มกราคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
11
14
16
18
19
21
23
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
เรื่องสั้นออนไลน์ชุดที่ 1 สัญญาณแห่งรัก
สัญญาณแห่งรัก(นิยาย) เมื่อ 02 ม.ค. 46 03:35:01



ตั้งแต่เช้า จนบ่าย
สไบแพร วิ่งวุ่นจนไม่มีเวลามองนาฬิกา

เมื่อได้เข้ามานั่งพักในห้อง
เสียงท้องร้อง จึงเตือนว่าล่วงเวลากินข้าวไปแล้ว

คนไข้เมื่อเช้าคงตำหนิ หากรู้ว่า คุณหมอสาวที่เตือนหล่อนให้กินข้าวให้ตรงเวลา ยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย
ตั้งแต่เช้าจนเลยเที่ยง

ถ้าจะต้องหาอะไรกินซักหน่อย
เวลากระเพาะเรียกร้องขนาดนี้
คงต้องเริ่มจากอะไรอ่อนๆ ก่อน ไม่งั้น จะกินไม่ลงเอาซะดื้อๆ
นมอุ่นๆ คงดีไม่น้อย
หญิงสาวถอดเสื้อคลุมสีขาวออก พาดไว้ที่พนักเก้าอี้
ก้าวเท้ายาวออกไปที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล

งานของวันนี้ผ่านไปอีกครั้ง

หญิงสาวทิ้งตัวนั่งหน้าจอสี่เหลี่ยม
หลายคนที่คุ้นเคยผ่านจอนี้

พอเปิดเครื่อง ต่อสัญญาณได้
คำทักทายจากเพื่อนหลายต่อหลายคนก็พรั่งพรูเข้ามา
ความสุขเล็กๆ บนโลกอินเตอร์เน็ต ที่ใครหลายคนสัมผัสได้
เพื่อนที่ไม่เคยเห็นหน้า แต่พูดจาประสาเดียวกัน

เรื่องราวบอกเล่า ผ่านกระดานข่าวที่ใช้สื่อสาร

กระทู้เรื่องราวที่น่าอ่าน น่าสนใจถูกผลิก ถูกอ่าน
"ลองเข้าไปที่นี่ดูสิแพร" ครั้งแรกในการเริ่มต้นเข้าบอร์ดต่างๆ
มักเริ่มต้นจากคำบอกเล่าของเพื่อนฝูง
หรือบางครั้งเวลาที่ว่าง และไม่รู้จะทำอะไร ก็สามารถดึงหลายคนเข้าสู่ กระดานหัวข้อต่างๆ
ได้อย่างไม่รู้ตัว
และไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม สไบแพรก็ได้เข้ามาที่กระดานสนทนาแห่งนี้

การพบปะพูดคุย ทางจอสี่เหลี่ยมและแป้นหลากปุ่ม
การฝากข้อความ เรื่องราวไว้กับกระดานข่าวต่างๆ ช่วยคลายความเหน็ดเหนื่อยของเธอได้เป็นอย่างดี

"แพรๆ คุยกับคนนี้สิ นิสัยดีนะ" ข้อความที่ถูกส่งผ่านมาถึงเธอ
ทำให้สะไบแพรมีโอกาสได้รู้จักคนๆ หนึ่ง
ผู้ซึ่งจะกำหัวใจของเธอไว้ตราบชั่วนิรันดร์


ก๊อก ก๊อก ก๊อก
@^o^ @ @^0^@
โอ๊ะ โอ๋

ดอกไม้สีแดง กลายเป็นสีเขียวสดใส
ใครคนหนึ่งกำลังเข้ามายังโลกแห่งสัญญาณ


หัวใจที่เคยนิ่งสงบ
ไม่ว่าจะมีเสียงนี้ดังกี่ครั้ง
กลับสั่นไหว ซุกซ่อนความดีใจไว้ภายใน

นับตั้งแต่ได้พูดจากันหลายครั้ง
โดยมีเพื่อนที่เธอคิดว่าสนิท บนโลกไซเบอร์ร่วมอยู่ด้วย
หัวใจของเธอ เริ่มเปลี่ยนแปรจากครั้งแรก
ความหวิวไหว กระดอนเด้งของหัวใจ
ทำให้การพูดคุยทุกครั้งมีชีวิตชีวา

