ปฐมบท-สุดยอดกุนซือสามก็ก-กุยแก
สวัสดีครับผม
กลับมาพบกันตามคำเพรียกหาครับ (ใครเรียกเอ่ย) วันนี้ผมก็เปิดประเด็นเอาฤกษ์งามกันด้วยสุดยอดอภิมหากุนซือคนแรกครับ เขาคือ คนที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในความยิ่งใหญ่อลังการแห่งทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในไตรก็ก
กุนซือ กุยแก ครับ ท่านมีชื่อรองว่าฟ่งเซี่ยว เป็นบัณฑิตหนุ่มท่าทางงามสง่า ว่าที่จริงกุยแกไม่ใช่คนเดียวแห่งวุยจ็ก เนื่องจากจ็กมีขนาดเป็นนครรัฐขนาดใหญ่มาก-มาก แต่หากขาดซึ่งวาจาสิทธ์ของกุนซือท่านนี้แล้วไฉน มหาอุปราชโจโฉจะมได้เถลิงอำนาจยาวนานและมั่นคงเยี่ยงนั้น
เนื่องวันนี้เป็นตอนแรกผมเลยต้องเรียนขออนุญาตผู้อ่านยังไม่ก้าวเขตพรมเเดนของศึกรบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งก็กวุย นั่นคือ ศึกกัวต๋อนะครับ
ดังนั้นกลยุทธฟ้าประทานอันสำคัญของท่านกุนซือผู้นี้ ดั่งเช่น ดูไฟให้ใจเย็น ยังขอเก็๋บงำประกายกลศึกดั่งนี้ไว้ก่อน เพื่อความบันเทิงใจทั้งผู้เขียนและผู้อ่านสืบไปนานๆครับ
วันนี้ก็ขอกล่าวเรียกแขกกันแบบขำปนชิว หน้าไม่นิ่งคิ้วไม่ขมวดกันด้วย
คุณสมบัติสิบการบริหารบุคคลสไตล์กุยแก
หลายท่านที่อ่านสามก็กไปแล้วคงประทับใจกับ "การดูคนอันเด็ดขาด"ของกุนซือท่านนี้ในการเทียบเปรียบบุคคลสำคัญของยุคนั้นสองท่านอย่างอ้วนเสี้ยวเเละโจโฉ
อันที่จริงเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากครับ ไม่ว่าจะในสังคมไหน เวลาใดก็ตาม ไม่ว่าท่านจะอยู่ในสถานะใดก็ตาม ก็พิเคราะห์คนให้เด็ดขาด อ่านให้ลึกถึงอิด(ID)และซุเปอร์อีโก้ของคนนั้น ว่าตัวตนเป็นอย่างไรให้ถ่องแท้
ในสามก็กเองถ้าอุปราชโจโฉไม่ได้รับวาทะศิลป์ในการเกลี้ยกล่อมจากกุนซือท่านนี้ อาจหมดกำลังใจไปแล้วก็เป็นได้ (รายละเอียดจะตามมาในภายหน้าครับ )
ข้อเริ่ม อ้วนเสี้ยวเป็นคนบ้ายศ หมายถึงไม่ยอมฟังคำแนะนำจากคนชั้นผู้น้อย ทีี่ไร้ยศศักดิ์ ส่วนโจโฉไม่ว่า-ใครจะมาจากไหน หากความเห็นนั้นเป็นที่ประจักษ์แห่งพลานุภาพโจโฉยินดีเปิดใจเสมอ เปรียบได้กับห้วงเวลาปัจจุบันคนเรานั้นดูที่การศึกษาแทนยศศักดิ์ หากจบจากสถาบันที่ได้รับความนิยมแล้ว โอกาสที่ความเห็นจะได้รับการโปรโมทมีอยู่สูง รวมทั้งมุมมองที่ต้องมีใบเซอร์ชั้นเยี่ยมเป็นเครื่องการันตี อันที่จริงนั้นการมีใบรับรองผลการศึกษาชนิดประเภทต่าง ๆล้วนแต่มีความสำคัญเสมอครับ -ผมแค่กำลังนำเรียนว่าสังคมรุ่นใหม่นั้นเน้นการศึกษาเหมือนเป็นอาภรณ์อันหรูหรา ไม่ต่างกับการอวยยศเช่นนั้น โดยขาดการประจักษ์ซึ่งคุณภาพเชิงการศึกษาอันแท้จริง อันได้แก่ ความรักที่จะเรียนรู้(PILOSOPHY) แต่กลับรักที่จะทำเงินมากกว่า
กลยุทธในการดูคนด้วยความคิด อันนี้แหละทำให้โจโฉ รวบรวมคนเก่งได้มากมายเหลือขนาด (แม้ซุนฮกซึ่งผมเห็นว่าไม่น่าจะเห็นด้วยกับแนวทางของโจโฉก็ตาม หรือแม้แต่กวนอูซึ่งแม้ไม่ได้ตัวไว้ แต่ก็ซื้อใจได้น้องๆเล่าปี่)
ขอต่ออีกสักข้อเลยครับ อันอ้วนเสี้ยวเป็นผู้ทำการหยาบ-ด้วยโวหาร อันนี้หมายถึงอ้วนเสี้ยวเป็นคนพูดจาไม่น่าไว้ใจ ต่างกับโจโฉที่กระทำการใดไม่อ้อมค้อม ตรงไปตรงมากกว่าอย่างชัดเจน ซึ่งตรงนี้มาจากบุคคลิกของโจโฉเองมากกว่าจะเป็นกลยุทธ
เนื่องจากโจโฉนั้นเป็นทหารกล้ามาตั้งแต่เเรก แต่อ้วนเสี้ยวนั้นอยู๋ในตระกูลใหญ่ที่มีแต่คุณสมบัติของนักการเมือง การพูดจาแบบกลับกลอกตามผลประโยชน์ของอ้วนเสี้ยวนั้น เป็นกลไกการป้องกันตัวทางจิตของคนชั้นผู้นำ(rationallization) ด้วยการใช้เหตุผลที่ตนมั่นใจโดนไม่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริง
ขณะที่โจโฉนั้นพร้อมรบทุกสถานการณ์ เนื่องเป็นคนที่มีAQ(Adversity Quotient)สูง เห็นได้จากความรับผิดชอบปัญหาแบบOwnership (บางทีติดจะวันเเมนโชว์)
ดังนั้นโวหารของโจโฉจะออกแนวกล้าทำกล้ารับผิดชอบ แบบนี้ลูกน้องที่ไหนก็เทใจครับ เพราะความเป็นOriginal ที่ไม่โทษสิ่งใด นอกจากความรับผิดชอบตามเนื้องาน โดยความเป็นโจโฉ-ผู้ไม่ยอมให้โลกทรยศ (แต่โจโฉก็มีตัวนี้มากเกิน)ซึ่งจะได้วิเคราะห์กันในภายหน้าเมือกล่าวถึงบทบาทของบุรุษผู้นี้ครับ
จึงพอกล่าวโดยสรุปได้ว่า แค่สองข้อเเรกใน"การใช้คนให้เป็นที่พอใจ กับทำตนให้เป็นที่พอใจ" ผู้นำอ้วนเสี้ยวก็พ่ายโจโฉมหาอุปราชไปแบบไม่ต้องรบแล้วนะครับ
พบกันใหม่ตอนหน้าครับ
Create Date : 10 กรกฎาคม 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 20:35:32 น. |
Counter : 1495 Pageviews. |
|
|
|