มกราคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
11
14
16
18
19
21
23
26
27
28
29
31
 
 
All Blog
เรื่องสั้นออนไลน์ชุดที่ 1 ....ลมหนาว..คราวที่ผ่าน
1.ลมหนาว..คราวที่ผ่าน เมื่อ 18 ต.ค. 45 17:17:21




ลมหนาว..



ใครเลยจะไม่หนาว

ร่างกายแตกกร้าน
หัวใจหนาวเหน็บเหลือเกิน

เมธาวลัย กอบกายไว้ ใต้เสื้อสูทตัวโคร่ง
จุดหมายปลายทางคือ ที่ใดซักแห่งในเมืองหลวง


สิ่งที่หญิงสาวอยากทำในตอนนี้
แม้กระทั่งเจ้าตัวเองยังไม่แน่ใจนัก

กายที่เดินฝ่าลมหนาว
กับใจที่ร้าวรานนานเหน็บ


หน้าหนาวคราวที่ผ่าน
ข้างกายเธอมีใครคนหนึ่งอยู่ใกล้ๆ

ภาพหนุ่มสาวที่รายล้อมโต๊ะที่เต็มไปด้วย อาหารหลากหลาย
นมแก้วโตของเขาและเธอ
รวมทั้งขนมปังหอมกรุ่นของเพื่อนพ้อง

เมื่อครั้งนั้น เมธาวลัยได้แต่ยิ้มเอียงอาย กับชายตรงหน้า
การเสวนาเริ่มต้นด้วยเพื่อนสาวของเธอเสียเป็นส่วนใหญ่
ส่วนเมธาวลัย ทำอะไรได้ไม่มากนัก
ความเก้อเขิน ทำให้หลายอย่างดูไม่ราบรื่น

ประโยคธรรมดา ดูแสนจะยากเย็นสำหรับเธอในวันนั้น

ชายหนุ่มตรงหน้า ยิ้มขันในความอ่อนใสของเจ้าหล่อน
"ทำไมวันนี้พูดน้อยจัง" เขาเอ่ยทักเมื่อผิดสังเกต
"ไม่รู้จะพูดอะไรนี่คะ" เมธาวลัยตอบเสียงแผ่วเบา

เย็นย่ำ แห่งความสุขผ่านไปโดยไม่รู้ตัว

นี่เกือบปีแล้วสินะ
ความหนาวยังคงแทรกตัวไล่ฝนให้ฤดูกาลเฉกเช่นทุกวัน
แต่ใครบางคน ห่างไกลจนเกินจะคิดถึง

หญิงสาวกระชับเสื้อให้แน่นขึ้น
ความคิดถึงคงเป็นวิบากกรรมชนิดหนึ่ง
ซึ่งทำให้ใจใครร้อนรนได้สม่ำเสมอ

ป่านนี้เขาจะเป็นเช่นไร
ทางที่อยู่จะเหน็บหนาวแค่ไหน
และใครจะคอยอยู่ใกล้ และหายใจให้ไออุ่นรดถึงกัน

หญิงสาวพ่นลมหายใจดังยาว
ร้านของชำ 24 ชั่วโมงอยู่ตรงหน้า
กาแฟร้อนๆ ซักแก้วก็คงดี
"เป็นเด็กอย่าดื่มกาแฟ เดี๋ยวจะปวดหัวจนนอนไม่หลับ" คำของใครบางคนยังก้องอยู่ในคำนึง

"รับอะไรดีคะ" เสียงพนักงานสาวดังขึ้น เมื่อผู้มาเยือนยามเย็นทำท่าลังเลใจ
"มีนมอุ่นๆ ซักแก้วไหมคะ" เธอตอบด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม
"มีค่ะ เชิญทางโน้นนะคะ" พนักงานคนเดิมผายมือไปยังตู้เครื่องดื่มร้อน-เย็น
ที่เรียงรายอยู่เป็นทิวแถว