"สวัสดีครับ วันนี้เป็นไงบ้างครับ เหนื่อยไหม" คำทักทายเช่นเดิมทุกวัน
แต่กลับทำให้จิตใจต่างกันทุกวัน
"สวัสดีค่ะ สบายดีค่ะ งานเยอะจนไม่มีเวลาไม่สบายเลยค่ะ" หมอสาวตอบอย่างอารมณ์ดี

จากคำทักทายธรรมดา
แต่ทว่าหัวใจของอีกฝ่ายกลับไม่ธรรมดาไปด้วย

เรื่องราวที่พูดคุยกัน
ก็ไม่พ้นเรื่องสัพเพเหระ
เรื่องงาน เรื่องเพื่อน เรื่องชีวิตประจำวัน
แต่ทุกประโยคที่ถาม และทุกคำที่ตอบ
ซ่อนไว้ซึ่ง ความห่วงใย เอื้ออาทร และปรารถนาดีต่อกัน

"แพรจะต้องไปทำธุระที่กรุงเทพฯ" สไบแพรบอกคนอีกฟาก
และคาดหวังอย่างยิ่งที่จะได้ยินคำนัดหมายจากปากเขา
"เหรอครับ มาเมื่อไหร่ครับ มาทำอะไร" เขาถามรายละเอียด เหมือนเป็นเรื่องปกติ ดูเอาเถอะ
ตั้งแต่คุยกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมีโอกาสได้เข้ามากรุงเทพฯ เป็นโอกาสดีทีเดียวที่จะได้เจอกัน
แต่เขากลับทำเหมือนไม่มีอะไรน่าดีใจนัก
"วันพฤหัสนี้ค่ะ ไปอบรม" เธอตอบ และหากการพูดคุยครั้งนี้ ไม่ใช่เป็นแค่การพิมพ์ข้อความ
เขาคงได้ยินหาเสียงห่างเหิน มึนตึงที่เธอมี และหากสามารถมองเห็นหน้ากันได้
เขาจะเห็นภาพใบหน้าที่แย้มยิ้มยามแจ้งข่าว
เปลี่ยนเป็น หงุดหงิด เศร้าซึม ในเวลาต่อมา

"อืม แพรจะเสร็จธุระซักกี่โมง แล้วอยู่ถึงกี่โมงครับ" คำถามที่ผ่านการครุ่นคิดมานาน
เล็ดลอดมาจากปากของเขาในที่สุด
สไบแพร ยิ้มหวานให้ ให้ใคร ให้จอสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงหน้า แต่พยายามควบคุมเสียให้ปกติเข้าไว้
การพูดคุยผ่านโมเด็มนี่ก็ดีอย่างนึง
ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ไม่รู้ว่ากำลังวางฟอร์มอยู่
"ก็ประมาณบ่ายๆ นะคะ" ชายคนไกลถอนหายใจด้วยตัวหนังสือ
เธอจับความรู้สึกแบบเข้าข้างตัวเองว่า เขาคงอยากเจอกับเธอเช่นกัน
"ทำไมล่ะคะ" แกล้งส่งคำถามไป เหมือนไม่รู้ว่าเขาคิดอะไร
"ผมทำงานเลิกเย็นน่ะ ถ้าแพรกลับเย็ฯหน่อย คงมีโอกาสเจอกัน"
สไบแพรนึกหมั่นไส้ขึ้นมาเล็กน้อย แหมถ้าอยากเจอจริงก็โดนงานมาสิ แต่...
ไม่สินะ ที่เขาไม่โดดงานนี่ก็ดีแล้ว เพราะดูเขาเป็นคนรับผิดชอบดี หัวใจเธอเอนเอียงโดยสมัครใจ
"แพรนัดทานข้าวกับเจนน่ะค่ะ คงไปเดินเล่นแล้วทานข้าวเย็นด้วยกัน" สไบแพรยิ้มกว้างอีกครั้ง
เปิดโอกาสสุดๆ แต่โชคดีมีเพื่อนสนิทไว้กันน่าเกลียด
"เหรอครับ งั้นผมเลิกงานแล้วจะรีบตามไปเลยนะครับ นัดเจอกันที่ไหนครับ"


