Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
3 กันยายน 2554
 
All Blogs
 
เดิน


 


๒๘ สิงหาคม ๒๕๕๔
กรุงเทพมหานคร

ฉันติดรถพี่หยีเข้ากรุงเทพ ฯ แต่เช้า ยังมีเวลาเหลือเฟือ แดดยามเช้ายังไม่สาดส่องแสงร้อนเท่าไรนัก มีกลุ่มก้อนเมฆน้อยใหญ่เป็นม่านธรรมชาติที่ช่วยบดบังอีกต่างหาก ฉันจึงเลือกที่จะเดินจากสุขุมวิท ๒๙ มายังซอยสุขุมวิท ๕๕ เพื่อฆ่าเวลา ระหว่างทางฉันแวะร้านดอกไม้ริมทาง ตัดสินใจซื้อดอกไฮเดรนเยียมา ๑ กำ กับพวงมาลัย ๒ พวง ติดไม้ติดมือเป็นของฝาก เผื่อสิ่งเหล่านี้จะช่วยประดับประดา และเพิ่มบรรยากาศรื่นรมย์ให้แก่บ้านศิลปะที่เป็นจุดปลายทางของเช้านี้

เดินมาเรื่อยจวนจะถึงจุดหมาย ฉันมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนอีกครั้ง ยังเหลือเวลาอีกตั้ง ๑๕ นาทีกว่าที่น้องเขาจะมาเปิดกุญแจบ้าน ฉันจำเป็นต้องฆ่าเวลาต่อไป จึงเดินเลยเรื่อยเปื่อยเลี้ยวเข้าซอยทองหล่อ หาที่แลนดิ้งพักเครื่องและเติมน้ำมัน..เอ๊ย..กาเฟอินให้กับตัวเองสักหน่อย มันเหลือเชื่อจริง ๆ กับเจ้ากาเฟอินตัวดีนี่ ฉันเพิ่งรู้ตัวเมื่อไม่นานมานี้ว่า หากวันใดไม่ได้ดื่มกาแฟในตอนเช้า ฉันจะง่วงหงาวหาวนอนสัปหงกไปตลอดทั้งวัน นี่แหละนะคนเรา... หาเรื่องใส่ตัวแท้ ๆ อยู่ดี ๆ ก็เอาตัวไปผูกมัดกับนั่นนี่ ตอนนี้นอกจากติดแหมะจนแคะไม่ออกกับกาเฟอินประจำวันแล้ว คงจะมีสิ่งผูกมัดอื่น ๆ ที่เข้ามาเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของตน ที่ตัวเองคงยังไม่รู้ตัวอีกแน่ ๆ ถ้าสามารถตัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้ คงจะทำให้ชีวิตในแต่ละวันเรียบง่ายกว่าเดิมแน่ ๆ