เมธาวลัย ก้าวขาออกพ้นประตูร้าน
ท้องฟ้าเริ่มค่ำลง
ความเหงา กับความหนาว
ความเศร้า กับความมืด

ใครบางคน ตรงขอบฟ้าไกลจะคิดถึงกันไหมนะ



วูบหนึ่งของลมหนาวผ่านกระทบแก้ม
เมธาวลัยถึงกับยกมือลูบแก้มของตน

"ร้องไห้ทำไม นิ่งซะ" เขาคนนั้นเคยเอ่ยคำอ่อนโยน
"พี่ไม่เข้าใจ เมหรอก" หญิงสาวตอบ
"ใช่ไม่เข้าใจ ทำไมต้องร้องไห้" เขาตอบอย่างงุนงง พลางเอามือปาดน้ำตาบนแก้มของเธอเบาๆ
"พี่ไม่ไปไม่ได้เหรอ เมคิดถึง" เสียงปนสะอื้น แผ่วเบา เหมือนไม่แน่ใจว่า
สิ่งที่พูดนั้นถูกหรือผิด
"อย่าขี้แยสิ พี่ไปเรียนนะ ไม่ได้ไปเที่ยว อีก 2 ปี ก็กลับมา เมชอบทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้
พี่ก็ห่วงแย่สิ เช็ดน้ำตาแล้วไปกินขนมกัน"


เมธาวลัยเดินเรื่อยตามถนน

ภาพเหตุการณ์ในสำนึกวนเวียนให้คิดถึงใครบางคนอย่างจริงจัง
เธอปิดประตูห้องนอน
ถอดสูทตัวที่ใส่
สิ่งแรกที่เธอทำหลังจากกลับเข้าบ้าน
ก็คือแวะดูที่โต๊ะเขียนหนังสือ


ว่างเปล่า..
ไม่มีจดหมายจากแดนไกล

เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์
เชื่อมต่อสัญญาณสู่ ผู้ให้บริการ

เช็คเมล์ของตนเอง
ไม่มีจดหมายหรือข้อความใดๆ
นอกจาก คำชักชวนบ้าบอให้เข้าสู่เว็บประหลาดๆ

จิตใจเธอห่อเหี่ยวจนถึงที่สุด
เขาไม่ว่างที่จะเจียดเวลาซักนิดในการติดต่อเลยเหรอ

หรือเขาไม่ได้คิดถึงเราแม้แต่น้อย

น้ำอุ่นไหลตามแก้มของหญิงสาว
นี่เป็นการร้องไห้ครั้งที่เท่าไรกันนะ
หลังจากที่ชายคนที่เธอรักจากไป


ด้านนอกหน้าต่าง
สายลมพัดให้ยอดไม้ไหวเอน

สายสัญญาณก็ทำให้หัวใจของหญิงสาว
ไหวจนเกินบรรยายด้วยคำใด


กลอนบทเศร้า เริ่มก่อตัวในห้วงคำนึง


สายลมหนาวคราวก่อนยังซ้อนอยู่
เขาจะรู้หรือไม่ ใครคิดถึง
สายลมรัก สายใยฝัน วันคำนึง
โยงใยซึ่ง คำซึ้งที่ตรึงใจ

น้ำตาไหล น้ำใจหมด กดความหวัง
ใจแทบพัง น้ำคำใคร เคยให้ไว้
สายลมเอย สายลมหนาว ร้าวฤทัย
คนอยู่ไกล คงลืมกัน เพราะวันเลย



หลังจากที่เมธาวลัย ขังตนเองกับความเดียวดายและสิ้นหวังหลายต่อหลายวัน
ความห่วงใยของเพื่อนๆ ทำให้เธอ พยายามที่จะปั้นยิ้มอย่างที่สุด


"เม มีจดหมายมานะลูก"เมธาวลัย เดินกึ่งวิ่งไปที่โต๊ะหนังสือบนห้อง
โปสการ์ดรูปต่างแดน กับลายมือยุ่งเหยิง และข้อความสั้นๆ ทำให้เธอยิ้มออกได้อย่างร่าเริง


"เมที่คิดถึง..

ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง พี่กำลังวุ่นวายอยู่กับการติดต่อเพื่อเข้าเรียนให้ทันเทอมนี้
จึงทำให้ไม่มีเวลาว่างพอจะทำอะไรส่วนตัวได้เลย โปสการ์ดฉบับนี้ ส่งมาเพื่อเตือนว่า อย่าลืมกัน
และแทนคำสัญญาที่อยากพูดด้วยตัวเองว่า คิดถึงเสมอ

ต้น"



หญิงสาวจ้องมองโปสการ์ดนิ่งนาน
รอยยิ้ม หยดน้ำตา ล้วนมาจากความดีใจทั้งสิ้น

เธออดรนทนไม่ได้ที่จะนิ่งเฉยเสีย
จึงหยิบกระดาษขาวมาวาดภาพ และเขียนความในใจ เพื่อส่งตอบเขาไปในวันพรุ่ง

แต่ไม่ว่าจะเขียนอย่างไร
มันก็เหมือนกับ ไม่มีคำใดจะเพียงพอ
ที่จะบอกกล่าวให้เขาได้รับรู้ความรู้สึก
ที่เต็มเปี่ยมในขณะนี้ได้


แม้คำขึ้นต้นง่ายๆ ก็ถูกขีดฆ่าทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า

กองกระดาษพะเนินเกือบเต็มห้อง


เธอเริ่มต้นเขียน
แล้วขยำ
เขียน
แล้วขยำ
ทำซ้ำๆ อยู่เช่นนั้น ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือเบื่อหน่าย


"ความรักทำให้คนดีกลายเป็นคนบ้าฉันท์ใด
ความคิดถึงก็ทำให้คนบ้ายิ่งบ้าคลั่งได้ฉันท์นั้น"

เมื่อเขาเข้ามา
เธอก็ยิ้มเริงร่า หัวเราะทั้งวัน เหมือนคนถูกหวย
เมื่อเขาจากไป
เธอก็เศร้าสลด ซดน้ำตา มากเสียกว่าทารกแบเบาะ
เมื่อเขาเงียบหาย
เธอก็กระวนกระวายใจ คิดได้ต่างๆ นานา ยิ่งกว่านักวิทยาศาสตร์
แต่เมื่อเขาส่งข่าวมา
เธอก็ทำได้แค่เพียง เขียนแล้วขยำอยู่เช่นนี้

และแล้ว โปสการ์ดจากฝีมือของหญิงสาว
ก็เสร็จเสียที ข้อความที่เจ้าตัวอ่านทีไรก็เห็นว่าธรรมดาเหลือเกิน 1 คืน เธอไม่ได้นอน
เผ้าแต่เขียนโปสการ์ด วาดภาพ ระบายสี แล้วก็ขยำทิ้ง เพราะข้อความไม่ประทับใจ รูปไม่สวย สีไม่ดี

แต่เธอก็เกรงว่า คนที่อยู่ฟ้าฟากโน้นจะเฝ้ารอข้อความจากเธอ เขาคงกระวนกระวายใจ อย่างที่เธอเป็น


ยามเช้าในวันหนึ่งของฤดูหนาว
ไม่สามารถทำให้หญิงสาวสั่นสะท้านได้อีก
เพราะในหัวใจของเธออบอุ่นไปด้วยความรัก

เธอกำลังมีความสุข จนแทบจะโบยบินได้
และถ้าเธอบินได้จริงๆ ที่แรกที่เธอจะไป
ก็คงไม่พ้นข้างๆ ใครคนหนึ่งที่อยู่อีกฝากฟ้าไกล

คนเราเวลามีความสุข
มักจะเก็บซ่อนมันไว้ไม่อยู่
สายตา มุมปาก มันพลอยจะแสดงออกมาอยู่อย่างนั้น


