bloggang.com mainmenu search


เนื่องจากวันที่ 11-13 ก.พ. ที่ผ่านมาเป็น long weekend และอากาศเหมาะสมแก่การท่องเที่ยว เลยต้องจัดสักทริป ซึ่งจังหวัดที่เลือกไปในหนนี้ก็คือชัยภูมิที่คราวก่อนเก็บมาไม่หมดนั่นเอง แต่เที่ยวแค่สองวันนะครับ (11-12) วันสุดท้ายมีไว้โหลดรูป+นอนตาย

ทริปนี้ขาไปผมอ้อมไปเส้นนครสวรรค์เพื่อไปเมืองโบราณเวสาลี และขึ้นวิเชียรบุรีเที่ยวสุสานหอยและอุทยานเสาหินอัคนี จากนั้นก็ออกจากเส้น 225 ลงด้านล่างเพื่อเที่ยวป่าหินงาม แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของชัยภูมิก่อนเข้าตัวเมือง ซึ่ง GPS ก็พาไปผิดเส้นอีกเช่นเคยครับ พามาเข้าถนนลูกรังยาว 15 กม. แล่นกระเด้งตึงตังๆจนรถเสื่อมราคาเร็วขึ้นอีกสามปีก็พบว่าเพิ่งจะขับมาได้ 1 กม. ผมนี้กลับตัวกลับใจขับออกทางเดิมเลย



ผมว่าการ์มินควรเอาถนนที่มันไม่กะทำให้รถเก๋งแล่นหลายๆเส้นออกจากแผนที่ได้แล้ว (หรือไม่ก็ให้แล่นได้เฉพาะตอนเลือกโหมดรถวิบาก) วิธีเข้าป่าหินงามที่ถูกต้องให้หาทางเข้าเส้น 2354 ให้ได้ก่อนครับ จะมีป้ายบอกทางไปป่าหินงามตลอด แล่นไปตามถนนเรื่อยๆนั่นละ ถ้าเจอถนนลูกรังหรือต้องไปแล่นบนคันนาก็แสดงว่ามาผิดแล้ว



ป่าหินงาม
ตั้งอยู่ในเขต อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เป็นป่าเต็งรังผสมผลัดใบป่าดิบแล้ง จุดน่าชมคือลานหินงามที่สามารถเดินชมหินรูปร่างประหลาดแปลกตามากมาย ระยะทางเดินวนรอบนึงไม่ไกลครับ 400 เมตรเท่านั้น ไม่ชันมากด้วย หินก้อนดังๆคือหินรูปแม่ไก่, ช้างเอราวัณ, ถ้วยฟีฟ่า, จานเรดาร์ ฯลฯ



มีเนินหินเตี้ยๆ ปีนขึ้นไปชมวิวลานหินงามได้นะ



กลับลงมาที่จอดรถ เข้าไปต่อจะมาถึงลานหินหน่อ เป็นหินบนที่ราบ อันนี้เดินรอบๆได้เลย ไม่ต้องปีนป่ายแล้วครับ



และนี่คือทุ่งดอกกระเจียวที่โด่งดัง แต่หน้านี้ไม่มีดอกกระเจียวครับ (มีช่วงหน้าฝน) ชมดอกหญ้าไปก่อนแล้วกัน สมัยก่อนเรียกป่าหินงามว่าป่าเทพสถิต เพราะมีดอกกระเจียวบานเต็มพื้นที่ ซึ่งคนในพื้นที่ถือว่าเป็นดอกบัวสวรรค์ที่ขึ้นบูชาเทพ



ขับต่อไปจนสุดทางจะมาถึงผาสุดแผ่นดิน สูง 846 เมตรจากระดับน้ำทะเล ถึงจะเป็นจุดสูงสุดของเทือกเขาพังเหยแต่ก็ไม่ได้สูงเท่าไหร่นะครับ บนนี้สามารถมองชมวิวผืนป่าเบื้องล่างได้



จุดถ่ายรูปยอดนิยมก็แท่งที่ยื่นมาโด่เด่เนี่ยครับ ขึ้นไปนั่งถ่ายกัน แต่ผมไม่นิยมความหวาดเสียวมากนัก



