|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
มิตซูมิแห่งความหลัง
โดย ลืมชื่อ (เดี๋ยวจะเอามาบอก)
เมื่อราวๆปี 2532 ผมได้ทำงานอยู่บนเรือรับส่งสินค้าทั่วไป (เจนเนรัล คาร์โก้) เป็นเรือรับส่งสินค้าระหว่างประเทศ สินค้าส่วนใหญ่เป็นพวกพืชผลการเกษตร มีมันสำปะหลังอัดเม็ด,น้ำตาลดิบ,ถั่วเขียว,ข้าวโพด ฯลฯ ผมใช้ชีวิตอยู่กินนอนอยู่บนเรือสี่ปีกว่าๆจึงจะถอนสมอขึ้นมาอยู่บนบกอย่างถาวร ผมยังจำครั้งแรกที่ลงเรือได้ดี ความรู้สึกว่าเรืออะไรมันช่างใหญ่โตมโหฬารเสียเหลือเกิน
งานแรกที่ทำในเรือคือตำแหน่งสจ๊วต หน้าที่ทั่วๆไปก็คือดูแลเจ้านายระดับสูงอย่างกัปตัน ต้นเรือ ต้นหน ผู้ช่วยต้นเรือ งานซักผ้าปูที่นอน เก็บที่นอน กวาดถูเช็ด จัดโต๊ะอาหาร หน้าที่อีกอย่างก็คือคอยดูแลเรื่องอาหารต่างๆในเรือ เวลาเรืออกเดินทางครั้งหนึ่งจะมีผู้ร่วมเดินทางประมาน 36 40 คน ปกติจะเป็นผู้ชายล้วนๆ ยกเว้นบางเที่ยวจะมีผู้โดยสารบ้าง ส่วนใหญ่ก็เป็นคนในครอบครัวของคนเรือหรือคนที่บริษัท ภาพที่ยังประทับใจอยู่ในความทรงจำทุกวันนี้ก็คือความสวยงามของธรรมชาติยามเช้าของท้องทะเล วันแรกที่เรือออกจากท่าเรือคลองเตย เมื่อถึงปากอ่าวฟ้าก็สว่างพอดี เห็นฝูงนกนางนวลออกหากินเป็นฝูงปลาโลมาโดดเล่นข้างเรือ รู้สึกมีความสุขอิ่มเอิบไปหมด เช้าวันนั้นผมออกจากห้องส่วนตัวไปยืนดูที่ท้ายบาหลีของเรือ เมืองแรกที่เรือเข้าไปแล้วสร้างความประทับใจให้แก่ผมไม่รู้ลืมคือเมืองมิตซูมิ ประเทศญี่ปุ่น เป็นหมู่บ้านเล็กๆมีท่าเรือเล็กๆที่เรือสินค้าจอดได้ครั้งละ 2 ลำ เวลาเกือบห้าปีที่ผมเดินทางไปที่เมืองโน้นเมืองนี้มากมาย แต่สิ่งที่ประทับใจของผมกลับอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งนี้
อันดับแรกที่จำติดตาคือสภาพภูมิประเทศหลังท่าเรือเป็นทิวเขากับป่า อาชีพหลักของชาวบ้านแถวนั้นคือประมงกับเกษตร ที่นั่นจะมีซุปเปอร์มาเก็ตเล็กๆชื่อร้านไดเอะ จะเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน มีร้านเล่มเกมปาจิงโกะอยู่หนึ่งร้าน ทั้งหมู่บ้านจะมีภัตตาคารอยู่สองแห่ง เรือจอดที่นี่ครั้งละสามวันถึงห้าวัน ชาวบ้านที่นี่เวลาไปไหนมาไหนยังใช้จักรยาน วิถีชีวิตเรียบง่ายสบายๆไม่รีบร้อน เวลาทำงานของผมส่วนใหญ่จะอยู่บนเรือในตอนกลางวัน หลังจากห้าโมงเย็นไปแล้วจึงจะออกเที่ยว ก็เริ่มจากเล่นปาจิงโกะ เป็นเกมที่มีได้มีเสีย ต่อจากนั้นจะไปนั่งที่ร้านบะหมี่เป็นเพิงเล็กๆมีม้ายาวสำหรับนั่ง เริ่มดื่มเบียร์ที่ร้านบะหมี่ เบียร์ของเขาเป็นซอฟท์ดริ๊งค์ ไม่เหมือนเบียร์บ้านเรา กินเบียร์เหมือนกินโซดารสชาติมันจืดๆ และก็ไม่ได้แช่จนเป็นวุ้นเพราะอากาศที่นั่นหนาวอยู่แล้ว พูดถึงดินฟ้าอากาศของที่นั่นก็แปลก ถ้าวันไหนฝนตกลงมาก็เป็นอันว่าทั้งวันไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว จะตกตั้งแต่เช้ายันค่ำหรือไม่ก็ตกทั้งวันทั้งคืนเลย เมื่อได้เข้ามาที่นี่บ่อยครั้งก็เริ่มรู้สึกผูกพัน เพราะไปรู้จักกับเจ้าของบาร์คนหนึ่งซึ่งเราไปดื่มกินที่ร้านเขาบ่อยๆ ตอนนี้จำชื่อร้านไม่ได้แล้วจำได้แต่ชื่อเธอคือ มาโยดะ มิชิโกะ ร้านเธอเป็นแบบซาลูนกึ่งๆเรสเตอร์รองต์ จะมีเครื่องดนตรีครบชุด ร้องเพลงเล่นได้ บรรยากาศอยู่ติดกับทะเล มีถนนคั่นอยู่เส้นเดียว เป็นถนนเลียบทะเลมีเขื่อนกั้น เธอเป็นเจ้าของร้านที่เป็นกันเองกับลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะคนไทย อายุเธอราวสามสิบเศษๆในขณะที่ผมยี่สิบเศษ หน้าตาที่มองแว่บเดียวก็รู้ว่าเป็นชาวญี่ปุ่น ไว้ทรงผมบ๊อบสั้นๆแค่ท้ายทอย ที่จดจำลักษณะเธอเป็นพิเศษเธอเป็นคนที่มีน้ำใจและเป็นมิตร เวลาไปที่ร้านนี้ทีไรผมจะชอบร้องเพลง โซรัน บูชิ สุกี้ยากี้ ฯลฯ
และในที่สุดมันก็เหมือนเรื่องของคนเหงาในต่างแดนอะไรทำนองนั้น หลังจากที่ได้พบปะพูดคุยกับเธอหลายครั้งหลายหนจนคุ้นเคยกันพอสมควรแล้ว ปีนั้นตรงกับปี 2534 ผมมีปัญหากับแฟนที่กรุงเทพฯ ยังไม่ทันจะเคลียร์กันผมก็ต้องออกเรือ โทรมาง้อเธอเท่าไรเธอก็ไม่ยอม เรือจอดท่าแรกก็ที่มิตซูมิเหมือนเคย
และก็เหมือนๆกับทุกๆครั้งที่ผมมาถึงมิตซุมิผมต้องมานั่งที่ร้านของเธอ และเป็นครั้งแรกที่ผมสั่งสาเกยกไห เพราะส่วนใหญ่จะสั่งเป็นเหยือก เธอก็เข้ามาพูดคุย วันนั้นผมก็ขอให้เธอเปิดเพลง broken heart , yesterday onec more, woman in love, heart to say I am sorry ฯลฯ แต่ละเพลงฟังแล้วเศร้าๆซึ้งๆทั้งนั้น
เธอเข้ามาพูดคุยด้วยซักถามว่าเป็นอะไร ผมเล่าความจริงให้เธอฟัง เธอก็เข้ามานั่งสนทนาและร่วมดื่มกินด้วยเป็นเพื่อน และคืนนั้นผมนั่งอยู่กระทั่งร้านปิด เธอบอกว่าจะปิดร้านแล้ว ผมบอกว่าผมกลับไม่ไหว เธอก็บอกให้นอนเสียที่นี่ บ้านเธอก็คืออยู่ที่หลังร้านนี่เอง
เท่าที่จำได้คือเธอเอาผ้าอุ่นๆมาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ สัมผัสที่นุ่มนวลปลอบปละโลมผมรู้สึกอบอุ่นอย่างมีความสุขเหมือนเคลิ้มฝัน มีสติรู้ตัวอีกครั้งก็ตื่นขึ้นมาพบว่าผมกับเธอนอนอยู่ใต้ผ้าห่มไฟฟ้าแต่ไม่มีเสื้อผ้าติดกายทั้งคู่
ตอนเช้าเธอทำอาหารเช้าให้แล้วเธอก็มาส่งผมที่เรือ ไม่น่าเชื่อว่าการที่รู้จักกันและได้พบหน้ากันตั้งสิบกว่าครั้งพูดคุยกันหลายครั้งหลายหน ไม่สนิทชิดเชื้อเท่ากับนอนด้วยกันครั้งเดียวสัมพันธ์ภาพดูเหมือนว่าแน่นแฟ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็คบหากันเรื่อยมา เธอเคยมาเที่ยวเมืองไทยผมก็พาเที่ยว กระทั่งผมเลิกงานเรือ ความห่างไกลและวิถีชีวิตทำให้เราขาดการติดต่อกัน
ทุกวันนี้ผมมาขายของเก่า และส่วนหนึ่งในสินค้าของผมก็คือแผ่นเสียง ผมเพิ่งได้เพลง Living on jet plain ของ Peter paul and marry แผ่นนี้ผมเพิ่งได้มา พอเปิดฟังครั้งแรกก็คิดถึงเธอขึ้นมาอย่างจับใจ เพราะวันที่ผมไปร้านเธอครั้งแรกเธอเปิดเพลงนี้ให้ผมฟัง และครั้งสุดท้ายที่ไปร้านนั้นเธอก็เปิดเพลงนี้ให้ฟัง นี่ผมเพิ่งได้แผ่นนี้มา แผ่นนี้ผมขอเก็บไม่ขายหรอก อย่างน้อยเอาไว้ฟังระลึกความหลังเล่นๆ
-----------------------
Create Date : 08 ตุลาคม 2548 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2548 12:18:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 670 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|