ฉันเดินอ้อยอิ่งและรู้สึกว่าเป้หลังเริ่มหนักกว่าเมื่อชั่วโมงก่อน หน้าร้านผลไม้มีทิวแถวของมะม่วงน้ำดอกไม้เรียงสลอนต้อนรับ "โลละ ๑๘๐ บาท" ป้ายราคาเสียบติดไว้เด่นชัด ลูกหนึ่งจะหนักสักกี่ขีดกี่กิโลกันนะ กิเลสเริ่มปรากฏตัวตนอีกแล้ว ก่อนกลับไปโตเกียว จะมีโอกาสกินข้าวเหนียวมะม่วงของโปรดอีกสักครั้งไหมหนอ ฉันถอนหายใจ พยายามขับไล่กิเลสที่ปะปนกับความตะกละของตัวเองให้หมดไปจากจิตใจ และมองหาร้านกาแฟตามความตั้งใจเดิม ... เจอแล้ว อยู่นั่นไง ฉันเห็นโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวเล็กที่ยื่นโผล่หน้าร้านออกมา มีสาวสองคนนั่งคุยกันที่โต๊ะนั้น ฉันเดินเข้าไปในร้าน กาแฟเย็น ๆ สักแก้วอาจจะช่วยดับร้อนที่อยู่ในกายและใจของฉันได้บ้าง สาวที่นั่งที่โต๊ะหน้าร้านลุกขึ้นเอ่ยถามฉันว่า
"รับอะไรดีคะ"
"กาแฟค่ะ"
"เย็นหรือร้อนดีคะ"
ฉันตำหนิตัวเองในใจ ที่สั่งไม่ชัดเจนต้องให้เธอถามซ้ำ แต่มันก็แค่เรื่องเล็กน้อย
"เย็นค่ะ ไม่ใส่น้ำตาลนะคะ"
ฉันตอบ
"ไม่ใส่นมด้วยหรือเปล่าคะ"
เธอถามอีก
"ไม่ใส่ค่ะ"
"ไม่ใส่อะไรเลยนะคะ"
เธอถามย้ำ
"อืมมม...."
ฉันนิ่งไปหนึ่งช่วงลมหายใจเข้าออกแล้วตอบเธอว่า
"ใส่กาแฟค่ะ"
ฉันอมยิ้ม แล้วก็มีเสียงหัวเราะครืนจากเด็กสาวที่รอออเดอร์และเด็กสาวที่หลังเคานเตอร์ซึ่งรอชงกาแฟ

ระหว่างที่รอ ฉันวางกระเป๋าผ้าจากอินเดียซึ่งใส่ทุกสิ่งที่สำคัญไว้บนโต๊ะใกล้ตัว และเอาเป้หลังสีส้มสดใสวางแหมะไว้ที่เก้าอี้ไม้ที่อยู่ตรงข้าม ถ้าเป้ของฉันไม่มีถุงลำใยกับแอปเปิ้ลที่แม่ให้มา มันคงจะเบากว่านี้ แต่ด้วยความรักและห่วงใยของแม่ที่อบอวลจนล้นถุงผลไม้ ทำให้ฉันไม่คิดอิดเอื้อนต่อน้ำหนักของสิ่งเหล่านี้แม้แต่น้อย ไม่นานนักแก้วกาแฟเย็นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า ฉันจ่ายไป ๓๐ บาทสำหรับกาแฟเย็นแก้วโตนี้ เด็กสาวยังอมยิ้มมองหน้าฉันขณะที่วางแก้วกาแฟ เขาคงยังขำกับบทสนทนาเมื่อครู่นี้ หรืออาจจะคิดในใจว่า เจอคนบ๊องแต่เช้าเลย

กาแฟขมสะใจดีแท้ เพราะดื่มกาแฟขมมากไป พลอยทำให้ชีวิตมีรสขมไปด้วยหรือเปล่านี่..ฉันคิดไร้สาระอีกแล้ว ดึกของคืนนี้จะต้องจากเมืองไทยอีกครั้ง ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เจอะเจอกับความรู้สึกอึดอัดใจเช่นนี้ ก็เพราะวันเดินทางเช่นนี้นี่แหละ ที่ทำให้หลาย ๆ วันในเมืองไทยของฉันปะปนกับความกังวล กังวลที่จะต้องจากเมืองไทย และบุคคลที่ฉันรัก กังวลว่าวันแห่งการลาจากกำลังคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที ฉันดูดกาแฟไป พลางคิดอะไรไป และเผลอถอนใจไม่รู้ตัว คงจะถอนหายใจดังไปหน่อย ชายวัยกลางคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่โต๊ะใกล้ ๆ หันควับมาแว้บหนึ่ง ฉันทำเป็นไม่ใส่ใจ จนเขาหันกลับไปจึงถือโอกาสมองสังเกตเขาบ้าง เขาใส่เสื้อโปโลสีเหลือง กางเกงขาสั้นแค่เข่า เสื้อใส่ในกางเกง คาดเข็มขัดเรียบร้อย ถุงเท้ายี่ห้ออีฟแซงค์โลรองต์ยาวคืบมือหนึ่ง กับรองเท้าหนังสีน้ำตาล ถุงสัมภาระที่วางอยู่บนโต๊ะของเขา มีทั้งลำใย ต้นหอมผักชีโผล่ออกมาที่ปากถุง มีร่มพับวางอยู่ข้าง ๆ เห็นคร่าว ๆ ก็พอจะเดาได้ว่าเป็นชาวญี่ปุ่น เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับเหงื่อที่หน้าผาก ก่อนจะยกแก้วขึ้นดูดกาแฟครั้งสุดท้าย และหยิบสิ่งของเดินออกไปจากร้าน

