1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30
งาน 3 ควบ งาน 4 ที่ขั้วโลก
งาน 3 กับงาน 4 ที่นอร์เวย์นี้เป็นงานที่เข้ามาหาเราแบบไม่ได้ตั้งใจไปสมัคร น่าจะเป็นจังหวะของชีวิตซะมากกว่า เดือนกันยายน 2551 เป็นเดือนสิ้นสุดสถานภาพคนตกงานของเรา ซึ่งครบ 2 ปีเต็มพอดิบพอดี ไม่ขาดไม่เกิน พร้อมกับลูกชายอายุครบ 3 ขวบเต็มพอดี รัฐก็ตัดสิทธิ์ในการจ่ายเงินเดือนคนว่างงานและเงินเดือนแม่ลูกอ่อนของเราออกไป (ทั้งที่เราแสนจะอาลัยอาวรณ์สิทธิ์นี้หนักหนา ) ถึงเวลาที่ควรจะหางานหาการทำซะที ลูกก็จะได้เข้าอนุบาลเพื่อเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่นๆ เราได้สมัครอนุบาลให้ลูกไปแล้ว เพราะตามกฎระเบียบของเขา พ่อแม่คนไหนอยากเอาลูกเข้าอนุบาลในเทอมที่จะถึง(เปิดเทอมเดือนสิงหา) ก็ต้องยื่นใบสมัครภายในสิ้นเดือนมีนา ถ้าช้าก็ชวด ต้องรออีกทีปีหน้านู่น แต่เนื่องจากปีที่เราจะให้ลูกเข้าอนุบาล เป็นปีที่มีเด็กเยอะมาก เกินกว่าที่อนุบาลทั้ง 7 แห่งในเมืองที่เราอยู่จะรองรับเด็กได้ทั้งหมด เทศบาลก็เลยต้องแก้ปัญหาโดยจัดให้มีอนุบาลชั่วคราวเพิ่มขึ้นมา 1 แห่ง เพื่อรองรับเด็ก เพราะตามกฎหมายบ้านเมืองเขานั้นถ้าหากเทศบาลไม่จัดหาที่ให้เด็กอย่างทั่วถึงภายสิ้นปี ถือว่ามีความผิด พวกเราก็เลยรอ ระหว่างรอเข้าอนุบาล เรากับลูกชายก็ได้ใช้โอกาสนั้นกลับเมืองไทยเพื่อเยี่ยมแม่ซึ่งกำลังป่วย เราได้ไปเยี่ยมและดูแลแม่ 3 สัปดาห์ แล้วก็เดินทางกลับนอร์เวย์ แต่พอกลับมานอร์เวย์ได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ทางบ้านก็ส่งข่าวว่าแม่เสียชีวิตแล้ว เรากับเจ้าสตีเว่นก็เลยต้องพากันเดินทางไปเมืองไทยด่วนอีกรอบ รอบนี้เราอยู่นาน 4 สัปดาห์ เพื่อทำบุญให้แม่และทำธุรกรรมต่างๆให้เรียบร้อย กลับมานอร์เวย์กลางเดือนพฤศจิกายน อนุบาลก็ยังไม่เสร็จสิ้น รอถึงสิ้นปีถึงได้มีจดหมายจากเทศบาลแจ้งว่าให้ลูกไปอนุบาลได้ตั้งแต่ปีใหม่ 2552 เป็นต้นไป และจังหวะนั้นเองที่เราเริ่มมีงานติดต่อเข้ามาหา คือสองสามีชาวพม่าซึ่งมีร้านขายอาหารเอเชียเล็กๆในตัวเมือง ได้เสนอให้เราไปดูแลและขายของในร้านให้เขาแทนคนเก่าที่ลาออก ที่จริงสองลุงป้าชาวพม่านี้ เมื่อก่อนอยู่เมืองเดียวกับเรานี่แหละ แต่ตอนหลังย้ายไปเมืองอื่น แล้วก็ไปเปิดร้านอีกร้านที่นั่น (ร้านขายอาหารเอเชียหมายถึงร้านที่ขายของชำแบบเมืองไทยเราอ่ะจ้ะ อย่าเข้าใจว่าเป็นภัตตาคารล่ะ) ร้านที่เมืองเราจึงต้องจ้างคนมาขาย แต่ก็ไม่มีใครอยากมาขาย ถึงมีก็ทำได้ไม่นานก็ลาออกไปเพราะ1)ค่าแรงน้อย 2)ชั่วโมงทำงานก็น้อย คือทำแค่ 3 วันๆละ 4ชั่วโมง 3)สถานที่ก็เย็นยะเยือกเพราะอยู่ชั้นใต้ดิน ซ้ำเครื่องทำความอุ่นก็ไม่ได้เรื่อง และ4) สินค้าในร้านมีน้อย ลูกค้ามาซื้อก็ไม่ได้ที่ต้องการ บรรยากาศร้านเลยเงียบๆ เหงาๆ วังเวง ทำงานนี้ดูๆแล้วเหมือนๆชีวิตไม่มีอนาคต แม้จะได้ยินข้อเสียมาอย่างนั้น แต่เราก็ตกลงใจที่จะทำงานที่ร้านอยู่ดี เพราะใจเราตอนนั้นหิวงานจะแย่แล้ว ไม่ได้หยิบจับงานมาซะหลายปีนี่เนาะ มีงานอะไรมาก็จะทำล่ะ ไม่ได้คิดเรื่องเงินเลย อีกอย่างหนึ่งตั้งใจจะให้ลูกเข้าอนุบาล 60% (3 วัน) อยู่แล้วด้วย นั่นก็เลยพอดีกับ 3 วันที่เราทำงานที่ร้านตามเงื่อนไขที่ลุงป้าชาวพม่าว่าไว้พอดี๊ เมื่อลูกเริ่มเข้าอนุบาล เราก็เริ่มทำงานที่ร้านขายอาหารเอเชียที่มีชื่อเก๋ๆว่า Norsia (แปลเป็นไทยว่าร้านเอเชียที่ขั้วโลก ประมาณนั้น ) และพอดีว่าสัปดาห์แรกที่ลูกไปอนุบาล หัวหน้าครูอนุบาลต้องทำความรู้จัก+ชี้แจงระเบียบอนุบาลให้แก่พ่อแม่/ผู้ปกครองเด็กก่อน โดยเชิญพ่อแม่มาคุยเป็นการส่วนตัว ตอนนั้นเองสามีเราถือโอกาสฝากฝังเราเรื่องงานกับครูหัวหน้าอนุบาล ว่าเมียผมร่ำเรียนสายครูประถมมาจากเมืองไทย เคยฝึกสอนเด็กอยู่สองสามเดือน ถ้าหากทางอนุบาลขาดคน ก็ลองใช้บริการเมียผมได้นะครับ เทือกๆนั้น (เอ่อ..เราจบสายครูมาจริงๆจ้ะ ตอนแรกจบสายสื่อสารมวลชน ไปทำงานด้านสารคดีทีวีได้ 4-5 ปีแล้วนึกไงไม่รู้กระแดะอยากเป็นครูบ้านนอก เลยไปเรียนเอาวุฒิครูเพิ่มอีกใบ แต่เรียนจบแล้วก็ไม่มีวาสนาได้สอนเด็กบ้านนอกดังที่ฝันหรอก ติดกับดักพ่อเจ้าสตีเว่นซะก่อน อ่ะเล่าต่อ ดังนั้นงานที่สามของเราก็คือเป็นเป็นลูกจ้างขายของร้านอาหารเอเชีย ตั้งแต่มกรา ปี2552 และทำควบคู่กับงานที่ 4 คืองานดูแลเด็กอนุบาล ที่เดียวกับที่ลูกชายเข้าไปเรียนนั่นแหละ เป็นงานชั่วคราว เราทำแทน จนท.ประจำคนนึงที่ลาป่วยเพราะผ่าตัดหัวเข่า งานที่อนุบาลนี้เทศบาลจะเป็นคนจ่ายค่าแรงให้เรา ช่วงนั้นแบ่งเวลาทำงานคือวันจันทร์กับอังคารทำที่อนุบาล 08.00-16.00 น. ส่วนพุธ พฤหัส และศุกร์ ทำช่วงเช้าที่อนุบาล 08-11.45 น. แล้วก็ไปทำงานที่ร้านตั้งแต่ 12.00 -16.00 น. เราโชคดีนิดนึงที่อนุบาลอยู่ใกล้บ้านและเป็นทางผ่านที่จะไปทำงานที่ร้านในตัวเมืองพอดี