หากวันใดคุณพบหญิงสาวตัวคล้ำๆ ร่างเล็ก
กอบตัวเองไว้อย่างแน่นหนา ในมือถือโปสการ์ดใบจ้อย สีหน้ากรุ้มกริ่ม ก็จงอย่าคิดอะไรมาก
เธอคนนั้นไม่ได้บ้า เธอคนนั้นไม่ได้เสียสติ

แต่เธอกำลังอิ่มเอมกับความสุขที่ได้คิดถึง
ความสุขที่ได้สัมผัส

วันข้างหน้าของเธอจะเป็นเช่นไร
จะสดใสซาบซ่า หรือจะโรยราอ่อนแรง

"สวัสดีค่ะ พี่ต้น" เมธาวลัยรีบพิมพ์ข้อความบนจอคอมพิวเตอร์
เมื่อเห็นชื่อชายผู้เป็นเจ้าของดวงใจ โชว์ขึ้นที่หน้าจอ

"พี่ต้นเป็นยังไงบ้างคะ เรื่องเรียนเป็นยังไงบ้าง" หญิงสาวยังคงพิมพ์ข้อความต่างๆ ต่อไป

ไม่มีข้อความใดๆ ตอบกลับมา

"พี่ต้นคะ อยู่หรือเปล่าคะ"
"ทำไมไม่ตอบคะ"
"ยุ่งอยู่เหรอคะ" แล้วอยู่ๆ ชื่อของเขาก็ วับ หายไปจากหน้าจอ ไม่เพียงชื่อของเขาที่หายไป

หัวใจของหญิงสาวก็หายไปด้วย
สิ่งที่เข้ามาแทนที่ น้ำตา ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความไม่เข้าใจ ความเศร้า


หลังจากที่ เมธาวลัยเก็บตัวอยู่กับความซึมเศร้ามาหลายวัน เธอก็ตัดสินใจเล่าให้เพื่อนๆ
ฟังถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้

"ไอ้บ้าเอ๊ย คิดมาก" เพื่อนสาวคนสนิทตะโกนขึ้น เมื่อฟังเรื่องจบ
"พี่เขาอาจจะไม่ทันเห็นเมก็ได้" เพื่อนอีกคนให้ความคิดเห็น
"แต่ฉันทักไปตั้งเยอะนะ แล้วพี่เขาก็ไม่ได้ขึ้นป้าย alway ด้วย แสดงว่าเขาอยู่หน้าจอ"
เมธาวลัยอ้างเหตุผล น้ำเอ่อที่ขอบตา จนเพื่อนๆ สังเกตเห็น
"เม คิดมากน่ะ เครื่องพี่เขาอาจจะแฮงค์ก็ได้" เหตุผลคัดค้านต่างๆ ที่เพื่อนพอจะคิดออก
ก็พรั่งพรูออกมา
"เออ หรือเขาอาจจจะไม่สะดวกตอบ พิมพ์ตอบไม่ได้ เมอ่ะ เหตุผลมีตั้งสารพัด" แต่คำพูดต่างๆ
ไม่ได้ทำให้หญิงสาวรู้สึกดีขึ้นเลย

"เออ ถามเจ๊ดูดีกว่า เจ๊มาโน่นแล้ว" กลุ่มเพื่อนตะโกนเรียกสาวใหญ่ ผู้สูงวัยกว่า
แล้วก็เริ่มต้นเล่าเรื่องต่างๆ ให้พี่สาวทางสังคมฟัง

