Minimal...my minimal packing lists.
Buon giorno. สวัสดีอีกครั้งค่ะ ช่วงนี้ขยันเข้ามาเขียนบล็อกต่อจากเมื่อวาน วันนี้จะเล่าเรื่องการแพ็คกระเป๋าเดินทางกลับไทยค่ะ ปกติแล้วการกลับไทยแต่ละครั้งนั้น น้ำหนักกระเป๋าของอิชั้นจะไม่เคยเกิน 15 กิโลกรัม เหตุเพราะอิชั้นนั่งรถไฟต่อรถบัสไปสนามบินเอง ไม่มีใครไปส่ง เพราะไม่อยากให้คุณสามียุ่งยากต้องลางานขับรถเป็นร้อยกิโลจากบ้านไปสนามบินมิลาน Maplpenza นั่งรถไปเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร กระเป๋าเดินทางเลยต้องไม่มีน้ำหนักมาก ลากเองได้สบายๆ อย่างในรูปค่ะ
น้ำหนักกระเป๋าครั้งนี้อยู่ที่ 13 กิโลกรัม ในถุงผ้านั้น แต่ละถุงจะแยกประเภท เช่น เสื้อผ้าถุงนึง (แค่สองสามชุด) ชุดว่ายน้ำ(เอาไปสามชุด) ชุดชั้นในสามสี่ชุด ที่เหลือเป็นของฝากอย่างผงกาแฟ ช๊อคโกแลต(นี่คือตัวการที่ทำให้กระเป๋าหนักขึ้นกว่าสิ่งใด) ถุงใส่รองเท้าหนึ่งคู่ และกระเป๋าใส่เครื่องสำอางค์ ซึ่งมีแค่ไม่กี่ชิ้นเพราะไม่ได้เป็นคนแต่งหน้าแต่งตาอะไรมากนัก
ส่วนเป้สะพายหลังขึ้นเครื่องนั้น มีโน๊ตบุ๊คหนึ่งเครื่อง (คราวหน้าคงไม่แบกไปแล้วละ เพราะแทบไม่ได้ใช้เลย) และถุงผ้าหนึ่งถุง ใส่เดรส ถุงน่อง ชุดชั้นในหนึ่งชุด(พกไปหนึ่งเซ็ตเผื่อเสื้อผ้าที่ใส่อยู่เปียกน้ำเปียกกาแฟบนเครื่อง จะได้มีเปลี่ยน) แปรงสีฟันยาสีฟัน เจลแอลกอฮอล์ หน้ากากอนามัย เครื่องใช้ส่วนตัวทำนองนี้แหละค่ะ แต่ที่ขาดไม่ได้เลย ห้ามลืมนะคะ บัตรเครดิตค่ะ 555 ของมันต้องมี
การแพ็คของกลับไทยเนี่ย เป็นอะไรที่สบายใจที่สุด เอาแต่เสื้อผ้าเบาบาง รองเท้าแตะเบาๆใส่สบายๆ บิกินี่สวยๆ เหมือนไปพักผ่อนชายทะเล ชิลล์ๆ
อิชั้นถึงไทยต้นเดือนธันวาคม ในช่วงที่มี test and go กักตัวหนึ่งคืนและตรวจโควิดหนึ่งรอบ เลือกที่จะกักตัวที่พัทยาค่ะ โรงแรม Citrus Grande ตรงพัทยาใต้ ใกล้ๆกับถนนที่จะขึ้นเขาพระตำหนัก สองแถวสิบบาทวิ่งผ่าน ค่าที่พักบวกค่าอาหารสองมือ รวมค่ารถจากสุวรรณภูมิมาพัทยา รวมค่าตรวจโควิดอยู่ที่ราวๆสี่พันบาท ถือว่าโอเค ราคาไม่ได้สูงเว่อร์ ถ้าเทียบกับบริการที่ได้รับจากโรงแรม ห้องพัก พนักงานอะไรก็ให้ผ่าน สมราคาที่จ่ายไปแล้วค่ะ
ข้ามขั้นตอนการเข้าประเทศจากสนามบินไปเลยละกัน ขี้เกียจเล่าเรื่องมันยาว 555 ก็ปกติแหละ ลงเครื่องมาเจอเจ้าหน้าที่ตรวจเอกสารต่างๆนานาๆ รับกระเป๋า เดินออกมาข้างนอกมีเจ้าหน้าที่มาถามว่าโรงแรมอะไร ก็เดินไปนั่งรอรถ นั่งรถ(คนเดียวโดดๆไม่รวมกับใคร)ไปพัทยาหนึ่่งชั่วโมงนิดๆถึงโรงแรม มีเจ้าหน้าที่มารอแหย่จมูกทันที เข้าห้องพัก มีของว่างเบาๆให้ทานเล่นก่อนมื้อเย็น
หนึ่งทุ่มมื้อเย็นก็มาวางหน้าห้อง เลือกเมนูอาหารไทย ได้แกงเขียวหวานมากิน ก็อร่อยดีค่ะ หลังจากนั้นก็หลับยาวๆไปจนถึงตีสอง ตื่นมาตีสองเพื่ออะไร และเป็นอย่างนี้ไปหลายวัน ได้แต่นอนกลิ้งไปมาบนเตียง หลังๆดีขึ้นไม่ตื่นกลางดึก แต่ตื่นหกโมงเช้าทุกวันเลยค่ะ สายๆโทรไปทวงอาหารเช้า ทำไมไม่เอามาส่ง สงสัยลืม!!! ได้ข้าวต้มมากิน ก็อร่อยอีก หิวแหละ ดูออก 555 เขียนมายาวเหมือนกันแฮะ แค่นี้ก่อนค่ะ เดี๋ยวกลับมาเล่าใหม่นะคะ ^__^
ฝากไว้ให้คิด
"I travel light. I think the most important thing is to be in a good mood and enjoy life, wherever you are." by Diane Von Furstenberg
Create Date : 16 เมษายน 2565 |
Last Update : 16 เมษายน 2565 17:53:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 302 Pageviews. |
|
|
|