จะว่าไปงานที่อนุบาล ไม่ใช่งานหนัก แต่มันจะหัวหมุนทั้งวัน เพราะมีแต่เสียงเด็กเล่น ร้อง แหกปาก ตะโกนโหวกเหวก ตีกัน กัดกัน ดีกัน หัวเราะกันทั้งวัน แต่ดีที่งานไม่น่าเบื่อเพราะมีกิจกรรมหลากหลาย เช่นพาเด็กไปเที่ยวชม สถานที่ต่างๆ เช่น สถานีดับเพลิง , สถานีตำรวจ, ห้องสมุด ,พิพิธภัณฑ์, ชมฟาร์ม , เที่ยวสวนสัตว์, เดินป่า , ปีนเขา , ชมอนุบาลอื่น , ไปสนามเด็กเล่นนอกสถานที่ ฯลฯ สลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยรวมๆแม้ว่างานที่อนุบาลจะได้ค่าตอบแทนดีและงานไม่หนัก แต่พอทำไปนานๆมันก็ชักไม่สนุก เพราะ1)เราทำงานเต็มเอี๊ยดเกินไป 2)เลิกงานแล้วยังต้องดูแลลูกที่บ้านต่ออีก เพราะสามีต้องทำงานออกต่างจังหวัดบ่อย และ3)รู้สึกทำใจลำบากที่ต้องเป็นทั้งแม่และเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับลูกเราและเด็กคนอื่นๆในเวลาเดียวกัน ลูกจะติดเราแจ/หวงเราและคิดไปเองว่าตัวเขานั้นสำคัญ/มีอภิสิทธิ์เหนือเด็กอื่น มันทำให้เสียการปกครองและทำให้ลูกเสียนิสัยไปด้วย ทำๆไปเราเลยเครียดไม่รู้ตัว แต่ก็ทำไปเรื่อยๆจนผ่านไป 6 เดือนอนุบาลก็ปิดเทอม ก่อนปิดเทอมเราก็เลยไปบอกครูหัวหน้าอนุบาลว่าเทอมหน้าเราไม่ทำต่อแล้ว ไม่ต้องตามตัวมาทำอีกนะครู ที่ผ่านมารู้สึกว่าเราทำงานมากเกินไป และไม่เหมาะกับงานนี้(อิฉันออกจะรักสงบ จะให้มารบกับเด็กๆ ก็สอนเด็กประถมที่เมืองไทย เด็กๆจะนั่งฟังเราตาแป๋วแหวว แต่ที่นอร์เวย์เราต้องเชื่อฟังเด็ก แล้วมองพวกมันตาปริบๆง่ะ เฮ้อ.. ) ครูหัวหน้าก็บอกเสียดายจัง (แต่ในใจคงอยากจะบอกว่า ชั้นก็กำลังจะให้เธอออกอยู่พอดีย่ะ เพราะ จนท.ประจำเขากลับมาทำงานตามเดิมได้แล้ว) ปล.นิ้ดนึง..เท่าที่ได้ร่วมงานกับครูหัวหน้าอนุบาลท่านนี้มา แม้เป็นเวลาสั้นๆแต่เราก็รู้สึกว่าเธอเป็นคนจิตใจดีมากคนหนึ่ง อ่อนโยน มีเมตตา ทั้งเด็กๆและผู้ร่วมงานต่างรักเธอทุกคน รวมทั้งเราด้วย ส่วนงานที่ร้านขายอาหารเอเชีย เป็นงานที่ไม่หนัก เพราะไม่ต้องไปแบกไม่ต้องไปหาม แค่คอยดูแล-ขายของและแจ้งให้เจ้าของร้านรู้ว่าสินค้าตัวไหนขาด ตัวไหนเกิน แค่นั้นเอง ตัวเจ้าของร้านจะเป็นคนนำสินค้ามาเติมในร้านให้ทุกๆสัปดาห์ ช่วงแรกๆเจ้าของร้านก็จะจัดวางสินค้าขึ้นชั้นให้เราเรียบร้อย แต่ระยะหลังๆสินค้าเยอะขึ้นๆเรื่อยๆ เราจึงต้องช่วยจัดเรียง+ติดราคาสินค้าด้วย