จากนั้นก็ได้เวลาไปเมืองชัยภูมิกัน กลับมาที่เส้น 225 ครับ ก่อนถึงตัวเมือง 24 กม. เลี้ยวซ้ายจะเป็นซอยทางเข้าวัดกุดยาง ต.ตลาดแร้ง อ.บ้านเขว้า เข้าซอยไปสักพักเห็นวัดก็เข้าไปเลยนะครับ ถ้าตาม GPS มันลงพิกัดไว้ผิดน่ะ ที่นี่มีโบราณสถานสมัยขอมที่เรียกว่า กู่แดงวัดกุดยาง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16 สมัยบาปวน เดิมเหลือแค่ฐานและประตูครับ อันนี้บูรณะเติมส่วนบนขึ้นมาทีหลัง



จากนั้นก็ถึงตัวเมืองชัยภูมิ กว่าจะถึงก็เย็นแล้ว แต่อันนี้จะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในตัวเมืองชัยภูมิจากที่มาเที่ยวชัยภูมิคราวที่แล้วกันสักหน่อย /me กลับไปขุดภาพปี 2014 ระหว่างรอผมคุ้ยภาพก็พักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่ครับ...



แผนที่จังหวัดชัยภูมิจากหนังสือแผนที่ทางหลวง ESRI (Thailand) ปี 2558 (click ที่รูปเพื่อชมภาพขยาย)

ชัยภูมิ ถูกเรียกว่าเมืองพระยาแลเนื่องจากถูกตั้งเป็นเมืองในสมัย ร.3 โดยพระยาแล แต่ก่อนหน้านั้นอารยธรรมได้แผ่มาถึงพื้นที่แถบนี้นับพันปีแล้ว ย้อนไปถึงสมัยขอมเรืองอำนาจได้สร้างศาสนสถานมากมายในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ อย่างที่เพิ่งชะแว้บชมกันไปก็คือกู่แดง และยังมีปรางค์กู่อยู่กลางเมืองชัยภูมิ แต่ก่อนหน้าขอมไปอีกที่นี่ก็มีอิทธิพลของศิลปะแบบทวารวดีแผ่มาถึง ดังจะเห็นได้จากหินตั้งที่มีมากมายในพื้นที่นี้และรวบรวมไว้ทั้งที่บ้านกุดโง้ง วัดคอนสวรรค์ และบ้านโพธิ์ชัย

เมืองชัยภูมิหายหน้าไปจากประวัติศาสตร์ไล่เลี่ยกับการล่มสลายของอาณาจักรขอม ในช่วงกรุงศรีอยุธยาพื้นที่แถบนี้เป็นเพียงเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของนครราชสีมา ล่วงเลยมาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ อ้ายแลชาวเวียงจันทน์ถูกส่งมาทำงานในพื้นที่นี้และส่งส่วยกลับเมืองเวียงจันทน์จนได้ปูนบำเหน็จตั้งเป็นขุนภักดีชุมพล แต่ได้เปลี่ยนไปภักดีกับสยามและส่งส่วยให้นครราชสีมาแทน ร.3 จึงตั้งเมืองชัยภูมิขึ้นในบริเวณนี้และตั้งให้พระยาภักดีชุมพลเป็นเจ้าเมืองคนแรก ผู้คนรุ่นหลังเรียกพระยาภักดีชุมพล (แล) ว่าพระยาแล ตามชื่อเดิมของท่าน



อนุสาวรีย์พระยาแลกลางเมืองชัยภูมิ

ต่อมาเกิดความขัดแย้งระหว่างเวียงจันทน์นำโดยเจ้าอนุวงศ์ที่ต้องการปลดแอกตัวเองเป็นอิสระจากสยาม กับกรุงรัตนโกสินทร์ในแผ่นดินรัชกาลที่ 3 พระยาภักดีชุมพลเลือกอยู่ข้างสยาม จึงถูกเจ้าอนุวงศ์ฆ่าตายใต้ต้นมะขามใหญ่ริมหนองปลาเฒ่า ต่อมาได้มีการตั้งศาลบริเวณนี้เป็นที่สถิตวิญญาณพระยาแล เรียกว่า ศาลเจ้าพ่อพระยาแล จะมีประเพณีงานบุญเดือนหกจัดขบวนแห่ยิ่งใหญ่ 9 วัน 9 คืน เพื่อบวงสรวงดวงวิญญาณพระยาแลทุกปี