กว่าฉันจะดื่มกาแฟหมดแก้ว ความเมื่อยล้าของไหล่และบ่าก็เหือดหายพอดี พร้อมกับมั่นใจว่า ป่านนี้น้องที่บ้านศิลปะคงจะมาเปิดกุญแจแล้ว ฉันจึงเดินออกจากร้าน มุ่งหน้าไปยังจุดหมายปลายทางนั้น มือถือของฉันดังขึ้น เพื่อนของฉันโทรมาถามด้วยความเป็นห่วงว่า ฉันกำลังทำอะไรอยู่ที่ไหน ฉันอธิบายให้เธอฟังคร่าว ๆ ว่าเช้านี้ฉันทำอะไรบ้าง เพื่อนฉันคงสงสัยว่าฉันเดินทำไม รถไฟฟ้าก็มี ...

ฉันต้องเดินต่อไป เป้หลังเบากว่าเมื่อกี้นิดหน่อย ดอกไฮเดรนเยียในถุงพลาสติกใสดูหงอยเหงา หรือว่ามันรับรู้อารมณ์ของฉันในตอนนี้ เวลาที่จะต้องจากกันคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที ฉันถอนหายใจ ... ฉันต้องเดินต่อไป เวลาที่จะต้องจากกันมันคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที...ฉันไม่ได้บอกเพื่อนหรอกว่า รถไฟฟ้ามันเร็วไป ฉันพยายามเดินให้ช้า เผื่อว่าเวลาที่ต้องจากกันมันจะช้าลงตามได้บ้าง แม้ว่ามันจะคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที
....
แม้ว่ามันจะคืบคลานใกล้เข้ามาทุกที



Create Date : 03 กันยายน 2554
Last Update : 16 มกราคม 2559 18:39:03 น. 16 comments
Counter : 1104 Pageviews.

 
ชอบบทสนทนาในเรื่องที่ 3 จังเลยครับ
ผมว่าหลายมุมในเมืองใหญ่
เราขาดอารมณ์ขันไปแล้วนะครับพี่ฝน

ชอบภาพสเก็ตท์ของพี่ด้วยครับ
ดูมีชีวิตชีวาจังเลยครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:16:29:04 น.  

 
คุณก.ก๋า
บทสนทนานั้นจี้มาก พี่นึกทีไรก็ขำจัง ๕๕


โดย: silly วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:17:52:07 น.  

 
อ่านแล้วซึมเลย...คิดถึงพี่จังเลย ไว้มาเที่ยวใหม่นะจ้ะ


โดย: Frida วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:19:49:25 น.  

 
อ่านแล้ว อยากเจอคนเขียนจัง
แต่ไม่เป็นไร โลกมันไม่ค่อยจะมาบรรจบกันตามความอยากของเรา
อยากจะปลอบประโลมความรู้สึกเหงาๆที่ยามจะต้องจากพรากไป
แต่ก็ไม่ทราบจะปลอบอย่างไร
ขอร่วมรับความรู้สึกนั้นด้วยแล้วกัน

ไม่นานมันก็จะหายไป
แต่เดี๋ยวมันก็จะกลับมาอีก เอ๊ะ ยังไง
จบดีกว่าค่ะ

ชอบรูปวาดเป็นที่สุด


โดย: buraneemeo วันที่: 3 กันยายน 2554 เวลา:22:07:18 น.  