เราชอบและรู้สึกสนุกกับงานขายของที่ร้าน เพราะได้ใกล้ชิดกับสินค้าที่คุ้นๆจากเมืองไทย ได้ซื้อผักสด+ผลไม้สดก่อนคนอื่นๆ , ได้เจอะเจอเพื่อนๆคนไทย รวมทั้งพม่า ศรีลังกา เวียตนาม ฟิลิปปินด์ จีน เกาหลี แขกดำ แขกขาว นิโกร รวมทั้งฝรั่งหัวแดงด้วย สินค้าที่ทางร้านเอามาขายส่วนมากก็มาจากไทยเราซะค่อนร้าน เลยสบายโก๋ เวลาลูกค้าเข้ามาซื้อหา แวะมาชม หรืออยากรู้ อยากทำอาหารไทยๆ เราก็ช่วยแนะนำพวกเขาได้ถนัดถนี่ (เหวยๆ พูดยังกะตัวเองเชี่ยวชาญด้านอาหารไทยซะเต็มประดา ) อภิโธ่เอ๋ย.. ปกติทุกๆวันพุธบรรยากาศในร้านจะค่อนข้างวุ่นวาย+หัวหมุนกว่าทุกวัน เพราะมีผักและผลไม้สดจากเมืองไทยมาวางขายที่ร้านพร้อมกับผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เลยมีลูกค้าเยอะ โดยเฉพาะคนไทย ใครเห็นจะคิดว่าเป็นวันนัดพบคนไทย คือมาซื้อของด้วยคุยกันด้วย เหมือนนกกระจอกแตกรังเลยทีเดียว บางคนห่อข้าวห่อแกงมาแบ่งกันกินที่ร้านอีกตะหาก เลยทำให้ร้านคึกคักเฮฮา จนต้องเพิ่มเวลาเปิดร้านขึ้นอีก 1 ชม. คือเปิด 11.00-16.00 น. และเพิ่มเวลาให้ทำงานในวันเสาร์ด้วย ทำงานที่ร้าน ทำไปๆก็ยิ่งปลื้มใจ ที่เจ้าของร้านพอใจการทำงานของเรา เพราะเพื่อนๆพม่ามาเล่าให้ว่าเจ้าของร้านมักชมเราให้ฟังว่าเราทำงานดี มีระบบระเบียบ ขายเก่ง ทำให้ยอดขายทางร้านสูงขึ้นมาก ขณะที่เพื่อนๆคนอื่นต่างพอใจที่เรามีส่วนให้ร้านนำสินค้าใหม่ๆมาขาย ส่วนพวกฝรั่ง+ต่างชาติอื่นๆมักจะชมในทำนองที่ว่าเรามีน้ำใจ อัธยาศัยดี เวลาเข้ามาชมหรือซื้อของที่ร้านแล้วรู้สึกอบอุ่น (ก็แหง๋สิ คนไทยเราสยามเมืองยิ้มอยู่แล้ว จะให้ทำหน้าตาเฉยชา มึนตึง หรือบูดบึ้ง บอกบุญไม่รับแบบฝรั่งยังไง ไม่ถนัดอ่ะ ) พอได้ยินมาอย่างงั้นก็ดีใจเป็นธรรมดาอ่ะนะ พอเราขายเข้าเดือนที่ 4 เจ้าของร้านก็เพิ่มค่าแรงให้ (เขาคิดค่าแรงเป็นรายชั่วโมง) ต่อจากนั้นต่อๆมาเจ้าของร้านก็เพิ่มค่าแรงให้เราเป็นระยะๆ เท่าที่ได้ทำงานให้ป้าลุงชาวพม่าคู่นี้มา เรารู้สึกว่าพวกเขาก็ใจดีนี่นา ไม่ได้ขี้ตืดหรือขี้งกอย่างที่ได้ยินได้ฟังมาเลย พวกเขาเป็นคนประหยัด มัธยัธถ์ ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมาดีออก จบแค่นี้ก่อนจ้ะ ง่วงนอนแย๊ววว บล็อกหน้าค่อยว่ากันใหม่เน้อ... ขอบคุณที่แวะมาอ่านจ้ะ
Create Date : 18 กันยายน 2553
48 comments
Last Update : 3 ตุลาคม 2553 22:39:41 น.