"แพร สั่งเพิ่มไหม" เสียงเจน เพื่อนสนิทในโลกไซเบอร์ถาม เมื่อเห็น
แพรสั่งอาหารอยู่เรื่อยๆ ท่าทางเหมือนยังไม่อิ่มซักที
"อืม ได้เรื่อยๆ นะเจน" แพรตอบ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้มองนาฬิกาอีก นี่ก็เย็นมากแล้ว
เขายังมาไม่ถึงเลย ถ้าเธอรีบอิ่ม เขายังไม่มาจะทำยังไง จะทำอะไรต่อไป ต้องตั้งหน้าตั้งตารอเหรอ
แล้วเพื่อนจะเบื่อไหม จะรีบกลับบ้านไหม กินไปเรื่อยๆ อย่างนี้คงดีกว่า
"วันนี้แพรหิ๊วหิวล่ะเจน" เจนนึกขำเพื่อน
"เอาหิวก็กินเยอะๆ นะ" เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"โทร.มาละ รับสายแป๊บนะ" เจนหันมาบอกแพรที่ทำหน้าไม่สนใจ แต่หูเรดาห์มาก

หลังจากการนั่งคอย คอย และคอย ผ่านไปนานจนสไบแพรเริ่มทานอะไรไม่ลงอีกต่อไป คนที่รอคอยก็มาถึง

ภาพที่เห็นก่อความประทับใจยิ่งขึ้น
คำพูดที่ออกจากปาก มิใช่ปลายนิ้ว ทำให้หัวใจสไบแพรไหวระรัว
แต่นั่นมิได้มากไปกว่าความคิดอ่านที่ผ่านถ้อยคำทุกถ้อยคำ และความนัยใจที่ส่งผ่านสายตาคู่นั้น

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า
สะไบแพรจดจำหน้าตา ท่าทาง คำพูด และแววตาของเขาได้อย่างดี

"สวัสดีครับ"
เสียงทักทาย ตามสายสัณญาณยังคงเป็นไปตามปกติ
แต่ส่วนของหัวใจของคนทั้งสอง มิได้ปกติอีกต่อไป
แม้จะมีช่วงเวลาน้อยในแต่ละวันที่ว่างจากการงานและหน้าที่
แต่ทั้งสองก็ใช้เวลานั้นๆ ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด

การมีเวลาให้คนรักน้อย
ไม่ใช่อุปสรรคของความรัก
หากเราสามารถใช้เวลาที่มีนั้น อย่างคุ้มค่าที่สุด

ในทางตรงกันข้าม
การอยู่กับคนรักตลอดเวลา
กลับจะเป็นผลเสีย หากเรามุ่งหวังแต่จะให้เขามาใส่ใจเรา หรืออยู่ในโอวาทะของเรา


"แพรจะต้องลงไปทำธูระอีกแล้วค่ะ" สไบแพรส่งข้อความถึงเขา
"เหรอครับ แล้วจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม" เขาถามอย่างรวดเร็ว
"ค่ะ เสร็จธุระ แพรจะโทร.หานะคะ" ถึงไม่ใช่การตกลงทำสัญญาใดๆ แต่ทั้ง 2 ก็รู้ดีว่า
มันมั่นคงยิ่งกว่าคำสัญญา ดังนั้นการรอคอยเวลาที่จะได้พบกัน
จึงเปี่ยมด้วยความสุขทุกวินาที


การพบกันครั้งนี้
ไม่เหมือนครั้งก่อน
เจตนา และอารมณ์ผิดแผกไป

ความรักทำให้คนอยากใกล้
ความคิดถึงทำให้หัวใจอยากเจอ

สไบแพรตั้งใจอย่าแน่วแน่
ครั้งนี้เธอจะต้องค้นหาความจริง ในแววตาคู่นั้นให้ได้


โอกาสที่ทั้งสองสร้างขึ้นมา
การเดินทางเพื่อตามหาหัวใจใครบางคน
หรือการหาหัวใจของตัวเอง

เมื่อโอกาสมาถึง สไบแพร คุณหมอสาวที่มีความละเอียดละออในการจดจำทุกเรื่องราว
พยายามที่จะบันทึกทุกสิ่งที่ได้เห็น
และใช้ความสามารถในการวิเคราะห์ วิจัย วินิจฉัยต่างๆ ที่ได้เคยร่ำเรียนมา ให้ก่อประโยชน์ที่สุด


แต่มันไม่ใช่การง่ายนัก สำหรับผู้หญิงเยี่ยงเธอ
ที่จะมองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มขี้อาย
เพราะเธอไม่ใช่ พี่สาวแก่วัยดึกนี่หน่า
ที่มองผู้ชายเหมือนเป็นสิ่งมีชีวตเท่านั้น