 
พัชร
คิดถึงเช่นกันจ้ะ
พัชรสบายดีนะ


คุณburaneemeo
ขอบคุณที่แวะคุยกันนะคะ
ใช่เลย..
ไม่นานก็จะหายไป
แต่เดี๋ยวมันก็จะกลับมาอีก

วนเวียนแบบนี้ต่อไป โบร๊วววว.....



โดย: silly วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:5:40:40 น.  

 
สบายดีจ้ะพี่ฝน
เสียดายจังงวดนี้ไม่ได้เจอกันเนอะ
อ่านแล้วฮาข้อ 3 คะ แต่ซึม ข้อ 7
ตอนนี้หายคิดถึงที่นี่หรือยังคะ
อย่าลืมตัวถอนหายใจบ่อยน๊า
ระวังติดใจ... ^__^*



โดย: Frida วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:10:34:26 น.  

 
คุณฝน ขอบคุณมากๆๆๆ นะคะ
ใน FB จะชื่อ lunapee Decoupage ค่ะ คุณฝน
แต่ยังไม่ค่อยเข้าที่เท่าไหร่ แหะๆ มีแต่คนชมแมว ว่าน่าีัรักซู้ดดดดดดดดดด เลย อิอิ


โดย: lunapee วันที่: 4 กันยายน 2554 เวลา:11:41:24 น.  

 
พัชร
ผ่านมา ๑ อาทิตย์พอดิบพอดีที่พี่กลับมาโตเกียว
เวลาผ่านไปไวเหมือนกัน
เพราะพี่ยังเอ้อระเหยอยู่เลย
มีอะไรรอให้ทำและสะสาง..
นั่นสิ พี่จะว่าจะระวังเรื่องงถอนหายใจ
ถอนมากไปใจจะหายไปหมด..แย่เลย



คุณอุ
เดี๋ยวเราจะไปช่วยกดlikeนะคะ
ขอให้กิจการขายดิบขายดีค่ะ
เราชื่นชมคุณอุมากเลย
เห็นถึงความอุตสาหะพยายาม
ความขยันขันแข็งเสมอมา
เราต้องเอาตามมั่งแล้ว...
เอาใจช่วยเสมอนะคะ


โดย: silly วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:5:38:33 น.  

 
กาเฟอินประจำวัน พี่ก็ติดค่ะ คุณ
พยายามงดแต่งดแล้วเหมือนคนเพิ่งตื่นไม่ถึง2 นาทีทั้งวัน
ต้องกลับมากินอีก


โดย: hayashimali วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:16:46:46 น.  

 
จอยเป็นอีกคนที่อ่อนไหวกับการจากลา(ค่อนข้างมากด้วยค่ะพี่ฝน)
อย่างช่วงเทศกาลจะมีแขกมาพักที่โรงแรมพอถึงเวลาที่พวกเขาต้องกลับจอยยังรู้สึกหวิวๆ ทั้งที่พวกเขาก็แค่คนแปลกหน้าที่แวะเวียนมาเท่านั้น

แต่สำหรับคนใกล้ตัวตอนนี้จอยเป็นฝ่ายอยากจากลาจังเลยค่ะพี่

ชอบรูปวาดของพี่ฝนมากๆเลยค่ะ น่ารักมากดูแล้วอมยิ้มเลยค่ะ


โดย: JoySewing วันที่: 5 กันยายน 2554 เวลา:17:50:48 น.  

 
คุณฝนคะ
อ้อยสแกนรีวิวหนังสือมาให้แล้ว คุณฝนส่งอีเมล์มาให้อ้อยหลังไมค์ได้ไหมคะ อ้อยจะส่งไฟล์ไปให้ ไม่กล้าเอามาแปะหน้าบ้านเลย เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้านน่ะ
ค่ะ แต่รีวิวเขาเขียนดี คุณฝนอ่านแล้วยิ้มแน่นอน

จะรอนะคะ แล้วจะส่งไฟล์ไปให้จ้า


โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:13:16:56 น.  