Counter : 1517 Pageviews.
โดย: apple IP: 124.157.161.57 18 กันยายน 2553 8:37:26 น.
โดย: ป้าโซ 18 กันยายน 2553 15:18:28 น.
โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง. (เป็ดสวรรค์ ) 18 กันยายน 2553 19:37:27 น.
โดย: สายมาแย้วววววว (amonrat35 ) 18 กันยายน 2553 20:52:59 น.
โดย: แม่หมู (jamaica ) 20 กันยายน 2553 0:13:28 น.
โดย: cengorn 20 กันยายน 2553 23:28:59 น.
โดย: ปลาทอง9 21 กันยายน 2553 15:07:00 น.
โดย: ป้าโซ 21 กันยายน 2553 17:11:01 น.
โดย: Maw Meaw IP: 217.196.48.37 21 กันยายน 2553 17:29:04 น.
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 21 กันยายน 2553 18:00:40 น.
โดย: ปลาทอง9 22 กันยายน 2553 13:58:19 น.
โดย: แม่หมู (jamaica ) 22 กันยายน 2553 21:19:49 น.
โดย: ปลาทอง9 23 กันยายน 2553 0:02:41 น.
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 23 กันยายน 2553 0:36:25 น.
โดย: NokJbz 23 กันยายน 2553 8:51:32 น.
โดย: เลื้อย 23 กันยายน 2553 18:58:52 น.
โดย: ปลาทอง9 24 กันยายน 2553 4:30:42 น.
โดย: ชายผู้หล่อเหลา...กว่าแย้นิดนึง. (เป็ดสวรรค์ ) 24 กันยายน 2553 20:01:50 น.
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 25 กันยายน 2553 21:11:57 น.
โดย: เลื้อย 26 กันยายน 2553 6:40:13 น.
โดย: มนุษย์ต่างดาว..ผมยาว..ปากหวาน... (เป็ดสวรรค์ ) 26 กันยายน 2553 19:27:03 น.
โดย: แม่หมู (jamaica ) 26 กันยายน 2553 20:43:57 น.
โดย: น้อยจ๊ะ (GLA_GAW ) 27 กันยายน 2553 12:28:51 น.
โดย: อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา (บันทึก....ไซเบอร์ ) 27 กันยายน 2553 15:47:05 น.
โดย: ผัสสะ 28 กันยายน 2553 10:11:43 น.
Location :
กาญจนบุรี Norway
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [? ]
มิตรดี มีเพียงหนึ่ง ถึงจะน้อย ยังดีกว่า มิตรร้อย คอยคิดริษยา เหมือนเกลือหนึ่ง กำน้อย ด้อยราคา ยังดีกว่า น้ำเค็ม เต็มทะเล ...เป็นคนใจดี ที่ไม่เรื่องมาก แต่มากเรื่อง 555