ริมหนองปลาเฒ่าที่พระยาแลถูกสังหาร ในบริเวณศาลเป็นที่อนุรักษ์พันธุ์เต่าด้วยนะครับ



ปรางค์กู่ เป็นอโรคยาศาลของขอมที่สร้างขึ้นในพุทธศตวรรษที่ 18 ถึงจะไม่ใช่ปราสาทขอมที่ใหญ่โตอะไรแต่ด้วยความที่อยู่กลางเมืองชัยภูมิจึงเป็นสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัด



โรงเรียนวัดกุดโง้ง ที่บ้านกุดโง้ง ต.บุ่งคล้า ทางตะวันออกของตัวเมืองชัยภูมิ มีอาคารรวบรวมใบเสมาอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16 ที่พบในบริเวณนี้ แต่ละใบมีขนาดใหญ่และบางใบมีลายสลักพุทธประวัติด้วยครับ ที่นี่เก็บรวบรวมใบเสมาที่พบในนาพ่อโนรี ต่อศรี 25 ใบ อันที่จริงแถวๆนี้มีกลุ่มใบเสมาในพื้นที่อื่นๆอีกมากเลยครับ แต่ส่วนใหญ่ถูกฝังโผล่มาแค่ปลายๆ หลายที่ก็มีแค่ไม่กี่ใบ ไม่ต้องฝ่าทุ่งนาไปดูหรอก





ออกจากตัวเมืองไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเส้น 202 ต่อ 2054 เข้าเขต อ.คอนสวรรค์ จะเห็น บึงแวง ข้างถนนทำเอาอดใจลงไปถ่ายพระอาทิตย์ตกไม่ได้ (เสียดายน่าจะมาเร็วกว่านี้สักสิบนาที) ที่นี่เป็นบึงขนาด 350 ไร่ อยู่หน้าที่ว่าการอำเภอคอนสวรรค์ ช่วง พ.ย.-เม.ย. จะมีนกเป็ดน้ำอพยพมาให้ชมกันด้วยนะ



สาเหตุที่มา อ.คอนสวรรค์ไม่ได้มาเพื่อถ่ายนกเป็ดน้ำหรือเที่ยวบึงนะครับ แต่เป็น วัดคอนสวรรค์ ที่เก็บรวบรวมใบเสมาจำนวนมากและมีพระพุทธรูปเก่าแก่สมัยทวารวดีอยู่ ใบเสมาที่นี่ก็รุ่นเดียวกับที่บ้านกุดโง้งครับ เป็นศิลปะทวารวดีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 14-16  บางใบมีการแกะสลักเรื่องราวชาดกต่างๆ





ด้านหน้าอาคารเก็บใบเสมามีวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปใหญ่สมัยทวารวดี แกะจากศิลาแลง สูงถึง 3 เมตร ชาวบ้านเรียกว่าหลวงพ่อใหญ่ ผมไปถึงวัดนี้ตอนหกโมงครึ่ง ซึ่งวิหารปิดไปเรียบร้อยแล้ว แต่โชคดีที่วันนั้นจะมีพิธีสวดมนต์วันมาฆบูชา หลวงพี่เลยมาเปิดวิหารให้เข้าไปถ่ายรูปได้



วันนี้ (11 ก.พ. 60) เข้าพักที่ภูสวยปาร์ควิว ติดถนน 201 ขาออกเมืองชัยภูมิ คืนละ 700.- เทียบกับโรงแรมที่แพร่กับน่านแล้วจัดว่าถูกเลยครับ