 
บทสนธนาที่สาม ทำให้เป็นยิ้มประจำวันที่น่ารักอีกหนึ่งเรื่องค่ะคุณฝน..ภาพคุณฝนวาดเองหรอคะ น่ารักอ่ะ แบบนี้หนึ่งวาดไม่เป็นนะ


โดย: SweetBlue วันที่: 6 กันยายน 2554 เวลา:19:19:00 น.  

 
อ่านแล้วซึ้ง

เราเองก็เคย รถรางสายที่ต้องขึ้นมาถึงและออกจากป้ายไปสี่ขบวนแล้ว แต่เรายังยืนอยู่ที่เดิม ไม่ยอมขึ้น

โดยอ้างอย่างไร้เหตุผลว่า รถมันเก่าไปบ้าง วิ่งขึ้นไม่ทัน รอขบวนต่อไปละกัน บ้าง

เหตุผลที่แท้คือ ยังไม่อยากจากคนที่รอมาส่งที่ป้าย
เพราะไม่รู้ว่าจากกันที่ป้ายรถรางครั้งนี้ อีกกี่ปีเราจะเจอกันอีก

จนบัดนี้ ผ่านมาเกือบสามปีแล้ว ยังไม่เคยเจอกันอีกเหมือนที่คิด

และคิดว่าระยะเวลาที่ต้องรอพบกันใหม่ อาจชั่วชีวิต...


โดย: รักแรกคลิก IP: 204.136.218.8 วันที่: 7 กันยายน 2554 เวลา:11:13:08 น.  

 
พี่มะลิ
มีบ้างที่บางวันไม่ได้ดื่มกาแฟค่ะ
แต่วันนั้นจะซึมกระทือมากเลย ฮ่ะฮ่ะ
พี่มะลิสบายดีนะคะ
แข็งแรงๆๆๆ


จอย
จิตใจที่อ่อนไหวบางทีก็ทำให้เราเหนื่อยเหมือนกัน
พี่ก็เคยคิดนะ
อยากจะขอเป็นคนเห็นแก่ตัว
เป็นฝ่ายจากลาเสียเอง
เพราะคงทนไม่ได้ที่จะเผชิญกับความเสียใจ :P
ดีใจที่ชอบรูปวาดจ้ะ^^

คุณน้ำอ้อย
ขอบคุณมากๆนะคะสำหรับรีวิวที่แสกนส่งมาให้
จะเก็บไว้เป็นสมบัติสำคัญๆๆๆ^^
...
เวลามันเลื่อนไหลของมันไป
ไม่สามารถยื้อยุดไว้
เมื่อมีพบก็มีลาจาก
หลีกหนีไม่พ้นจริงๆ..
.
.
.
.
เฮ่ออออออ...


คุณหนึ่ง
ขอบคุณนะคะ
วาดเล่นๆแบบนี้เราถนัดค่ะ ฮ่ะฮ่ะ
วาดงานจริงทีไรเละทุกที



โดย: silly วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:6:58:46 น.  

 
อ่านแล้วชอบจังค่ะนึกภาพตามเป็นฉากๆ พี่ฝนเขียนหนังสือดีจริงๆ รออ่านเล่มต่อไปค่ะ..^^


โดย: นู๋ธี IP: 202.91.18.217 วันที่: 26 กันยายน 2554 เวลา:20:13:48 น.  

 
แอบมาเยี่ยมบล็อคครับ ^^


โดย: Sahassa วันที่: 23 ตุลาคม 2554 เวลา:8:02:02 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

silly
Location :
tokyo Japan

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ฉันเป็นเพียง
ผู้หญิงหัวโตคนนึง....


เป็นเรื่องน่าดีใจ
สำหรับทุกเช้า
ที่ตื่นมาพบว่า
ตัวเองยังมีลมหายใจ
















[Add silly's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.