ฟ้อนสาวไหม
ฟ้อนสาวไหม เป็นศิลปะการฟ้อนของทางภาคเหนือเกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงรายโดยพ่อกุย สุภาวสิทธิ์ ได้แนวความคิดจากวิธีการปลูกต้นหม่อนเก็บฝ้ายสาวไหม และทอผ้าของชาวบ้านในเวลานั้น ท่ารำใช้ท่าฟ้อนดาบ และฟ้อนเจิงมาปรับปรุง และประดิษฐ์ท่าฟ้อนขึ้นใหม่ เรียกว่า ฟ้อนสาวไหม ใช้ฆ้อง กลองและฉาบเป็นเครื่องประกอบจังหวะ ต่อมาพ่อกุย ได้ถ่ายทอดท่าฟ้อนสาวไหมให้แก่บุตรสาวคือนาวบัวเรียว รัตนมณีพรณ์ (สุภาวสิทธิ์) ครุฟ้อนประจำวัดศรีทรายมูลจังหวัดเชียงราย นางพลอยศรี สรรพศรี ครูนาฏศิลป์ โรงเรียนเชียงรายวิทยาคมช่างฟ้อนเก่าในคุ้มเจ้าแก้วนวรัฐ เห็นการแสดงฟ้อนสาวไหนก็เกิดการสนใจเมื่อมีโอกาสมาพบกันก็ได้ปรับท่าฟ้อนกับนางบัวเรียว โดยได้แทรกลีลาท่ารำนาฏศิลป์ไทยเข้าไป ปี พ.ศ.๒๕๑๔ กรมศิลปากรได้เปิดโรงเรียนนาฏศิลป ส่วนภูมิภาคแห่งแรกขึ้นที่จังหวัดเชียงราย (ปัจจุบัน คือ วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่)มีนโยบายที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ ธำรงรักษาศิลปะพื้นเมือง และเสาะแสวงหา รวบรวมศิลปะพื้นเมืองที่กำลังจะสูญหายไป ฟ้อนสาวไหมจึงเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่งที่วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่พยายามสืบเสาะหาเพื่อนำมาผดุงรักษาไว้ในปี พ.ศ.๒๕๑๘ ก็ได้เชิญนางพลอยศรี สรรพศรีมาถ่ายทอดท่าฟ้อนสาวไหมให้แก่คุณครูนาฏศิลป์ละคร ๓ คน คือ นางสาวฉวีวรรณ สบฤกษ์(นุชนวล) นsางสาวอัจฉรา สุภาไชยกิจ และนางสามปอยดงเครือนันตา ต่อมาวิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ เชิญนางคำ กาไวย์ มาสอนการตีกลองสะบัดชัยนายคำเป็นผู้มีความรู้ และความสามารถสืบเสาะหาวิธีฟ้อนสาวไหมได้ทั้งชายและหญิงดังนั้นทางวิทยาลัยจึงได้ปรับปรุงท่าของนางพลอยศรี และท่าของนายคำเข้าด้วยกันให้มีลีลาอ่อนช้อย สวยงาม โดยอยู่ในความควบคุมของนางสาวประนอม ทองสมบุญอดีตผู้อำนวยการวิทยาลันนาฏศิลปเชียงใหม่ นิยมแสดงมาจนถึงปัจจุบันซึ่งใช้ผู้หญิงแสดงล้วน รูปแบบ และลักษณะการแสดง ฟ้อนสาวไหม เป็นการฟ้อนด้วยท่ารำตามทำนองเพลงในจังหวะช้า ความงดงามของการรำฟ้อนสาวไหมจะอยู่ที่กระบวนท่ารำในลักษณะต่างๆ ที่มีความหมายถึงกรรมวิธีการทอผ้าไหมรวมทั้งความสวยงามของการใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกายให้มีความกลมกลืนกับท่ารำ อาทิการตีไหล่ การโย้ตัว และมีการแปรแถวในลักษณะต่าง ๆ
Create Date : 18 มกราคม 2552 |
|
9 comments |
Last Update : 9 มกราคม 2560 20:57:56 น. |
Counter : 6063 Pageviews. |
|
|
|
ยินดีรับคำติชมค่ะ