หนนี้เลือกแบบไม่เอาข้าวเช้า จะได้ไปหาอาหารรายทางกินข้างนอก และจะได้ออกเช้าไม่ต้องรอข้าวด้วย วันนี้จะรีบขึ้นมอหินขาวแต่เช้าครับ แวะกินข้าวข้างทางเส้น 2159 หาร้านเปิดเช้าๆยากแบบสุดๆ สุดท้ายก็ได้ร้านไก่ย่างขนมจีนแบบชาวบ้านๆเลย ไก่เนื้อน้อย แต่ก็หมักใช้ได้อยู่ ไส้อร่อย ขนมจีนเผ็ดบัดซบ (This is รสชาติท้องถิ่นที่คุณต้องการ) หลังจากคุยกับแม่ค้าก็พบว่า GPS มันพามาผิดเส้นอีกแล้ว  จะขึ้นมอหินขาวต้องไปเส้น 2051 โน่นเลยจ้า ว่าแล้วก็ตีรถกลับเป็นสิบๆโลเบย

Smiley


ถนนเส้น 2051 นี่ผมเคยขึ้นมาตอนมาเที่ยวชัยภูมิรอบที่แล้ว (ปี 2014) ครับ ตอนนั้นเป็นช่วงปลายเดือน ต.ค. ท้องนากำลังเขียวขจี




ว่าแล้วก็ขอลงรูปสถานที่ท่องเที่ยวที่มาตอนนั้นสักหน่อยครับ ที่แรกคือ ภูพระ ในเขตวัดศิลาอาสน์ภูพระ ที่นี่มีภาพแกะสลักเพิงผาเป็นพระพุทธรูป ทางวัดทำพื้นเข้าชมถึงจุดแกะสลักเลยครับ ไม่ต้องปีนเขาอะไรทั้งนั้น
ภาพแกะสลักเป็นพระพุทธรูปปางขัดสมาธิเพชร เรียกกันว่าพระเจ้าองค์ตื้อ ส่วนด้านข้างมีพระพุทธรูปแกะสลักเล็กๆเรียงรายกัน 7 องค์รอบเสาหินทราย อายุราวพุทธศตวรรษที่ 18





ตรงขึ้นไปตามเส้น 2051 ต่อ จะมาถึง โบราณสถานบ้านโนนพระคำ อันนี้ไม่รู้จักและไม่มีชื่อเสียงอะไรทั้งนั้นครับ เห็นในแผนที่ ESRI ลงไว้ เลยแวะมาสักหน่อย ไหนๆก็มาแถวนี้แล้ว ซึ่ง GPS ก็หาไม่เจออีกเช่นเคย ขับวนไปวนมาจนมาเจอเศษซากโบราณสถานที่ถูกโกยมากองกันที่โคนต้นไม้ใหญ่ มีโบราณวัตถุบางชิ้นเก็บอยู่ภายในศาลเจ้าแปะชื่อศาลปู่ตาบ้านโนนพระคำ ....เอาฟะ อย่างน้อยก็นับว่าหาเจอ




กลับมาที่ทริปปี 2017 ครับ หลังจากหลงทางตั้งแต่หัววันผมกลับมาที่เส้น 2051 จากนั้นผมก็ไม่เปิดนำทางแล้วครับ ไปตามป้ายเอาอย่างเดียว ก็พบว่าถนนจริงๆที่ไปมอหินขาวนั้นยังไม่ได้ลงไว้ใน GPS จึงไม่แปลกใจเลยที่มันจะพาไปผิดทาง และมันต้องพาไปขึ้นข้างหลังที่ถนนทุเรศทุรังอีกแหงๆ ส่วนถนนเส้นที่ไปมอหินขาวจริงๆสวยนะครับ ถนนใหม่ มีไร่สับปะรดสองฝั่งทาง


สรุปว่าเที่ยวรอบนี้ GPS การ์มินสอบตกโดยสิ้นเชิง...
1. พิกัดอุทยานเสาหินอัคนีผิด
2. แนะนำทางเข้าป่าหินงามผิด
3. พิกัดกู่แดงผิด
4. พิกัดโบราณสถานบ้านโนนพระคำผิด
5. ไม่มีข้อมูลถนนขึ้นมอหินขาว

