในปี พ.ศ.2549 พุทธศิลป์ในวัดนี้เป็นผลงานออกแบบของครูบาอริยชาติทั้งหมด โดยผสมผสานศิลปะล้านนา ไทยใหญ่ และพม่า เข้าด้วยกัน

อลังการตั้งแต่ซุ้มประตูครับ มีพระอุปคุต พระสังกัจจายน์ ขนาบซุ้มประตู


ขึ้นมาด้านบนมีลานยักษ์และเทวดาแบกระฆัง ทั้งสี่มุมมีท้าวจตุโลกบาลประจำมุม


วิหารหลวงลายคำประดิษฐานพระแสงแก้วโพธิญาณ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนทรงเครื่อง ด้านหน้ามีหุ่นขี้ผึ้งพระอริยสงฆ์ที่เป็นที่นับถือหลายรูป ตามผนังและเพดานลงรักปิดทองเป็นพระพุทธรูปปางต่างๆ


สำหรับครูบาอริยโชติเป็นพระนักปฏิบัติที่มีลูกศิษย์นับถือกันมาก ช่วงที่ผมไปพอดีรอบที่ครูบาลงมารับแขกพอดี คนอย่างแน่น! เป็นโอกาสดีให้เราไปเดินถ่ายภาพจุดอื่นๆ ได้แบบไม่ค่อยติดคน รอบๆ วิหารหลวงมีสวนป่าหิมพานต์มีไอน้ำทำให้เย็นชุ่มชื้นตลอดวัน แล้วยังมีสิ่งก่อสร้างสวยๆ อื่นๆ มากมายเลยครับ
 

ด้านนอกวัดยังมีสิ่งก่อสร้างอีกมาก รูปปั้นพระศรีอาริยเมตไตรยตอนผมไปกำลังก่อสร้าง ตอนนี้ติดตั้งสกายวอล์คแล้วเสร็จ เป็นที่ท่องเที่ยวที่มีจุดขาย-ไหว้พระไปเสียวไป แห่งเดียวในโลก ด้านหน้ามีรูปหล่อพระอาจารย์ 3 รูป คือ ครูบาศรีวิชัย (เป็นรูปหล่อครูบาสร้างจากทองคำแท้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก) ครูบาอภิชัยขาวปี๋ และ ครูบาชัยวงศาพัฒนา


ขับรถต่อมายังเส้นเข้าเมืองเชียงราย จะผ่าน อ่างเก็บน้ำแม่สรวย อยู่เหนือเขื่อนแม่สรวย สร้างโดยสำนักงานชลประทานแม่สรวยในปี พ.ศ.2541 สำหรับใช้ในการเกษตร ตอนนี้สันเขื่อนมีก่อสร้างเลยปิดไม่ให้รถขึ้น แต่ยังสามารถชมวิวเหนืออ่างเก็บน้ำได้นะครับ



ตั้งใจจะเข้าที่พักแล้วหาร้านง่ายๆ แถวนั้นกิน ปรากฏว่าไม่มีร้านอาหารเลย แม้แต่ร้านตามสั่งห่วยๆ ยังไม่มีเลยครับ ถนนอำเภอนี้วิ่งไปตามสันเขาเข้าเมืองเชียงรายอย่างเดียวเลย ว่าแล้วก็กลับไปกินร้านที่เห็นตอนเที่ยวอ่างเก็บน้ำดีกว่า ภูน้ำสวย อาหารดี วิวสวย คนไม่แน่นด้วยครับ ถึงจะเป็นจุดท่องเที่ยวฮิตของ อ.แม่สรวย แต่อำเภอนี้ก็ยังไม่เมนสตรีมเท่าไหร่ ราคาก็ไม่แรงเลย อย่างต้มยำพุงไข่ชามนี้ 189 เองนะครับ


ร้านอาหารมีสองชั้น วิวอ่างเก็บน้ำยามเย็นก็สวยแบบนี้เลย


ขับรถมาในหุบเขาเข้าที่พักแถวๆ แหล่งน้ำพุร้อนโป่งปู่เฟือง ที่นี่เคยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวมาก่อน บนป้ายมีหน่อไม้เป็นเอกลักษณ์ว่ามาที่นี่จะมีการต้มหน่อไม้ในบ่อน้ำร้อนให้ดูนะ แต่ห้องอาบน้ำต่างๆ ปิดให้บริการไปหมดแล้วครับ เหลือแค่การผันน้ำไปให้โรงแรมแถวนั้นให้บริการลูกค้า


คืนนี้พักที่นี่ครับ ล้านนาออนเซ็น เป็นที่พักแห่งแรกที่ให้บริการน้ำร้อนในแถบนี้ ราคาคืนละ 1,000 ได้บ้านหลังนึง หลังบ้านมีบ่อน้ำร้อนออนเซ็นส่วนตัว อุณหภูมิ 40 องศา จัดว่าเหมาะกับร่างกายที่สุด ลงไปแช่น้ำร้อน แล้วขึ้นมาราดน้ำเย็นๆ นี่คือวิธีแช่ออนเซ็นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เลยครับ ช่วยให้เลือดลมเดินดีนัก ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นนะ ที่พักอื่นๆ แถวนี้เปิดทีหลัง จะใหม่กว่า แต่ราคาจะแรงกว่าที่นี่มากเลยครับ และเนื่องจากบริเวณนี้หุบเขาบังสัญญาณทุกทิศ มือถือใช้เกือบบ่ได้เลยเจ้า ที่พักอื่นแถวนี้ก็สภาพเดียวกันหมด จะพักถูกแพงยังไงก็ใช้เน็ตไม่ได้

 

ทริปขึ้นเหนือ 6 วันทริปนี้เที่ยวลำปาง-เชียงรายครับ วันต่อไปจะเข้าเมืองเชียงราย ซึ่งหลายที่ก็เคยไปมาแล้ว จะมีวันที่สองในบล็อกนี้หละนี่เปิดโลกแท้จริง กับอำเภอใต้เมืองเชียงรายอย่างเวียงป่าเป้า-แม่สรวย ที่ชีวิตนี้คงได้มาแค่ไม่กี่ครั้ง ตอนนั้นเป็นปลายปีที่ฝุ่น pm ยังไม่มา ถือเป็นทริปที่ได้สูดอากาศสดชื่น-ชมวิวเขื่อน-แช่น้ำร้อน เยียวยาร่างกายและจิตใจจากการทำงานเป็นอย่างมั่ก 119



 
Create Date :30 เมษายน 2566 Last Update :30 เมษายน 2566 18:34:48 น. Counter : 2149 Pageviews. Comments :38