เฮ่อ..ถ้า เจ้เจ้เราอยู่คงมาช่วยกันจงดูค้นหาได้ง่ายกว่านี้
ได้ครั้นจะจับความรู้สึกจากน้ำเสียง
ก็ยิ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะผู้ชายคนนี้ พูดน้อยมาก


สไบแพรบอกไม่ถูกถึงความรู้สึกเมื่อกลับมาถึงบ้าน
มีความสุขที่ได้เจอนั้นใช่
และท่าทางเขาก็มีความรู้สึกไม่ต่างกัน
แต่ความสับสน สงสัย ก็ทำให้ความสุขใจลดลงได้ไม่น้อยเลย

โอ๊ะ โอ๋...


เสียงสัญญาณ แห่งความรัก เข้ามาทักทายอีกครั้ง
สไบแพร มองเห็นภาพ ดอกไม้ที่เปลี่ยนสี
ชื่อของเขาเปลี่ยนจากแดง เป็นน้ำเงิน

"สวัสดีครับ แพร" ข้อความถูกส่งตามปกติ
สไบแพร ลังเลที่จะตอบ ส่งที่ค้างคาอยู่ในใจทำให้ ต้องหยุดคิดให้ดี
"แพรเป็นไรครับ ไม่ว่างเหรอครับ" เขาถามอย่างเกรงใจ
"เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเพลินๆ" เธอตอบเลี่ยงๆ ไม่ให้น่าเกลียด เขาส่งข้อความพูดคุยอยู่นาน
แต่เธอก็ได้แต่ตอบ อืม ค่ะ ใช่ ไปตามเรื่อง
"แพรเป็นอะไรล่ะครับ ดูเงียบๆ ไป" เขาสังเกตเห็นอย่างไม่ยากนัก เพราะปกติ
เธอจะเป็นคนที่ร่าเริง พูดคุยตลอดเวลา

สไบแพรลังเล ที่จะตอบอยู่นาน
"เจอแพรแล้วเป็นยังไงบ้างคะ" เธอเปลี่ยนเป็นถามตรงๆ เพราะความอึดอัดที่อะไรๆ
มันดูไม่กระจ่างซะเลย
"ก็ดีนะครับ" เขาตอบสั้นๆ สไบแพรรู้สึกหงุดหงิด
เธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าหงุดหงิดเรื่องอะไร
"แค่ก็ดีเหรอคะ" เธอถามอย่างประชด
"ฮา เรื่องนี้นี่เอง" เขาตอบกลับมาเหมือนนึกขึ้นได้

"ผมดีใจมากที่ได้เจอแพร โดยเฉพาะที่ได้เจอกัน 2 คน ทำให้มีโอกาสได้พูดได้คุยกันมากขึ้น"
เขาตอบยาวกว่าทุกครั้ง สไบแพรอมยิ้มอย่างมีหวัง
"แล้วไงต่อคะ" เธอถามนำ เพื่อเร่งให้เขาตอบอย่างใจ
"ผมตื่นเต้นมากที่ได้คุยกับแพร แล้วมันมากจนไม่รู้จะคุยอะไรดี" เขาพิมพ์ข้อความมาเรื่อยๆ

"เวลาที่ผมได้ฟังแพรคุย เห็นแพรยิ้ม มีความสุขนะครับ จนผมไม่อยากขัดจังหวะ ผมชอบที่แพรร่าเริง
คุยสนุก" สไบแพรพยักหน้า และขวยเขิน กับจอสี่เหลี่ยม
"แพรล่ะครับ" เขาถามกลับ เธอสะดุ้งเล็กน้อยก่อนพิมพ์ตอบกลับไป
"แพรก็เหมือนกันค่ะ แต่ที่พิเศษกว่านั้นก็คือ.." เธอชะงักคิด จะพิมพ์ต่อไปดีไหม
"คืออะไรครับ" เขาถามเร่งเร้า
"คือ แพรตั้งใจว่า จะต้องรู้ให้ได้ว่า คุณคิดยังไง" เมื่อกดส่งข้อความไปแล้ว
เธอก็นึกเจ็บใจตัวเองที่ทำอย่างนั้น เขาจะมองว่าเธอเป็นยังไงกันนะ เจอกันไม่กี่ครั้ง