เปิดไว้เปล่าๆแบบไม่ต้องนำทางแล้วดูแผนที่เอานั่นละเวิร์คกว่าครับ และแล้วเราก็มาถึงอีกหนึ่งที่เที่ยวนามอุโฆษของชัยภูมิ มอหินขาว ที่นี่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีก้อนหินขนาดใหญ่เรียงกันอย่างแปลกประหลาด คาดว่าเกิดจากตะกอนทรายทับถมกันเป็นเวลา 175-195 ล้านปี มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากคนแก่ๆว่าจะมีแสงสีขาวส่องขึ้นมาในวันพระ ที่นี่ถูกเรียกว่าสโตนเฮดจ์เมืองไทย มีกลุ่มหินให้ชมกระจายกันอยู่สามจุดใหญ่ๆ จุดที่โด่งดังที่สุดคือจุดแรก "เสาหิน 5 แท่ง" ครับ แต่ละแท่งตั้งชื่อไว้ด้วยนะ





ในโซนมอหินขาวเป็นจุดกางเต๊นท์ แต่ไม่ต้องเหนื่อยขึ้นเขาอะไรเลยครับ มีทางรถยนต์แล่นได้ตลอด ซึ่งมันก็ไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มชนคนรักเต๊นท์เท่าไหร่ แต่ก็สะดวกดีนะครับ มีห้องน้ำห้องท่าให้พร้อม จากกลุ่มหิน 5 แท่งขับรถขึ้นมาอีกจะมาถึงกลุ่มที่สอง "หินเจดีย์และหินโขลงช้าง" และเลยมาอีกหน่อยจะเป็นกลุ่มที่สาม "หินต้นไทร" แต่ละกลุ่มมีที่จอดรถกว้างขวางให้ลงไปถ่ายรูปสะดวกเลย



บริเวณนี้เป็นผาไม่ชันมาก ถ้ามาเร็วกว่านี้สักสามชั่วโมงคงชมพระอาทิตย์ขึ้นได้สวยงามไม่น้อย



จบธุระกับมอหินขาว ต่อไปจะลุยเส้นทางทุรกันดาร เที่ยวโบราณสถานกันครับ Smiley ด้วยความที่ต้องแล่นบนถนนเลนเดียวที่ไม่ได้นำพาไปสู่แหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตอื่นๆ แถมไกลจากตัวเมืองชัยภูมิตั้ง 100 กิโลเมตร เลยมั่นใจว่าเป็นที่เที่ยวที่หาดูในบล็อกอื่นยากแน่ๆ (ไม่ค่อยมีคนมานั่นเอง) ตามมาเลยพวกเรา~

เส้นทางไปยังพระธาตุหนองสามหมื่นที่ใกล้ที่สุดคือจากตัวเมืองชัยภูมิ ขึ้นเส้น 2159 แล้วต่อ 2037 สาเหตุที่มาฝั่งนี้ทั้งที่เป็นถนนสายรองเพราะผมจะแวะเที่ยวพระธาตุพีพวยระหว่างทางด้วย แต่ถ้าต้องการมาพระธาตุหนองสามหมื่นอย่างเดียว อ้อมไปเส้น 201 เถอะครับ ใช้ความเร็วได้ดีกว่ากันเยอะ สาเหตุที่เส้น 2159-2037 ขับยากก็เพราะมันไปเลนกลับเลน แถมมีรถบรรทุกอ้อยวิ่งอย่างถี่

ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะมาถึง พระธาตุพีพวย อยู่ในเขตวัดธาตุสังวรญ์วนาราม ต.สระโพนทอง อ.เกษตรสมบูรณ์ เป็นพระธาตุศิลปะล้านช้าง อายุราวพุทธศตวรรษที่ 24 แต่สันนิษฐานว่าสร้างทับพระธาตุองค์เดิมที่มีก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว บริเวณนี้เป็นที่ตั้งชุมชนตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงทวารวดีด้วยนะครับ