"เรื่องมันก็เป็นอย่างนี้อ่ะเจ๊ แล้วไอ้เม ก็มานั่งทำหน้าเศร้า เหมือนจะตายอยู่นี่"
เพื่อนๆ สรุป เมื่อเล่าเรื่องจบ สาวใหญ่ยิ้มขัน แกมเอ็นดู
"โธ่ เมเอ๊ย พี่ต้นขาของเธอน่ะ คงมีสาวๆ ใหม่ไปแล้ว เขาคงลืมเมไปแล้วล่ะ
เขาไม่รักเมแล้วล่ะ"
"อ้าว เจ๊ ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ" เพื่อนๆ หลายคนทำหน้าเอ๋อ ตกใจกับคำพูดของเพื่อนต่างวัย
"อ้าว จริงนะคิดดูสิ ไม่งั้น เขาจะทำอย่างนี้เหรอ จริงไหมเม" พูดจบก็หันหน้าไปทาง
สาวเจ้าของเรื่อง
"ไม่หรอกเจ๊ ปกติ พี่ต้นเขาเป็นคนพูดไม่เยอะอยู่แล้วอ่ะ" เมธาวลัยตอบ
"อือ แต่นี่มันไม่พูดน๊า" สาวสูงวัยกล่าวต่อ
"ถ้าเขาทำงานอยู่ หรือไม่ว่าง เขาก็ไม่ค่อยตอบเหมือนกัน" เมธาวลัยตอบอีกครั้ง เพื่อนๆ
เริ่มยิ้มออก
"เฮ้ย แต่มันไม่ใช่แบบนี้นะ ไอ้นี่มันไม่ตอบเลยนะ แถมยังออฟไลน์ไปเฉยๆ
เขาต้องหนีเมแน่เลย" คราวนี้สาวใหญ่ ยิ้มกว้างกว่าเดิม
"แหมเจ๊ เครื่องเขาอาจจะแฮงค์ก็ได้นะ"
"ฮะ ฮ่า ๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ดังลั่น

"เมเอ๊ย จำไว้นะ อย่าปล่อยให้ความรักของเรา ไปผูกติดกับ เครื่องมือสื่อสารต่างๆ
เพราะไอ้สัญญาณพวกนี้ มันไม่ดี 100% หรอก ถ้ารักกันจริง เอาใจวัดนะ เขารักเรา เข้าใจเราหรือเปล่า
ใครก็บอกเราไม่ได้หรอก เรื่องของคน 2 คน มันรู้กันแค่นั้น" สาวรุ่นเยาว์ พยักหน้าเกือบพร้อมกัน

"ถามตัวเองให้แน่นะเม ถ้าเราอยากจะเข้าใจเขา เราก็ต้องหนักแน่นพอ แต่ถ้าเราไม่อยากเข้าใจเขา
เราก็ต้องไร้สาระพอ เรื่องหยุมหยิมคิดมันให้หมด เข้าใจนะ เจ๊ไปแล้วนะ" พูดจบสาวใหญ่
วัยดึกก็เดินจากไปอย่างร่าเริง



Create Date : 09 มกราคม 2548
Last Update : 9 มีนาคม 2549 22:20:27 น.
Counter : 196 Pageviews.

3 comments
  
ยาวโคตรๆ เลยว่ะค่ะ

เอ๊ะ แต่ตอนท้ายนี่คุ้นๆ นะเจ๊
"พูดจบสาวใหญ่
วัยดึกก็เดินจากไปอย่างร่าเริง "
โดย: ดิฉันเอง (SSTR ) วันที่: 9 มกราคม 2548 เวลา:13:18:45 น.
  
แหมๆ นังดิฉันเอง
อ่านประโยคแรก เกือบโดดตบ 30 ทีแล้วไง

แต่เอานะ เห็นว่าน่ารัก หยวนๆ
โดย: วรา (แฟนไท ) วันที่: 9 มกราคม 2548 เวลา:14:26:58 น.
  
ยาวไปมากกกกก...


ใช้ถ้อยคำได้ดี


แต่บางตอนเฝือไปนิด
โดย: TOON IP: 61.91.241.182 วันที่: 10 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:20:58 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฟนไท
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Friends Blog
[Add แฟนไท's blog to your weblog]