เขาเงียบไปอยู่นาน นานจน สไบแพรหัวเราะกับตัวเอง ไม่น่าส่งไปเลย

"ผม ก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน" เขาตอบมาก่อนที่เธอจะพิมพ์ข้อความแก้เก้อเสร็จ

"ผมคิดล่วงหน้าไว้เลยว่า จะทำยังไงดี ที่จะรู้ว่าแพรคิดยังไง แล้วทำให้แพรไม่เบื่อ
ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง แพรอาจจะเบื่อที่ต้องมานั่งกับผมนานๆ ผมพยายามสังเกตแพร ก็เห็นแพรร่าเริง
ร่าเริงมากจนผมคิดไปว่า นี่คงจะเป็นปกติของแพรหรือเปล่า ที่เข้ากับคนง่าย จึงทำให้ผมใจฝ่อไปใหญ่
ไม่รู้ว่า ที่แพรยิ้ม หัวเราะ เพราะ มันคือปกติ หรือแพรพิเศษกับผม" เขาพิมพ์ยาวกว่าคราวที่แล้ว
สไบแพรอ่านแล้วได้แต่ยิ้ม แกล้งนิ่งนานซักนิด เผื่อเขาจะมีอะไรต่อ แต่เขาก็เงียบเหมือนหมดแรงจะพิมพ์ต่อ


"ค่ะ" เธอพิมพ์ตอบสั้นๆ ก็ไม่รู้จะตอบอะไรดี
"แพร ตอบผมหน่อยสิครับ" เขาถามถึงคำตอบ
"แหม ก็พิเศษสิคะ แพรไม่ได้ไปไหนๆ กับใครง่ายๆ นะคะ แล้วนี่ยิ่ง ต้องมาถึงที่นี่
ข้ามมาตั้งหลายจังหวัด"



แล้วความสดใส และหัวใจที่เบิกบาน ก็เริ่มต้นอย่างจริงจัง ชัดเจน ณ วันนั้น


นานวันของการรู้จัก
ทำให้คน 2 คน ที่ความคิด ความรู้สึกตรงกัน ยิ่งมีโอกาสเรียนรู้กันมากขึ้น
เรื่องราวต่างๆ ถูกถ่ายทอด อย่างละเอียดละออ
เหมือนนั่งอยู่เคียงข้างกันตลอดเวลา


แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก เหมือนดาบสองคมทั้งสิ้น
ใครหลายคนคงคิดว่า ความรัก และความสุข ยามหอมหวาน
ทำให้คนเราลืมเรื่องต่างๆ ที่เป็นทุกข์ได้
แต่จะมีซักกี่คนที่รู้ว่า...
ความรัก และความสุข ก็ก่อให้เราเกิดทุกได้เช่นกัน


"นี่เรากำลังทำอะไร" สไบแพรคิดในบางวัน
"เราหลงไหลได้ปลื้มกับคนที่รู้จักกันทางอินเตอร์เน็ท" เธอปล่อยความคิดไปอย่างอิสระ
"เราดีใจ หัวเราะ ปลาบปลื้มใจ รอคอย โหยหา และยิ้มร่ากับหน้าจอ แต่ความจริงล่ะ
เขามีเราคนเดียวไหม เขาจะมั่นคงไหม....(สารพัดที่คิดได้)"

ความรักก่อให้เกิดทุกข์ซะแล้ว

โลกไซเบอร์คือความหลอกลวง
หาความจริง แน่นอนไม่ได้

คำคนอื่น จะเป็นจริงไหม

สไบแพรจมดิ่งและวนเวียนอยู่กับความคิดของตนเอง


ด้วยความคิดที่เป็นจริง
ด้วยอาชีพ ที่มีแต่ความจริงซึ่งพิสูจน์ได้
ความหมายของหัวใจ จึงหายไปกึ่งหนึ่ง

สไบแพรกังวลในหลายเรื่อง
เธอเป็นคน มีตัวตน มีหัวใจ
เขาก็เช่นกัน
ความจริงใจที่เธอ เธอรู้ แต่ที่เขามีเธอรู้เพียงผ่านตัวหนังสือ
ยามความห่วงใย ถ่ายทอดมา
คุณค่าของมันถูกบั่นทอนด้วย การอยู่ต่างถิ่น