ด้านหน้าพระธาตุเป็นอุโบสถที่ไม่เหลือสภาพ


ด้านข้างเป็นที่เก็บรวบรวมโบราณวัตถุและโครงกระดูกที่ขุดค้นพบบริเวณนี้



จากพระธาตุพีพวยขับมาอีกครึ่งชั่วโมงก็ถึง วัดพระธาตุสามหมื่น ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว ที่นี่มีพระธาตุหนองสามหมื่น ศิลปะผสมระหว่างล้านนา ล้านช้าง และอยุธยา และมีความสมบูรณ์สวยงามเป็นที่เชิดหน้าชูตาของชัยภูมิ คาดว่าสร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 21-22 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และบริเวณนี้ยังเป็นชุมชนโบราณซึ่งค้นพบโบราณวัตถุสมัยทวารวดีและขอม




สาเหตุที่ชื่อว่าพระธาตุหนองสามหมื่นเนื่องจากถูกสร้างริมหนองสามหมื่น


หน้าพระธาตุมีศาลาพันห้องที่เต็มไปด้วยเสามากมาย ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรมมากกว่าจะดูอลังการนะครับ ถ้าบริจาคจะได้เขียนชื่อบนเสาด้วย จำนวนเงินตามจิตศรัทธา เห็นบางเสาบริจาค 70 บาทก็ได้เขียนแล้ว
พอจะสู้ศาลเจ้าอินาริที่เกียวโตได้มั้ย?

ขากลับขอกลับเส้น 201 ดีกว่า เร็วกว่าจมหูเลยครับ ไม่ต้องแวะพระธาตุพีพวยแล้วด้วย ใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งก็ลงมาถึงเมืองชัยภูมิ ระหว่างทางแวะกินมื้อเที่ยงที่ร้านส้มตำไก่ย่างข้างทาง สรุปว่าทริปนี้กินอาหารท้องถิ่นล้วนๆ แต่ร้านนี้พี่แอ๊ดมาทำเองทั้งทีก็ต้องอุดหนุนหน่อย (ดูรูปสิเหมือนเนอะ) ส้มตำขมไปนิดแถมกุ้งแห้งสีตกลงน้ำส้มตำส้มแป๊ด แต่ไก่ย่างอร่อยเหลือเชื่อ หนังกรอบเนื้อนุ่มฉ่ำ เฮ้ย! เป็นแค่ some random ไก่ย่างข้างทาง มีความจำเป็นต้องอร่อยขนาดนี้ด้วยเหรอ? ไก่ย่างครึ่งตัว 70 บาทครับ



อันที่จริงเสร็จกิจจากชัยภูมิแล้วลงมาตามเส้น 201 จนชนกับสาย 2 ที่สีคิ้วแล้วดิ่งกลับกรุงเทพนั่นแหละ ง่ายที่สุดแล้ว แต่หนนี้อยากแวะอีกสัก 2-3 ที่ เลยฉีกออกเส้น 205 ครับ แวะเที่ยว ปรางค์นางผมหอม ที่ลพบุรีหน่อยนึง



อันที่จริงว่าจะเที่ยวเมืองโบราณซับจำปากับแหล่งโบราณคดีบ้านโป่งมะนาวต่อ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวยอย่างยิ่ง รถก็ติด ขอรวบไว้ทริปหน้าเลยดีกว่า วันนี้กลับถึงกรุงเทพสามทุ่มครับ (ข้าวเย็นก็ some random ร้านตามสั่งระหว่างทาง)

สรุปว่าชัยภูมิมีที่เที่ยวหลากหลายมาก ทั้งแนวซากอิฐและแนวธรรมชาติแบบเน้นก้อนหิน แต่ที่เที่ยวทั้งหลายกระจายอยู่ทั่วทั้งจังหวัด การจะโปรโมทที่ใดที่หนึ่งเป็นที่เที่ยวยอดนิยมเลยค่อนข้างลำบาก

คราวหน้าพาเที่ยวจังหวัดติดกันอย่างขอนแก่นครับ อันนี้ที่เที่ยวยิ่งกระจายสาหัสเข้าไปอีก ช่วง 3-4 ปีที่แล้วบ้านผมไปขอนแก่นหลายรอบมากๆ ขอรวบรวมสมาธิเรียบเรียงแป๊บ

Smiley






Create Date :02 มีนาคม 2560 Last Update :10 มีนาคม 2560 22:40:06 น. Counter : 7508 Pageviews. Comments :71