สไบแพรคิด
เหมือนที่คนส่วนใหญ่คิด
ความรักในโลกสัญญาณ
มีมีอยู่จริงหรือเปล่า
ความจริงใจที่มีให้กัน
มันเท่ากับคำที่ส่งมาหรือเปล่า
ไม่เห็นหน้ากัน
เขาซาบซึ้งจริงหรือเปล่า

ความรัก ไม่ควรมีความเคลือบแคลง
ความสัมพันธ์ไม่ควรมีความสงสัย

แต่จะห้ามใจได้อย่างไร
ในเมื่อเธอมุ่งหวังความจริงใจ
และมอบไปให้จนหมด


โลกความฝัน
โลกความจริง

มันทับซ้อนจนแยกไม่ออก

ในขณะที่คนเรากังวล
ก็มักจะมองข้ามความรู้สึกของคนอื่น
และปิดกั้นทุกสิ่ง
ด้วยเหตุผลส่วนตัว



สไบแพร หมกหมุ่นกับความคิดของตัวเอง
จนไม่ได้สังเกตว่า ตนได้แสดงความห่างเหินอย่างชัดเจน


"แพรเป็นไรไปครับ ไม่สบายหรือเปล่า" เขาถามในบางครั้งที่คุยกัน
"เปล่าค่ะ" คำตอบง่ายๆ ที่เธอชอบเลือกมาตอบ
"ผมไปหาแพรที่บ้านได้ไหมครับ" เขาถามในบางครั้งที่มีโอกาสจะเดินทางมาใกล้ๆ ที่พักของเธอ
"อย่าเลยค่ะ แพรไม่ค่อยว่าง" นี่คือคำปฏิเสธที่ง่ายที่สุด ที่เธอคิดขึ้นมาได้

ในที่สุด
สไบแพรก็อดรนทนไม่ได้กับความคิดของตนเอง
ความอึดอัดที่ต้องทำสิ่งที่ใจไม่ต้องการ
เธออยากเจอเขา อยากบอกเขาถึงความในใจ
แต่เพียงเพราะคำว่า รักในเน็ท ทำให้เธอหวั่นไหว สับสน และไม่แน่ใจ


"เจ้เจ้ ข้ามีเรื่องปรึกษาท่าน" ข้อความได้ถูกส่งผ่านสายสัญญาณมาสู่มิตรต่างวัย
"ว่ามาม่วยม่วยเรา" สาวใหญ่ สูงวัยตอบกลับมาในทันที
"ข้ามีเรื่องทุกใจหวังให้ท่านคลายทุกข์อันถาโถม" ถ้อยคำของเหล่าจอมยุทธ ที่ทั้งสองชอบใช้
ถ่ายทอดถึงกัน และแล้วอีกฝ่ายก็ได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด อย่างละเอียดละออ

"ท่านเห็นเป็นเช่นไร เจ้เจ้ ข้าน้อยไม่อาจตัดสินใจได้"
สไบแพรขอคำปรึกษาจากพี่สาวที่คลานตามกันมาทางสายสัญญาณ

"ม่วยม่วยเรา ความรักจักเกิดที่ใด ก็มิรู้ได้ เปรียบเยี่ยงโจรมุมตึก ที่คึกพิโรธ
เจ้าไม่สามารถบอกได้ว่ามันผู้ใด โหดร้ายกว่ากัน และมันผู้ใดเป็นดังตี่ตี๋ ที่มิสิ้นกลิ่นน้ำนม
ไม่ว่าจะมันผู้ใด ยืนที่ใดก็คือโจร

เกิดที่ใด เกิดกับใคร ก็คือความรัก เจ้ามิสามารถวัดได้ด้วยที่เกิด หรือผู้ให้กำเนิด จงกระทำตามใจเจ้า
ด้วยสิ่งนี้ เจ้าจึงพบสุขที่แท้จริง" แล้วสัญญาณก็ถูกตัดหายไป

สไบแพรยิ้มทั้งน้ำตา
แล้วหยิบโทรสัพท์กดไปหาเขาคนนั้น
"สวัสดีค่ะบอล" เสียงหวานตามสายเริ่มขึ้นอีกครั้งอย่างสดใส


และเสียงระฆังใจ ระฆังรัก จะก้องในอีกไม่ช้า




Create Date : 09 มกราคม 2548
Last Update : 9 มีนาคม 2549 22:20:15 น.
Counter : 126 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฟนไท
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Friends Blog
[Add แฟนไท's blog to your weblog]